"แปลกจริง ๆ ด้วย"
ทันทีที่เดินมาถึงจุดที่อัลฟ่าบอกชิโนบุก็เผลอขมวดคิ้วแน่น กระแสพลังแปลก ๆ ที่แผ่กระจายออกมาจากบริเวณนี้ เป็นสิ่งที่เขาไม่รู้จักและไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปโดยรอบเพื่อสำรวจหาสิ่งผิดปกติ แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากเนินทรายธรรมดา ที่ออกจะมีขนาดใหญ่กว่าเนินลูกอื่นเพียงแค่นั้น
"....."
แว่วเสียงคำรามเบา ๆ มาจากทางแบล็กให้เจ้าตัวต้องหันไปมอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดีเพราะระยะทางค่อนข้างไกลจากกัน
"เดี๋ยว"
เสียงห้ามของอัลฟ่า ทำให้ชิโนบุที่กำลังจะก้าวขาชะงักตัวเองไว้ทันที ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้กำลังจ้องพื้นเขม็ง ก่อนจะรีบถอยออกไปอย่างรู้งานเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นมา
ไอพลังสีแดงปรากฏขึ้นบนฝ่ามืออัลฟ่า ก่อนที่เจ้าตัวจะสะบัดมันใส่ตรงพื้นที่รู้สึกได้ถึงกระแสพลังแปลก ๆ บางอย่าง
ครืน!
ทันทีที่พลังของอัลฟ่ากระทบกับพื้นทรายบริเวณนั้น แรงสะเทือนที่ใต้เท้าก็ทำให้ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน ก่อนอัลฟ่าจะรีบพาชิโนบุกระโดดหลบไปอีกทาง เมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะโผล่ขึ้นมา
ฟ่อ ~ ~
เสียงขู่ฟ่อดังขึ้นก่อนที่ตัวมันจะปรากฏออกมาจากทรายเสียอีก ทั้งอัลฟ่าและชิโนบุหลุดสบถออกมาคนละทีก่อนจะกระโจนหลบไปคนละทาง เมื่อภูตในรูปร่างงูขนาดใหญ่พุ่งตัวเข้ามาโจมตีทั้งที่ทรายยังร่วงจากตัวมันไม่หมดด้วยซ้ำ
"ภูตอัญเชิญ!"
เสียงตะโกนของชิโนบุจากอีกฝั่ง ทำให้อัลฟ่าเผลอกดหัวคิ้วเข้า แสดงว่าวงเวทย์เมื่อครู่ถูกเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ว่าถ้ามีสิ่งใดมาสัมผัสจะปรากฏภูตงูตนนี้ออกมาทันที ถึงแม้เมื่อกี้อัลฟ่าจะใช้พลังทำลายซัดใส่ก็ไม่มีผล สุดท้ายวงเวทย์อัญเชิญเมื่อมีบางอย่างมากระทบ ก็จะทำงานโดยการอัญเชิญภูตออกมา
"ชิ!"
อัลฟ่าได้แต่นึกหงุดหงิดเมื่อเจ้างูยักษ์มุดลงดินไปจนหาตัวไม่เจอ ร่างสูงใหญ่กระโดดวูบเดียวก็ไปยืนอยู่ข้างชิโนบุได้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พื้นดินใต้เท้าของทั้งคู่สั่นสะเทือนจนต้องก้มลงมอง ก่อนอัลฟ่าจะคว้าเอวเจ้าตัวกระโจนหลบไปอีกทางได้ทัน เมื่อภูตงูโผล่ตัวขึ้นมาจากพื้นทรายอีกครั้ง
"เป็นภูตอัญเชิญก็แสดงว่าผู้อัญเชิญต้องอยู่แถวนี้ถูกไหม"
"ใช่ แต่ว่า--"
เสียงพูดของชิโนบุถูกขัดด้วยภูตงูยักษ์ที่พุ่งตัวใส่พวกเขาทั้งคู่ ชิโนบุหันมากอดคออัลฟ่าไว้เพื่อให้เจ้าตัวเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ในขณะที่อัลฟ่าเองก็โอบเอวเจ้าตัวแน่นแล้วพากระโดดหลบมาอีกทาง
"เมื่อกี้จะพูดอะไร"
"จะบอกว่าวงเวทย์ที่ใช้มันแปลก ๆ"
เมื่อกี้ตอนที่วงเวทย์เรืองแสงขึ้นมา ชิโนบุทันมองเห็นอักขระไม่คุ้นตาบางตัวที่ถูกวาดเพิ่มขึ้นในวงเวทย์อัญเชิญ ที่สำคัญคือวงเวทย์นั้นมีกระแสพลังแปลก ๆ ปกคลุมอยู่ด้วย
"ยังไง"
"มันมีอักขระที่ฉันไม่รู้จักเขียนอยู่"
"หืม?"
