Chereads / ONMYOJI องเมียวจิ / Chapter 34 - 30 - อวี้ อันฉี และ อาคาวะ ชิโนบุ (จบ)

Chapter 34 - 30 - อวี้ อันฉี และ อาคาวะ ชิโนบุ (จบ)

ฟู่

เสียงเป่าปากดังขึ้นเบา ๆ จากเจ้าของร่างสูงโปร่งที่กระโดดลงมายืนบนพื้นได้อย่างมั่นคง ใบหน้าน่ารักอย่างเด็กหนุ่ม ในตอนนี้กลับเริ่มมีเค้าโครงของความเป็นผู้ใหญ่ผสมอยู่ ทั้งคิ้ว ตา จมูก ปาก เด่นชัด มองดูทั้งหล่อเหลาและคมสวยในเวลาเดียวกัน

ครืน!

เสียงครืดคราดและแรงสั่นสะเทือนภายในตัวบ้านที่ตัวเองเพิ่งจะกระโจนออกมา ทำให้ดวงตาคู่สวยตวัดไปมองเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหรี่ลงนิด ๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าภูตที่โดนจัดการไปเมื่อครู่กลับพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสน ในแววตาฉายชัดถึงความบ้าคลั่งและไม่ยินยอม คิดเพียงแต่ว่าหากมันจะต้องถูกจัดการจริง ๆ มันก็จะเอาชีวิตขององเมียวจิไปพร้อมกันด้วย

"นายช้าไปแล้ว"

น้ำเสียงใส ๆ ที่ติดไปทางรำคาญดังขึ้นจากริมฝีปากขององเมียวจิที่กำลังยืนดูภูตตนนั้นพุ่งเข้ามาหาตัวเอง โดยไม่มีทีท่าว่าจะจัดการแต่อย่างใด เจ้าตัวยังเอาแต่ใช้สองมือปัดเศษฝุ่นตามเสื้อผ้าออก ขณะที่ดวงตาก็จับจ้องมองภูตตนนั้นไปพลาง

อีกเพียงไม่ถึงคืบที่กรงเล็บแหลมคมจะพุ่งเข้ามาถึงลำคอ ไอพลังสีแดงก็โจนทะยานเข้าสะบั้นร่างภูตตนนั้นจนแหลกสลายกลายเป็นละอองแสงหายไป

เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เข้ามายืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังปัดเศษฝุ่นบนตัวเหลือบตาไปมองนิด ๆ แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว มุ่ยหน้าอย่างขัดใจ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังก้มลงมองกลับมาด้วยรอยยิ้ม

คือก้มลงมอง...

ใช้คำว่าก้มลงมองเลย

ทั้ง ๆ ที่ตลอดสองปีมานี้เขาก็อุตส่าห์สูงขึ้นมาอีกตั้ง 2 ซม. แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังจะทิ้งห่างกันไปอีก จากที่ก่อนหน้านี้ห่างกันแค่ 2 ซม. แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นกลายเป็น 5 ซม. ไปซะแล้ว

เพราะเป็นภูตหรือไงนะ ถึงได้ตัวใหญ่ง่ายขนาดนี้

"โนบุจัง"

เสียงเรียกดัง ๆ มาพร้อมกับร่างในชุดดำตามชื่อของเจ้าตัว รอยยิ้มทะเล้นเป็นสิ่งแรกที่ได้รับ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของภูตตนหนึ่งที่โดนหิ้วคอมาด้วย

"เจ้านี่เหรอ"

"ใช่ ฉันกับอัลฟ่าพยายามแทบตายกว่าจะล่อออกมาได้"

"มิน่าล่ะ ถึงได้ช้า"

คำบ่นที่ได้ยินกลับทำให้คนฟังทั้งคู่พากันยิ้มรับอย่างไม่นึกโกรธเลยแม้แต่น้อย แบล็กเพียงแค่หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ในขณะที่อัลฟ่าเอื้อมมือออกไปช่วยปัดฝุ่นที่ติดตามตัวออกให้

"ทำไมถึงได้มอมแมมขนาดนี้ล่ะ"

"เจ้าภูตนั่นหนีไปอยู่หลังบ้านตรงที่เก็บถ่าน"

