Chereads / ONMYOJI องเมียวจิ / Chapter 31 - 27 - ทามาโมะ โนะ มาเอะ

Chapter 31 - 27 - ทามาโมะ โนะ มาเอะ

"เกิดอะไรขึ้น"

เสียงถามที่ค่อนข้างร้อนรนดังขึ้นทันทีที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ชิโนบุรีบลงจากอ้อมแขนของอัลฟ่า ที่เขาเป็นคนบอกในตอนที่เราใกล้จะมาถึง ว่าให้เจ้าตัวกลับมาอยู่ในร่างกึ่งภูต เพราะไม่อยากให้คนอื่นที่เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกต้องตกใจ

"นายน้อย"

ชิโนบุรีบวิ่งไปตามเสียงเรียกเมื่อหันไปเห็นหนึ่งในองเมียวจิของตระกูลอาคาวะที่กำลังรับมืออยู่กับภูตสองตน ยันต์แผ่นหนึ่งถูกซัดออกไปจัดการให้ ก่อนจะรีบถามขึ้นอย่างทั้งเป็นห่วง ทั้งกังวล เมื่อเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้น

"ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้"

"ผมก็ไม่แน่ใจครับ กำลังช่วยกันคุ้มกันผนึกกับพวกโรคุบะอยู่ดี ๆ ภูตพวกนี้ก็โผล่ออกมาโจมตีเรา"

ชิโนบุเหลือบมองไปทางแอ่งน้ำที่ซึมอยู่ตามพื้นหลายแห่งแล้วก็ต้องกดหัวคิ้วเข้า ขณะที่อัลฟ่ากำลังช่วยกำจัดภูตที่อยู่ใกล้ ๆ เพียงเจ้าตัวกวาดมือออกไป ไอพลังสีแดงก็โจนทะยานเข้าจัดการภูตแปลก ๆ นับสิบตนให้แตกสลายกลายเป็นละอองน้ำได้ในครั้งเดียว

"นายบอกว่ากำลังคุ้มกันผนึก แล้วทำไมถึงมาอยู่กันตรงนี้"

คำถามของชิโนบุทำให้อัลฟ่าเองก็หันมามองอย่างแปลกใจ ตอนแรกพวกเขาสองคนก็ตั้งใจจะไปที่จุดผนึกกันทันที แต่เพราะมองเห็นความวุ่นวายตรงนี้ก็เลยลงมาดูก่อน

"เอ๋?"

คนโดนถามได้แต่กวาดตามองไปทั่วอย่างเพิ่งรู้สึกตัว จากตอนแรกที่ต่อสู้อยู่ข้างเขตผนึก กลายเป็นว่าตอนนี้มาอยู่ในเขตป่าซะแล้ว ถึงจะไม่ไกลจากจุดผนึกมากนักแต่ก็ไม่ถือว่าใกล้กัน

ทางด้านชิโนบุที่เห็นท่าทางของอีกฝ่าย ก็รู้ได้ทันทีว่าองเมียวจิทุกคนตรงนี้คงถูกล่อให้จัดการภูตผีพวกนี้จนถอยห่างออกมาจากตัวผนึก

"ยังไงก็ต้องจัดการตรงนี้ให้หมดอย่าปล่อยให้หลุดออกไปทำร้ายผู้คน เดี๋ยวทางผนึกฉันจะไปดูเอง"

สั่งการเสร็จชิโนบุก็หันไปหาอัลฟ่าที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไร วงแขนแข็งแกร่งก็โอบกระชับพาทะยานไปยังจุดผนึกเก้าหางที่อยู่ไม่ไกลทันที

ตลอดเวลาชิโนบุยังคงเอาแต่ขมวดคิ้วแน่นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เพราะเป็นห่วงคุณแม่ที่ประจำอยู่ตรงจุดผนึก ดวงตาคู่สวยมองลงไปข้างล่างตลอดเวลา จนกระทั่งใกล้ถึงที่หมายก็เริ่มเห็นการต่อสู้ของพวกองเมียวจิและภูตแปลก ๆ ของตระกูลชิคุราเงะ

ชิโนบุพยายามมองหาคุณแม่ของตัวเองด้วยความกังวล ก่อนที่ใจจะหายวาบ เมื่อเห็นร่างระหงที่คุ้นเคยกำลังรับมืออยู่กับ สุนัขห้าหาง

"แม่!"