อัลฟ่าหันมามองหน้าชิโนบุอย่างแปลกใจ ซึ่งเจ้าตัวเองก็จนใจเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงดี องเมียวน้อยเหลือบมองไปทางภูตงูที่ทำท่าจะมุดดินลงไปอีกครั้ง ชิคิงามิถูกหยิบเข้ามือ ก่อนเจ้าตัวจะส่งออกไปในรูปลักษณ์เหยี่ยวสองตัวเพื่อบินก่อกวนการมุดลงดินของภูตงู แล้วตามด้วยชิคิงามิในรูปลักษณ์สิงโตขนาดใหญ่อีกหนึ่งตัว
"นายใช้พลังวิญญาณได้คล่องแล้วใช่ไหม"
"พอตัวอยู่"
คำตอบของอัลฟ่าทำให้ชิโนบุพยักหน้ารับอย่างค่อนข้างพอใจ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองชิคิงามิทั้งสามของตัวเองที่กำลังถ่วงเวลาภูตงูอยู่ เจ้าตัวเดินนำไปยังจุดที่วงเวทย์อัญเชิญถูกร่ายไว้เมื่อครู่ โดยมีอัลฟ่าตามมาติด ๆ
ฟ่อ ~
เสียงขู่จากด้านหลังทำให้ชิโนบุรีบหันกลับไปมอง จึงทันเห็นว่าชิคิงามิในรูปลักษณ์เหยี่ยวทั้งสองของตัวเองถูกทำลายทิ้งไปแล้ว ในขณะที่ชิคิงามิสิงโตเองก็กำลังจะถูกทำลายตามไปด้วย
"ยังมีชิคิงามิอีกไหม"
คำถามจากอัลฟ่าทำให้ชิโนบุพยักหน้าแล้วหยิบชิคิงามิขึ้นมาอีกสอง ดวงตาคู่สวยมองอัลฟ่าที่หยิบชิคิงามิจากมือเขาไปถือไว้ ไอพลังสีแดงจาง ๆ จากมืออัลฟ่าไหลเข้าไปในกระดาษทั้งสองใบ ก่อนที่เจ้าตัวจะส่งมันคืนกลับมาให้เขา
"ฉันใส่พลังของตัวเองเข้าไป น่าจะใช้ถ่วงเวลาได้ดีกว่าเดิม"
คำอธิบายของอัลฟ่าทำให้ชิโนบุส่งเสียง 'อา' เบา ๆ ตอบกลับไป ก่อนจะส่งชิคิงามิทั้งสองออกไปในรูปลักษณ์เหยี่ยวขนาดใหญ่อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้แรงกดดันจากชิคิงามิทั้งสองดูเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ ไอพลังสีแดงจาง ๆ เคลือบอยู่ที่ตัวพวกมันทั้งคู่ ทำให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นและทนทานขึ้นกว่าเดิม
"นายลองมาดูตรงนี้หน่อยว่ามีไอวิญญาณเหลืออยู่ไหม"
พอเห็นว่าทางนั้นไม่น่าจะมีปัญหา ชิโนบุก็เรียกอัลฟ่าให้ช่วยมาไขข้อสงสัยของตัวเอง ร่างสูงโปร่งขยับหลบเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายเข้ามาดูได้สะดวกขึ้น
อัลฟ่าย่อตัวลงแตะฝ่ามือบนพื้นทราย ไอพลังสีแดงจาง ๆ ปรากฎที่ฝ่ามือพร้อมกับริ้วสีแดงสองเส้นที่ปรากฎชัดขึ้นมาใต้ดวงตาทั้งสองข้าง รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไปบางส่วน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในการกลับมาอยู่ในร่างกึ่งภูตของเจ้าตัว
"ไอวิญญาณไม่เหลือ แต่กระแสพลังแปลก ๆ ยังเหลืออยู่--"
ยังพูดไม่ทันจบประโยค อัลฟ่าก็หันขวับไปยังทิศทางหนึ่งจนชิโนบุต้องหันตามไป และโดยไม่ทันมีคำอธิบายอะไร อัลฟ่าก็อุ้มชิโนบุลอยหวืดขึ้นจากพื้นแล้วกระโจนไปยังทิศทางนั้นทันที
"อัลฟ่า?"
"มันกำลังจะหนี"
"รู้แล้วเหรอว่าอยู่ไหน"
"กระแสพลังเชื่อมถึงกัน เมื่อกี้ตอนฉันพูดถึงไอวิญญาณ กระแสพลังที่เหลืออยู่ก็มีการเปลี่ยนแปลงทันที"
แค่พูดจบอัลฟ่าก็พาชิโนบุมาถึงเนินทรายอีกลูกที่อยู่ไม่ไกลจากจุดเดิมนัก ทันทีที่เท้าแตะพื้น บางอย่างภายในเนินทรายก็เคลื่อนไหว ให้ทั้งอัลฟ่าและชิโนบุหันต้องไปมอง
"....."