"นายก็เลยมุดเข้ากองถ่านตามมันไปน่ะเหรอ"

พอได้ยินอัลฟ่าพูดแซวมาแบบนั้น ชิโนบุก็ได้แต่ถลึงตากลับไป ก่อนจะยื่นมือที่ยังเลอะถ่านของตัวเองไปป้ายหน้าของเจ้าตัวด้วยข้อหาทำให้หมั่นไส้ จนแบล็กที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ตลอดหลุดเสียงขำออกมาดังขึ้น ในขณะที่อัลฟ่ากลับทำเพียงอมยิ้มบาง ๆ รอให้คนตรงหน้าได้ป้ายจนพอใจโดยไม่ขยับหนีเลยสักนิด

ซึ่ง...กว่าเจ้าตัวจะพอใจได้ ที่แก้มทั้งสองข้างและปลายจมูกของอัลฟ่าก็ดำเป็นปื้นไปแล้ว พอเห็นแบบนั้นชิโนบุก็หัวเราะชอบใจ อารมณ์กรุ่น ๆ ที่ต้องวิ่งไล่กับเจ้าภูตในกองถ่าน ถูกใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยรอยดำของคนตรงหน้าสลายมันทิ้งไปหมดเรียบร้อย

องเมียวน้อยฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนจะล้วงเอาโหลเล็ก ๆ ที่ใช้ผนึกภูตชั่วคราวออกมา มือข้างหนึ่งยกขึ้นระดับอก ขณะที่อีกมือก็ยื่นโหลไปตรงหน้าเจ้าภูตที่แบล็กหิ้วคออยู่ ริมฝีปากพึมพำเป็นคาถาเบา ๆ แล้วเพียงไม่นานหลังจากนั้น ภูตตนนั้นก็กลายเป็นดวงแสงหายเข้าไปในโหลแก้ว

"เรียบร้อย"

"งั้นก็กลับกันเลยเถอะ โนบุจังกับอัลฟ่า ตอนนี้สภาพดูไม่ได้กันทั้งคู่แล้ว"

"เหรอ"

ชิโนบุหันไปฉีกยิ้มหวานให้แบล็กทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ก่อนที่ในเวลาต่อมาเจ้าตัวจะกระโจนเข้าไปกอดคออีกฝ่ายไว้ แล้วใช้มือที่ยังเลอะอยู่ป้ายไปตามใบหน้าหล่อเหลาให้ดำเป็นปื้นตามกันไป

คราวนี้ทางฝ่ายอัลฟ่าที่เห็นแบบนั้นหลุดขำออกมาเบา ๆ ในขณะที่แบล็กเองก็หัวเราะฮ่า ๆ อย่างชอบใจ ดูสนุกกับการโดนทำให้เลอะซะด้วยซ้ำ

ทั้งสามหนุ่มเล่นป้ายถ่านใส่กันอยู่อีกสักพัก ก่อนจะพากันกลับบ้านเอาเจ้าภูตที่ก่อความวุ่นวายตนนี้ไปส่งให้คุณพ่อของชิโนบุเพื่อเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ

หากแต่ทันทีที่คนเป็นพ่อเห็นสภาพของลูกชายและภูตหนุ่มอีกสองตนก็ไม่ได้สนใจของที่ถูกส่งให้เลยสักนิด แต่รีบเรียกอายาเมะมาพาตัวทั้งสามคนไปจัดการอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจจากคนเป็นปู่ และรอยยิ้มหวาน ๆ ของคนเป็นแม่

กว่าที่ทั้งสามจะจัดการล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดเรียบร้อยได้ก็ใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมง ตอนที่เอามาเล่นป้ายกันก็สนุกดีอยู่หรอก แต่ตอนล้างออกนี่สิ กว่าจะขัดออกผิวก็กลายเป็นสีแดงปื้นไปทั้งตัวแล้ว

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐

"อิ่มจัง"

เสียงพึมพำเบา ๆ ที่ได้ยิน ทำให้ดวงตาคู่คมเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกัน ตรงมุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน เหมือนกันกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักทะนุถนอม

