"อัลฟ่า!"
เสียงตะโกนเรียกดังลั่นขึ้น แต่กลับไม่อาจส่งไปถึงเจ้าของชื่อได้ เมื่อตรงหน้ามีกำแพงสีทองขวางกั้นอยู่ ชิโนบุพยายามดิ้นให้หลุดจากปลายหางที่พันอยู่รอบตัว แต่กลายเป็นว่ายิ่งดิ้นมันก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นจนแทบขยับตัวไม่ได้
"หลุดสิ"
เสียงสบถดังขึ้นต่อจากนั้นอีกหลายคำ หัวคิ้วทั้งสองข้างกดแน่นเมื่อรู้สึกเจ็บแผลตรงสีข้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามจะดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากพวงหางของนางจิ้งจอก
ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งไปยังอีกฝากของกำแพงเวทย์ มองเห็นลาง ๆ เป็นกลุ่มพลังสีแดงที่พุ่งเข้าชน จนรอยร้าวยิ่งกระจายตัวไปทั่วกำแพงโปร่งแสงสีทอง ทั้งยังส่งเสียงครืดคราดอย่างน่ากลัว จนแม้แต่นางจิ้งจอกที่ยืนมองอยู่ก็ยังเริ่มมุ่นหัวคิ้วเข้า
ครืน!
เสียงราวฟ้าถล่มดังขึ้น เมื่อสุดท้ายกำแพงเวทย์สีทองก็พังทลายลงจากการพุ่งชนอย่างสุดตัวของกลุ่มพลังสีแดงที่แผ่จิตสังหารออกมา จนพวกองเมียวจิและภูตตนอื่นที่อยู่รอบบริเวณ ยิ่งกระจายตัวหนีออกไปไกลยิ่งขึ้น
กรรรรร
เสียงขู่คำรามดังออกมาจากภายในกลุ่มพลังสีแดงที่ยังคงปกคลุมอยู่รอบตัวของอัลฟ่าอย่างแน่นหนาจนมองไม่เห็นข้างใน แต่กลับรับรู้ได้ถึงระดับพลังมหาศาลที่แผ่กระจายออกมา
"....."
ชั่วอึดใจที่กลุ่มไอสีแดงค่อย ๆ จางลง ตัวตนที่แผ่แรงกดดันออกมาข่มขวัญภูตตนอื่นก็ปรากฏสู่สายตา...
ร่างสี่เท้าขนาดใหญ่ของจิ้งจอกสีขาวปรากฏขึ้น ที่ด้านหลังมีพวงหางทั้งเก้าสะบัดไหว ดวงตาทั้งสองข้างแดงฉานไม่ต่างจากริ้วสีแดงสองเส้นที่ตวัดยาวไปถึงหางตา
เพียงเท้าหน้ากระทืบลงบนพื้นเบา ๆ ไอพลังสีแดงก็แผ่กระจายออกไปทำลายกำแพงสีทองที่หลงเหลืออยู่ให้แหลกละเอียดไปทั้งหมด
กรรรรร
เสียงขู่คำรามต่ำ ๆ ดังขึ้นในลำคอ ก่อนเจ้าตัวจะแหงนหน้าขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็นร้องคำรามดังลั่นด้วยความเกรี้ยวกราด ไอพลังรอบตัวกลายเป็นสีแดงเข้มข้นขึ้น ทั้งดุร้าย ทั้งอันตราย สร้างความหวาดกลัวต่อทุกชีวิตที่อยู่โดยรอบ
"อัลฟ่า"
เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ดวงตาสีแดงฉานหันไปมอง ประกายแข็งกร้าวในดวงตาอ่อนลงวูบหนึ่งเมื่อเห็นคนสำคัญของตัวเอง ก่อนจะกลับมาดุร้ายเช่นเดิมเมื่อได้ยินเสียงร้องคำรามจากนางจิ้งจอก
ดวงตาสีแดงและสีทองจดจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ชั่วขณะหนึ่งที่ทุกสิ่งหยุดนิ่งไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว ไอวิญญาณในอากาศพลันเข้มข้นขึ้น แล้วเพียงอึดใจต่อจากนั้น การต่อสู้ก็ถูกเปิดฉากขึ้นอย่างน่าหวาดหวั่น