เพียงแค่เห็นว่าเป็นอะไร ทั้งคู่ก็แบ่งกันลงมือทันทีโดยไม่จำเป็นต้องพูด กระแสพลังสีแดงแผ่กระจายจากตัวอัลฟ่า กระแทกร่างภูตระดับกลางสามตนที่พุ่งตัวเข้ามาจนกระเด็นไปไกล ในขณะที่ชิโนบุซัดยันต์ที่เตรียมพร้อมไว้ตลอดเข้าใส่ภูตสองตนที่โผล่มาจากทางด้านหลัง ฝ่ามือยกขึ้นประสานระดับอก ก่อนที่อาคมสลายวิญญาณจะทำงานจนภูตสองตนนั้นกลายเป็นละอองแสงหายไป
ระหว่างที่ชิโนบุจัดการภูตจากด้านหลัง อัลฟ่าก็จัดการกับภูตระดับกลางอีกสองตนที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นด้านล่าง ดวงตาคู่คมเหลือบมองไปยังทิศทางหนึ่ง เมื่อรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวผิดปกติ ก่อนจะใช้พลังวิญญาณของตัวเองย้อนเข้าร่างของภูตสองตนนั้นจนมันอ่อนกำลังลง
"เดี๋ยวมานะ ระวังตัวด้วย"
เสียงของอัลฟ่าดังขึ้นพร้อมกับร่างกายที่เคลื่อนไหวหายไปจากตรงนั้นทันที ปล่อยให้ชิโนบุได้แต่มุนหัวคิ้วเข้าเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงให้ความสนใจกับภูตสองตนที่กำลังจะพุ่งเข้ามา ยันต์ในมือถูกซัดออกไปทันที หากแต่ยังไม่ทันใช้คาถาซ้ำ แค่เฉพาะพลังชำระในยันต์ก็ทำให้ภูตสองตนนั้นสลายกลายเป็นละอองแสงไป
การจัดการกับภูตที่ง่ายเกินไปยิ่งทำให้ชิโนบุกดหัวคิ้วแน่นขึ้น ก่อนจะหลุดขำออกมาเบา ๆ เพราะรู้ดีว่านี่ต้องเป็นฝีมือของเจ้าคนขี้ห่วงนั่นแน่ ๆ
ถ้าจะลดพลังภูตพวกนี้จนโดนแค่ยันต์ก็ตาย งั้นสู้จัดการไปเองเลยไม่ดีกว่าหรือไง
ชิโนบุได้แต่คิดขึ้นมาอย่างขำ ๆ ก่อนจะหันไปยังภูตสามตนที่โดนพลังของอัลฟ่าผลักกระเด็นไปเมื่อครู่ ยันต์ในมือถูกซัดออกไป แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิด คืออัลฟ่าจัดการย้อนพลังวิญญาณเข้าร่างของพวกมันจนเหลือพลังชีวิตอยู่แค่เล็กน้อย แค่โดนพลังชำระล้างของยันต์ก็สลายกลายเป็นละอองแสงโดยไม่จำเป็นที่เขาจะต้องท่องคาถาสลายวิญญาณเลยด้วยซ้ำ
"ขี้ห่วงชะมัดเลย จะให้สู้ทั้งทีก็ยังลดพลังศัตรูให้ฉันอีก"
ถึงแม้จะบ่นไปแบบนั้น แต่มุมปากทั้งสองข้างกลับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามมองหาคนที่อยู่ ๆ ก็หายไป
ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปโดยรอบ ก่อนจะมองไปทางฝั่งของแบล็กเมื่อได้ยินเสียงร้องคำรามดังขึ้น หัวคิ้วทั้งสองข้างกดเข้าเล็กน้อยเมื่อเห็นเงาดำราง ๆ ขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่ไปมา ซึ่งจากที่เดาก็คิดว่านั่นน่าจะเป็นแบล็กที่คืนร่างเดิมแล้ว
แต่ถึงขั้นทำให้แบล็กต้องคืนร่างเดิมได้ คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา ๆ แน่
ยิ่งคิดได้แบบนั้นหัวคิ้วก็ยิ่งขมวดแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้านบนเมื่อมีเงาบางอย่างพาดผ่านไป แม้จะอยู่สูงมากแต่ชิโนบุก็พอมองเห็นปีกขนนกสีดำสนิทของบางสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ และตอนนี้มันก็กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา
ยิ่งสิ่งนั้นเข้ามาใกล้เท่าไรก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นใคร แต่ก่อนที่ร่างเจ้าของปีกขนนกสีดำนั่นจะเข้ามาถึงตัว อ้อมแขนคุ้น ๆ ของใครบางคนก็คว้าตัวเขาหลบออกมาอีกทาง
"อัลฟ่า?"