ผ่านมาอีกสองปี นับตั้งแต่ที่เรื่องราวทั้งหมดได้จบลงในวันนั้น เขตความดูแลทั้งแปดก็กลับคืนสู่ความปกติเหมือนเดิม เพียงแต่ในเขตความรับผิดชอบของชูโงคุและคิวชูถูกเปลี่ยนจากตระกูลโอเกทสึและชิคุราเงะมาเป็นตระกูลอื่นแทน ซึ่งทั้งสองตระกูลที่ขึ้นมาใหม่ ก็ได้รับการเลือกจากบรรดาองเมียวจิในภูมิภาคนั้น ๆ ว่าเหมาะสมดีแล้ว จึงไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นมาตามหลัง

แปดตระกูลหลักที่แบ่งเขตความรับผิดชอบดูแลพื้นที่ของตนกลับคืนสู่ความสมดุลเช่นเดิม แม้อีกสองตระกูลใหม่จะยังไม่มีประสบการณ์จัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้เท่ากับอีกหกตระกูล แต่ก็ถือว่าพวกเขามีความสามารถเพียงพอ เพราะเพียงแค่ผ่านไปสองปี ก็จัดการทำทุกอย่างจนเกือบจะเข้าที่เข้าทางได้ทั้งหมดแล้ว

ช่วงแรก ๆ อีกหกตระกูลต้องยื่นมือเข้าไปช่วยในหลาย ๆ เรื่องเพื่อสะสางความวุ่นวายที่ถูกทิ้งไว้ แต่หลังจากผ่านไปได้หนึ่งปี เรื่องที่จะให้พวกเขาช่วยก็น้อยลงเรื่อย ๆ จนช่วงหลังมานี้ไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรแล้ว แต่ละตระกูลจึงมีเวลามาจัดการความเรียบร้อยภายในพื้นที่ความรับผิดชอบของตนเอง

ทางด้านอาคาวะเองก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง เมื่อตอนนี้ระดับความสามารถของชิโนบุสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังมีอัลฟ่าที่จัดการเรื่องทางบ้านเรียบร้อยมาเข้าร่วมด้วย สาขาหลักในเกียวโตที่เมื่อก่อนอยู่ในความดูแลของผู้นำตระกูลโดยตรง ในตอนนี้จึงตกมาอยู่ภายใต้การดูแลของชิโนบุแทน เพื่อให้คุณพ่อของเจ้าตัวไปจัดการเรื่องราวในส่วนอื่นได้อย่างวางใจขึ้น

ที่สำคัญ ในตอนนี้ชิโนบุได้จัดตั้งหน่วยอิสระขึ้นภายในสาขาเกียวโต เพื่อเป็นหน่วยที่จะสามารถส่งไปเป็นกองกำลังเสริมให้กับตามสาขาต่าง ๆ เวลามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที โดยที่อำนาจตัดสินใจเด็ดขาดทั้งหมดของหน่วยนี้จะขึ้นอยู่กับแบล็กและอัลฟ่าโดยตรง

เรื่องนี้ทำให้ทั้งสามมีภาระที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้น บ่อยครั้งที่พวกเขาจะต้องแยกย้ายกันออกปฏิบัติงาน ไม่ได้ไปกันครบทั้งสามคนเหมือนแต่ก่อน

แต่ว่า...ก็แน่นอนว่า ยังไงก็ต้องมีคนไปกับชิโนบุด้วยหนึ่งคน

ถ้าแบล็กไม่ว่างก็เป็นอัลฟ่า ถ้าอัลฟ่าไม่ว่างก็จะเป็นแบล็ก ระหว่างพวกเขาสองคน ยังไงก็ต้องมีคนหนึ่งที่จะตามไปทำงานกับชิโนบุด้วย แม้ว่าเรื่องของตระกูลชิคุราเงะจะจบลงแล้วจริง ๆ แถมฝีมือของชิโนบุก็ยังเก่งกาจขึ้นมาก แต่ก็เพราะอย่างนั้นแหละ ทำให้เดี๋ยวนี้งานที่เจ้าตัวได้รับก็จะอันตรายขึ้นตามไปด้วย อย่างเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ได้รับงานไปตรวจสอบบ้านร้างที่ถูกใช้เป็นที่กบดานของภูตระดับสูงหลงถิ่นที่ดุร้ายมากตนหนึ่ง ย้อนไปอีกสัปดาห์ก็ต้องไปทำพิธีปัดรังควานให้วิญญาณอาฆาตที่เกือบจะเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจอยู่แล้ว ทุกงานที่รับช่วงนี้มีแต่งานที่อันตรายมากทั้งนั้น

