Chereads / ONMYOJI องเมียวจิ / Chapter 33 - 29 - บทสรุป

Chapter 33 - 29 - บทสรุป

'ปล่อยนะ'

'จับตัวมันไว้'

'ปล่อย!!'

'กรีดเลือดมันเก็บไว้ก่อน เราเอาไปใช้ทำพิธีได้'

'อย่า..'

'ควักลูกตาเก็บไว้ด้วย เอาไว้แลกเปลี่ยนกับภูตผีได้เหมือนกัน'

'อย่านะ'

'ล็อคตัวมันไว้แน่น ๆ สิ จะได้กรีดถนัดหน่อย'

'ไม่..'

'ส่งมีดมา'

'ไม่!!!'

เฮือก!!

ร่างสูงโปร่งสะดุ้งเฮือก ลืมตาโพลงขึ้นทันที ทั่วทั้งใบหน้ามีหยาดเหงื่อเกาะพราว ทั้งยังหอบหายใจอย่างหนักจนแผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด

ฝ่ามือทั้งสองข้างสั่นเทาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็พยายามรวบรวมสติ ค่อย ๆ พรูลมหายใจพร้อมกับยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกใบหน้าออก

ภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่เคยประสบพบเจอมาในช่วยวัยเด็ก อยู่ ๆ กลับปรากฏขึ้นในความฝันทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยลืมเลือนมันไปนานแล้ว ดูท่าการได้เจอกับพวกชิคุราเงะในคราวนี้คงจะไปกระตุ้นความทรงจำแย่ ๆ พวกนั้นขึ้นมา

"โนบุจัง"

เสียงเรียกที่ดังขึ้นไม่ไกล ทำให้ดวงตาคู่สวยรีบมองหาต้นเสียงทันที พอได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยก็ค่อยผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างกายที่แข็งเกร็งจากภาพในความฝันเริ่มผ่อนคลายลง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบตัวเพื่อประมวลผลถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ที่ภายในห้องมีเพียงความเงียบปกคลุม จนกระทั่งคนเพิ่งฟื้นเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด รวมทั้งเรียกสติตัวเองกลับมาได้อย่างครบถ้วนแล้ว เจ้าตัวจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากฟูกนอน โดยมีแบล็กที่นั่งรออยู่ข้าง ๆ เข้ามาช่วยประคอง

"โอเคไหม"

"พอได้อยู่"

"โนบุจังหลับไปสามวันเต็ม ๆ เลยรู้หรือเปล่า"

ประโยคที่ได้ยินทำให้หัวคิ้วของคนฟังมุนเข้าเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหัวเบา ๆ ไล่ความมึนงง แล้วถามหาใครอีกคนทันทีเมื่อไม่เห็นเจ้าตัวอยู่ตรงนี้ด้วย

"อัลฟ่าล่ะ"

"นอนพักอยู่ที่ห้อง"

"แล้วเป็นไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนไหม"

"ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็สูญเสียพลังวิญญาณไปเยอะพอดู เพราะตั้งแต่กลับมาหมอนั่นก็คอยถ่ายพลังวิญญาณให้โนบุจังตลอดเวลา นี่ก็เพิ่งจะโดนชุนไล่ให้กลับไปนอนพักเมื่อไม่นานนี่เอง ไม่งั้นก็คงจะดื้ออยู่ที่นี่ไม่ยอมไปไหนหรอก"

ได้ยินแบบนั้นชิโนบุก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม แต่เพราะเมื่อครู่เขาเห็นว่าแบล็กพูดถึงเรื่องนั้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ จึงพอจะคลายความเป็นห่วงลงได้บ้าง

ถ้าแบล็กไม่มีท่าทีร้อนรน แสดงว่าอาการของอัลฟ่าคงไม่ได้น่าเป็นห่วงมากนัก

พอคิดได้แบบนั้นองเมียวน้อยก็พรูลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะไพล่ถามไปถึงคนอื่น ๆ ในบ้านด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน ที่เมื่อกี้เริ่มถามถึงอัลฟ่าก่อนก็เพราะตอนที่หมดสติไปเขาเห็นหน้าอีกฝ่ายเป็นคนสุดท้าย ทั้งยังได้เผชิญด้วยตัวเองว่าสถานการณ์ตรงหน้ามันย่ำแย่แค่ไหนก็เลยร้อนใจที่จะถามถึงก่อน อีกอย่างเขาก็ค่อนข้างมั่นใจในฝีมือของแบล็ก พ่อ แล้วก็ปู่ด้วย ว่าคงรับมือได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

"แม่กับพ่อล่ะ ปู่ก็ด้วย"

"ทุกคนปลอดภัยดี บาดแผลของสึกิโกะถูกรักษาเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง"

สิ่งที่ได้ยินทำให้คนฟังถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความโล่งใจ ความรู้สึกหนักอึ้งตั้งแต่ตื่นขึ้นมาได้รับการบรรเทาจากคำอธิบายของแบล็กจนรู้สึกดีขึ้นมาก แต่ยังไม่ทันจะได้ซึมซับความผ่อนคลายที่ปราศจากความตึงเครียด ก็ต้องหันไปเลิกคิ้วใส่คนที่แกล้งพูดแซวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มขำ