ดวงตาเจ้าของชื่อวาวโรจน์ แสดงความไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจนขณะมองไปยังเจ้าของปีกขนนกสีดำสนิท ที่แม้จะพลาดเป้าจากการคว้าตัวชิโนบุแต่ก็พลิกตัวกลับลงพื้นได้อย่างนิ่มนวล
"อะไรกันเนี่ยเจ้าหนู"
คำถามจากร่างมีปีกตรงหน้า ทำให้อัลฟ่ากดหัวคิ้วแน่นจนแทบรวมเป็นเส้นเดียว แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ปล่อยจิตสังหารใด ๆ แต่แค่แรงกดดันเฉพาะตัวที่แผ่กระจายออกมา ก็ทำให้รู้ว่าระดับฝีมือไม่ธรรมดา เก่งมาก...อาจจะพอ ๆ กับแบล็กเลยด้วยซ้ำ
แต่แล้วยังไง
ต่อให้เก่งแค่ไหนเขาก็ไม่สนหรอก
มือที่กอดเอวคนข้าง ๆ อยู่เผลอกระชับให้แน่นขึ้น ดวงตาคู่คมมองสบกลับไปอย่างไม่เป็นมิตร โดยลืมนึกถึงข้อเท็จจริงบางอย่างไปเสียสนิท
"อัลฟ่าใจเย็น"
"....."
"กำไลไม่มีปฏิกิริยาเห็นไหม"
ขณะที่พูดองเมียวน้อยก็ยกมือขึ้นมาโชว์กำไลให้ดูไปด้วย ซึ่งทันทีที่เห็นแบบนั้นอัลฟ่าก็ชะงักไปเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ถ้าเป็นตอนที่เขาอยู่ใกล้ ๆ กำไลจะไม่มีปฏิกิริยาอยู่แล้ว แต่เมื่อกี้เขาอยู่ไกลจากชิโนบุมาก ถ้าหากมีจิตมุ่งร้ายจากเจ้าของปีกขนนกนั่นกำไลก็จะต้องมีปฏิกิริยา แต่นี่กลับไม่มี นั่นก็หมายความว่า...
"นั่น'เร็น'เป็นเท็นงู เขาคือภูตพิทักษ์ของอาโอโทระ และเป็นเพื่อนสนิทแบล็กด้วย"
พอได้ยินแบบนั้นอัลฟ่าก็คลายความระแวงทั้งหมดลง พร้อมทั้งปล่อยมือจากเอวของชิโนบุ จิ้งจอกหนุ่มผงกหัวให้ทีหนึ่งเป็นการขอโทษที่ทำตัวเสียมารยาทใส่เมื่อครู่ ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ยิ้มตอบกลับมาอย่างไม่ได้ติดใจอะไร แต่พอหันมาหาชิโนบุที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ภูตพิทักษ์สุดแข็งแกร่งของตระกูลอาโอโทระก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที
"ทั้งที่มาถึงนี่แท้ ๆ แต่กลับมาเที่ยวเล่นอยู่ตรงนี้ไม่ยอมไปหาฉันที่จุดผนึก น่าน้อยใจชะมัด"
คำตัดพ้อพร้อมสีหน้าน้อยอกน้อยใจอย่างที่ดูก็รู้ว่าแกล้งทำของอีกฝ่าย ทำให้ชิโนบุได้แต่เบะปากใส่ จนได้รับเสียงหัวเราะอย่างชอบใจตอบกลับมา
"เร็น นี่อัลฟ่า"
"เป็น?"
