"ยังอยู่ไหม"
"อยู่"
เสียงสองเสียงที่ตอบขึ้นพร้อมกัน ทำให้คนถามพยักหน้ารับเบา ๆ ดวงตาคู่สวยมองลอดตามต้นไผ่เข้าไปด้านในเพื่อลองสำรวจดูคร่าว ๆ
ตอนนี้พวกเขาทั้งสามยืนอยู่ตรงทางเข้าป่าไผ่ที่เคยเจอกับสุนาคาเคะตนนั้น บริเวณโดยรอบเงียบสนิทไม่มีผู้คนเดินผ่าน เนื่องจากเป็นเวลาค่อนข้างดึกมากแล้ว ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะจะทำให้จัดการอะไรได้สะดวกขึ้น อย่างตอนที่มาถึง ชิโนบุก็ให้อัลฟ่ากับแบล็กสัมผัสพลังวิญญาณของสุนาคาเคะดูได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องกลัวใครเห็น
และถือเป็นโชคดีมากที่การมาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว
"ไปกันเถอะ"
ทันทีที่พูดจบแบล็กก็เป็นคนเดินนำเข้าไปก่อน ตามด้วยชิโนบุและปิดท้ายด้วยอัลฟ่าเหมือนอย่างทุกที
ทั้งสามคนเดินเข้าไปเงียบ ๆ โดยไม่คุยอะไรกันอีกเลย เวลาผ่านไปพักใหญ่ที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงกลางป่า เสียงการเคลื่อนไหวไม่ไกลจากจุดที่อยู่ ทำให้ทั้งสามไหวตัว ทั้งอัลฟ่าและแบล็กไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่กลับแบ่งหน้าที่กันได้อย่างลงตัว
แบล็กเป็นคนกระโจนออกไปยังจุดที่เกิดการเคลื่อนไหวผิดปกติ ในขณะที่อัลฟ่าขยับเข้าไปประชิดตัวชิโนบุอย่างรวดเร็ว
หมับ!
พอเห็นว่าอัลฟ่าอยู่ใกล้ ๆ ชิโนบุก็คว้าแขนเจ้าตัวไว้ทันที มือหนึ่งกำยันต์ไว้เพื่อเตรียมพร้อม ขณะที่อีกมือก็เกาะแขนอัลฟ่าเอาไว้แน่น
ตอนนี้เป็นตอนกลางคืน เป็นช่วงเวลาของภูตผี เขาจะดื้ออยากจัดการเองเหมือนเมื่อตอนเย็นไม่ได้เพราะไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่บ้าง ถึงบางทีจะงอแงไปหน่อย แต่ชิโนบุก็รู้ดีว่าตัวเองยังไม่เก่งถึงขั้นพร้อมสู้ในทุกสถานการณ์เหมือนคุณปู่กับคุณพ่อ ถ้าเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็นก็ว่าไปอย่าง แต่มืด ๆ ค่ำ ๆ แบบนี้แค่คอยระวังตัวแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่อัลฟ่ากับแบล็กดีกว่า จะได้ไม่เกะกะหรือเผลอทำตัวเป็นภาระโดยไม่ตั้งใจ
"หึ ๆ"
เสียงหัวเราะเบา ๆ จากคนข้าง ๆ ทำให้ชิโนบุจำต้องละสายตาจากการมองสำรวจโดยรอบเพื่อหันไปมองเจ้าตัว สิ่งแรกที่เห็นคือดวงตาคู่นั้นที่เหมือนจะเรืองแสงขึ้นเล็กน้อยในความมืด ส่วนสิ่งต่อมา...
ก็คือรอยยิ้มขำ ๆ ที่ถูกส่งมาให้
"ขำอะไร"
"ไม่คิดว่านายจะเกาะแขนฉันไว้ด้วย"
"กลัวนายทิ้งฉัน"
"ก็รู้อยู่แก่ใจว่าฉันไม่มีทางทำแบบนั้น"
ถ้อยคำที่ตอบกลับมาทำให้ชิโนบุแอบหันไปยิ้มอีกทางในขณะที่อัลฟ่าทำเพียงอมยิ้มนิด ๆ โดยไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่าเจ้าตัวลืมไปหรือเปล่าว่าภูตมองเห็นในความมืดได้ดีกว่ามนุษย์ ต่อให้จะหันหนีไปอีกทางแบบนั้น เขาก็ยังมองเห็นมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มของเจ้าตัวอยู่ดีนั่นแหละ
แต่ไม่พูดออกไปหรอก...