ไม่ได้โชคดีได้รับงานเล็ก ๆ ง่าย ๆ เหมือนอย่างวันนี้บ่อย ๆ หรอก

"นายเติมข้าวไปตั้งสองรอบ"

"ก็กับข้าวอร่อย"

คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้อัลฟ่าพยักหน้ารับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเหมือนอย่างทุกที ก่อนจะดึงให้ร่างผอมบางของคนข้าง ๆ ลงมานั่งพักอยู่ข้างสระน้ำด้วยกัน แล้วยื่นมือไปช่วยลูบหน้าท้องให้เบา ๆ

ทางชิโนบุที่ได้รับสัมผัสอ่อนโยนนั้นก็ขยับตัวเข้าไปนั่งให้ใกล้กันยิ่งขึ้น ใบหน้าน่ารักเอียงซบลงกับไหล่ของอีกฝ่าย แล้วปล่อยให้ฝ่ามือใหญ่ ๆ ข้างนั้นช่วยลูบหน้าท้องให้ตัวเองต่อไปด้วยความสบาย

อัลฟ่าได้แต่นึกเอ็นดูกับท่าทางนั้น จึงยิ่งใช้มือโอบไหล่ให้เจ้าตัวได้นอนซบในท่าที่สบายขึ้น ขณะที่ตรงฝ่ามือข้างที่ลูบหน้าท้องให้ก็มีไอพลังสีแดงแผ่ออกมาจาง ๆ ทำให้คนโดนลูบยิ่งรู้สึกอุ่นสบายจนส่งเสียงครางฮึมฮัมในลำคอเบา ๆ

"สบายจัง"

"งั้นทีหลังเวลากินข้าวเสร็จ ฉันทำแบบนี้ให้อีกดีไหม"

"ดี"

คำตอบที่ได้รับกลับมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดทำให้อัลฟ่ายิ่งยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะโน้มหน้าลงเล็กน้อย กดจูบลงตรงข้างขมับของคนในอ้อมอกเบา ๆ แล้วค่อยผละออกมา

ระหว่างทั้งสองคนหลงเหลือไว้เพียงความเงียบเมื่อไม่มีใครคิดจะพูดอะไรอีก ต่างคนต่างปล่อยให้ตัวเองดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของความสงบสุขที่แสนผ่อนคลาย

เนิ่นนานหลายนาทีหรืออาจจะยาวนานถึงชั่วโมงที่ทั้งสองคนเอาแต่นั่งเงียบ ๆ กันอยู่แบบนั้น ชิโนบุมองฝ่ามือใหญ่ ๆ ที่ลูบอยู่ตรงหน้าท้องของตัวเอง แล้วก็เผลอยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่สวยกระพริบปริบอยู่ 2-3 ครั้ง ก่อนจะเลื่อนขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างไปไม่ถึงคืบ

ดวงตาสองคู่สบประสานกัน เพราะอัลฟ่าเอาแต่มองอยู่แบบนั้นมาตลอดเวลาอยู่แล้ว ภูตหนุ่มยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหลุดเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อคนในอ้อมแขนเงยหน้าขึ้นมาจูบปลายคางกันทีหนึ่ง

"จะอ้อนเอาอะไร"

"อ้อนเฉย ๆ ไม่ได้เหรอ"

"....."

"นาน ๆ ทีจะมีเวลาอยู่ด้วยกันสงบ ๆ แบบนี้"

ประโยคที่ได้ยินทำให้คราวนี้อัลฟ่าหลุดขำแบบมีเสียงออกมาเลย ดวงตาคู่คมทอดอ่อนลง ก่อนจะหยุดมือที่ลูบหน้าท้องให้อีกฝ่ายมาเปลี่ยนเป็นกอดเอวเจ้าตัวไว้หลวม ๆ แล้วแกล้งแหย่กลับไป

"พูดเหมือนคนอายุครึ่งร้อยแล้วอย่างนั้นแหละ"