โฮกกกกกกกก
คำถามของเร็นถูกขัดด้วยสียงคำรามของตัวอะไรบางอย่าง จนทั้งสามคนต้องพากันหันไปมอง ซึ่งที่มาของเสียงก็คือทิศทางที่แบล็กอยู่
เป็นเพราะตรงนี้อยู่ใกล้จุดของแบล็กมากกว่าตรงที่ภูตงูโผล่ออกมา ชิโนบุจึงมองเห็นได้ชัดขึ้นเล็กน้อย จากตอนแรกที่เห็นเพียงเงาดำราง ๆ ของแบล็กที่เคลื่อนไหวอยู่ ในตอนนี้กลับมีเงาลาง ๆ ของอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในอากาศเพิ่มขึ้นมาด้วย
"ไอ้หมานั่นไปเล่นสนุกอะไรอยู่คนเดียวน่ะ"
เพราะภูตมองเห็นได้ดีกว่ามนุษย์ เร็นจึงเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นตรงจุดนั้นได้อย่างชัดเจน เจ้าตัวมุ่นหัวคิ้วเข้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมาหาชิโนบุเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายถาม
"แบล็กกำลังจัดการกับอะไรสักอย่างอยู่ ว่าแต่นายเถอะทำไมถึงมาตรงนี้ไม่ประจำอยู่ที่จุดผนึก"
"รู้สึกได้ถึงกระแสพลังแปลก ๆ ก็เลยออกมาดู จนมาเจอเข้ากับชีจังนี่แหละ"
บทสนทนาสั้น ๆ ของทั้งคู่จบลงแค่นั้น ก่อนชิโนบุจะหันมาหาอัลฟ่าอย่างนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เขามีเรื่องที่จะถามเจ้าตัวเหมือนกัน
"เมื่อกี้นายไปไหนมา"
"ตามรอยคน ๆ หนึ่งไป"
"ใคร"
"ยังไม่รู้"
คำตอบที่ได้รับทำให้ชิโนบุมุ่นหัวคิ้วเข้าอย่างแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเลือกจะถามต่อ
"แล้วหมอนั่นไปไหนแล้ว"
"หนีไปทางแบล็ก ปล่อยให้แบล็กจัดการ"
คำตอบของอัลฟ่ายังคงทำให้ชิโนบุขมวดคิ้วแน่นเหมือนเดิม แต่ก็พอเดาได้ลาง ๆ ว่าความจริงเจ้าตัวก็คงอยากตามไปนั่นแหละ แต่น่าจะเป็นเพราะเห็นว่าเร็นกำลังจะลงมาคว้าตัวเขา อัลฟ่าไม่รู้จักภูตพิทักษ์ของตระกูลอื่น ตอนเห็นเขาจะโดนเอาตัวไปคงตกใจเลยรีบย้อนกลับมา
"ขี้ห่วงจนลืมไปเลยหรือไงว่าเคยให้กำไลฉันไว้"
"....."
"แต่ยังไงก็ขอบใจนะ"
รอยยิ้มขอบคุณที่ได้รับทำให้อัลฟ่าเผลอยิ้มตามไปอย่างไม่รู้ตัว แต่แล้วก็ต้องหันขวับกลับไปมองทางด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงขู่ฟ่อที่คุ้นเคย ซึ่งคราวนี้ดังขึ้นถึงสองเสียง
"เฮ้ เมื่อกี้ฉันแวะฟันมันขาดครึ่งไปแล้วนะ"
ร่างกึ่งภูตของเท็นงูหนุ่มโผบินขึ้นท้องฟ้าทันทีเมื่อถูกภูตงูยักษ์ตนหนึ่งทำท่าจะฉกใส่ ในขณะที่อัลฟ่าก็รีบคว้าตัวชิโนบุหลบไปอีกทางเพราะถูกภูตงูยักษ์อีกตัวพุ่งเข้าโจมตีเหมือนกัน
"ทำไมมันมีสองตัว"
คำถามของอัลฟ่า ตัวชิโนบุเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ดวงตาคู่สวยตวัดมองไปทางภูตงูทั้งสองตัวที่มีลักษณะเหมือนกันไม่มีผิด แล้วก็ยิ่งกดหัวคิ้วแน่นขึ้น ภายในหัวประมวลผลอย่างรวดเร็วถึงสิ่งที่พอจะเป็นไปได้ ก่อนเจ้าตัวจะหลุดร้องออกมาเบา ๆ แล้วเงยหน้าตะโกนใส่เร็นที่กำลังบินล่อไปมาอยู่บนฟ้าเหมือนกำลังสนุกที่ได้แกล้งให้ภูตงูอีกตนหัวเสีย
"เร็น เพราะนายไปฟันมันขาดครึ่งแน่ ๆ ถึงได้แยกออกเป็นสองตัวแบบนี้ รับผิดชอบด้วย"
"ได้"
เสียงขานรับกลับมาพร้อมรอยยิ้มอย่างคนที่กำลังสนุก ก่อนเจ้าตัวจะกระพือปีกสร้างลมพายุลูกย่อม ๆ กระแทกใส่ภูตงูยักษ์แล้วผ่าตัวมันออกเป็นสองท่อนอีกครั้ง