เสียงตะโกนเรียกดังขึ้น พร้อมไอพลังสีแดงที่พุ่งเข้าไปปัดปลายหางที่หวังจะฟาดลงบนร่างของนายหญิงคนปัจจุบันแห่งตระกูลอาคาวะ เสียงร้องคำรามของสุนัขห้าหางดังขึ้นเพราะความเจ็บ มันรีบกระโดดถอยหลัง ก่อนจะตวัดตามองมาทางตัวต้นเหตุด้วยแววแข็งกร้าว

อัลฟ่าที่เห็นแบบนั้นพาคนในอ้อมแขนไปส่งใกล้ ๆ กับคุณแม่ของเจ้าตัว ก่อนมุมปากจะหยัดขึ้นเป็นรอยยิ้ม กระโจนพรวดเดียวเข้าไปเผชิญหน้ากับสัตว์หางที่คุ้มคลั่ง แล้วเปิดฉากต่อสู้ขึ้นทันที

"แม่ แม่เป็นยังไงบ้าง"

ชิโนบุรีบถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นบาดแผลหลายแห่งบนตัวของอีกฝ่าย ที่สาหัสที่สุดดูทางจะเป็นแขนซ้ายที่ถูกกรีดเป็นทางยาวจนเลือดไหลออกมาไม่หยุด

"ชีจัง"

"ทำไมห้าหางมาอยู่ที่นี่"

เจ้าตัวนี้ไม่ได้อยู่ในแผนการที่คุยกันไว้เลย!

ระหว่างที่ถามไปชิโนบุก็ช่วยปฐมพยาบาลให้คุณแม่ไปด้วย ระหว่างนั้นก็ยังแอบมองไปทางอัลฟ่าที่กำลังรับมืออยู่กับห้าหาง หัวคิ้วเหนือดวงตาคู่สวยขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกว่ามันออกจะดูดุร้ายกว่าที่ควรจะเป็น ดวงตาสีแดงฉานของมันฉายประกายเกี้ยวกราด หากแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้า ขณะที่ตามตัวเต็มไปด้วยอักขระมากมายที่ค่อนข้างอ่านยาก

ที่สำคัญ...

ตรงลำคอ ข้อเท้าทั้งสี่ และทั่วทั้งตัวมีโซ่ตรวนพันธนาการอยู่

"คล้ายกับที่อัลฟ่าโดนเลย"

ภาพตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นตามตัวของอัลฟ่ามีโซ่พันอยู่ ไหลย้อนกลับมาในหัว ตอนนั้นเขาทันเห็นว่าบนพื้นมีอักขระเขียนอยู่ด้วย แต่อ่านไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร

"เหมือนจะโดนควบคุมโดยพวกชิคุราเงะ"

สิ่งที่ได้ยินไม่ได้ผิดไปจากที่คาดไว้นัก แต่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า พวกชิคุราเงะจะสามารถควบคุมห้าหางได้ มิน่าล่ะ ตอนที่จับตัวอัลฟ่าไปถึงได้ดูมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น

หึ! แต่พวกนั้นก็ประเมินพลังของอัลฟ่าต่ำไป

จิ้งจอกเก้าหางใช้ภูตที่นึกอยากจะควบคุมก็ควบคุมได้ซะที่ไหนกัน!