"ก็มันจริงนี่ กว่าจะได้อยู่บ้านสบาย ๆ ไม่มีงานอะไรต่อแบบนี้มันยากมากนะ นายไม่คิดเหมือนกันหรือไง"

"คิดเหมือนกัน"

"ใช่ไหมล่ะ"

เห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายแล้ว อัลฟ่าก็ได้แต่กดจูบลงบนหน้าผากของเจ้าตัวอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะพยักหน้าเออออตามไปทั้งหมดอย่างไม่มีข้อคัดค้าน

"อีกอย่างนะ ประสบการณ์ชีวิตฉันน่ะ เผลอ ๆ จะมากกว่าคนอายุครึ่งร้อยหลาย ๆ คนซะอีก"

"อืม"

"เอาแค่เดือนเดียวที่รับงาน ก็มีเรื่องนู้น เรื่องนี้มาให้เอาไปเล่าต่อไม่หวาดไม่ไหวแล้ว"

"อืม"

"แค่เดือนนี้เดือนเดียวก็รับไปตั้งเจ็ดงาน แถมมีแต่งานยาก ๆ ทั้งนั้นเลยด้วย"

"อืม"

"นายรักฉันมากเลยใช่ไหม"

"อืม"

เห็นอีกฝ่ายเอาแต่อืม ๆ ตอบกลับมา ชิโนบุเลยใช้จังหวะเผลอแกล้งถามออกไปแบบนั้น ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็ทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ

อัลฟ่ามองคนที่นอนหัวเราะเสียงใสอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองแล้วก็ได้แต่นึกเอ็นดู สองแขนกระชับกอดให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ก็ระวังไม่ให้แน่นเกินไปจนทำให้เจ้าตัวอึดอัด เมื่อมองเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีอมส้มเป็นสีน้ำเงินม่วง อันเป็นสัญญาณว่ากำลังจะพ้นจากช่วงเย็นเข้าสู่ช่วงค่ำแล้ว ก็ก้มลงถามคนที่ยังนอนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"อยากเข้าบ้านหรือยัง"

"ยัง อยากนอนเล่นต่ออีกหน่อย"

คำตอบที่ได้รับทำให้อัลฟ่าพยักหน้ารับอย่างไม่มีคำคัดค้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นห่วงว่าเจ้าตัวจะหนาวเพราะอากาศที่เริ่มเย็นขึ้น จึงแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์มาอยู่ในร่างกึ่งภูต ก่อนจะเรียกพวงหางของตัวเองออกมา แล้วตวัดพาดทับอยู่บนตัวของอีกฝ่ายให้แทนผ้าห่ม

ชิโนบุมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร หากแต่รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งมีแต่จะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้รับความใส่ใจแม้แต่กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้

อัลฟ่าน่ะ...

เป็นแบบนี้มาตลอด และไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อนที่เราตกลงคบกัน ไม่สิ...ความจริงแล้วเจ้าตัวเป็นแบบนี้มาก่อนที่เราจะคบกันอีก เป็นมาตั้งแต่ที่มาขอให้เขาเป็นคนสำคัญ อา...ไม่ ๆ ความจริงแล้วอาจจะเป็นก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ แต่เป็นเขาเองที่ไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากอัลฟ่ามาโดยตลอด

อัลฟ่าน่ะนะ...

"หืม?"

คิ้วทั้งสองข้างของภูตหนุ่มเลิกขึ้นเล็กน้อย เมื่ออยู่ ๆ คนในอ้อมแขนก็พลิกตัวกลับมาประจันหน้ากัน ก่อนเจ้าตัวจะออกแรงผลักให้เขาลงไปนอนอยู่บนพื้น

ชิโนบุมองคนที่เขาออกแรงเพียงนิดเดียวเจ้าตัวก็ยอมนอนลงไปโดยไม่ขัดขืน มุมปากทั้งสองข้างยิ่งยกสูงขึ้นเป็นรอยยิ้มหวาน ก่อนที่ตัวเองจะล้มตัวนอนตามลงไปแล้วหันไปกอดอีกฝ่ายไว้เช่นกัน

"นั่งกอดฉันมาตั้งนาน นายคงเมื่อยแย่แล้ว"

"ไม่เมื่อยหรอก"