ดวงตาสามคู่จับจ้องอยู่ที่ร่างของงูยักษ์ที่ถูกสายลมฟันขาดเป็นสองท่อน กระแสพลังแปลก ๆ ที่แผ่ออกมาจากตัวของมัน ทำให้ทั้งสามเผลอขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ ด้วยความสงสัย แต่แล้วก็ต้องพากันถอยห่างไปไกล เมื่อตรงรอยผ่าของภูตงูค่อย ๆ ขยายออกเป็นส่วนลำตัว ก่อนที่มันจะเริ่มขยับจนกลายเป็นภูตงูที่เพิ่มขึ้นมาอีกตนหนึ่ง
"นี่มันอะไรกัน มันคือภูตอะไร"
คำถามของชิโนบุมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ ทั้งอัลฟ่าและเร็นไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ พวกเขาทำได้แค่หลบการโจมตีของภูตงูยักษ์ที่จากตอนแรกมีตัวเดียว แต่ตอนนี้กลับเพิ่มจำนวนขึ้นถึงสาม
"ชีจังทำไงดี ฉันไม่กล้าเฉือนมันแล้วนะ เดี๋ยวมันงอกเพิ่ม"
"ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้"
ทางด้านอัลฟ่าที่แม้จะไม่ได้คุยกับอีกสองคนแต่ก็กำลังเคร่งเครียดไม่แพ้กัน ถ้าแม้แต่ภูตพิทักษ์ของตระกูลใหญ่อย่างอาโอโทระ และทายาทคนสำคัญของอาคาวะยังไม่รู้ว่าจะรับมือกับไอ้งูแยกร่างนี่ยังไง เขาเองก็จนปัญญาเหมือนกัน
โฮกกกกกกกก
เสียงคำรามของแบล็กครั้งนี้ฟังดูดังขึ้นและใกล้ขึ้น อาจเป็นเพราะยิ่งถอยหนีการโจมตีของภูตงูทั้งสามเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้กับจุดของแบล็กมากขึ้นเท่านั้น
ใกล้มาก...
ใกล้จนตอนนี้แค่หันหน้ากลับมาก็มองเห็นกันชัด ๆ ไม่ได้เห็นแค่เงาเหมือนก่อนหน้านี้
'อะไรน่ะ!'
พอเห็นมาเห็นภูตงูยักษ์สามตัวที่ทั้งสามคนลากมาใกล้ ๆ แบล็กที่อยู่ในร่างภูตก็หันมาถามอย่างค่อนข้างตกใจ ขณะที่ตัวเองก็รับมืออยู่กับองเมียวจิไม่คุ้นหน้าห้าคนและคิวคิ ภูตในร่างเสือมีปีกที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายและพละกำลัง
"แบล็ก มันงอกเพิ่มได้ด้วยอะ"
'งอกอะไร'
เพราะจู่ ๆ ชิโนบุก็พูดขึ้นมาโดยไม่เกริ่นนำอะไรก่อน แบล็กเลยได้แต่ถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ
"ฉันเฉือนมันขาดสองท่อนแล้วมันก็งอกเพิ่มเป็นตัวใหม่ออกมา"
อีกเสียงที่ได้ยินทำให้แบล็กหันขวับไปมองทันที เป็นเพราะเมื่อกี้เขามัวแต่สนใจอัลฟ่ากับชิโนบุอยู่ เลยไม่ทันเห็นเพื่อนซี้เพียงคนเดียวที่เป็นภูตพิทักษ์เหมือนกัน ว่าเจ้าตัวก็อยู่ที่นี่ด้วย
'ไอ้นก ทำไมมาอยู่นี่'
"ฉันสิต้องถามนายไอ้หมา ทำไมพาเจ้าหนูสองคนมาโผล่ตรงนี้ ทำไมไม่พาไปที่จุดผนึกเลย"
'อย่าเพิ่งบ่น ไหน ๆ มาแล้วก็จัดการคิวคิให้ที มีปีกเหมือนกันนี่'
คนโดนโยนภาระให้ได้แต่มุ่ยหน้าใส่ แต่ถึงอย่างนั้นก็บินโฉบเข้าไปรับหน้าที่ต่อทันที ทำให้แบล็กในตอนนี้สามารถหันไปจัดการกับพวกองเมียวจิที่เหลือได้ง่ายขึ้น
ทางด้านอัลฟ่าและชิโนบุเองก็กำลังรับมืออยู่กับภูตงูยักษ์ทั้งสาม ชิโนบุใช้ยันต์ผนึกการเคลื่อนไหวของงูยักษ์ตนหนึ่ง ส่วนอีกตัวก็ส่งชิคิงามิสามตัวที่เคลือบไว้ด้วยพลังของอัลฟ่าออกไปรับมือ ในขณะที่ตัวสุดท้ายก็มีอัลฟ่าที่พยายามจะหาวิธีจัดการอยู่
การต่อสู้ที่ติดพันทั้งสามจุด ทำให้แต่ละคนแทบไม่มีเวลาไปสนใจกัน ร่างสีดำขนาดใหญ่ของแบล็กกระโจนหลบยันต์ที่สองในห้าขององเมียวจิแปลกหน้าซัดเข้าใส่ ก่อนจะตวัดกรงเล็บสวนกลับไป แต่ก็ชนเข้ากับชิคิงามิที่ทางนั้นใช้ออกมารับแรงปะทะแทน อินุงามิหนุ่มกัดฟันแน่นอย่างเริ่มหงุดหงิดกับพลังแปลก ๆ ที่ตัวเองไม่รู้จัก แต่ก่อนจะได้ทำอะไรต่อ ก็ต้องกลับมาให้ความสนใจกับภูตทรายที่เกาะอยู่บนหลัง
'ท่าน..สีดำ...'