กลัวจะเขินแล้วทำหน้ามุ่ยกลบเกลื่อน ถึงแม้แบบนั้นจะดูน่ารักดี แต่ยังไงเขาก็ชอบเวลายิ้มมากกว่า
กรี๊ดดดดด
เสียงกรีดร้องหวีดแหลมที่ดังขึ้นไม่ไกล ทำให้ชิโนบุเผลอเกาะแขนคนข้าง ๆ แน่นขึ้น ในขณะที่อัลฟ่าเองก็มุนหัวคิ้วเข้าเล็กน้อย ดวงตามองฝ่าความมืดไปยังทิศทางของเสียง ซึ่งเป็นทางเดียวกับที่แบล็กกระโจนหายไป
เวลาผ่านไปอีกครู่สั้น ๆ คนที่หายไปก็กลับมาพร้อมหิ้วคอภูตตนหนึ่งติดมือมาด้วย
"เจอละ"
"เจ้าของเสียง?"
"ใช่"
"ที่วิ่งหนีเมื่อกี้ด้วย?"
"ถูก"
บทสนทนาสั้น ๆ ของแบล็กและอัลฟ่าจบลงเพียงแค่นั้น แต่ก็ทำให้ทั้งสามเข้าใจตรงกันว่า เจ้าของการเคลื่อนไหวผิดปกติที่แบล็กตามไปดูก็คือสุนาคาเคะตนนี้ คาดว่ามันคงมาแอบดูเพื่อหาทางจัดการคนที่รุกล้ำเข้ามาในป่า แต่เพราะสัมผัสได้ว่าอัลฟ่ากับแบล็กไม่ธรรมดาเลยตัดสินใจจะหนีแทน
"เมื่อกี้ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงกรี๊ด"
"โดนฉันจับตัวได้"
คำตอบจากแบล็กทำให้ชิโนบุพยักหน้ารับเบา ๆ เจ้าตัวปล่อยมือที่เกาะแขนอัลฟ่าแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าภูตทรายที่ตอนนี้กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เหลือบมองหน้าอัลฟ่าที แบล็กทีด้วยท่าทางน่าสงสาร
"ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่ทำอะไร จะไม่มัดเธอด้วย แค่มีเรื่องจะถาม"
ประโยคที่ได้ยินทำให้สุนาคาเคะเหลือบตาขึ้นมองเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงมองพื้นแล้วกอดตัวเองแน่นเหมือนเดิม ท่าทางแบบนั้นทำให้ชิโนบุเผลอมุนหัวคิ้วเข้า ก่อนจะหันไปพูดกับอัลฟ่าและแบล็กด้วยน้ำเสียงดุ ๆ ขณะที่ตัวเองก็ย่อตัวลงเพื่อจะได้คุยกับภูตทรายได้สะดวกขึ้น
"หยุดแผ่แรงกดดันกันก่อนสิ"
"ฉันหยุดไปนานแล้วนะโนบุจัง"
"ยังไม่ได้ทำอะไรเลย"
พอเจอเข้ากับน้ำเสียงห้วน ๆ เหมือนติดจะหงุดหงิดนิด ๆ ของชิโนบุ ทั้งสองหนุ่มก็รีบตอบกลับไปทันที พวกเขายืนอยู่เฉย ๆ ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย สุนาคาเคะตนนี้ขี้กลัวเกินไปเองต่างหาก
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองเจ้าหมาขาวและหมาดำเล็กน้อยหลังได้ยินคำปฏิเสธของทั้งคู่ ก่อนจะหันกลับมามองภูตทรายตรงหน้าที่จนตอนนี้ก็ยังไม่หยุดสั่นเหมือนเดิม องเมียวน้อยถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงอีกนิด เพื่อให้สุนาคาเคะตนนี้คลายความหวาดกลัวลง
"ไม่ต้องกลัว ถ้าเธอสัญญาว่าจะตอบคำถามฉัน ฉันจะไม่ให้ใครทำอะไรเธอ"
ประโยคที่ได้ยินทำให้สุนาคาเคะเงยหน้าขึ้นมองชิโนบุอย่างหวาด ๆ เหมือนมันไม่ค่อยจะแน่ใจนักกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะถ้าว่ากันตามตรง ในสายตาภูตที่มองอะไรไม่ซับซ้อนเท่ามนุษย์ เด็กหนุ่มคนนี้มีฝีมือด้อยกว่าอีกสองตนนั้นมาก...