เพียงชั่วพริบตาที่ปลายหางสีขาวตวัดเข้าใส่ ร่างระหงของหญิงสาวก็กระโจนหลบไปอีกทาง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกสีทองที่มีขนาดเล็กกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมากลับไม่น้อยหน้ากัน
ภาพหายากของจิ้งจอกเก้าหางสองตนพุ่งเข้าห้ำหั่นกัน ทำให้ทั้งภูตและองเมียวจิโดยรอบยิ่งกระจายตัวห่างออกไปมากขึ้น เพราะหวั่นผวากับจิตสังหารและแรงกดดันที่แผ่ออกมา
นางจิ้งจอกปล่อยร่างของชิโนบุลงกับพื้น ก่อนจะสร้างเป็นเกราะสีทองขึ้นครอบเจ้าตัวไว้ไม่ให้หนีไประหว่างที่นางต่อสู้
เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นพร้อมแรงสั่นสะเทือนจากต้นไม้บริเวณโดยรอบที่หักโค่นลง เพราะการต่อสู้ที่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ พวงหางสีทองฟาดเข้าใส่ร่างสีขาวที่พุ่งตัวเข้ามา หากแต่จิ้งจอกหนุ่มก็พลิกตัวหลบได้ทัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายพุ่งเข้าขย้ำ ฝังคมเขี้ยวลงบนลำคอของนางจิ้งจอกจนเสียงกรีดร้องดังลั่น
ร่างสีทองดิ้นพล่านด้วยความเจ็บ ก่อนจะตวัดกรงเล็บเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่าย จนเลือดสีสดไหลออกมาอาบย้อมขนสีขาวให้กลายเป็นสีแดงฉาน
กรรรร
เสียงคำรามดังขึ้นเพราะความเจ็บจากบาดแผลที่ได้รับ ก่อนที่ร่างสีขาวจะยอมปล่อยคมเขี้ยวออกจากลำคอของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังฟาดปลายหางเข้าใส่จนนางจิ้งจอกต้องพลิกตัวหลบไปอีกทาง
ไอพลังสีทองแผ่กระจายออกมาจากตัวนางจิ้งจอก พร้อม ๆ กับไอพลังสีแดงที่พุ่งเข้าปะทะตรง ๆ จนเกิดเป็นสายลมแรงพัดพาทุกสิ่งให้ปลิวว่อน เพราะแรงสะท้อนของพลังบางส่วนที่หลงเหลือจากการหักล้างกันเองของพลังวิญญาณทั้งสอง
"....."
ร่างปราดเปรียวสีทองถอยห่างไปเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยให้ตนเอง เนื่องจากระดับพลังของศัตรูมีมากกว่าที่นางคิดไว้ ในหัวพยายามคิดหาทางออกมากมาย เพราะรู้ดีว่าตัวนางยังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ เป็นเพราะเพิ่งออกมาจากผนึกร่างกายของนางจึงเคลื่อนไหวได้ไม่ดีนัก ทั้งพลังวิญญาณยังลดลงจากการถูกสะกดไว้เป็นเวลานาน
ไม่ว่าจะคิดยังไง ตอนนี้นางก็ตกเป็นรองทุกทาง
เสียงคำรามขู่เล็ดลอดออกมาจากในลำคอของนางจิ้งจอกตลอดเวลา พวงหางทั้งเก้าสะบัดส่ายอย่างพร้อมจู่โจมทุกเมื่อหากมีสิ่งใดผิดปกติ ดวงตาสีทองกวาดมองโดยรอบ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มในเกราะสีทองของตัวเอง
พลังวิญญาณ...
หากพลังวิญญาณเพิ่มขึ้น นางก็จะออกไปจากตรงนี้ได้ง่ายขึ้น!
ไวเท่าความคิด ร่างสีทองกระโจนพรวดเดียวก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเหยื่อของนางพร้อมกับเกราะสีทองที่เลือนหายไป...
เฮือก!
เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ชิโนบุทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการรีบขยับหลบไปอีกทางเมื่อเห็นกรงเล็บที่ตวัดลงมา แบบลืมสิ้นทุกอย่างทั้งอาคมและชิคิงามิที่ตัวเองมี
"อึก!"
เสียงสะอื้นดังขึ้นเบา ๆ จากความเจ็บ เมื่อถูกปลายกรงเล็บเกี่ยวแขนไปเพราะหลบไม่พ้น หยาดน้ำใส ๆ ไหลซึมออกมาตรงหางตา เมื่อรู้สึกปวดระบมไปทั่วทั้งตัวจากทั้งแผลเก่าและแผลใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ยังอยู่ในช่วงอันตราย ชิโนบุเลยจำต้องกัดฟันฝืนลุกขึ้นเพื่อหลบไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยกว่านี้ หากแต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหน เงาดำขนาดใหญ่จากร่างของนางจิ้งจอกก็พุ่งเข้ามา...
".....!"
คนที่ควรจะส่งเสียงร้องเพราะความเจ็บ ได้แต่ลดมือที่ยกขึ้นมากันตรงหน้าของตัวเองลง เมื่อร่างของนางจิ้งจอกที่พุ่งเข้ามาเกือบจะถึงตัว กลับถูกร่างสีขาวตามมาขย้ำขาหลังข้างขวาแล้วเหวี่ยงตัวนางไถลพื้นไปชนต้นไม้ใกล้ ๆ จนหักโค่น
เลือดจากบาดแผลไหลเป็นทางอาบย้อมทุกอย่างให้กลายเป็นสีแดง ไม่ต่างจากดวงตาของจิ้งจอกหนุ่มที่ยิ่งกลายเป็นสีแดงฉานเพราะความโกรธ
ร่างสี่เท้าขนาดใหญ่ยืนขวางหน้าชิโนบุไว้ พร้อมส่งเสียงขู่คำรามใส่นางจิ้งจอกด้วยความเกรี้ยวกราด ดวงตาทั้งสองข้างเรืองแสงสีแดงขึ้นมาวูบหนึ่งด้วยความอาฆาต แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรลงไป ก็ต้องหยุดตัวเองไว้เมื่อรู้สึกถึงมือเล็ก ๆ ที่แตะลงบนขา
"อัลฟ่า"
เพียงแค่เสียงเรียกดังขึ้น แววตาเจ้าของชื่อก็ทอดอ่อนลงในทันที ใบหน้าโน้มลงเล็กน้อยเพื่อจะได้ฟังเสียงของเจ้าตัวได้ชัดขึ้น หากแต่จิตสังหารที่ส่งให้นางจิ้งจอกกลับไม่ลดน้อยลง ซ้ำยังเพิ่มแรงกดดันยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นว่านางเริ่มลุกขึ้นมาประจันหน้ากันอีกครั้ง
"ฉันจะสร้างวงเวทย์ผนึก มันอาจจะไม่แข็งแรงมากแต่น่าจะพอกักตัวนางได้สัก 6-7 ชั่วโมง"
พูดไปชิโนบุก็ใช้มือกดแผลที่สีข้างของตัวเองไปด้วย ดวงตาคู่สวยจ้องมองนางจิ้งจอกที่ยิ่งได้รับบาดเจ็บก็ยิ่งแผ่จิตสังหารออกมารุนแรงกว่าเดิม
ผนึกของเขายังเทียบพ่อกับปู่ไม่ได้ แค่มองจากตาก็รู้แล้วว่าพลังของนางจิ้งจอกเก้าหางมากมายขนาดไหน ลำพังพลังของเขาคงกักตัวนางได้ไม่เกินกว่าที่บอกไป แต่ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าน่าจะดีกว่าปล่อยให้นางอาละวาดอยู่แบบนี้ ต่อให้หลังจากนั้นนางจะหลุดออกมาอีก แต่พ่อกับปู่หรือผู้นำตระกูลคนอื่นก็น่าจะกลับมาช่วยผนึกซ้ำได้ทัน
"ระหว่างนั้นนายช่วยถ่วงเวลาให้ก่อนนะ"
'อืม'
อัลฟ่าไม่เคยมีคำคัดค้านใด ๆ กับสิ่งที่คนสำคัญของตัวเองพูดอยู่แล้ว ถ้าชิโนบุบอกให้ถ่วงเวลาเขาก็จะถ่วงเวลาให้ หรือต่อให้เจ้าตัวจะบอกให้เขาฆ่านางจิ้งจอกตรงหน้าเสียตอนนี้ เขาก็ยินดีจะทำให้ตามนั้นด้วยเหมือนกัน