'อะไร'
'ไปช่วย..จะ ไปช่วย...'
ว่าแล้วเจ้าตัวก็ชี้มือไปทางชิโนบุและอัลฟ่าที่กำลังรับมืออยู่กับภูตงูยักษ์ทั้งสาม
'เธอจะไปช่วยโนบุจังเหรอ'
'อือ...'
คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้แบล็กเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าจู่ ๆ เจ้าตัวจะขอลงไปช่วยเอง ทั้งที่ปกติเป็นภูตที่ขี้กลัวมากแท้ ๆ
'งั้นฉันจะพาเธอไปส่งที่โนบุจังนะ'
'อือ'
การพยักหน้ารับอย่างแข็งขันทำให้แบล็กหลุดยิ้มออกมานิด ๆ
ดูท่าว่าภูตทรายตนนี้คงโดนโนบุจังขโมยหัวใจไปอีกตนแล้ว
ทั่วทั้งร่างของอินุงามิถูกปกคลุมด้วยไอพลังสีดำ ขณะที่เจ้าตัวกระโจนวูบเดียวมาถึงจุดหมายที่ต้องการ ร่างสุนัขขนาดใหญ่แปรเปลี่ยนกลับมาเป็นคน แล้วคว้าเอาสุนาคาเคะที่อยู่บนหลังมาวางลงตรงพื้นข้าง ๆ ชิโนบุ ก่อนที่เจ้าตัวจะกระโจนออกไปแล้วกลับคืนสู่ร่างสีดำอีกครั้ง
"โอบาจิ?"
คนที่กำลังตั้งใจใช้ยันต์ผนึกการเคลื่อนไหวของภูตงู ได้แต่ก้มลงมองร่างคุณป้าตัวจิ๋วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างแปลกใจ เพราะตอนแบล็กเอาเจ้าตัวมาทิ้งไว้ก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ยังไม่ทันได้คำตอบอะไรกลับมา ละอองทรายก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้นแล้วรวมตัวกันเป็นหอกทราย พุ่งเสียบเข้ากลางร่างภูตงูที่เพิ่งจัดการกับชิคิงามิเสร็จไปหนึ่งตัว
"โอ้โห เก่งมาก"
คำชมที่ไม่คิดว่าจะได้รับ ทำให้ภูตทรายในร่างคุณป้าหลุดยิ้มออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะพยักหน้ารับหงึกหงักเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายถามขึ้น
"สร้างหอกขึ้นมาอีกหลาย ๆ เล่มแล้วปักงูตัวนั้นตรึงไว้กับพื้นได้ไหม"
'อือ'
ละอองทรายขนาดมากกว่าเดิมลอยขึ้นจากพื้นด้วยฝีมือของสุนาคาเคะ ก่อนจะรวมตัวกันเป็นหอกทรายหลายเล่ม พุ่งเข้าปักตรึงงูยักษ์ตนนั้นกับพื้นทรายจนมันขยับไปไหนไม่ได้อีก ทำได้เพียงแค่กรีดร้องลั่นด้วยความคับแค้น
เสียงแรกยังไม่ทันเงียบ เสียงที่สองก็กรีดร้องดังขึ้นอยู่ไม่ไกล จนทำให้ทั้งชิโนบุและโอบาจิต้องหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่างูอีกตนถูกอัลฟ่าฉีกกระชากกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งเศษเนื้อและคราบเลือดกระเด็นเปรอะเปื้อนเป็นวงกว้าง...
แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีงูตัวใหม่เพิ่มขึ้นมา
"ดูท่าต้องฉีกให้เละจริง ๆ มันถึงจะงอกเพิ่มไม่ได้"
ระหว่างที่พูด อัลฟ่าก็เดินกลับมายังงูอีกตัวที่โดนหอกทรายของโอบาจิตรึงอยู่ที่พื้น ดวงตาคู่คมมองสำรวจเล็กน้อย ก่อนจะหันมาหาเจ้าของหอก
"โอบาจิ ช่วยตรึงตัวนั้นให้ชิโนบุด้วยได้ไหม"
'ไม่ ได้..ใช้ สมาธิ..กด ตัวนั้น...'