"โนบุจังไม่ถามฉันบ้างเหรอ"

"อะไร"

"อาการของฉันไง"

"ดูปกติดีขนาดนี้จะให้ถามทำไม"

แบล็กหลุดขำเบา ๆ กับถ้อยคำที่ย้อนกลับมา อันที่จริงเขาเองก็ได้พักฟื้นจนร่างกายดีขึ้นตั้งแต่วันแรกที่กลับมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดแหย่เด็กน้อยของตัวเองเล่นไม่ได้

"ฉันอาจจะบาดเจ็บภายในก็ได้นะ"

"คนบาดเจ็บภายในที่ไหนสีหน้าจะแจ่มใสขนาดนี้"

พอได้ยินน้ำเสียงเหมือนกำลังเหนื่อยใจของอีกฝ่าย แบล็กก็หลุดขำออกมาดังขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่หลังจากนั้นเสียงหัวเราะจะค่อย ๆ เลือนหายไป พร้อมกับดวงตาที่ยิ่งทอดอ่อนลงขณะมองเด็กน้อยตรงหน้า

"นี่เป็นครั้งแรกเลย"

ชิโนบุเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่ยังไม่ทันจะได้ถามก็ต้องก้มลงมองมือของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายจับไปวางไว้บนตักแล้วกุมไว้ไม่ยอมปล่อย

"แบล็ก?"

"ถึงก่อนหน้านี้ฉันจะปล่อยให้อัลฟ่าคอยดูแลโนบุจังอยู่หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรก...เป็นครั้งแรกเลยจริง ๆ ที่หลังจากตัดสินใจไปแล้ว ฉันกลับไม่รู้ว่าควรจะเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองดีหรือเปล่า"

สิ่งที่ได้ยินทำให้ชิโนบุที่กำลังจะถามต่อว่าเป็นอะไรชะงักไปทันที ดวงตาคู่สวยมองสบเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย แววไหวระริกที่เห็นทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ แต่พอตั้งสติได้ก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายประสานนิ้วแล้วบีบมือของเจ้าตัวแน่น ๆ แทน

"ฉันไม่เป็นไร"

"อืม ฉันรู้"

"....."

"ฉันคิดถูกแล้วจริง ๆ แหละ"

รอยยิ้มกว้างที่มาพร้อมกับประโยคนั้น ทำให้ใบหน้าหล่อเหลายิ่งดูน่ามองมากขึ้น ชิโนบุได้แต่นั่งมองคนที่เป็นทั้งพ่อ ทั้งพี่ ทั้งเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างกันมาตลอด ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคารพรัก ก่อนที่เขาจะหลุดขำเบา ๆ เมื่อได้ยินประโยคต่อมา

"แปลว่าสัญชาตญาณของฉันยังใช้การได้ ไม่ได้ทื่อไปแล้วอย่างที่ชุนบอกสักหน่อย"

เสียงหัวเราะสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันหลังจากจบประโยคนั้น ดวงตาของชิโนบุยังคงเป็นประกายสดใสเหมือนอย่างทุกครั้งที่ได้อยู่กับคนสำคัญของตัวเอง ขณะที่แบล็กเองก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้าอย่างทั้งรัก ทั้งเอ็นดู

ไอพลังสีดำครอบคลุมร่างของแบล็กไว้เพียงชั่วครู่ ก่อนที่ร่างมนุษย์จะกลับคืนสู่ร่างภูต พร้อมกับยอบตัวลงหมอบซ้อนอยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่ม ให้เจ้าตัวได้เอนพิงอย่างสบาย

ภายในห้องหลงเหลือไว้เพียงความเงียบเมื่อยังไม่มีใครคิดจะพูดอะไร ชิโนบุพิงหลังทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปที่อีกฝ่ายพร้อมใช้มือลูบขนนิ่ม ๆ เล่นไปด้วย ขณะที่แบล็กก็นอนหมอบอยู่เฉย ๆ ให้อีกฝ่ายพิงตัวเอง และซึมซับความรู้สึกสบาย ๆ อย่างทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน

ตอนแรกที่ได้ยินแผนการนี้จากชิเงรุ แบล็กเกือบจะบอกปฏิเสธไปแล้ว เพราะเขาอยากอยู่ดูแลเด็กน้อยของตัวเองในตอนที่เจ้าตัวต้องพบเจอกับอันตรายที่ใหญ่หลวงแบบนั้น แม้ที่ผ่านมาเขาจะเคยปล่อยให้อัลฟ่าดูแลโนบุจังเวลาที่ตัวเองไม่อยู่ แต่นั่นเป็นเพราะเขาคาดเดาได้อยู่แล้วว่าระดับพลังของอัลฟ่าเพียงพอที่จะดูแลปกป้องตัวเองและโนบุจังจากพวกภูตระดับนั้นได้

แต่ว่าคราวนี้...