สองตนที่แรงกดดันรุนแรงแม้จะยืนอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร
สองตนที่แค่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็รู้สึกอยากฆ่าตัวตายเองซะให้รู้แล้วรู้รอดไป
แล้ว...
เด็กคนนี้จะเอาอะไรไปห้ามได้หากสองตนนั้นจะลงมือ
ราวกับรับรู้ถึงความคิดของสุนาคาเคะ แบล็กที่ยืนคุ้มกันอยู่ด้านหลังยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทางสบาย ๆ หากแต่น้ำเสียงจริงจังไม่มีแววของความล้อเล่นปนอยู่เลย
"ถ้าเขาไม่ให้ทำฉันก็ไม่ทำ"
"ฉันก็เหมือนกัน"
อีกประโยคที่ถูกยืนยันจากอัลฟ่า ทำให้สุนาคาเคะเหลือบมองทั้งคู่อย่างระแวง ก่อนจะกลับมาจ้องหน้าชิโนบุอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็ส่งสีหน้ากลับมาประมาณว่า 'จะเชื่อได้หรือยัง'
'สัญ ญา..สัญญา...'
"สัญญา ถ้าเธอตอบทุกอย่างโดยไม่โกหก ฉันจะไม่ให้พวกเขาทำอะไรเธอ"
ภูตทรายเงียบไปครู่หนึ่งคล้ายกำลังใช้ความคิด ก่อนที่มันจะค่อย ๆ พยักหน้ารับ ร่างเล็ก ๆ ของหญิงชรานั่งลงกับพื้น พร้อมทั้งยกสองขาขึ้นมากอดเข่าไว้ ใบหน้าเปื้อนทรายซุกลงกับเข่า ก่อนจะเงยขึ้นมาให้เห็นแค่ดวงตาทั้งสองข้างเพียงเท่านั้น
'ถาม..ถามมา...'
"ทำไมถึงหนีมาจากนารา"
เมื่อโอกาสมาถึงชิโนบุก็ไม่อ้อมค้อม เจ้าตัวถามถึงสิ่งที่อยากรู้ทันที ซึ่งหลังจากได้ยินคำถามนั้น สุนาคาเคะก็ตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทางของมันดูหวาดกลัวมากจนคนมองทั้งสามได้แต่ขมวดคิ้วแน่น
'น่ากลัว น่า กลัว...'
"อะไรที่น่ากลัว"
'ในทราย มี บางอย่าง น่า..กลัว...'
"รู้ไหมว่าคืออะไร"
'ไม่ รู้'
คำตอบที่ได้ดูไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไรนัก แต่ถึงอย่างนั้นชิโนบุก็ยังเลือกจะถามต่อไป ในขณะที่อัลฟ่าและแบล็กยืนกอดอกคอยระวังทั้งหน้าและหลังไปด้วย ตั้งใจฟังสิ่งที่องเมียวน้อยของพวกเขาคุยกับภูตทรายไปด้วย
"เพราะรู้สึกถึงบางอย่างที่น่ากลัว เธอเลยหนีมาที่นี่เหรอ"
'ใช่'
"....."
'นอกจาก น่า กลัว..มีคน...ด้วย...'
ประโยคนั้นทำให้ชิโนบุขมวดคิ้วแน่นทันที ดวงตาคู่สวยเหลือบขึ้นสบกับแบล็กและอัลฟ่าเงียบ ๆ ก่อนจะหันกลับมาหาสุนาคาเคะแล้วถามต่อ
"ใคร"
'ไม่รู้..แปลก ๆ...หา บางอย่าง...'
