"ภูตอัญเชิญ"
ทันทีที่เดินเข้ามาจนมองเห็นภูตที่รออยู่ภายในบ้านชิโนบุก็พูดขึ้นพร้อมขมวดคิ้ว ดวงตากวาดมองไปโดยรอบอย่างระแวดระวัง เพราะรู้ดีว่าหากเป็นภูตที่ถูกอัญเชิญมา คนที่อัญเชิญก็จะต้องอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้นัก
"เห็นเร็วจัง"
อัลฟ่าพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ขณะเพ่งสายตาไปที่ภูตตนนั้น เขาต้องใช้เวลาครู่หนึ่ง เพื่อมองหาสัญลักษณ์อัญเชิญที่ถูกประทับอยู่ตรงหลังคอของภูตตรงหน้า
แบล็กเคยบอกว่าสัญลักษณ์อัญเชิญจะถูกประทับอยู่ตามจุดต่าง ๆ บนตัวของภูตที่ถูกอัญเชิญมา ภูตอย่างพวกเราดูไม่ออกหรอกนอกจากจะเห็นสัญลักษณ์นั่น มีเพียงพวกองเมียวจิเท่านั้นที่ไม่จำเป็นต้องมองหาสัญลักษณ์ ก็รู้ได้ทันทีว่าภูตตนไหนถูกอัญเชิญมา
โฮกกกกก
เสียงคำรามดังลั่นเมื่อภูตตนนั้นหันมาเห็นอัลฟ่าและชิโนบุ รูปร่างของมันคล้ายเสือโคร่งตัวใหญ่ หากแต่มีเขี้ยวโค้งยาวออกมานอกปาก ทั้งยังมีขนสีน้ำตาลเข้มคาดแดงตลอดทั้งตัว
"ใช้พลังระวังด้วยนะ"
"ไม่ต้องห่วง ตั้งแต่มาที่นี่ฉันยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่เลย ต่อให้พวกนั้นจับตาดูอยู่ก็ยังไม่รู้หรอกว่าฉันคือตัวอะไร"
คำตอบของอัลฟ่าทำให้ชิโนบุพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะถอยออกไปหลายก้าวเพื่อไม่ให้ขวางทาง แต่แล้วต้องหยุดฝีเท้าตัวเองไว้ เมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง ดวงตาคู่สวยตวัดมองไปยังจุดกำเนิดเสียงทันที ยันต์ในมือทำท่าจะซัดออกไป เมื่อเห็นว่ามีภูตตนหนึ่งกำลังจะพุ่งตัวเข้ามา หากแต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจนึก กระแสพลังสีแดงก็ทะยานผ่านหน้าไป ทันทีที่สัมผัสกับร่างกายของภูตตนนั้น มันก็สลายกลายเป็นละอองแสงทันที
หัวคิ้วของชิโนบุมุ่นเข้าเล็กน้อย เหลือบตามองไปยังเจ้าของกระแสพลังสีแดงที่มองสบกลับมานิ่ง ๆ แล้วก็ยิ่งชวนให้ต้องขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
ตัวเองก็ต้องรับมือกับภูตระดับสูง ยังจะมัวมาห่วงเขาอยู่ได้
"สนใจเรื่องตัวเองไป แค่นี้ฉันจัดการเองได้"
ชิโนบุไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอัลฟ่าจะทำตามที่บอกไหม เพราะเจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไร หลังจากมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ร่างสูงใหญ่ก็พุ่งตัวเข้าใส่ภูตเสือโคร่งที่เตรียมพร้อมรออยู่แล้ว
กระแสพลังสีน้ำตาลพุ่งทะยานเข้าใส่อัลฟ่าแบบปูพรม เศษซากของกองไม้ที่อยู่ในรัศมีโจมตี ค่อย ๆ ละลายเพราะพิษกัดกร่อนที่แฝงมาด้วย ดวงตาคู่คมเหลือบมองสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ได้แสดงความวิตกออกมา ร่างสูงใหญ่กระโจนไปอีกทาง ก่อนจะหมุนตัวตีลังกาขึ้นไปอยู่บนหลังของภูตเสือโคร่งเพื่อให้ลงมือจัดการได้ง่ายขึ้น
ฝ่ามือข้างขวายกขึ้นพร้อมไอพลังสีแดงที่แผ่ออกมา แต่ยังไม่ทันใช้มันออกไปอย่างที่ใจคิดก็ต้องกดหัวคิ้วเข้า เมื่อเจ้าภูตกำลังสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อเหวี่ยงให้เขาหล่นจากหลัง กรงเล็บแหลมคมของเสือโคร่ง ตวัดขึ้นมาจนอัลฟ่าต้องหมอบตัวลงแนบไปกับหลังของมัน ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วกระโดดลงไปอยู่ข้างไม้กองใหญ่ที่เป็นซากปรักหักพังอีกกอง
อัลฟ่าย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อเตรียมพร้อมในการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป ดวงตาจับจ้องไปยังภูตเสือโคร่งที่กำลังคำรามลั่นอย่างดุร้าย ในหัวประมวลผลถึงสิ่งที่จะทำต่อจากนี้ พอวาดภาพทุกอย่างได้คร่าว ๆ ก็กระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มพอใจ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่เจ้าเสือร้ายที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว
"....."
ชิโนบุมองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจ ดวงตาไล่ตามความเร็วในการเคลื่อนไหวของอัลฟ่าที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แล้วก็ได้แต่เบะปากนิด ๆ ก่อนจะแค่นเสียงในลำคอเบา ๆ เมื่อรู้สึกถึงกระแสพลังของอัลฟ่าที่แผ่กระจายออกมา แล้วไม่นานที่ด้านหลังของเขา ก็มีเสียงกรีดร้องของภูตสองตนที่แตกสลายกลายเป็นละอองแสงเลือนหายไป
ก็บอกแล้วว่าให้สนใจเรื่องของตัวเองไป แค่ภูตระดับล่างกับระดับกลางเขาจัดการเองได้อยู่แล้ว
แกรก!
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองด้านซ้ายมือของตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ก่อนที่ยันต์ในมือจะถูกซัดออกไปไวเกินกว่าที่อัลฟ่าจะทันแผ่พลังออกมาช่วยจัดการ
เสียงกรีดร้องของภูตที่ซุ่มโจมตีดังขึ้น ก่อนที่ตัวมันจะค่อย ๆ สลายกลายเป็นละอองแสงตามหลาย ๆ ตัวก่อนหน้าไป
ชิโนบุเหลือบไปมองอัลฟ่าเล็กน้อย เห็นอีกฝ่ายเองก็มองกลับมาทั้งที่ยังรับมือกับภูตเสือโคร่งอยู่เหมือนกัน ดวงตาคู่นั้นมองมาที่เขานิ่ง ๆ ก่อนจะขยับมือแทงสวนขึ้นใต้ลำคอของเจ้าภูตเสือโคร่งตัวนั้น ที่มันเองก็รีบพลิกตัวหลบจึงโดนไปเพียงถาก ๆ
อัลฟ่ายืนนิ่งมองภูตเสือโคร่งที่ถอยไปตั้งหลักพร้อมขู่คำรามใส่เขาตลอดเวลา มือข้างที่ไม่เปื้อนยกขึ้นแตะคราบเลือดบนใบหน้าของตัวเอง ดวงตาคู่คมหรี่ลงเล็กน้อย ยิ่งรวมกับเลือดที่เปรอะไปครึ่งหน้า ก็ยิ่งทำให้ตอนนี้เจ้าตัวดูน่ากลัวขึ้นกว่าปกติอีกหลายเท่า
"ฝากหน่อย"
กักคุรันที่ถูกโยนมา ทำให้ชิโนบุที่กำลังรับมือกับพวกภูตที่พลัดกันเข้ามาโจมตี ต้องหยุดมือแล้วหันไปรับไว้ก่อนที่มันจะตกพื้น ซึ่งแน่นอนว่าพวกภูตที่เหลือก็ถูกกระแสพลังของอัลฟ่าอัดกระแทกกับตัวบ้าน ก่อนที่ร่างกายจะระเบิดเป็นเศษเล็กเศษน้อยแล้วกลายเป็นละอองแสงเลือนหายไป
ดูเหมือนว่าตอนนี้ไอพลังรอบตัวอัลฟ่าจะเข้มข้นขึ้น ชิโนบุทันเห็นว่าเจ้าตัวแสยะยิ้มนิด ๆ อย่างค่อนข้างพอใจ กับการเคลื่อนไหวที่สะดวกขึ้นหลังจากถอดกักคุรันออก แล้วเพียงพริบตาหลังจากนั้น ร่างสูงใหญ่ก็หายวับจากจุดที่ยืน เหลือให้เห็นเพียงเงาสีแดงราง ๆ เคลื่อนที่ไปหยุดอยู่เบื้องหน้าร่างขนาดใหญ่ของภูตเสือโคร่ง
ครืน!!!