"งั้นระวังตัวด้วยนะ"
อีกประโยคที่ดังขึ้นทำให้อัลฟ่าพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนที่ร่างสี่เท้าขนาดใหญ่จะพุ่งกระโจนเข้าหานางจิ้งจอก พร้อมกับที่ชิโนบุรีบฉีกตัววิ่งไปอีกทาง
กระปะทะกันระลอกใหม่ของจิ้งจอกเก้าหางทั้งสองตน ทำให้พื้นที่ยิ่งเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ทั้งพื้นดิน ก้อนหิน หรือต้นไม้ถูกทำลายทิ้งจนแทบไม่เหลือซาก พลังวิญญาณสีทองและสีแดงถูกส่งเข้าฟาดฟันกัน ไม่ต่างจากร่างจิ้งจอกสองร่างที่พุ่งเข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ภาพอันน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้น เมื่อยิ่งร่างสีขาวและสีทองถูกอาบย้อมด้วยเลือดมากเท่าไร จิตสังหารที่แผ่ออกมาจากทั้งสองก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น นอกจากจะสร้างแรงกดดันให้ทุกชีวิตที่อยู่โดยรอบ ก็เริ่มเข้มข้นขึ้นจนสร้างความเสียหายให้กับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเช่นกัน
กรรรรร
เสียงขู่คำรามดังขึ้นจากจิ้งจอกทั้งสองตน พร้อมพลังวิญญาณสีทองและสีแดงที่พุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้ง
คมเขี้ยวของจิ้งจอกหนุ่มฝังลงบนขาหน้าข้างซ้ายของนางจิ้งจอก จนเสียงกรีดร้องเพราะความเจ็บดังลั่น ก่อนที่นางจะพลิกตัวตวัดกรงเล็บเข้าใส่ตรงสะบักหลังของอีกฝ่าย จนกลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ไม่ต่างกัน
ชิโนบุที่แอบหันไปมองขมวดคิ้วแน่นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าบาดแผลตามตัวของอัลฟ่ามีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เพราะรู้ว่าความสามารถของตัวเองมีไม่มากพอที่จะเข้าไปช่วยได้ จึงหันกลับมาตั้งใจวาดวงเวทย์ผนึกขนาดใหญ่บนพื้นเหมือนเดิม
ลมหายใจถูกพรูออกเบา ๆ เพื่อเรียกสติกลับมาจดจ่ออยู่กับเรื่องตรงหน้า ขณะที่สองมือก็จับกิ่งไม้แน่น แล้ววาดวงแหวนเวทย์แต่ละวงซ้อนกันไปเรื่อย ๆ
ผนึกชนิดนี้ค่อนข้างทรงอานุภาพกว่าที่ผ่าน ๆ มา เพราะฉะนั้นลายเส้นและอักขระต่าง ๆ จึงมีมากกว่าปกติและจะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นแรงสะท้อนกลับตอนวงเวทย์เริ่มทำงานจะรุนแรงมากตามพลังของภูตที่ถูกทำพิธี
"พอดีเลย"
เสียงพึมพำดังขึ้นเบา ๆ เมื่อยันต์ที่พกไว้เหลือพอที่จะใช้ทำพิธีพอดี ชิโนบุแปะยันต์ตรึงไว้ทั้งสี่ทิศเมื่อวาดวงแหวนเวทย์เสร็จ ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่เพื่อตั้งสติให้มั่นคงยิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากเม้มเข้าเล็กน้อยแล้วจรดปลายกิ่งไม้ลงบนพื้นดิน พร้อมกับที่อักขระตัวแรกเริ่มถูกเขียนขึ้น...