จิ้งจอกเก้าหาง

เป็นจิ้งจอกเก้าหางเลยนะ

แม้จะรู้ว่าอัลฟ่าเก่งขึ้นมากแต่มันก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี

ในใจของแบล็กตอนนั้นตีกันวุ่นไปหมด ลางสังหรณ์บอกว่ายังไงก็สามารถปล่อยให้ทั้งคู่ไปด้วยกันและเชื่อมั่นว่าอัลฟ่าต้องดูแลปกป้องทั้งเด็กน้อยของเขาทั้งตัวเองได้แน่ แต่ในด้านความเป็นห่วงก็ยังคงร้องเตือนว่าตัวเองควรจะไปกับทั้งสองคนด้วย

แบล็กใช้เวลาทั้งหมดในช่วงที่อัลฟ่าต้องพักฟื้นเพื่อตัดสินใจ ครั้งนี้นับเป็นการเลือกที่ยากมากอีกหนึ่งครั้งในชีวิตของเขา จนกระทั่งสุดท้าย...

ก็เลือกจะเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง

"แบล็ก"

'หืม?'

"ตอนที่นายกำลังจะไปกับปู่ แล้วทั้งบ้านเหลือแค่ฉันกับอัลฟ่าที่ยังไม่ได้สติ...ตอนนั้นฉันกลัวมากเลย"

แววตาของแบล็กไหวระริกไปทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ยิ่งเห็นว่าเจ้าเด็กน้อยพลิกตัวหันมามองหน้ากันตรง ๆ แบล็กก็ได้แต่เอียงหัวเข้าหาแล้วไซร้เบา ๆ จนได้รับเสียงหัวเราะตอบกลับมา

ดวงตาเรียวคมมองเจ้าตัวน้อยที่กำลังเอาหน้าไซร้ขนของเขาเล่น แล้วก็ได้แต่อมยิ้มอย่างเอ็นดู เขารักเด็กคนนี้มาก รักมาก ๆ ทั้งรัก ทั้งเอ็นดู เพราะฉะนั้นตอนที่ต้องตัดสินใจเลือกทำตามแผนของชิเงรุเขาถึงได้ปวดใจมาก แต่ก็รู้ดีว่าตัวชิเงรุเองก็คงปวดใจไม่แพ้กัน เลยเลือกที่จะเงียบ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

แม้พวกเราจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าตัวขนาดไหน แต่ต่างก็รู้กันดีว่าหากปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อต่อไปไม่ยอมจัดการให้เด็ดขาด สุดท้ายผลร้ายที่ตามมาก็จะตกไปอยู่ที่ดวงใจของพวกเขาเองนี่แหละ

เพราะฉะนั้นหลังจากทุกคนตัดสินใจได้แล้ว ชิเงรุที่เริ่มเตรียมการล่วงหน้าไว้บ้างก็เรียกประชุมเฉพาะคนที่ไว้ใจได้ แล้วเริ่มแบ่งคนเพื่อทำตามแผนที่วางไว้ทันที

การเลือกใช้งานคนของชิเงรุยังคงยอดเยี่ยมเหมือนที่ผ่านมา อย่างการที่เจ้าตัวเลือกให้เขาไปอยู่กับชุนและให้อัลฟ่าไปอยู่กับชิโนบุ จริงอยู่ที่เราก็สามารถให้อัลฟ่าไปต้านกำลังทางพิธีเปิดประตูแห่งโยมะได้ และสามารถเอาเขาไปชนกับเก้าหางตนหนึ่งที่อ่อนแอลงเพราะเพิ่งหลุดจากผนึกได้เหมือนกัน แต่ถ้าว่ากันตามความเหมาะสมและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจริง ๆ การที่อัลฟ่าถูกจับไปอยู่กับชิโนบุก็เป็นตัวเลือกที่ดีมาก เพราะคงไม่มีภูตตนไหนเข้าใจในพลังของจิ้งจอกเก้าหางยิ่งไปกว่าเก้าหางด้วยกันเอง และตัวเขาที่ประสบการณ์เยอะกว่า ก็เหมาะจะรับมือกับกลุ่มคนและพวกภูตกลุ่มใหญ่ ๆ มากกว่าอัลฟ่า

ที่สำคัญ...

คงต้องเท้าความกันไปตั้งแต่แรก เพราะอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ชิเงรุไม่กล้าจับเขามาอยู่กลุ่มเดียวกับอัลฟ่าและชิโนบุก็เพราะ

กลัวเขาจะหลุดคลั่งขึ้นมา

ไม่ใช่แค่หลุดควบคุม แต่เป็นบ้าคลั่งไปเลย

ความวุ่นวายครั้งนี้แน่ชัดแล้วว่าเป็นฝีมือของตระกูลชิคุราเงะ ย้อนไปตั้งแต่ตอนที่ชิโนบุถูกจับตัวไป จนถึงที่แบล็กเกือบจะฆ่าล้างตระกูลของพวกนั้น หลังจากที่ผู้สืบทอดอันดับสองรับช่วงเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ หมอนั่นก็เริ่มคิดจะแก้แค้นตระกูลอาคาวะ รวมถึงตระกูลอื่น ๆ ที่ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือหลังจากเกิดเรื่องขึ้น

เริ่มแรกความวุ่นวายมันไม่ได้มากมายอะไร จึงไม่มีใครให้ความสนใจมากนัก จนกระทั่งมันเพิ่งเริ่มมาหนักขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่หนังสือต้องห้ามของเซย์เมย์ถูกขโมยไปด้วยฝีมือของตระกูลโอเกทสึ

ที่ผ่านมาช่วงเวลา 3-4 ปีนี้ อำนาจปกครองในชูโงคุของตระกูลโอเกทสึถดถอยลง ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันจึงคิดจะทำพิธีต้องห้ามในบันทึก โดยใช้โทริอิกลางน้ำที่อิตสึคุชิมะเป็นประตูแห่งโยมะ เปิดดินแดนปรโลกอันเป็นที่อยู่ของภูตผีเพื่อเรียกเทพีแห่งความตายอิซานามิออกมา เพราะต้องการทำพันธะสัญญายืมพลังของนางมาใช้ในการสร้างอำนาจขึ้นใหม่ ซึ่ง...