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันทีหลังสิ้นประโยคนั้น ชิโนบุใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มเล่นระหว่างใช้ความคิด หัวคิ้วทั้งสองข้างกดเข้าและยังไม่มีทีท่าว่าจะคลายออกเลยสักนิด ปลายนิ้วเผลอคลึงกำไลเล่นอย่างลืมตัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นคุยกับแบล็กและอัลฟ่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ไปนารากัน"
"พรุ่งนี้ วันนี้พอแล้ว"
"ก็หมายถึงพรุ่งนี้นั่นแหละ"
พอโดนแบล็กใช้น้ำเสียงที่ดุขึ้น ชิโนบุก็เปลี่ยนมาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ไม่บ่อยนักที่แบล็กจะใช้เสียงแบบนี้ ปกติเจ้าตัวตามใจเขาจะตาย แต่นี่คงเห็นว่าวันนี้เจออะไรมาเยอะแล้ว คงอยากให้เขากลับไปพักเอาแรงก่อนนั่นแหละ
"งั้นกลับไปก็บอกชุนด้วย"
"อือ"
พอคุยกับแบล็กเสร็จ ชิโนบุก็หันกลับมาหาสุนาคาเคะที่จนตอนนี้ก็ยังคงตัวสั่นอย่างหวาดกลัวไม่หยุด
"ไปนารากับฉัน"
'ไม่..ไม่...'
ไม่พูดเปล่า เจ้าภูตทรายยังขยับถอยหลัง แต่พอรู้สึกได้ถึงการขยับตัวของแบล็กก็รีบหยุดตัวเองไว้ ร่างคุณป้าวัยชราคู้ลงกับพื้นแล้วกอดตัวเองแน่น ขณะที่ริมฝีปากก็ขยับพึมพำออกมาไม่หยุด
'กลัว..กลัว...'
"ไม่ต้องกลัว"
'น่ากลัว'
"เราจะให้การคุ้มครองเธอเอง แค่ไปนารากับฉัน"
พอได้ยินว่าจะได้รับการคุ้มครองสุนาคาเคะก็เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของภูตทรายดูราวกับจะมีน้ำตาไหลออกมาอยู่รอมร่อ
คงจะกลัวมากจริง ๆ
"เขาจะเป็นคนคอยคุ้มครองเธอ เธอก็รู้ใช่ไหมว่าเขาเก่งมาก ไม่มีอะไรทำอันตรายเธอได้แน่นอน"
พูดไปชิโนบุก็ชี้มือไปที่แบล็กด้วย สุนาคาเคะมองตามแล้วก็ได้แต่กอดตัวเองแน่นขึ้น พึมพำเสียงเบาจนฟังแทบไม่ออก
'คุ้มครอง..คุ้ม ครอง...'
"ในเมื่อเขาบอกให้คุ้มครองฉันก็จะคุ้มครองเธอ บอกไปแล้วไงว่าถ้าเขาสั่งฉันจะทำ"
ประโยคของแบล็กทำให้สุนาคาเคะหันไปมองหน้าเจ้าตัวอย่างชั่งใจ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าชิโนบุอีกครั้ง เมื่อได้ยินประโยคที่ถามขึ้น
"ไม่อยากกลับไปบ้านหรือไง"
แค่ได้ยินคำว่าบ้าน น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ก็ไหลออกมาทันที เสียงสะอื้นหลุดรอดออกมาจากร่างที่กอดตัวเองไว้แน่น ภูตในร่างคุณป้าร้องไห้ออกมาอย่างหนักแบบไม่อายใคร เพราะจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้อยากทิ้งที่นั่นมา ที่นั่นเป็นที่ที่อยู่มาตั้งนาน แต่เพราะความน่ากลัวที่สัมผัสได้ทำให้จำใจต้องจากมา...
จากบ้าน
จากเพื่อนพ้อง
'กลับ..อยากกลับ...'
"งั้นพรุ่งนี้เราไปนารากัน"
'อยาก กลับ...บ้าน...'
"เข้าใจแล้ว"
เห็นภูตตรงหน้านั่งกอดเข่าร้องไห้แล้ว ชิโนบุก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาทำเพียงแค่ลุกขึ้นแล้วถอยไปยืนรออยู่ข้างอัลฟ่าเงียบ ๆ โดยไม่เอ่ยปากเร่งสักคำ
เพราะได้พบเจอกับพวกภูตผีมากมายมาตั้งแต่เด็ก จึงรู้ดีว่าจริง ๆ แล้ว พวกนี้เองก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากมนุษย์เรา
ดีใจเป็น หัวเราะเป็น...
เสียใจเป็น ร้องไห้เป็น...