เศษฝุ่นเศษไม้ร่วงกราวลงมาเต็มไปหมด จนชิโนบุต้องยกมือขึ้นมาป้องหัวตัวเองไว้ เมื่ออัลฟ่ากดตัวภูตเสือโคร่งลงกับพื้นจนบ้านสะเทือนไปทั้งหลัง เสียงกรีดร้องดังลั่นพร้อมกับร่างขนาดใหญ่ที่ดิ้นพล่านเพื่อให้หลุดจากการจับกุม มันพยายามเตะขาทั้งสี่ข้าง ก่อนจะอ้าปากทำท่าจะกัดเข้าที่แขนข้างนั้น จนอัลฟ่าต้องเป็นฝ่ายปล่อยมือออกเอง
"หึ!"
หัวคิ้วเหนือดวงตาคู่คมกดเข้าเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็รีบพุ่งตัวตามไปเมื่อเห็นว่ามันทำท่าจะหนี ปลายเล็บตวัดกรีดผิวหนังของภูตเสือโคร่งตั้งแต่สีข้างขึ้นมาถึงสะบักหลัง จนเลือดไหลทะลักออกมาอาบย้อมพื้นไม้กลายเป็นสีแดงเข้ม
เสียงกรีดร้องเพราะความเจ็บปวดดังลั่น หากแต่คนทำกลับไม่มีแม้เศษเสี้ยวความสงสารจะมอบให้ ร่างสูงใหญ่เคลื่อนที่เพียงครั้งเดียวก็ตามความเร็วของอีกฝ่ายทัน ถีบขาเข้ากับผนังบ้าน ส่งตัวเองให้ลอยอยู่สูงกว่าศัตรู ก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นวางทาบลงบนหัวของเจ้าภูตเสือ แล้วออกแรงกดมันกระแทกพื้นจนบ้านสะเทือนไปทั้งหลังอีกครั้ง
ไอพลังสีแดงแผ่กระจายออกมาจากฝ่ามือข้างนั้น แล้วแผ่เข้าไปในตัวของภูตเสือโคร่ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องลั่นพร้อมการดิ้นพล่านอย่างเจ็บปวด
ภูตเสือโคร่งพยายามดิ้นให้หลุด ซึ่งอัลฟ่าเองก็ตั้งใจคลายมือออกแล้วปล่อยมันไป เจ้าตัวกระโดดถอยมาอยู่ห่างพอสมควร มองดูท่าทางทุรนทุรายที่เกิดขึ้นนิ่ง ๆ ปล่อยให้เสียงกรีดร้องยังคงดังต่อไปพร้อมกับเลือดที่ค่อย ๆ ไหลออกตามทวารทั้งเจ็ด
ชิโนบุที่เพิ่งจัดการกับภูตระดับกลางตนหนึ่งเสร็จ หันมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องลั่น ภาพที่เห็นทำให้เขาเหลือบไปมองหน้าอัลฟ่าเล็กน้อย หากแต่ตอนนี้อัลฟ่าไม่ได้มองมาที่เขา เจ้าตัวกำลังจดจ้องอยู่ที่ภูตเสือโคร่ง ดวงตากำลังฉายแววพึงพอใจ แถมยังยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เวลาปกติจะไม่ค่อยได้เห็น
คล้ายกำลังสนุก...
เหมือนกำลังพอใจ...
เป็นไปตามสัญชาตญาณภูตในตัวที่เห็นการฆ่าฟันกันเป็นเรื่องปกติหรือไง
เพิ่งคิดได้แค่นั้น ชิโนบุก็ต้องหันไปมองภูตเสือโคร่งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงดังโครมใหญ่ ตอนนี้ภูตตนนั้นกำลังเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทาง ท่าทางของมันดูทุรนทุรายมาก เลือดไหลออกตามเจ็ดทวาร วิ่งเอาตัวชนตามผนังบ้าน จนตอนนี้มันเปรอะเปื้อนเลือดจนแดงฉานไปหมด ในขณะที่คนทำยังคงยืนมองนิ่ง ๆ อยู่ที่เดิม
เหมือนกับแบล็กไม่มีผิด
ทำไมถึงชอบเห็นเลือดกันนักนะ
"อะ!"