พิธีนี้จำเป็นต้องใช้เลือดของสัตว์หางที่แข็งแกร่งอย่าง จิ้งจอกเก้าหาง

ผู้นำแห่งโอเกทสึจึงใช้หนังสือต้องห้ามเป็นตัวล่อแก่ผู้นำตระกูลชิคุราเงะ หลอกหมอนั่นที่อยากจะแก้แค้นจนไม่ลืมหูลืมตา ให้ปลุกสัตว์หางทั้งหมดขึ้นมาเพื่อคลายผนึกให้จิ้งจอกเก้าหาง

เรื่องวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ก็เป็นเพราะสองตระกูลนั้นร่วมมือกัน พวกภูตประหลาดที่พวกนั้นใช้ ก็สร้างขึ้นมาจากพลังวิญญาณของอิโซนาเดะหรือสามหางที่ผนึกอยู่ในคิวชู ซึ่งเป็นเขตความรับผิดชอบของตระกูลชิคุราเงะ

ระหว่างที่พวกนั้นไล่ทำลายผนึกสัตว์หางไปเรื่อย ๆ ก็บังเอิญว่าความลับเรื่องที่อัลฟ่าเป็นจิ้งจอกเก้าหางถูกเปิดเผยพอดี ชิเงรุเห็นว่าไหน ๆ พวกนั้นก็คิดจะจับตัวอัลฟ่าไปอยู่แล้ว จึงวางแผนให้เจ้าตัวโดนจับง่าย ๆ เพื่อประหยัดเวลาไปเลย จะได้ถือโอกาสเข้าไปหาพลังวิญญาณของสามหางให้ชิโนบุเอากลับไปผนึกไว้เหมือนเดิม เป็นการตัดกำลังให้พวกนั้นไม่สามารถสร้างภูตประหลาดเพิ่มขึ้นได้อีก

ขณะที่อัลฟ่าและชิโนบุอยู่กับพวกชิคุราเงะเพื่อทำตามแผน ทางฝั่งภูตพิทักษ์แห่งสามตระกูลใหญ่ แบล็ก เรน มิเนะ นำโดยอาคาวะ ชุนและกำลังหลักจากหลายตระกูล ก็เร่งเดินทางไปชูโงคุเพื่อทำลายพิธีเปิดประตูแห่งโยมะที่ถูกเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย ขาดก็แต่เลือดของอัลฟ่าที่กำลังถูกส่งไป ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้นำทั้งเจ็ดตระกูลเผชิญหน้ากัน

เป็นเพราะตอนนั้นสถานการณ์ค่อนข้างอยู่ในจุดอันตราย เพราะฉะนั้นจึงต้องจัดการทุกอย่าง อย่างรวดเร็วและออกจะวุ่นวายมาก ๆ

ทางประตูแห่งโยมะ แม้ว่าประตูจะยังไม่ถูกเปิดจริง ๆ แต่เพราะพิธีถูกเตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว ช่องว่างมิติจึงมีรอยแยก ทำให้มีพวกภูตหลุดออกมาจนต้องเสียเวลาจัดการเยอะมาก จึงปลีกตัวไปช่วยทางอื่นไม่ได้

ทางฝั่งพวกผู้นำตระกูลก็เหมือนกัน หลังจากจับกุมตัวผู้นำแห่งตระกูลโอเกทสึแล้ว ทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันไปกำราบจุดผนึกสัตว์หางทั้งหมด เพราะแต่เดิมผนึกทุกแห่งก็เชื่อมถึงกันอยู่แล้ว แม้จะอยู่คนละตำแหน่ง แต่ตัวผนึกทั้งแปดกลับโยงใยเป็นผนึกสุดท้ายที่ใช้กักขังจิ้งจอกเก้าหางไว้ ยามที่มีจุดใดถูกทำลาย ก็จะส่งผลไปถึงจุดอื่น

หากว่าผนึกเก้าหางถูกทำลาย ซึ่งแน่นอนว่าต้องถูกทำลายอยู่แล้ว เพราะเป็นพวกเขาเองนี่แหละที่ส่งเลือดของอัลฟ่าไปให้พวกนั้นเองกับมือ ผนึกอื่นที่เป็นด่านป้องกันชั้นนอกก็จะได้รับผลตามไปด้วย พวกเขาจึงต้องเป็นคนกำราบและผนึกสัตว์หางพวกนั้นกลับไปเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นหากสัตว์หางทั้งหมดหลุดออกมาพร้อมกัน คงได้เกิดเรื่องยุ่งยากตามมาอีกเป็นพรวน

"แต่ว่า..."