ชิโนบุส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเลิกคิดถึงเรื่องของพวกชิคุราเงะชั่วคราว เจ้าตัวหันกลับมาดูบาดแผลของแม่อีกทีแล้วก็ต้องกดหัวคิ้วแน่น บนใบหน้าฉายชัดถึงความเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด ดวงตาจับจ้องไปยังแผลบนแขนซ้าย ที่แม้จะจัดการเรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังคงมีรอยเลือดซึมออกมาอยู่ดี

"แม่พักอยู่ตรงนี้ก่อนนะ"

พูดไปชิโนบุก็หยิบชิคิงามิและยันต์ส่วนหนึ่งออกมาแบ่งให้ด้วย แม้คนเป็นแม่จะไม่ยอมรับแต่เจ้าตัวก็ยัดใส่มือให้ เพราะรู้ดีว่าแม่เองก็พอใช้ศาสตร์องเมียวจิขั้นพื้นฐานได้ ถึงจะไม่ถนัดด้านต่อสู้แต่ก็คงพอปกป้องตัวเองไปได้อีกสักระยะ

เขาไม่รู้ว่าพ่อกับปู่จะจัดการเรื่องทางนั้นเสร็จเมื่อไร แบล็กเองก็คงกำลังวุ่นจนแยกตัวมาช่วยทางนี้ไม่ได้ พวกผู้นำตระกูลคนอื่นก็ต้องกระจายตัวไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย คงไม่สามารถมาเป็นกำลังหนุนตรงผนึกเก้าหางได้ในเวลาใกล้ ๆ นี้...

เดี๋ยวนะ...ผนึกเก้าหาง?!

พอนึกถึงเรื่องผนึกได้ ชิโนบุก็รีบกวาดมองไปรอบตัวทันที ถึงแม้ตรงนี้จะอยู่ใกล้จุดผนึกแต่กลับไม่เห็นมันอยู่ในสายตาสักนิด

"แม่ ผนึกเก้าหางล่ะ ใครประจำอยู่ตรงผนึก"

สึกิโกะทำได้แค่ส่ายหน้าตอบลูกชาย แค่รับมือกับห้าหางเธอก็เต็มกลืนแล้ว เพราะไม่ได้อยู่สายทำลายโดยตรงเหมือนสามี ส่วนใหญ่เธอจะมีหน้าที่สื่อสารกับวิญญาณหรือเจรจากับภูตผีให้ซะมากกว่า

ท่าทางของคนเป็นแม่ทำให้ชิโนบุยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นอย่างใช้ความคิด ก่อนจะหันไปมองทางอัลฟ่าที่กำลังรับมืออยู่กับห้าหาง และดูท่าจะผละตัวออกมาไม่ได้ในเร็ว ๆ นี้

ในขณะที่ชิโนบุกำลังเร่งประเมินสถานการณ์เพื่อตัดสินใจ ทางด้านอัลฟ่าเองก็กำลังพลิกตัวหลบปลายหางเส้นหนึ่ง ก่อนจะกระโดดขึ้นไปอยู่บนหลังของห้าหาง แผ่พลังของตัวเองกดตัวมันเอาไว้ แต่ได้แค่ครู่เดียวก็ต้องกระโดดหนีไปอีกทาง เมื่อเสียงกรีดร้องของสุนัขห้าหางดังขึ้นพร้อมจิตสังหารที่ยิ่งรุนแรงเพราะได้รับบาดเจ็บ

พื้นดินเสียหาย ต้นไม้ใกล้ ๆ หักโค่น เพราะพลังทำลายของสัตว์หางทั้งคู่ ไอพลังสีแดงและสีขาวโจนทะยานเข้าห้ำหั่นกัน จนพวกองเมียวจิและภูตตนอื่นที่อยู่แถวนั้นต้องพากันถอยหลบ แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีพลังสายใดเข้าใกล้ตรงจุดที่ชิโนบุอยู่ เพราะถูกพลังของอัลฟ่าจัดการทิ้งทั้งหมด

"แม่พักอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมไปดูผนึกแทนให้"

"ชีจัง--"

"ถ้ามีอะไรผมจะรีบเรียกอัลฟ่าทันที"

พูดไปเจ้าตัวก็ยกมือขึ้นมาชูกำไลสีขาวบนข้อมือให้ดูไปด้วย เห็นคนเป็นแม่ยังมีท่าทีเป็นห่วง ชิโนบุเลยส่งยิ้มเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรเพิ่มให้อีกเพื่อช่วยคลายกังวล แม้มันจะไม่ค่อยได้ผลก็ตามที