คนเรารู้สึกเศร้าแค่ไหนที่ต้องไปไกลจากบ้าน ภูตพวกนี้เองก็เศร้าใจไม่ได้น้อยไปกว่ากัน
๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
'ตรงนั้น..ตรง นั้น...'
หลังจากมาถึงนารา ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังจุดที่สุนาคาเคะบอก ตลอดทางภูตในร่างคุณป้าจะคอยชี้มือบอกว่าไปทางนี้ ทางนั้น จนกระทั่งมาถึงเนินทรายขนาดไม่ใหญ่นัก เจ้าตัวก็บอกให้หยุด มือข้างหนึ่งชี้ไปยังเนินทรายขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล ขณะที่อีกมือก็เกาะไหล่แบล็กไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
"ตรงนั้นเหรอ"
'อือ..'
"ดูไม่น่าจะมีอะไรนะ"
'มี..ใน ทราย...'
พอได้ยินแบบนั้นชิโนบุกับอัลฟ่าก็ทำท่าจะเดินต่อ แต่แล้วก็ต้องหันไปมองทางแบล็ก เมื่อได้ยินเจ้าตัวไอออกมาเสียงดัง ใบหน้าที่ปกติจะมีรอยยิ้มทะเล้นประดับอยู่ตลอดเวลาตามประสาคนอารมณ์ดี ในตอนนี้กลับดูหงุดหงิดจนพวกภูตหลายตนที่อาศัยอยู่แถวนั้นพากันเผ่นหายไปไกลลิบ
ซึ่งตัวการที่ทำให้แบล็กหงุดหงิดมาตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง ก็คือภูตคุณป้าตัวจิ๋วที่เกาะอยู่บนหลังนั่นแหละ ทั้งชิโนบุและอัลฟ่านึกอยากจะช่วยแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อปัญหามันอยู่ที่...
"ทรายเข้าปากฉันอีกแล้ว"
น้ำเสียงหงุดหงิดที่ได้ยิน ทำให้สุนาคาเคะค่อย ๆ ลดมือที่ชี้บอกตำแหน่งลง ใบหน้าเปื้อนทรายหันไปมองแบล็กด้วยท่าทีหวาด ๆ จนชิโนบุที่เห็นแบบนั้นรู้สึกสงสารอยู่ไม่น้อย
"เธอไม่ได้ตั้งใจน่าแบล็ก"
"ก็รู้..แค่ก!"
พูดได้แค่นั้นเจ้าตัวก็หันไปถุยทรายออกจากปากอีกทาง ทุกครั้งที่สุนาคาเคะขยับตัว เป็นต้องมีเศษทรายปลิวเข้าปากเขาตลอดเลย
"โอบาจิ"
เจ้าของชื่อหันขวับไปหาคนเรียกทันที ดวงตาเป็นประกายฉายแววดีใจอย่างปิดไม่มิด เพราะเพิ่งจะเคยมีชื่อเป็นของตัวเองครั้งแรก แม้ภูตระดับสูงรวมไปถึงระดับกลางบางตัวจะมีชื่อ แต่ภูตระดับล่างและระดับกลางบางตัวที่ฝีมือไม่ได้เก่งกาจมาก จะไม่มีชื่อเป็นของตนเอง นอกเสียจากจะมีใครใจดีตั้งให้ ซึ่งก็มีโอกาสน้อยนัก
ใบหน้าน่ากลัวของคุณป้าวัยชราปรากฏรอยยิ้มเล็ก ๆ ขึ้นตรงมุมปาก ก่อนจะขานตอบกลับไปอย่างกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เพราะอีกฝ่ายคือคนที่ตั้งชื่อให้ตอนพากลับไปที่บ้านด้วยเมื่อคืน
เป็นคนตั้งชื่อให้...เป็นคนใจดี
"สะลัดทรายออกจากตัวก่อนไม่ได้เหรอ"
ชิโนบุหันมาถามโอบาจิ หรือก็คือสุนาคาเคะที่เขาเป็นคนตั้งชื่อให้ ด้วยการเอาคำว่าคุณป้ามาแปลงเสียงจาก โอบะซัง เป็น โอบาจิ เพราะเจ้าตัวมีรูปร่างคล้ายคุณป้าวัยชรา แต่ขนาดตัวเล็กพอ ๆ กับเด็กหญิงวัย 8-9 ขวบ
'ไม่..ได้...'