เสียงร้องดังขึ้นเบา ๆ เมื่อชิโนบุรู้สึกถึงความเจ็บที่เกิดขึ้นบริเวณลำคอ เป็นเพราะเมื่อกี้กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ จึงไม่ทันระวังตัวว่ามีเศษไม้จากการสั่นสะเทือนของบ้านกระเด็นเข้าใส่
"หืม?"
อัลฟ่าที่กำลังพอใจกับผลงานของตัวเอง หันขวับไปมองทันทีที่ได้กลิ่นเลือด หัวคิ้วทั้งสองข้างขมวดแน่น ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่เพิ่งได้แผลมาสด ๆ โดยไม่คิดจะหันกลับไปสนใจภูตอีกตนที่กำลังทรมานเพราะตัวเองเลยสักนิด
ดวงตาคู่คมเรืองแสงสีแดงขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจะสะบัดมือเบา ๆ ไอพลังสีแดงก็ทะยานออกไปอัดกระแทกร่างของภูตเสือโคร่ง เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่ทันถึงนาที ร่างของมันก็ค่อย ๆ กลายเป็นละอองแสงเลือนหายไป เป็นจังหวะเดียวกับที่อัลฟ่าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชิโนบุพอดี
"เป็นไงบ้าง"
"ไม่เป็นไร"
คนโดนถามยกมือขึ้นแตะที่ลำคอของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ แม้ว่าความจริงแล้วมันจะเจ็บมาก ๆ เลยก็เถอะ แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าเป็นห่วงขนาดไหน ก็ไม่อยากตอบตามความจริงไปให้เจ้าตัวต้องคิดมาก
"เอียงคอหน่อย"
เป็นประโยคสั้น ๆ ที่ฟังจากเสียงแล้วรู้สึกว่ามันออกไปทางสั่งมากกว่าจะขอให้ทำตาม ทางด้านชิโนบุเลยอ้าปากเตรียมจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงการเคลื่อนไหวที่ดังขึ้นจากนอกบ้านก็ทำให้ต้องหันไปมองอย่างตกใจ
เงาคนที่เคลื่อนผ่านสายตาไป ทำให้เดาได้ไม่ยากว่านั่นต้องเป็นคนที่อัญเชิญภูตตนนี้มา คิดได้แบบนั้นชิโนบุก็ทำท่าจะวิ่งตามไป แต่กลับโดนอัลฟ่าคว้าแขนเอาไว้ก่อน
"รีบตามไปกันเร็ว"
"รักษาแผลก่อน"
"ไม่เป็นไร กลับบ้านไปค่อยให้แบล็กดูก็ได้"
"ฉันจำกลิ่นวิญญาณได้แล้ว รักษาแผลเสร็จค่อยตามไป"
ชิโนบุทำท่าจะเถียง แต่อัลฟ่าไม่เปิดโอกาสให้พูดอะไรอีก มือที่จับแขนเจ้าตัวไว้ออกแรงดึงเบา ๆ บังคับให้ขยับเข้ามาใกล้กันยิ่งขึ้น ก่อนที่ตัวเองจะเอียงหน้าลงเล็กน้อยเพื่อให้แนบเข้าตรงช่วงลำคอได้พอดี
ลิ้นอุ่น ๆ แตะลงที่รอยแผลเหนือไหปลาร้าฝั่งซ้าย ก่อนจะเริ่มเลียตั้งแต่ตรงนั้นขึ้นไปถึงช่วงกลางลำคอใกล้ ๆ กับสันกราม
สัมผัสจากปลายลิ้น ทำให้ชิโนบุขนลุกไปทั้งตัวโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งที่มันเป็นการรักษาแผลที่แบล็กเคยทำให้มาตลอดทั้งชีวิต แต่ว่าตอนนี้มันกลับทำให้เขาได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่แบบไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ได้แต่กลั้นหายใจรอจนกระทั่งอัลฟ่าเป็นฝ่ายผละออกไปเองหลังจากรักษาเสร็จ
"อะ..อะไร"
เสียงจะสั่นทำไมเนี่ย?