น้ำเสียงที่ดังขึ้น ทำให้แบล็กที่กำลังห้วนนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ หลุดออกจากภวังค์และได้สติกลับมา ดวงตาเรียวคมมองคนที่ยังคงนอนซบหลังของตัวเองอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยื่นจมูกเข้าไปดุนคางเจ้าตัวเล่นเบา ๆ

"พอนายบอกว่ามันจะไม่เป็นไร ฉันก็เชื่อว่ามันจะไม่เป็นไรจริง ๆ"

'.....'

"ยิ่งตอนที่อัลฟ่าตื่นขึ้นมาแล้วเราได้คุยกัน ฉันก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ว่าพวกเราทุกคนจะไม่เป็นไร"

เป็นเพียงประโยคเรียบง่ายที่ไม่ได้แฝงความหมายใดเป็นพิเศษ แต่กลับทำให้แบล็กพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองเด็กน้อยของตัวเองนิ่ง ๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายเอื้อมมือมาบีบหูเล่นอยู่อย่างนั้นโดยไม่ถอยหนี

ไม่แม้แต่จะขยับตัวสักนิดด้วยซ้ำ

ทำได้เพียงมองดูรอยยิ้ม ที่แม้จะยังอ่อนแรงเพราะเพิ่งฟื้นไข้ แต่กลับเป็นประกายสดใสและงดงาม

ในชั่วขณะนั้น ราวกับความกังวลจากเรื่องราวทุกอย่างได้ถูกปัดเป่าออกไปจากหัวใจของเขาจนหมดสิ้น

'หึ ๆ'

ภูตหนุ่มส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะยิ่งขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อให้อีกฝ่ายบีบหูตัวเองเล่นได้ถนัดมือขึ้น

"ขอบคุณมากนะ ฉันโชคดีจริง ๆ ที่มีพวกนายอยู่"

แบล็กยังคงเงียบไม่ตอบคำ หากแต่ดวงตาคู่นั้นยิ่งทอดอ่อนลงยามมองเด็กน้อยของตัวเอง บรรยากาศอบอุ่น อ่อนโยนแผ่กระจายออกมาจากตัวของภูตหนุ่ม จนสัมผัสได้ถึงความรักและทะนุถนอมอย่างถึงที่สุด

ระหว่างพวกเขาสองคนบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดอะไร แบล็กแค่ยื่นหน้าเข้าไปเลียเบา ๆ ที่หลังมือของอีกฝ่าย แว่วเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ดังขึ้นทำให้เขาเองก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ดวงตาเรียวคมค่อย ๆ ปิดลงด้วยความผ่อนคลาย ปล่อยให้เจ้าหนูน้อยลูบขนตัวเองเล่นอยู่แบบนั้นโดยไม่ว่าอะไร

ความจริงแล้ว...

คนที่โชคดีคือฉันต่างหาก

ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้อยู่ท่ามกลางความสุขที่มากมายขนาดนี้

ขอบคุณจริง ๆ

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐

"นายว่าอัลฟ่าจะตื่นหรือยัง"

"คงใกล้แล้วแหละ"

คำตอบที่ได้รับจากคนที่เดินอยู่ข้างกัน ทำให้ชิโนบุพยักหน้าหงึกหงักอยู่ 2-3 ที ดวงตาคู่สวยมองตรงไปตามทางเดินทอดยาวที่แม้ระยะทางมันจะยังเท่าเดิม แต่เขากลับรู้สึกว่าวันนี้มันดูยืดยาวออกไปเป็นพิเศษ นายน้อยคนสำคัญแห่งตระกูลอาคาวะมุนหัวคิ้วเข้าจนแทบเป็นปม ก่อนเจ้าตัวจะยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพราะอยากไปหาคนที่ถูกพูดถึงเร็ว ๆ

เมื่อวันก่อนตอนที่ฟื้นขึ้นมา หลังจากคุยกับแบล็กอยู่พักหนึ่งเขาก็ลองมาหาอัลฟ่าแล้ว แต่อีกฝ่ายกำลังนอนพักอยู่แถมท่าทางยังดูเพลียมากก็เลยไม่กล้าปลุก ได้แต่ปล่อยให้เจ้าตัวนอนพักต่อไปเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์ตามเดิม

แบล็กบอกว่าอาการหลับลึกแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะก่อนหน้านั้นอัลฟ่าเรียกได้ว่าฝืนตัวเองพอควรกับการคอยถ่ายพลังวิญญาณให้เขาตลอดเวลา ช่วงระหว่างที่ยังมีสติอยู่จะดูไม่รู้ แต่พอได้หลับตาลง ร่างกายก็จะเร่งรักษาตัวเองทำให้เข้าสู่สภาวะหลับลึก ถ้ายังฟื้นฟูไม่ถึงระดับที่ร่างกายต้องการหรือมีเหตุให้รับรู้ได้ถึงอันตรายที่คุกคามเอาชีวิต ก็จะไม่ตื่นขึ้นมาง่าย ๆ ซึ่งมันถือเป็นกลไกการปกป้องตัวเองของพวกภูตหลาย ๆ ตน

"งั้นเรารีบเดินกันหน่อยดีกว่า"

"อืม"