"ลงก่อน"
พอสุนาคาเคะตอบมาแบบนั้น แบล็กก็หันมาสั่งให้เจ้าตัวลงจากหลังตัวเองก่อน ซึ่งภูตคุณป้าก็ทำตามที่บอกโดยไม่คัดค้านอะไร แม้จะมีท่าทีงง ๆ ก็ตาม ทางด้านชิโนบุและอัลฟ่าก็ได้แต่มองมาด้วยความสงสัย เพราะพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแบล็กกำลังจะทำอะไร
"....."
ละอองแสงสีดำจากฝ่ามือของแบล็ก ลอยเข้าปกคลุมร่างของสุนาคาเคะไว้ครู่หนึ่ง และทันทีที่จางลง ร่างสกปรกมอมแมมของคุณป้าวัยชราก็ดูสะอาดขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก เศษทรายที่เคยติดตามตัวกลับหายไปหมดไม่มีเหลือให้เห็นอีกเลย
"อยู่ในร่างนี้ไปก่อน"
'ไม่..ไม่ ชอบ...'
พอเห็นว่าตัวเองอยู่ในรูปลักษณ์ไหน สุนาคาเคะก็รีบก้มลงคว้าเอาเศษทรายที่พื้นมาเทราดตัวเองให้เป็นแบบเดิม แต่แล้วก็มีลมแรงพัดมาจนเศษทรายหลุดออกจากตัวจนหมด ซึ่งเจ้าของลมที่ว่าก็กำลังยืนทำหน้าบูดอยู่ข้าง ๆ ฝ่ามือคว้าเข้าที่คอเสื้อคุณป้าตัวจิ๋ว แล้วหิ้วมาวางแปะลงที่หลังตัวเองเหมือนเดิม
'ไม่ ชอบ...'
โอบาจิยังคงบ่นต่อไปไม่ยอมเลิก แม้ความจริงจะเกรงกลัวอินุงามิตนนี้มาก แต่ก็ไม่ชอบร่างนี้มาก ๆ เหมือนกัน มันไม่มีเศษทรายติดตัวให้อุ่นใจเลย ไม่สบายใจ!
"รู้แล้วว่าไม่ชอบ เดี๋ยวจบเรื่องนี้แล้วจะคืนร่างเดิมให้"
ไม่ว่าเปล่า แบล็กยังจับมืออีกฝ่ายให้มาเกาะไหล่ตัวเองดี ๆ เพราะเจ้าตัวเอาแต่ยุกยิก ๆ จนเกือบจะหล่นลงไปหลายรอบ
'อยาก..ได้ ทราย...'
"ตอนนี้ไม่ได้ เวลาเธอขยับตัวมันปลิวเข้าปากฉัน จนตอนนี้ทรายเต็มกะเพราะไปหมดแล้วเนี่ย"
'ทราย...'
"ไว้เสร็จเรื่องจะคืนร่างเดิมให้ ฟังรู้เรื่องไหม"
น้ำเสียงที่เริ่มดุขึ้นทำให้ภูตทรายในร่างคุณป้าได้แต่พยักหน้ารับอย่างจำยอม ทางด้านอัลฟ่าและชิโนบุที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นก็ได้แต่อมยิ้มขำ ๆ กับการเถียงกันเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้น
หลังจากจัดการอะไรได้เรียบร้อยตามใจแบล็กแล้ว ทั้งสามคนรวมถึงสุนาคาเคะที่เกาะหลังแบล็กอยู่ ก็มุ่งหน้าไปยังเนินทรายขนาดใหญ่ทันที ทั้งที่มองจากที่ไกล ๆ แล้วดูไม่ผิดปกติอะไร แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งรู้สึกถึงแรงกดดันประหลาดที่แผ่ออกมา ทุกคนเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ยังไม่ทันวิ่งไปถึงแบล็กก็ชะงักกึก รีบก้มลงมองพื้นทรายที่เหยียบเท้าลงไป
จากพื้นทรายธรรมดาค่อย ๆ ปรากฏเป็นวงเวทย์เรืองแสงขึ้นมา ภูตหนุ่มรีบชักเท้ากลับแล้วร้องเตือนให้ทุกคนออกจากจุดนั้นทันที
"ระวัง!"