ชิโนบุได้แต่ว่าตัวเองในใจ ก่อนจะพยายามกลบเกลื่อนด้วยการทำหน้าสงสัย เมื่อเห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังขมวดคิ้วแน่น มองมาที่คอของเขาแบบตาไม่กระพริบ
"ฉันยังควบคุมพลังรักษาของตัวเองได้ไม่ดีพอ"
"ยังไงนะ"
อัลฟ่าไม่ได้ตอบ แต่ใช้ปลายนิ้วแตะลงที่แผลตรงลำคอแทน มองดูจุดที่เคยเป็นรอยกรีดลึกจนเลือดไหลออกมาอย่างน่ากลัว แต่ตอนนี้เหลือเพียงเส้นสีแดงจาง ๆ ที่พาดผ่านผิวเนื้อขาว ๆ ไปเท่านั้น
"ถ้าเป็นแบล็กคงไม่เหลือแม้แต่รอย"
"นี่--"
"ต้องทำอีกรอบ"
"ห๊ะ?"
เพิ่งจะร้องออกมาได้แค่นั้นคนเป็นแผลก็สะดุ้งเฮือก เมื่ออีกฝ่ายฝั่งหน้าเข้ามาที่ซอกคอของเขาอีกครั้ง องเมียวน้อยรีบยกมือขึ้นทำท่าจะผลักเจ้าภูตรักษาไม่เก่งให้ถอยออกไป แต่กลับช้ากว่ามือข้างหนึ่งที่คว้าเข้าตรงท้ายทอย ก่อนอีกฝ่ายจะออกแรงกดเบา ๆ เพื่อให้ทำอะไรได้ถนัดขึ้น และเป็นการกันไม่ให้เขาถอยหนี
"อะ อัลฟ่า..."
"หืม?"
เสียงครางถามในลำคอที่ดังขึ้นข้างหู ทำให้ชิโนบุที่ตั้งใจจะบอกให้หยุด เกิดอาการเสียงไม่ยอมออกจากลำคอกะทันหัน ทำได้แค่ยืนนิ่งกระพริบตาปริบ ๆ ปล่อยให้ความรู้สึกปั่นป่วนเกิดขึ้นบริเวณท้องน้อยแล้วค่อย ๆ กระจายไปทั่ว ริมฝีปากเผลอเม้มเข้า ก่อนจะสะดุดลมหายใจตัวเองเฮือกสั้น ๆ เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มกดลิ้นหนักขึ้น
เวลาเพียงครู่เดียวที่ปลายลิ้นอุ่น ๆ ลากไปตามรอยแผลบนลำคอ แต่กลับดูยาวนานเหลือเกินสำหรับชิโนบุ ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวแบบนี้ ทั้งที่แผลที่ต้องให้แบล็กรักษาก่อนหน้านี้ก็มีไม่ใช่น้อย วิธีที่รักษาก็วิธีเดียวกัน แต่ว่าพอเป็นอัลฟ่า...
ไม่เอาแล้ว!
ที่หลังจะระวังตัวไม่ให้เป็นแผลแล้ว!
๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
"จับกลับมาไม่ได้เหรอ"
"มันหนีออกไปนอกเขตเกียวโต ผมรู้สึกว่าไกลเกินไปก็เลยพาชิโนบุกลับก่อน"
คำตอบของอัลฟ่า ทำให้อดีตผู้นำตระกูลอาคาวะพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่เจ้าตัวไป 2-3 ทีแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มใจดี
"ขอบใจมากนะที่ช่วยดูแลชีจังให้"
"ครับ"
อาคาวะ ชุนหัวเราะลงลูกคอเบา ๆ ก่อนจะหันมามองหน้าหลานชายที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างภูตระดับสูงทั้งสอง แอบส่งสายตาแกล้งเจ้าตัวนิดหน่อย จนหัวคิ้วเหนือดวงตากลม ๆ คู่นั้นขมวดมุ่น ดูน่ารัก น่าเอ็นดู แล้วค่อยหันไปหาแบล็กด้วยท่าทางที่กลับมาจริงจังเหมือนเดิม
"ทางอัลฟ่ากับชีจังไม่ค่อยเท่าไร แต่ฉันค่อนข้างแปลกใจที่ทางนี้ไม่มีอะไรติดมือกลับมา"
"พวกมันลงน้ำแล้วหายวับไปเลย"
แบล็กเลือกที่จะตอบสั้น ๆ เพื่อกระชับข้อความและข้ามไปเลยว่า ก่อนลงน้ำหนีไปพวกนั้นโดนเขาทำอะไรบ้าง ซึ่ง...
จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมาก แค่สะบักสะบอมกันไปไม่น้อยก็เท่านั้นแหละ
"อธิบายให้ชัด"
"ฉันไม่รู้ว่าพวกมันทำอะไร พอหนีลงน้ำไปแล้วฉันก็จับสัมผัสไม่ได้เลย รอดูอยู่นานไม่เห็นโผล่ขึ้นมาเลยให้เจ้ากัปปะลงไปดู แต่ก็ไม่เจอพวกมันแล้ว อาคมที่ใช้แปลกมาก รุนแรงเกินกว่าจะเป็นของคน แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเป็นของภูตหรือเปล่า"
ทั้งสามคนที่ได้ยินแบบนั้นได้แต่ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ ทางด้านแบล็กเองก็ได้แต่ยักไหล่กลับไปเพราะจนปัญญาจะอธิบายเหมือนกัน เขาเองก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย
จะว่าคุ้นก็คุ้น จะว่าไม่คุ้นก็ไม่คุ้น
เหมือนจะรู้จักแต่ก็นึกไม่ออก ไม่รู้จะบอกยังไงดีเหมือนกัน
"ฉันบอกทางฝั่งฉันไปแล้ว แล้วทางนายล่ะ"
พอหาคำมาอธิบายสิ่งที่ตัวเองเจอไม่ได้ แบล็กเลยเลือกจะถามกลับไปถึงเรื่องที่อีกฝ่ายไปตรวจสอบมา ซึ่งทันทีที่โดนถามแบบนั้น อาคาวะ ชุนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองหน้าหลานชายสลับกับอัลฟ่าและแบล็ก ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
"ผนึกของสี่หางถูกทำลายแล้ว"
"อะไรนะครับ"
"แต่ผนึกซ้ำไปแล้ว"
อีกประโยคที่ดังขึ้น ทำให้ชิโนบุถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอก แต่เพียงไม่ถึงนาทีต่อจากนั้น เจ้าตัวก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ค่อยดีกำลังทำงาน ดวงตาคู่สวยมองสบกับคุณปู่ของตนตรง ๆ ก่อนจะถามออกไปทั้งที่ในใจก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
"ที่พ่อกับแม่ยังไม่กลับเพราะเรื่องนี้ใช่ไหมปู่"
"อืม"
"ตรงนั้นอยู่ในเขตการดูแลของโคคุโตะและโรคุบะ"
คำพูดของแบล็ก ทำให้อัลฟ่าต้องรื้อฟื้นความจำตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่ชิโนบุเคยเล่าให้ฟัง
โคคุโตะและโรคุบะ
พันธมิตรของอาคาวะ?
"สามจากเก้า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว"
"มันไม่บังเอิญจริง ๆ มีใครบางคนคิดจะทำลายผนึกสัตว์หางเพื่อคลายผนึกให้เก้าหาง"
คำยอมรับจากอดีตผู้นำตระกูลอาคาวะ ทำให้แบล็กและชิโนบุขมวดคิ้วแน่นทันที
สัตว์หางทั้งเก้าถูกแยกผนึกไว้ตามที่ต่าง ๆ เก้าแห่ง ในแต่ละแห่งมีผนึกที่แข็งแกร่งคอยกักตัวสัตว์หางอยู่ แต่เพราะกาลเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน ทำให้ผนึกค่อย ๆ อ่อนกำลังลง อาศัยหาจุดอ่อนของแต่ละผนึกให้เจอแล้วทำลายซะจึงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะฉะนั้นที่ผ่านมา ทั้งสองหางและหกหางซึ่งตอนนี้รวมถึงสี่หาง การที่ผนึกจะโดนทำลายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่ในที่นี้หมายถึง กรณีที่เป็นองเมียวจิตระกูลใหญ่เป็นผู้ลงมือ
การหาจุดอ่อนของผนึกแต่ละผนึกไม่เหลือบ่ากว่าแรงตระกูลใหญ่ก็จริง แต่ก็ใช่ว่าองเมียวจิธรรมดาทั่วไปจะทำได้ง่าย ๆ
เพราะฉะนั้น...
เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ คนทำต้องมาจาก 1 ใน 8 ตระกูลแน่ ๆ
"คลายผนึกเก้าหางเหรอ"
คำถามที่ดังขึ้นจากอัลฟ่า ทำให้อีกสามคนตรงนั้นเพิ่งรู้สึกตัวว่ายังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ให้เจ้าตัวฟัง
"สัตว์หางแต่ละตัวจะมีผนึกที่แตกต่างกัน แต่จะมีที่ต่างจากตนอื่นมากที่สุดคือเก้าหาง ซึ่งถือว่าเป็นผนึกที่แข็งแกร่งที่สุด การจะทำลายผนึกของเก้าหาง คือต้องทำลายผนึกของสัตว์หางอีกแปดตนก่อน"
ได้ยินแค่นั้นอัลฟ่าก็สามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ทันที ในหัวร้อยเรียงถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เจอมา ตั้งแต่ผนึกสองหางที่ฮอกไกโด ผนึกหกหางที่ศาลเจ้า จนมาถึงผนึกสี่หางที่คุณปู่ของชิโนบุบอกว่าเพิ่งโดนทำลายไป
สามจากเก้า...