ชิโนบุไม่ได้สนใจว่าแบล็กจะกำลังหลุดขำกับท่าทางรีบร้อนของตัวเอง เพราะตอนนี้ที่สำคัญคือเขาอยากไปหาอัลฟ่ามากกว่า

แม้ตอนแรกจะตั้งใจไว้ว่าจะปล่อยให้อัลฟ่าได้นอนพักวันนี้อีกวัน แต่เพราะเมื่อเช้าแบล็กบอกว่า กะจากระยะเวลาที่พักฟื้นและพลังวิญญาณที่เสียไปแล้ว อัลฟ่าน่าจะตื่นขึ้นมาบ่ายนี้นี่แหละ เขาก็เลยเปลี่ยนใจแล้วรีบเดินมาทันทีที่เข็มสั้นของนาฬิกาชี้ไปที่เลขหนึ่ง

"ชีจัง"

"แม่"

พอเห็นคนที่เรียกตัวเองไว้ตอนกำลังจะเลี้ยวไปทางห้องของอัลฟ่า บนใบหน้าน่ารักก็ปรากฏรอยยิ้มกว้างจนเต็มแก้ม ร่างสูงโปร่งรีบเดินเข้าไปหาคุณแม่คนสวยของตัวเอง แล้วกอดอีกฝ่ายแน่นอย่างอ้อน ๆ

"ทำไมลุกขึ้นมาเร็วนักล่ะลูก ไม่นอนพักอีกสักหน่อยเหรอ"

"ช่วงนี้ผมนอนเยอะจนหน้าบวมไปหมดแล้วเนี่ย"

ไม่ว่าเปล่าเจ้าตัวยังผละตัวออกมาเล็กน้อยแต่ไม่ยอมปล่อยกอด ก่อนจะแกล้งอมลมจนแก้มป่องให้คนเป็นแม่ที่เห็นแบบนั้นหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ได้แต่ยกมือขึ้นจิ้มปลายจมูกของเจ้าตัวไปทีหนึ่งด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะหันมาหาแบล็กแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

"แบล็ก คุณพ่อกับชิเงรุกำลังหาเธออยู่ล่ะจ้ะ"

"หืม?"

"มีเรื่องด่วนน่ะ"

ได้ยินแค่นั้นแบล็กก็เข้าใจได้ทันที ถึงเรื่องพวกนั้นจะถือว่าจบลงแล้ว แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยอยู่อีกหลายอย่าง ตอนนี้ทั้งหกตระกูลที่เหลือจึงยุ่งวุ่นวายกันมือไม้เป็นระวิง ไหนจะเรื่องกำลังคนที่บาดเจ็บ ไหนจะเรื่องเขตการดูแลของชิคุราเงะและโอเกทสึ แม้แต่เรื่องแผ่นยันต์และชิคิงามิที่ถูกใช้ไปอย่างมากมายมหาศาลก็ยังต้องจัดการให้เรียบร้อย เรียกได้ว่ามีตั้งแต่เรื่องเล็ก ยิบย่อย จิปาถะต่าง ๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่เรื่องโตที่ชวนปวดหัวอีกนับไม่ถ้วน

"งั้นฉันไปก่อนแล้วกัน ฝากโนบุจังเยี่ยมอัลฟ่าให้ด้วย"

"ได้"

ชิโนบุมองตามหลังของทั้งคู่ที่เดินจากไป มุมปากทั้งสองข้างที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มค่อย ๆ ลดระดับลง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ แม้ความจริงจะอยากรั้งตัวทุกคนไว้เพราะต้องการอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่เพราะรู้ดีว่าทุกอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง จนทำให้แต่ละคนยุ่งกันมาก ๆ เขาเลยไม่สามารถทำตัวเอาแต่ใจในตอนนี้ได้

เอาไว้รอให้ทุกอย่างคลี่คลายกว่านี้ค่อยบังคับให้ทุกคนหยุดรับงาน จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวก็แล้วกัน!

หลังจากมองดูทั้งแม่และแบล็กเดินหายไปจนลับสายตา ชิโนบุก็หันหลังเดินมุ่งตรงไปทางห้องพักของอัลฟ่าอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

แม้นี่จะเป็นบ้านของตัวเอง แต่ตอนเดินมาถึงหน้าประตูชิโนบุกลับไม่ได้เปิดมันออกอย่างสง่าผ่าเผย กลับกันเจ้าตัวค่อย ๆ เอื้อมมือไปเปิดช้า ๆ อย่างระมัดระวัง ดวงตาก็คอยมองลอดช่องประตูเข้าไปสำรวจข้างใน เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอทำเสียงดังจนไปรบกวนคนในห้องเข้า

ภายในห้องเงียบสงบไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ฉากกั้นไม้ถูกวางไว้หน้าประตูทางฝั่งระเบียง เพื่อบดบังแสงแดดไม่ให้สาดเข้ามาในห้องจนสว่างเกินไปนัก

อัลฟ่ายังไม่ตื่น

ชิโนบุเองก็ไม่ได้คิดที่จะปลุก เจ้าตัวจึงทำเพียงเดินเข้าไปนั่งลงข้างฟูกนอน แว่วเสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่ดังขึ้นเบา ๆ ทำให้มุมปากของคนได้ยินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง สองมือวางทาบอยู่บนหน้าขาของตัวเอง ขณะที่ดวงตาก็ไล่สำรวจไปตามโครงหน้าของคนหลับเงียบ ๆ

เวลาผ่านไปพักใหญ่ที่ภายในห้องยังคงดำเนินไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบ ชิโนบุที่สังเกตเห็นว่ามีผมปอยหนึ่งระอยู่ตรงหางตาของอีกฝ่ายจึงเอื้อมมือไปเกลี่ยออกให้

".....!"