แสงสว่างวาบขึ้นพอดีกับที่แบล็กกระโดดถอยหลังออกมาจากตรงจุดนั้นได้ทันแบบฉิวเฉียด ในขณะที่อัลฟ่าก็คว้าเอวชิโนบุกระโดดหลบมาอีกทางได้ทันพอดีเช่นกัน
ใบหน้าของทั้งสามเคร่งเครียดขึ้น ไม่ใช่เพราะเกือบถูกวงเวทย์กับดักเล่นงาน แต่เป็นเพราะวงเวทย์นี้ไม่ใช่ของตระกูลอาคาวะ แล้วการที่คนอื่นเข้ามาวางวงเวทย์ในอาณาเขตของตระกูลได้แบบนี้...
จะหยามกันเกินไปแล้ว!
กระแสอารมณ์จากคนข้างกายที่ส่งผ่านสื่อกลางกำไลมาถึงอัลฟ่า ทำให้รู้ระดับความโมโหในตอนนี้ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี มือที่จับเอวของเจ้าตัวไว้จึงออกแรงบีบเบา ๆ เพื่อเรียกสติ ซึ่งก็ได้ผล เมื่อใบหน้าขาว ๆ หันขวับกลับมาสบตากัน
แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูท่าว่าอารมณ์จะไม่สงบลงง่าย ๆ แหะ
"ฉันจะหนีทรายจากโอบาจิเพื่อมาเจอทรายตรงนี้ทำไมเนี่ย"
ห่าทรายที่ตกลงมาหลังวงเวทย์กับดักระเบิดตัว ทำให้แบล็กได้แต่บ่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ดวงตาเรียวคมกวาดมองไปโดยรอบเพื่อหาตัวการเจ้าของวงเวทย์ ก่อนจะมุนหัวคิ้วเข้าเมื่อเห็นเงาดำลาง ๆ เคลื่อนไหวอยู่ที่เนินทรายไม่ไกลจากตรงนี้นัก
"ล่วงหน้าไปก่อนนะ"
แบล็กหันไปพูดกับอัลฟ่าและชิโนบุเสร็จ ก็เหลือบกลับมายังสุนาคาเคะที่เกาะอยู่บนหลังตัวเอง
"เกาะดี ๆ นะโอบาจิ ถ้าตกลงไปโทษฉันไม่ได้นะ"
หากไม่ได้มองหน้าอยู่ก่อนแล้ว โอบาจิคงเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์ดีถึงได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะแบบนั้น แต่เป็นเพราะเขามองหน้าเจ้าตัวมาตั้งแต่ต้น ถึงได้สังเกตเห็นว่าดวงตาคู่นั้นกำลังวาวโรจน์ขึ้นขนาดไหน ตอนที่มองไปยังตัวการเจ้าของวงเวทย์กับดักนี่
'เกาะ..แน่นแล้ว...เกาะ ดี ๆ..'
"ดี"
เสียงขานตอบพร้อมแรงมือที่กระชับเกาะไหล่จนแน่นขึ้นทำให้แบล็กแสยะยิ้มออกมา ร่างของภูตหนุ่มย่อตัวลงเล็กน้อยอย่างเตรียมพร้อม ก่อนจะพุ่งตัวออกไปยังเนินทรายอีกลูกในทันที
"เราไปทางนั้น"
ชิโนบุที่เตรียมตัวจะวิ่งตามแบล็กไป ได้แต่เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ดวงตาคู่สวยเลื่อนกลับมาสบเข้ากับอัลฟ่าเป็นเชิงถาม ก่อนจะมองตามสายตาของอีกฝ่ายไปเมื่อได้ยินประโยคที่ตอบกลับมา
"สัมผัสกระแสอาคมแปลก ๆ ได้จากทางนั้น"
"เข้มข้นมากไหม"
"ไม่ จางมากแต่ก็แปลกมาก"
คำตอบของอัลฟ่าทำให้ชิโนบุกดหัวคิ้วเข้าด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ก็ต้องหันกลับมาถลึงตาใส่เมื่อได้ยินคำถามต่อมา
"อยากขี่หลังฉันไหม"
"เงียบไปเลย"
มีเพียงเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นหลังจากนั้น ก่อนทั้งคู่จะเปลี่ยนทิศทางไม่ตามแบล็กไป แต่มุ่งหน้าไปยังจุดที่อัลฟ่าบอกว่ารู้สึกได้ถึงกระแสอาคมแปลก ๆ แทน
tbc...