"แต่นอนกอดแบบนี้ก็สบายกว่าใช่ไหม"

ขณะที่ถามไปชิโนบุที่นอนซบอยู่บนอกก็เปลี่ยนมาเงยหน้าขึ้น เกยคางไว้บนอกของอัลฟ่า แล้วมองสบกลับไปตาแป๋ว จนคนที่ได้เห็นความน่ารักในระยะประชิดได้แต่ส่งยิ้มตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน

"อืม สบายกว่า"

คำตอบที่ได้รับทำให้ชิโนบุยิ่งยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะเหลือบมองพวงหางสีขาวที่ตวัดขึ้นมาคลุมตัวเขาไว้แทนผ้าห่มเพื่อสร้างความอบอุ่น ทั้งที่ความจริง...

แค่อ้อมกอดจากสองแขน ก็ทำให้เขาอบอุ่นมากอยู่แล้วแท้ ๆ

บนใบหน้าขาวใสในตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เจ้าตัวไม่คิดจะปกปิดไว้ บรรยากาศโดยรอบจึงยิ่งเต็มไปด้วยความอ่อนละมุนเข้าโอบล้อมคนทั้งคู่

อัลฟ่าไม่ได้พูดอะไร ทางด้านชิโนบุเองก็เอาแต่เงียบเช่นกัน หากแต่ดวงตาสองคู่ยังคงสบมอง ถ่ายทอดความรู้สึกลึกซึ้งให้กันและกันอยู่อย่างนั้น แม้จะไม่ได้มีประโยคหวานซึ้งหรือการกระทำแสนพิเศษใด ๆ แต่เพียงแค่ความจริงใจที่มอบให้กัน ก็ทำให้หัวใจสองดวงเต็มตื้นไปด้วยความรักจนความรู้สึกอุ่นซ่านแผ่ลามไปทั้งตัว

ชิโนบุซบใบหน้าลงบนแผ่นอกแข็ง ๆ ที่แม้จะไม่ได้นุ่มนวล นอนสบาย แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แถมยังเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรักถนอมกันอยู่ตลอดเวลา

อัลฟ่าเป็นแบบนี้เสมอ

แม้เจ้าตัวจะไม่ได้มาพร่ำพรรณนาให้ฟังว่ารักเขามากมายขนาดไหน แต่จากทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ แค่จากทุก ๆ สิ่งที่แสดงออกมา ก็ทำให้รับรู้ได้ถึงทุกความรู้สึกที่เจ้าตัวมีให้กับเขา

แค่มองจากแววตา

แค่มองจากมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

แค่มองจากฝ่ามือที่ลูบหลังให้กันอย่างอ่อนโยน

แค่มองจากสองแขนที่กระชับกอดกันไว้อย่างทะนุถนอม

แค่เพียงเท่านั้น...

ก็รู้แล้วว่าอัลฟ่ารักเขามากแค่ไหน

"อัลฟ่า"

"หืม?"

เสียงเรียกจากคนที่นอนซบอยู่บนอกของตัวเอง ทำให้อัลฟ่าส่งเสียงครางรับในลำคอกลับไป ดวงตาคู่คมทอดอ่อนมองคนที่เงยหน้าขึ้นมาหา ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นดวงตากลมโตใสแจ๋วที่มองสบกลับมา แต่เขายังไม่ทันได้ถามอะไรกลับไปมากกว่านั้นก็ต้องเลิกคิ้วขึ้น เมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายก็ยันตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วแนบริมฝีปากลงมา

"....."

ภายในดวงตาคู่สวยทั้งใสกระจ่างและเป็นประกายพราวระริกอย่างสวยงามในยามที่เจ้าตัวผละริมฝีปากออก จูบเมื่อครู่เป็นเพียงจูบสั้น ๆ ที่กินระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ จึงไม่ได้ทำให้ทั้งคนจูบและคนโดนจูบรู้สึกใจเต้นแต่อย่างใด มิหนำซ้ำ คนโดนจูบอย่างอัลฟ่ายังออกจะนึกสงสัยในการกระทำนั้นเสียอีก

"ฮ่า ๆ ๆ"