สามในแปด...
นี่มันเกือบครึ่งแล้ว!
"นี่พ่อกับแม่อยู่ที่ไหนปู่ โคคุโตะหรอครับ"
"อืม"
คำตอบที่ได้รับไม่ได้ต่างจากที่ชิโนบุคิดไว้ ในเมื่อผนึกเก้าหางอยู่ที่คันโต การที่พ่อกับแม่จะถูกเรียกตัวไปช่วยที่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
"ตอนนี้ชิเงรุและสึกิโกะประจำอยู่ที่ผนึกเก้าหางกับพวกโคคุโตะ ทางเจ็ดหางพวกโรคุบะก็กำลังเฝ้าดูอยู่ ส่วนอาโอโทะระกำลังจะส่งคนมาช่วยพวกเราระวังผนึกหนึ่งหางที่นารา และแปดหางที่โอซาก้า"
"แล้วสามหางกับห้าหางล่ะครับ"
คำถามของอัลฟ่าทำให้อาคาวะทั้งคนปู่และคนหลานแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา ก่อนที่ชิโนบุจะเหลือบมองไปทางแบล็กเล็กน้อย แล้วหันมาพูดกับอัลฟ่าด้วยเสียงเบากว่าปกติ
"สัตว์หางสองตัวนั้นอยู่นอกเหนือเขตดูแลของเราและพันธมิตร ไม่สามารถแทรกแซงได้"
"อยู่ที่ไหน"
"คิวชู"
สิ้นคำนั้นไอดำทะมึนก็แผ่ออกมาจากตัวแบล็กทันที ในขณะที่อัลฟ่ากำลังนึกถึงชื่อตระกูลที่ดูแลในเขตนั้น...
คิวชู?
"ชิคุราเงะ?"
การพยักหน้ารับของชิโนบุทำให้อัลฟ่าเผลอชะงักไป ก่อนที่เจ้าตัวจะมีอาการเดียวกับแบล็กไม่มีผิด ไอพลังสีแดงเข้มหมุนวนอยู่รอบตัว ทั้งกดหนักและรุนแรง จนถึงขั้นทำให้ภูตลาดตระเวนทุกตัวภายในบ้านรีบรุดมายังจุดกำเนิดพลังทั้งสอง แต่พอมาถึงแล้วเห็นอาคาวะ ชุนยกมือห้าม ก็แยกย้ายกันกลับไปออกลาดตระเวนประจำตำแหน่งของตนเหมือนเดิม
"อัลฟ่า แบล็ก"
เสียงเรียกชื่อจากชิโนบุทำให้ทั้งคู่เหลือบตามองเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นแรงกดดันรอบตัวก็ยังไม่สลายไป จนชิโนบุต้องลูบไหล่ ลูบหลังไปคนละ 2-3 ทีนั่นแหละ กระแสพลังรอบตัวของทั้งคู่ถึงได้กลับมาสงบลงเหมือนเดิม
"แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"
พอเห็นว่าสถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว อาคาวะคนปู่ก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่ชิโนบุก็พยักหน้าแล้วทำท่าจะลากอีกสองคนให้เดินตามไป แต่แล้วเจ้าตัวก็นึกอะไรขึ้นได้ หยุดฝีเท้าตัวเองไว้แล้วขมวดคิ้วแน่น
"มีอะไรหรือเปล่า"
เห็นเจ้าตัวมีสีหน้าแปลก ๆ อัลฟ่าจึงถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ซึ่งแบล็กที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำลังรอคำตอบอยู่เหมือนกัน
"นารา...สุนาคาเคะ?"