"ผมไปก่อนนะ ถ้าอัลฟ่าจัดการตรงนี้เสร็จก็ให้เขาตามผมไปนะ"

คนเป็นแม่ยังไม่ทันร้องห้ามชิโนบุก็รีบวิ่งไปก่อนแล้ว ร่างสูงโปร่งมุ่งตรงไปยังจุดผนึกที่อยู่ไม่ไกลทันที ระหว่างนั้นเจอพวกภูตแปลก ๆ โผล่ออกมาบ้างประปราย แต่ก็จัดการได้ไม่ยากนัก

สองเท้าออกวิ่งไปเรื่อย ๆ ก่อนจะชะงักกึก ยกมือขึ้นมาปิดหูเมื่อได้ยินเสียงหวีดแหลมคล้ายกระจกที่กำลังแตกร้าว ดวงตาคู่สวยพยายามกวาดมองไปทั่วเพื่อหาต้นตอ แต่กลับต้องสะท้านไปทั้งตัวกับบรรยากาศกดหนักของพลังอะไรบางอย่างที่ค่อย ๆ ปะทุขึ้น

"ไม่นะ"

เสียงพึมพำดังขึ้นเพียงแผ่วเบา ก่อนเจ้าตัวจะรีบวิ่งไปยังจุดกำเนิดพลังน่าสะพรึงกลัวนั้นทันที

ยิ่งมุ่งหน้าไปหัวคิ้วขององเมียวน้อยก็ยิ่งมุนเข้าจนแทบเป็นปมกับความรู้สึกชวนขนลุก เสียงปริร้าวยังคงดังบาดหูตลอดเวลาและยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าใกล้

จนกระทั่ง...

"หยุดนะ!"

เสียงตะโกนดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ผู้นำตระกูลชิคุราเงะกำลังทำพิธีทำลายผนึกของจิ้งจอกเก้าหาง วงเวทย์หลายวงถูกวาดซ้อนทับกันอยู่บนพื้นที่มีเลือดถูกเทลงไป

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเลือดของอัลฟ่า

"อย่ามาขวาง!"

เสียงตะโกนดังตอบกลับมาขณะที่วงเวทย์กำลังจะถูกวาดจนเสร็จ ชิโนบุรีบวิ่งเข้าไปหวังทำลายพิธี แต่เพียงแค่เท้าแตะเข้าไปในวงเวทย์ จากเสียงปริร้าวก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกระจกแตก พร้อมไอพลังน่าขนลุกที่แผ่กระจายออกมาจนพาลพาให้ขนลุกไปทั้งตัว

แรงกดดันและจิตสังหาร ทำให้ชิโนบุเผลอชะงักนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก แข้งขาอ่อนแรงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น จิตสังหารตรง ๆ จากเก้าหางที่ไม่เคยได้สัมผัส ทำให้ความกลัวถูกปลุกขึ้นมาจนแทบสิ้นสติ ถ้าไม่ใช่เพราะความอุ่นวาบจากกำไลตรงข้อมือที่ช่วยเรียกสติกลับมา เขาคงได้ยืนงงอยู่ตรงนั้นจนทำอะไรไม่ถูกแน่ ๆ

"อัลฟ่า"

ชิโนบุเผลอยกมือขึ้นมาจับกำไลไว้ เขาไม่เคยรู้เลยว่าจิตสังหารของเก้าหางจะน่ากลัวขนาดนี้ เพราะอัลฟ่าไม่เคยใช้มันกับเขา

ดวงตาคู่สวยมองฝ่าเข้าไปในม่านหมอก เห็นเป็นร่างของหญิงสาวนางหนึ่งในชุดกิโมโน รอบตัวของเธอถูกปกคลุมด้วยไอพลังสีทอง ที่ทั้งน่าสยดสยองและน่าขนลุกไปพร้อม ๆ กัน เป็นสัมผัสของพลังอันแข็งแกร่งคล้าย ๆ ของแบล็ก และเป็นสัมผัสของพลังอำนาจคล้าย ๆ กับของอัลฟ่า แต่...