คำตอบของเจ้าตัวทำให้อัลฟ่าพยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยไม่ว่าอะไร ร่างสูงใหญ่ย่อตัวลงตรงหน้าภูตงูตนนั้น ฝ่ามือวางทาบลงบนหัวของมันก่อนที่ละอองแสงสีแดงจะแผ่กระจายจากฝ่ามือไหลเข้าไปในร่างของภูตงู เป็นเวลาเพียงครู่สั้น ๆ ที่เสียงกรีดร้องเริ่มดังขึ้น ร่างขนาดใหญ่ของภูตงูยักษ์ดิ้นพล่านอย่างทุรนทุราย ไม่ต่างจากภูตงูอีกตนที่อยู่ ๆ ที่เริ่มมีเลือดไหลออกตามปากและจมูกเช่นกัน
"พลังวิญญาณเชื่อมกันจริง ๆ ด้วย...ก็ดี จะได้ตายพร้อมกันไปเลย"
ประโยคของอัลฟ่าทำให้โอบาจิเผลอกระแซะตัวเข้าไปเกาะขาของชิโนบุอย่างหวาดกลัว
บอกแล้ว..บอกแล้วว่าสองคนนี้น่ากลัว น่ากลัวมาก ๆ คนที่ไม่เคยเห็นหน้าแต่บินอยู่บนฟ้านั่นก็น่ากลัวไม่แพ้กันด้วย
อ้ากกกกกกก
'อ้ากกกกกกก'
เสียงกรีดร้องจากทั้งภูตและคนที่ดังขึ้นทำให้ชิโนบุต้องละสายตาจากอัลฟ่าแล้วหันไปให้ความสนใจกับทางที่ได้ยินเสียง ภาพแรกที่เข้ามาในระยะสายตาก่อน คือร่างของคิวคิที่ตกกระแทกพื้นเพราะถูกสายลมของเร็นเฉือนปีกทิ้งทั้งสองข้าง ก่อนจะตามมาด้วยภาพของหนึ่งในองเมียวจิแปลกหน้าทั้งห้า ที่ถูกพลังของแบล็กปัดไปกระแทกเข้ากับเนินทรายใกล้ ๆ อย่างแรง
สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว ยิ่งตอนนี้แบล็กกัดเข้าที่ร่างองเมียวจิอีกคนแล้วสะบัดทิ้งไปยังจุดใกล้ ๆ กับคนแรก จนตอนนี้คนที่ยังพอจะต่อสู้ได้เหลือเพียงสามคนเท่านั้น
"หือ?"
เหมือนชิโนบุจะเห็นว่าหนึ่งในสามคนนั้นเหลือบมองมาทางเขา ก่อนสามคนนั้นจะหันไปสบตากัน และโดยไม่มีใครทันตั้งตัว แรงสั่นสะเทือนก็เกิดขึ้นตรงพื้นทรายใต้ฝ่าเท้า
ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะรู้ว่าพวกตัวเองกำลังเสียเปรียบ จึงคิดจะใช้เขาเป็นตัวล่อความสนใจจากแบล็กเพื่อหาจังหวะหลบหนี ชิโนบุนึกอยากจะตะโกนบอกแบล็กว่าให้จัดการพวกมันไปเลยไม่ต้องสนใจทางนี้ แต่แค่อ้าปากก็เกือบเสียหลักเพราะแรงสะเทือน สุดท้ายเลยทำได้แค่คว้าตัวภูตทรายที่อยู่ใกล้ ๆ แล้ววิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น ซึ่งทันฉิวเฉียดกับปากขนาดใหญ่ที่โผล่พ้นทรายขึ้นมาเตรียมจะงับพวกเขาเข้าไปพร้อมกัน
สถานการณ์สำหรับชิโนบุในตอนนี้ถือเป็นช่วงที่อันตรายมาก เพราะแบล็กที่รู้ตัวก่อนใครดันอยู่ไกลที่สุด ในขณะที่เร็นและอัลฟ่าระยะทางพอกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่าไกลมากอยู่ดี ที่สำคัญตอนนี้เร็นกำลังติดพันอยู่กับการจัดการคิวคิ ส่วนอัลฟ่าเองก็เสียหลักจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว เพราะทันทีที่เขาและโอบาจิเสียสมาธิ ทั้งยันต์และหอกทรายที่ผนึกการเคลื่อนไหวของภูตงูไว้ก็ไม่สามารถใช้การได้ จนภูตงูสองตนนั้นกลับมาเคลื่อนไหวและพุ่งเข้าโจมตีอัลฟ่าอีกครั้ง
".....!"