กรรรร
เสียงคำรามดังขึ้นจากนางจิ้งจอกเมื่อเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แม้จะจดจ่ออยู่กับการต่อสู้กับเก้าหางสีขาวตรงหน้า แต่เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้นางรู้สึกตัวได้ทันทีเมื่อมีจุดที่กระแสวิญญาณไหลไปรวมตัวกันอย่างผิดธรรมชาติ
ดวงตาสีทองรีบกวาดหาจุดกำเนิดการรวมพลังวิญญาณ ทันทีที่เห็นว่ามาจากเด็กหนุ่มที่นางหมายตาเป็นเหยื่ออยู่แล้ว ก็ยิ่งร้องคำรามออกมาดังขึ้นแล้วพุ่งตัวไปทางนั้นทันที แต่ยังไปไม่ทันถึงก็โดนขัดขวางจากร่างสีขาวที่กระโจนมาขวางไว้
'ถอยไป!!'
เสียงตวาดกร้าวดังขึ้นพร้อมกับกรงเล็บสีทองที่ตวัดเข้าใส่ จิ้งจอกหนุ่มขยับหลบเล็กน้อยพอให้พ้นทาง ก่อนจะพุ่งเข้าขย้ำร่างของนางอีกครั้ง จนต่างฝ่ายต่างเสียหลักล้มลงไปแลกเขี้ยว เล็บกันต่อที่พื้น
เสียงการต่อสู้และแรงสั่นสะเทือนที่ยิ่งรุนแรงขึ้น ทำให้ชิโนบุยิ่งขมวดคิ้วแน่นเพราะความเป็นห่วง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตั้งสมาธิอยู่กับการสร้างวงเวทย์ผนึกต่อไป จนกระทั่ง...
อักขระเวทย์ตัวสุดท้ายถูกเขียนเสร็จสิ้น
"อัลฟ่า!"
เสียงตะโกนเรียกที่ดังขึ้นทำให้ดวงตาสีแดงยิ่งวาวโรจน์ ร่างสีขาวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แม้ทั่วทั้งตัวจะเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดและบาดแผลมากมาย แต่กลับยังแผ่ไอพลังอันน่าขนลุกและน่าสะพรึงกลัวออกมาตลอดเวลา
ดวงตาคมกริบจ้องมองนางจิ้งจอกที่พุ่งตัวเข้ามาโดยไม่คิดจะหลบ พวงหางสีขาวปัดคมพลังสีทองที่พุ่งเข้าใส่ไปทางต้นไม้ใกล้ ๆ จนมันถูกผ่าเป็นสองซีก ขณะที่ตนเองก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมจนระยะห่างยิ่งลดลงเรื่อย ๆ
เพียงชั่วอึดใจที่คมเขี้ยวจะฝังลงบนตัว ร่างสีขาวก็เบี่ยงตัวหลบแล้วเป็นฝ่ายตวัดกรงเล็บใส่สีข้างของนางจิ้งจอกจนเสียงกรีดร้องดังขึ้น และโดยไม่ปล่อยให้นางได้ตั้งตัว คมเขี้ยวแหลมคมก็ฝังลงบนหลังคอของนาง เลือดสด ๆ ไหลรินจากบาดแผลอาบย้อมขนสีทองและพื้นดินตรงนั้นจนกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
เสียงกรีดร้องดังลั่น พร้อมกับร่างสี่เท้าสีทองที่เคยงดงามในตอนนี้กลับดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด พยายามเตะขาทั้งสี่ข้าง ตะเกียกตะกายเพื่อให้หลุดพ้นจากคมเขี้ยวที่ยิ่งฝังลึกลงจนเกือบถึงหลอดลม
จิ้งจอกหนุ่มส่งเสียงคำรามในลำคอเบา ๆ เมื่อโดนกรงเล็บของนางตวัดเข้าที่ขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะปล่อยให้นางเป็นอิสระ ไอพลังสีแดงแผ่ออกจากตัว แปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บคมกริบเข้าเชือดเฉือนไปทั่วทั้งตัวของนาง ก่อนจะเงยหน้ายกร่างสีทองขึ้นจนเสียงกรีดร้องยิ่งดังกว่าเดิม
นางจิ้งจอกพยายามดิ้นให้หลุด แต่กลับถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรง และโดยที่ยังไม่ทันได้พลิกตัวลุก แสงสว่างก็เรืองรองอยู่รอบตัวพร้อมกับเสียงท่องอาคมที่ดังขึ้น
"ข้าขออัญเชิญเหล่าทวยเทพที่สถิตอยู่ ณ ทิศทั้งสี่..."