จังหวะที่ปลายนิ้วเกี่ยวไปโดนขนตาของอัลฟ่า ชิโนบุเผลอชะงักมือไว้อย่างตกใจเพราะกลัวจะทำให้ตื่น แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิทก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะดึงมือกลับมา แต่สายตายังคงจ้องมองดวงตาที่ปิดสนิทคู่นั้นต่อไปเงียบ ๆ

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปอีกนานแค่ไหนที่ชิโนบุเอาแต่จ้องมองดวงตาที่หลับพริ้มคู่นั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังขึ้นเล็กน้อยถึงค่อยได้สติกลับมา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เปลือกตาทั้งสองข้างของคนที่หลับมานานค่อย ๆ ขยับและเปิดขึ้นช้า ๆ

"ตื่นแล้วเหรอ"

น้ำเสียงที่ได้ยินทำให้อัลฟ่ารีบตวัดตามองทันที แม้ว่าตอนนี้สติจะยังไม่แจ่มชัดเพราะเพิ่งตื่น แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ภายในแววตาก็อัดแน่นไปด้วยคลื่นอารมณ์ ราวกับทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณทำให้ร่างกายอยู่เหนือการควบคุมของสมอง เพราะเขายังไม่ทันได้คิดอะไร ร่างกายก็รีบเคลื่อนไหวไปตามอารมณ์และความรู้สึกซะแล้ว

"อะ!"

ชิโนบุที่ยังตามเรื่องตามราวไม่ทันได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความมึนงง เพราะไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะถูกดึงตัวลงมากอดซะแน่นแบบนี้ มือทั้งสองข้างที่ถูกรวบกดไว้กับแผ่นอกของอีกฝ่ายออกแรงยันไว้เบา ๆ ก่อนจะผงกหัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อช้อนดวงตาขึ้นสบกับคนที่มองลงมาอยู่ก่อนแล้ว

เนิ่นนานเป็นนาทีที่ภายในห้องมีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคน ที่ยังคงค้างอยู่ในท่านั้นไม่ได้ขยับเคลื่อนตัวแม้แต่น้อย จนกระทั่งอัลฟ่าสามารถเรียกสติของตัวเองให้กลับมาทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เขาถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรลงไป

แต่ว่า...

ถึงจะรู้แล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยกอดออกอยู่ดี มิหนำซ้ำยังกระชับแขนให้แน่นขึ้นอีกต่างหาก

ชิโนบุที่รู้สึกว่าโดนรัดเอวแน่นขึ้นเผลอมุนหัวคิ้วเข้านิด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ขืนตัวออก เพียงแค่แกล้งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงคล้ายจะดุเท่านั้น

"ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ อยู่ ๆ ตื่นขึ้นมาก็คว้าตัวคนอื่นเขามากอดแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน"

"....."

"เกิดคนที่มาเยี่ยมนายตอนนี้เป็นแบล็ก นายก็คิดจะกอดไม่ยอมปล่อยแบบนี้หรือไง"

แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งแหย่เล่น หากแต่คำถามที่ถูกส่งมา ก็ทำให้อัลฟ่ากลายเป็นฝ่ายมุนหัวคิ้วแทน ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับจิ้งจอกหนุ่มมองดูเหมือนคนที่กำลังครุ่นคิดอะไรอย่างหนัก แต่เป็นอย่างนั้นแค่เพียงครู่เดียว ปมตรงกลางหว่างคิ้วก็ถูกคลายออก แล้วเปลี่ยนมายกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ

"ถ้าเป็นแบล็กคงไม่ยอมให้ฉันกอดแบบนี้หรอก แล้วอีกอย่าง..."

"อะไร"

"ฉันก็ไม่ได้อยากจะกอดแบล็กแบบที่อยากกอดนายด้วย"

เพียงประโยคเดียวก็ทำให้คนแกล้ง เปลี่ยนมาเป็นคนถูกแกล้งที่ทั้งเขิน ทั้งอายได้ในพริบตา ผิวแก้มทั้งสองข้างแดงเรื่อ ก่อนที่มันจะลามไปถึงใบหูทั้งสองข้างได้อย่างรวดเร็ว จนต้องรีบยันตัวลุกขึ้นนั่งโดยไม่คิดจะพูดอะไรอีก

อัลฟ่าหลุดขำเบา ๆ กับท่าทางร้อนรนที่ได้เห็น ดวงตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ที่แม้ตอนนี้จะยังดูเหนื่อยอ่อนอยู่เล็กน้อย แต่ประกายสดใสในดวงตาและกิริยาท่าทางก็ดูกระฉับกระเฉงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ไม่ได้นอนหลับนิ่ง ๆ ไม่ยอมตื่นจนน่าเป็นห่วงเหมือนก่อนหน้านี้

เฮ้อ...