ดูอันตรายกว่าสองคนนั้นมาก

"ฉันเป็นคนช่วยเธอออกมา"

เสียงจากผู้นำตระกูลชิคุราเงะ ทำให้ชิโนบุเพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้ไม่ได้มีแค่ตัวเองคนเดียว ชายหนุ่มผู้นำตระกูลอีกคนกำลังยิ้มออกมาอย่างดีใจ ในมือมียันต์ที่ถูกแปรเปลี่ยนเป็นโซ่เส้นใหญ่พุ่งออกไป พร้อมกับที่ตัวชายหนุ่มเองก็กำลังจะเดินเข้าไปหาหญิงสาว...ที่ค่อย ๆ หันหน้ากลับไปมองช้า ๆ

"เธอ--อั่ก!"

คำที่เหลือยังไม่ทันถูกเอ่ยออกมา ร่างทั้งร่างก็ถูกพวงหางสีทองฟาดกระเด็นไปชนต้นไม้ใกล้ ๆ จนหักโค่น ขณะที่โซ่เส้นใหญ่พุ่งเข้าชนกับกำแพงพลังสีทองจนแตกสลายไป

เสียงคำรามของจิ้งจอกเพศเมียดังขึ้น พร้อมกระแสลมรุนแรงที่ยิ่งทำให้ผนึกถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ พวกผู้คุ้มกันคนอื่นของชิคุราเงะโดนกระแสพลังนั้นอัดกระแทกจนได้รับบาดเจ็บกันอย่างหนัก

ชิโนบุสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงร้องระงมด้วยความเจ็บของคนพวกนั้น ก่อนจะรีบมองหาทางหนีเพราะดูท่าไม่ดี แต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหนก็ต้องรีบก้มตัวหลบปลายหางที่ฟาดลงมา

พวงหางทั้งเก้าสะบัดส่ายอยู่ด้านหลังหญิงสาวรูปร่างงดงาม ที่ใต้ดวงตาทั้งสองข้างปรากฏริ้วเล็ก ๆ สองเส้นคล้ายกับของอัลฟ่า แต่เป็นสีทองสีเดียวกับดวงตา

ความปรารถนาอย่างแรงกล้าฉายชัดอยู่ในดวงตาของนางจิ้งจอก เมื่อหันมองมาทางชิโนบุ พลังวิญญาณที่สูงกว่าคนทั่วไป ทำให้ความต้องการในตัวนางถูกกระตุ้น ส่งปลายหางมาหมายจะคว้าตัวมาเป็นเหยื่อของตน แต่ชิโนบุกลิ้งหลบได้ก่อนจึงโดนปลายหางถากไปตรงสีข้างไม่ได้โดนแทงเข้าตรง ๆ

เลือดสด ๆ ไหลซึมออกมาจากบาดแผลพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นริ้วขึ้นมา มือข้างหนึ่งกดปากแผลไว้เพื่อชะลอการไหลของเลือด ขณะที่อีกข้างก็ยันพื้นเพื่อลุกขึ้น ก่อนจะส่งชิคิงามิในรูปลักษณ์เหยี่ยวตัวใหญ่ออกไปสองตัวเพื่อถ่วงเวลา

แต่เพียงแค่โดนปลายหางฟาดลงมา มันก็แตกสลายหายไปทันที

หัวคิ้วเหนือดวงตาคู่สวยขมวดมุ่น ขณะที่ในใจก็ร้องเรียกหาอัลฟ่าระหว่างหลบหนีปลายหางทั้งเก้าไปด้วย

เวลาผ่านไปเพียงครู่สั้น ๆ ทั้งตัวทายาทคนสำคัญของอาคาวะก็มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด

"....."