ทันทีที่พิธีถูกเริ่มขึ้น อักขระเวทย์ก็เรียงร้อยกันเป็นโซ่ตรวนเข้าพันธนาการร่างของนางจิ้งจอก ที่ยิ่งกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งกว่าเดิมเมื่อรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
กรงเล็บแหลมคมตะกุยพื้นพยายามทำลายวงเวทย์ให้พังทลาย จนเสียงคล้ายกระจกร้าวดังขึ้นให้ชิโนบุเริ่มกดหัวคิ้วเข้า เพราะกลัวว่าพลังของตัวเองจะไม่เพียงพอต่อการทำพิธีผนึกในครั้งนี้
"โงซันเซเมียวโอ แห่งบูรพา..."
ยิ่งอาคมถูกท่องไปมากเท่าไร เสียงปริร้าวของวงเวทย์ก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น หัวคิ้วเหนือดวงตาคู่สวยขมวดแน่น ขณะที่เหงื่อเย็น ๆ เริ่มซึมออกมาตามข้างขมับ
".....?"
แต่ก่อนที่จะต้องกลัวว่าผนึกจะถูกทำลายทั้งที่พิธียังไม่สำเร็จ ไอพลังสีแดงก็แผ่เข้าปกคลุมรอบตัวไว้ พร้อมกับความรู้สึกอุ่นวาบจากกำไลข้อมือที่สวมอยู่
'ใช้พลังวิญญาณของฉันได้เลย'
เสียงพูดที่ดังขึ้นพร้อมกับเงาดำที่ทาบทับจากด้านหลัง ทำให้ชิโนบุปิดเปลือกตาลงพร้อมพรูลมหายใจออกเบา ๆ ความกังวลและหวาดกลัวถูกสลายทิ้ง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นความมั่นใจที่เข้ามาแทนที่
สัมผัสพลังวิญญาณไหลบ่าเข้ามาในร่างกายราวกับกระแสน้ำหลาก หากแต่กลับไม่สร้างความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น พลังอันรุนแรงกลับไหลวนอย่างอ่อนโยนจนรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งตัว
เพียงครู่สั้น ๆ ที่รับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลในร่างกาย
ชิโนบุก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง...
ดวงตาคู่สวยในตอนนี้เป็นประกายคมกริบคล้ายดวงตาของจิ้งจอก ริ้วสีแดงเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นใต้ดวงตาทั้งสองข้าง ริมฝีปากพึมพำอาคมต่อจากที่ค้างไว้ พร้อมเร่งพลังวิญญาณที่ใช้ในการผนึกให้มากขึ้น จนวงเวทย์ที่ปริร้าวเมื่อครู่ค่อย ๆ ประสานกลายเป็นวงเวทย์ที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
แสงเรืองรองจากวงเวทย์ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นสีขาว ในตอนนี้กลับผสานเข้ากับสีแดงและแผ่แรงกดดันออกมารุนแรงกว่าเดิม อักขระเวทย์ทุกตัวกลายเป็นสีแดงสด ร้อยเรียงเป็นโซ่ที่แข็งแกร่งขึ้น พันธนาการร่างของนางจิ้งจอกจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
เสียงกรีดร้องดังโหยหวนจนน่าขนลุก ดวงตาสีทองฉายแววอาฆาต ก่อนที่นางจะคำรามออกมาเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับที่ชิโนบุท่องอาคมจนเสร็จสิ้น
"...ผนึก!"