เสียงผ่อนลมหายใจดังขึ้นเบา ๆ จากอัลฟ่า พร้อมกับรอยยิ้มบางที่ปรากฏขึ้นตรงมุมปาก แม้ตอนนี้ร่างกายจะยังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์ดี หากแต่ความตึงเครียดทั้งหมดก็สลายหายไปแล้ว เพียงเพราะได้เห็นหน้าคนสำคัญของตัวเอง

แค่ได้เห็นว่าเจ้าตัวยังสบายดี

แค่ได้เห็นว่าเจ้าตัวยังคงอยู่ข้าง ๆ กัน

แค่นี้ก็พอแล้ว

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐

"เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะแวะไปหาเรนก่อนแล้วค่อยไปรับเธอ"

"ได้จ้ะ"

"ส่วนชิเงรุก็ปล่อยทิ้งไว้ที่นั่นแหละ ให้หาทางกลับเอาเอง"

สึกิโกะหลุดหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินดังนั้น ดวงตาคู่สวยหยีโค้งลง ทำให้ใบหน้างดงามของเธอยิ่งดูอบอุ่น อ่อนโยนขึ้นอีกหลายเท่า

แบล็กที่หันไปเห็นภาพนั้นเองก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ จึงผ่อนจังหวะการก้าวเท้าของตัวเองลงเพื่อให้เธอเดินตามทันได้โดยไม่ต้องรีบ

ภูตพิทักษ์และนายหญิงแห่งบ้านอาคาวะ เดินคุยกันไปตลอดทางตั้งแต่หน้าประตูใหญ่จนเข้ามาถึงตัวบ้าน หากแต่ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็ต้องหันมาสบตากันเองด้วยความแปลกใจ เมื่อภายในไม่ได้เปิดไฟสว่างอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเปิดไว้เพียงไม่กี่ดวงบริเวณด้านหน้าเท่านั้น

แม้ตอนนี้จะไม่ได้มืดมาก ท้องฟ้ายังคงเป็นสีส้มอมแดง แต่ตามปกติภายในบ้านจะต้องเปิดไฟสว่างทั่วทั้งหลังแล้ว แต่วันนี้ตรงส่วนที่พักกลับมืดสนิทไม่ได้เปิดไฟไว้สักดวง

"อายาเมะ ชีจังไม่อยู่เหรอ"

พอเห็นว่าผู้ดูแลคนเก่าแก่ของตระกูลออกมาต้อนรับ สึกิโกะก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ แม้การที่ลูกชายออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกจะถือเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้ร่างกายของเจ้าตัวยังไม่ถือว่าสมบูรณ์พร้อม อีกอย่างแบล็กก็อยู่กับเธอตลอด แล้วแบบนี้ชีจังจะออกไปกับใครได้ล่ะ ในเมื่ออัลฟ่าเองก็ยังต้องพักฟื้นอยู่

"นายน้อยอยู่ที่ห้องของคุณอัลฟ่าค่ะ ไม่ได้ออกไปไหน"

คำตอบที่ได้รับทำให้เธอมุ่นหัวคิ้วเข้าเล็กน้อย ในเมื่ออยู่แล้วทำไมไม่เปิดไฟ?

ถึงจะสงสัยแต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงแค่เดินมุ่งหน้าไปยังห้องพักของอัลฟ่าตามที่ได้คำตอบมา ซึ่งแบล็กเองถึงจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็เดินตามมาด้วย

ใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็เดินมาถึง ตรงบริเวณนี้ไม่ได้เปิดไฟไว้สักดวง ทำให้ทางเดินมืดสลัวกว่าส่วนอื่นของบ้าน แบล็กกระดิกหูเล็กน้อยเพื่อตั้งใจฟังเสียงที่เกิดขึ้นภายในห้อง แต่นอกจากเสียงลมหายใจของคนสองคนก็ไม่ได้ยินอะไรอีก จึงหันมาพยักหน้ากับสึกิโกะแล้วค่อย ๆ เปิดประตูออกอย่างเบามือ

"....."

ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้มุมปากของทั้งคู่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มในทันที

ภายในห้องที่เกือบจะมืดสนิท เจ้าหนูน้อยของบ้านอาคาวะกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนฟูกนอนของอัลฟ่า บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ อย่างสบายอกสบายใจ มือข้างหนึ่งวางพาดอยู่บนหมอน ขณะที่อีกข้างกำลังกอดเจ้าก้อนขนสีขาวของจิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังหลับสนิทไม่ต่างกัน

ทั้งแบล็กและสึกิโกะอมยิ้มมองภาพตรงหน้าด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันมาสบตากันแล้วค่อย ๆ เลื่อนประตูปิดลงอย่างเบามือ เพราะไม่อยากรบกวนเวลานอนพักผ่อนของทั้งคู่ ทั้งยังไม่มีความคิดที่จะปลุกให้ทั้งสองคนตื่นขึ้นมาตอนนี้อีกด้วย

"ยังไงวันนี้ชุนกับชิเงรุก็คงไม่กลับมา พวกเราเลื่อนเวลากินข้าวเย็นออกไปอีกหน่อยก็แล้วกัน"

"ได้จ้ะ"

tbc...