น้ำเสียงที่พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยมั่นใจ กลับไปกระตุ้นความทรงจำให้อัลฟ่าและแบล็กหันมามองหน้ากันทันที ในขณะที่อาคาวะคนปู่ที่ยังไม่รู้เรื่องด้วย ก็ได้แต่ถามขึ้นด้วยความสงสัย
"มีอะไรหรือเปล่าชีจัง"
"ก่อนหน้านี้พวกผมเจอสุนาคาเคะตนหนึ่งที่หนีมาจากนารา ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกันไหม เพราะตอนนั้นก็ไม่ทันได้ถามอะไร"
"ก็ไม่แน่ อาจจะรู้สึกถึงความผิดปกติเลยหนีมาที่นี่"
"ตอนนั้นผมก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมมันถึงทิ้งที่อยู่ตัวเองมาที่เกียวโต แต่สุดท้ายกลับเลือกจะปล่อยไปโดยไม่ถามอะไร ทำไมถึงไม่เอะใจนะ"
"ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกภูตผีที่อพยพหาที่อยู่ใหม่ก็มีเยอะแยะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หลานไม่ต้องโทษตัวเอง"
คำพูดของคนเป็นปู่ทำให้เจ้าตัวพยักหน้ารับ แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าก็ไม่ได้ดูดีขึ้นสักเท่าไร เห็นแบบนั้นแบล็กกับอัลฟ่าจึงหันมาสบตากัน ก่อนที่แบล็กจะยกมือขึ้นแตะหลังเจ้าตัวเบา ๆ แล้วถามขึ้นด้วยรอยยิ้มนิด ๆ อย่างที่ชอบทำเวลามีเด็กบางคนเริ่มจะงอแง
"จะไปดูไหม"
"คิดว่าน่าจะยังอยู่นะ"
อีกประโยคจากอัลฟ่า ทำให้ชิโนบุกระพริบตาปริบ ๆ มองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา นึกประมวลผลทุกอย่างอยู่ในหัวครู่หนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้า
ทายาทคนสำคัญของอาคาวะ หันมาหาผู้อาวุโสสุดในบ้าน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทีกระตือรือร้นพร้อมทั้งยื่นมือไปขอยันต์เพิ่มอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเวลาต้องออกจากบ้านรอบสอง
ทั้ง ๆ ที่เดินไปเอาเพิ่มเองก็ได้ แต่ขออ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ยังดี
"พวกผมจะไปหาสุนาคาเคะตนนั้นนะปู่"
"อืม ระวังตัวกันด้วย"
พอได้รับคำอนุญาตรวมทั้งยันต์และชิคิงามิที่คุณปู่แถมให้แล้ว เจ้าตัวก็คว้ามืออัลฟ่ากับแบล็กคนละข้างแล้วลากออกจากบ้านไปทันที ท่ามกลางสายตาเอ็นดูและรอยยิ้มของอดีตผู้นำตระกูลที่มองตามไปจนลับสายตา
** ตรงนี้จะโน้ตไว้ให้เผื่อใครงงเรื่องตำแหน่งผนึกสัตว์หางนะคะ (พันธมิตรของอาคาวะมีสามตระกูล คือ อาโอโทระ โรคุบะ และ โคคุโตะ)
ผนึกสี่หางที่ถูกทำลายไป อยู่ตรงรอยต่อระหว่างชูบุและคันโต ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตระกูลโรคุบะและตระกูลโคคุโตะ
ผนึกเก้าหางที่คุณพ่อคุณแม่ต้องไปช่วยคุ้มกัน อยู่ที่จังหวัดโทชิกิซึ่งอยู่ในคันโต เป็นเขตความรับผิดชอบของตระกูลโคคุโตะ
ผนึกเจ็ดหางอยู่บริเวณรอบนอกจังหวะนาโกย่า ซึ่งอยู่ในชูบุ เป็นเขตความรับผิดชอบของตระกูลโรคุบะ
ผนึกหนึ่งหางอยู่ที่ทะเลทรายนารา ซึ่งอยู่ในคันไซ เป็นเขตความรับผิดชอบของตระกูลอาคาวะ
ผนึกแปดหางอยู่ที่โอซาก้า ซึ่งอยู่ในคันไซ เป็นเขตความรับผิดชอบของตระกูลอาคาวะ
สรุปคือแถบคันไซซึ่งเป็นเขตปกครองของอาคาวะ มีผนึกสัตว์หางอยู่ถึงสามจุดค่ะ คือหนึ่งหาง แปดหาง และหกหาง(เกียวโต)ซึ่งผนึกถูกทำลายไปแล้ว
ส่วนสามหางและห้าหางผนึกอยู่ในคิวชู เป็นเขตความรับผิดชอบของตระกูลชิคุราเงะค่ะ
tbc...