เสียงหอบหายใจดังขึ้นอย่างหนัก กำไลที่สวมอยู่พอจะช่วยกันได้บ้าง แต่เพราะพลังของเก้าหางเองก็แข็งแกร่ง ชิโนบุจึงยังคงโดนแรงสะท้อนกลับมา

ดวงตาคู่สวยเหลือบลงมองกำไลที่ตอนนี้เปลี่ยนจากอุ่นเป็นร้อน ก่อนหางตาจะเหลือบเห็นปลายหางสีทองเส้นหนึ่งที่กำลังจะฟาดเข้าใส่ แต่เพราะมันใกล้เกินไปจนไม่สามารถขยับหลบไปทางอื่น เลยได้แต่ยกแขนข้างที่สวมกำไลขึ้นกันไว้

".....!?"

ความเจ็บปวดที่ควรจะได้รับกลับกลายเป็นเพียงสายลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่าน เมื่อไอพลังสีแดงพุ่งเข้ากระแทกหางเส้นนั้นจนนางจิ้งจอกต้องเก็บหางกลับไป ก่อนจะกรีดร้องออกมาอย่างดุร้ายเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับอย่างไม่ทันตั้งตัว

ชิโนบุรีบหันไปมองเจ้าของพลังที่กำลังกระโจนเข้ามาทันที ทั่วทั้งตัวของอีกฝ่ายในตอนนี้อาบไปด้วยเลือดจนแดงฉานอย่างน่าตกใจ

"อัลฟ่า"

ชิโนบุได้แต่ร้องเรียกขึ้นมาอย่างทั้งดีใจทั้งเป็นห่วง รีบยื่นมือไปหาตอนที่อีกฝ่ายพุ่งตัวเข้ามา...

"ชิโนบุ!"

เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง มองดูคนสำคัญของตัวเองที่โดนพวงหางสีทองกระชากตัวไปต่อหน้าต่อตา พร้อมกับม่านพลังสีทองที่โผล่ขึ้นมาขวางกั้นไว้

เมื่อกี้ตอนได้ยินเสียงเรียกของชิโนบุผ่านกำไลอัลฟ่าตกใจมาก ยิ่งรับรู้ได้ถึงความมุ่งร้ายจากเสี้ยววิญญาณของตัวเองที่สถิตอยู่ในกำไลก็ยิ่งเป็นห่วง พยายามปลีกตัวออกมาแต่กลับโดนห้าหางขัดขวางไว้ ความหงุดหงิดทำให้เขาเริ่มลงมือรุนแรงขึ้น จนกระทั่งได้กลิ่นเลือดของเจ้าตัวลอยมาตามลมนั่นแหละ ถึงได้โมโหจนแทบขาดสติ ตวัดกรงเล็บทีเดียวเกือบตัดคอสัตว์หางตัวนั้นขาดแล้วรีบตามมา

กรรรรร!

เสียงขู่คำรามดังขึ้นพร้อมดวงตาคู่คมที่เรืองแสงสีแดงเข้มยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ความกรุ่นโกรธปะทุขึ้นจนริ้วแดงใต้ดวงตาตวัดยาวไปถึงหางตา ไอพลังสีแดงแผ่ออกมาห่อหุ้มตัวเองไว้ ก่อนจะพุ่งชนเข้ากับม่านพลังสีทองที่ขวางกั้นจนเกิดรอยร้าวกระจายตัวไปทั่ว

แรงกดดันและจิตสังหารของเก้าหางสองตน รุนแรงจนภูตวิญญาณที่พวกชิคุราเงะสร้างขึ้นจากพลังของสามหางแตกสลายกลายเป็นละอองน้ำไปทั้งหมด แม้แต่ภูตแท้ ๆ บางตนที่ต่อสู้กันอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นยังเผลอช็อคกลางอากาศ ขณะที่พวกภูตชั้นสูงรีบกระจายตัวถอยห่างออกไปตามสัญชาตญาณ

ภาพหายากของเก้าหางสองตนที่กำลังจะห้ำหั่นกัน กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างรอบบริเวณนั้นหยุดชะงัก แล้วพากันหันมาให้ความสนใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นทันที

tbc...