ยันต์ที่แปะตรึงทั้งสี่ทิศกลายเป็นเสาแสงสี่ต้นกักตัวนางจิ้งจอกไว้ด้านใน ก่อนที่แสงสีแดงจะสว่างวาบขึ้น สายลมกรรโชกพัดจนใบไม้ปลิวว่อน กระแสพลังสีทองจากการพยายามดิ้นรนครั้งสุดท้ายของนางจิ้งจอก ถูกกดทับด้วยวงแหวนเวทย์สีแดงที่ยิ่งทรงอานุภาพขึ้น จากพลังวิญญาณของจิ้งจอกเก้าหางที่ถูกใช้ผ่านร่างของชิโนบุที่เป็นผู้ผนึก
ชั่วขณะหนึ่งที่แสงสว่างกลืนกินทุกสิ่งจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด ก่อนที่มันจะค่อย ๆ จางลงและเลือนหายไปพร้อมกับ...
ร่างของจิ้งจอกสีทอง
"....."
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ เมื่อตรงจุดที่เคยมีกระแสพลังรุนแรงปะทะกันในตอนนี้กลับไม่หลงเหลืออะไรอยู่อีก ไม่มีร่างของนางจิ้งจอก ไม่มีร่องรอยของวงเวทย์ ทุกสิ่งทุกอย่างเลือนหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงพื้นดินที่เสียหายเป็นบริเวณกว้าง
ชิโนบุผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปหาร่างสีขาวขนาดใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ดวงตาคู่สวยสบเข้ากับนัยน์ตาสีแดงของอีกฝ่าย ขณะที่มุมปากก็ค่อยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ
"ผนึกได้แล้ว"
'อืม'
ชิโนบุยิ่งยิ้มออกมากว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าตอบกลับมา ก่อนที่อยู่ ๆ ภาพทุกอย่างจะมืดลงอย่างกะทันหัน เมื่อไม่สามารถประคองสติของตัวเองได้
ร่างทั้งร่างทรุดฮวบลงอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ก่อนที่จะล้มกระแทกพื้น ก็ถูกรับไว้ด้วยสองแขนของคนที่รีบกลับคืนสู่ร่างมนุษย์แล้วโอบกอดไว้ทันที
ไอพลังสีแดงยังคงวนอยู่รอบตัวอัลฟ่า ขณะที่เจ้าตัวค่อย ๆ ประคองคนในอ้อมแขนที่หมดสติไปให้นั่งลงซบอกตัวเอง ปลายนิ้วเกลี่ยไปตามผิวแก้มที่ในตอนนี้ขาวซีดลงอย่างน่ากลัว ริ้วแดงใต้ดวงตาของเจ้าตัวเลือนหายไปแล้ว เมื่อเขาดึงพลังวิญญาณของตัวเองกลับคืนมาทั้งหมด
อัลฟ่ารู้ว่าการใช้พลังผ่านร่างของชิโนบุมันเสี่ยงมาก และจะทำให้ร่างกายของเจ้าตัวต้องรับภาระหนักเกินไป แต่...
เมื่อกี้มันไม่มีทางเลือกจริง ๆ
หากนางจิ้งจอกทำลายอาคมผนึกได้ ชิโนบุจะโดนพลังสะท้อนกลับแล้วเจ็บหนักยิ่งกว่านี้
"ไม่เป็นไร นายจะไม่เป็นไร"
ไอพลังสีแดงไหลเข้าไปในร่างกายของชิโนบุอีกครั้งผ่านทางกำไลที่สวมไว้ หากแต่คราวนี้ไม่ใช่การใช้พลังผ่านร่างกายเหมือนเมื่อครู่ แต่เป็นการฟื้นฟูให้กลับมาสู่สภาพเดิม
ร่างกายของมนุษย์ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนพวกภูตผี จึงไม่สามารถรองรับพลังที่มากมายมหาศาลได้ แม้เมื่อกี้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ก็สร้างภาระให้กับร่างกายของเจ้าตัวได้อย่างคาดไม่ถึง
"....."