ชิโนบุหลุดขำออกมากับสีหน้าสงสัยนั้น ฝ่ามือขาว ๆ ยกขึ้นมาใช้ปลายนิ้วชี้จิ้ม ๆ ไปที่ริมฝีปากล่างของคนที่ตัวเองพลิกตัวขึ้นมานอนทับเบา ๆ ก่อนจะแกล้งถามกลับไปด้วยรอยยิ้มขำ

"ทำหน้างั้นทำไม"

ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะแปลกใจอยู่บ้าง แต่พอเห็นว่าคนด้านบนหัวเราะออกมาได้อย่างสดใสอย่างนั้น อัลฟ่าก็ไม่นึกสงสัยอะไรต่อแล้ว สองแขนกระชับกอดเอวคนบนตัวให้แน่นขึ้นอีกนิด ก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปจูบเบา ๆ แล้วผละออกมาบ้าง

"เอาคืนฉันเหรอ"

คนโดนจูบคืนถามกลับมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะวางมือทั้งสองข้างลงบนอกของอีกฝ่ายแล้วค่อยวางคางเกยทับลงไป ในขณะที่สองขาก็เตะเล่นไปมาระหว่างถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี

"อัลฟ่า พรุ่งนี้ว่างเราจะไปไหนกันดี"

"นายอยากไปไหนล่ะ"

"กำลังคิดอยู่ว่าจะไปแบบเบา ๆ หรือไปแบบหนัก ๆ ดี"

บทสนทนาง่าย ๆ ดังขึ้นเบา ๆ ระหว่างคนสองคนที่นอนคุยกันด้วยบรรยากาศผ่อนคลายตามปกติ

ตั้งแต่ที่ตกลงคบกันมาได้หนึ่งปี แม้จะไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันดี ๆ เหมือนคู่อื่นนัก เพราะต่างคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ช่วงเวลากินข้าวหวาน ๆ ก็คือมื้ออาหารภายในรั้วมหาวิทยาลัย สถานที่ออกเดทก็คือตามบ้านเรือนคนอื่นที่ต้องไปทำพิธีปัดรังควาน การไปเที่ยวนอกสถานที่ด้วยกันก็คือตามป่าเขาที่ต้องไปจัดการเรื่องภูตผี

แต่ถึงอย่างนั้น...

ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง พวกเขาก็จะใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ตักตวงช่วงเวลาดี ๆ จากกันและกันให้ได้มากที่สุด มอบความสุขให้กันและกันได้มากที่สุด ชดเชยให้กับหลาย ๆ ช่วงเวลาที่ไม่อาจมีให้กันได้

"เบาคืออะไร หนักคืออะไร"

"เบาคือไปดูหนัง หนักคือไปสวนสนุก นายอยากไปแบบไหน"

"ตามใจนาย"

เห็นอีกฝ่ายยกหน้าที่ให้ตัวเองตัดสินใจชิโนบุก็ส่ายหน้าจนผมปลิวไปมา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วจิ้ม ๆ ลงบนอกคนที่ตัวเองนอนทับเล่นไป 2-3 ที

"ไม่ตามใจฉัน คราวนี้จะตามใจนาย"

"ถ้าตามใจฉัน ก็อยากไปแบบหนัก"

"นายอยากไปสวนสนุกเหรอ"

"ใช่"

"โอเค งั้นพรุ่งนี้เราไปสวนสนุกกัน"

เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยเสียงหัวเราะสองเสียงก็ดังคลอกันเบา ๆ บนใบหน้าของทั้งคู่ปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ จนบรรยากาศรอบตัวของพวกเขายิ่งเต็มไปด้วยความหวานละมุน

แต่ว่า...

ก่อนที่อะไร ๆ จะกลายเป็นสีชมพูไปมากกว่านั้น เสียงตะโกนเรียกจากไกล ๆ ก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพากันหันไปมองทางต้นเสียงทันที

"โนบุจัง อัลฟ่า"

"แบล็กมาตามแล้ว"

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ยิ่งใกล้เข้ามา อัลฟ่าก็ประคองให้คนบนตัวค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้นตาม จวบจนกระทั่งตอนที่แบล็กเดินมาถึง พวกเขาสองคนก็ลุกขึ้นมายืนดี ๆ กันได้เรียบร้อยแล้ว