หัวคิ้วเหนือดวงตาคู่คมขมวดมุ่น เมื่อสีหน้าของคนในอ้อมแขนยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น อัลฟ่ายิ่งเร่งพลังฟื้นฟูเข้าไปในตัวของชิโนบุยิ่งขึ้น โดยไม่สนใจสักนิดว่าร่างกายของตัวเองก็บอบช้ำไม่แพ้กัน จากการปะทะกับนางจิ้งจอกเก้าหาง
เลือดสด ๆ ยังคงไหลออกมาจากบาดแผลตามตัวของอัลฟ่า เมื่อเจ้าตัวไม่คิดจะสนใจรักษามันแต่อย่างใด เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ ที่อัลฟ่ายังคงตั้งหน้าตั้งตาเติมพลังวิญญาณกลับเข้าร่างของชิโนบุ จนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาให้ต้องหันไปมอง แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใครจากจังหวะการก้าวเดิน
"ชีจังเป็นยังไงบ้างจ๊ะ"
สีหน้าเป็นห่วงจากนายหญิงแห่งอาคาวะ ทำให้อัลฟ่าละสายตากลับมามองร่างในอ้อมแขนอีกครั้งโดยไม่ตอบอะไร แต่ในระหว่างนั้นก็ยังคงส่งพลังวิญญาณของตัวเองเข้าไปฟื้นฟูร่างกายของเจ้าตัวตลอดเวลา
ภาพตรงหน้าทำให้สึกิโกะรู้สึกเหมือนเห็นภาพซ้อนทับของแบล็กจากตัวอัลฟ่า แม้ตอนแรกเธอจะตกใจกับสภาพของลูกชาย แต่เมื่อตรวจดูอาการของเจ้าตัวแล้วพบว่า เพียงแค่หมดสติเนื่องจากใช้พลังวิญญาณเกินขีดจำกัดของร่างกาย ก็ค่อยเบาใจลง ถึงอาการจะค่อนข้างหนักแต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต ยิ่งได้พลังวิญญาณของจิ้งจอกเก้าหางเติมเข้าไปฟื้นฟูภายในตลอดเวลาแบบนี้ ก็ยิ่งไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
"ขอบคุณมากนะจ๊ะ"
คำขอบคุณที่ได้รับทำให้อัลฟ่าพยักหน้ารับเบา ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะกำลังดีใจที่เห็นว่าใบหน้าของคนในอ้อมแขน เริ่มกลับมามีสีเลือดแม้จะเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม
"คุณพ่อบอกว่าเรื่องทางนั้นเรียบร้อยแล้ว"
หากแต่ประโยคที่ได้ยินกลับทำให้อัลฟ่าชะงักไป ดวงตาคู่คมละจากใบหน้าของชิโนบุไปมองคนข้าง ๆ ที่ส่งยิ้มใจดีมาให้
"ชิเงรุเองก็บอกว่าควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้แล้ว"
"....."
"ทุกอย่างมันจบลงแล้วจ้ะ"
เป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่ภายในดวงตาคู่คมมีประกายไหวไป เมื่อในหัวห้วนนึกไปถึงตอนที่เขาและชิโนบุตัดสินใจเข้าร่วมแผนนี้ เพราะต้องการให้ทุกอย่างมันจบลง เพราะอยากให้เรื่องอันตรายพวกนี้มันจบลงจริง ๆ เสียที
"อัลฟ่า"
"....."
"เราพาชีจังกลับบ้านกันเถอะนะจ๊ะ กลับบ้านของพวกเรากัน"
"ครับ"
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของอัลฟ่า ขณะละสายตากลับมาหาคนในอ้อมแขน ลมหายใจถูกผ่อนออกเบา ๆ ก่อนจะช้อนตัวคนที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติขึ้นอุ้มแนบอก
"ได้ยินหรือเปล่า แม่นายบอกว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว"
ดวงตาคู่คมทอดอ่อนลงมองคนสำคัญของตัวเอง ขณะที่มุมปากทั้งสองข้างยิ่งยกสูงเป็นรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม ก่อนที่เสียงกระซิบจะดังขึ้นด้วยแววอ่อนโยนยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
"เรากลับบ้านกันนะ"
tbc...