"พ่อให้มาตามแล้วเหรอ"

"อืม เรนมาถึงแล้ว"

ชื่อของภูตพิทักษ์ตระกูลอาโอโทระที่ต้องร่วมทำภารกิจด้วยกันในสัปดาห์หน้า ทำให้ชิโนบุพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะเริ่มออกเดินหลังจากที่มือหนึ่งจับกับอัลฟ่าไว้ และอีกมือก็คล้องแขนแบล็กได้เรียบร้อย

ทั้งสามเดินไปตามทางเดินหินที่ทอดยาวไปยังตัวบ้าน บรรยากาศเงียบสงบดำเนินไปได้ครู่หนึ่ง ก่อนที่หลังจากนั้นแบล็กจะเป็นคนหันมาถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ

"เมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่"

"คุยว่าพรุ่งนี้เราจะไปเดทกันที่สวนสนุก"

"ฉันอดไปอะ"

น้ำเสียงหงอย ๆ ของแบล็ก ทำให้ทั้งอัลฟ่าและชิโนบุพากันหลุดขำออกมา ก่อนจะเป็นฝ่ายองเมียวน้อยที่เปลี่ยนจากคล้องแขนมาเป็นตบไหล่ภูตพิทักษ์ของตัวเองปุ ๆ

"พรุ่งนี้นายก็จะไปทำภารกิจกับเรนนี่ ก็ถือโอกาสออกเดทไปด้วยเลยสิ"

"ฉันกับไอ้นกเนี่ยนะ ออกเดทแบบตีกันตายน่ะสิ"

พูดยังไม่ทันขาดคำ ที่เบื้องหน้าไกลออกไปลิบ ๆ ก็มีเงาร่างสูงโปร่งของคนถูกพูดถึงมายืนเท้าเอวรออยู่แล้ว และโดยที่ทั้งสามคนยังไม่ทันพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นขึ้นมาซะก่อน

"ชักช้าจริงไอ้หมา แค่เดินไปตามเจ้าหนูสองคนต้องช้าขนาดนี้เลยเหรอ อึดอาดชะมัด"

"ว่าไงนะไอ้นก"

"ฉันบอกว่านายมันเป็นหมาอึดอาด"

ตูม!

ทันทีที่สิ้นเสียงของเรน ก็ตามมาด้วยเสียงดังตูมของพลังวิญญาณสีดำและสีน้ำเงินเข้มที่เข้าปะทะกัน ก่อนที่ร่างสีดำของอินุงามิสุดแกร่งจะพุ่งตามไป โดยมีเจ้าของพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งไม่แพ้กันรอรับการโจมตีที่กำลังจะมาถึง

ดวงตาคู่สวยของเจ้าของบ้านได้แต่ไล่มองตามสองเพื่อนซี้ ที่พอไม่มีเหตุการณ์ด่วนอะไรก็เป็นอันต้องหาเรื่องมาตีกันตลอด แล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ต่อให้จะเห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนคุ้ยเคยดีแล้ว แต่ถึงยังไงพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต่อหน้าเขาก็ยังหลุดขำออกมาได้ทุกที

"ฮ่า ๆ ๆ"

อัลฟ่าหันมามองคนข้างกายที่ยังคงหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความเอ็นดู ตอนนี้เขาไม่คิดจะสนใจทางด้านแบล็กกับเรนแล้ว ภายในดวงตาคู่คมเป็นประกายอ่อนโยน ก่อนจะกระชับมือที่จับกันไว้ให้แน่นขึ้นอีกนิด

ชิโนบุที่รู้สึกได้ถึงแรงบีบมือที่หนักขึ้น จึงเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ข้าง ๆ ดวงตาคู่สวยกระพริบปริบ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะเลือนหายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ แทน

"งั้นเรารีบไปประชุมให้เสร็จ แล้วเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้กันดีกว่า"

"ได้"

ระหว่างทั้งคู่ไม่มีบทสนทนาใดถูกพูดออกมาอีก นอกจากรอยยิ้มอ่อนละมุนที่ส่งให้กัน และฝ่ามือทั้งสองข้างที่ยังคงจับกันแน่นตลอดการเดินเข้าบ้านไป โดยไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยออกจากกัน

- จบ -