Chereads / เครื่องบรรณาการของเทพงู - เล่ม 1 [TH] / Chapter 4 - 2-1 她来帮忙 นางมาเพื่อช่วยเหลือ

Chapter 4 - 2-1 她来帮忙 นางมาเพื่อช่วยเหลือ

อาเป้ยกำลังสำรวจรอบที่พักอาศัยของเทพหลงเหนียน โดยไม่รบกวนท่านตามคำสั่ง นางทึกทักเอาว่านางแค่ออกมาเชยชมเรือนของท่านนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้ทำเรื่องเสียหาย

รองเท้าถักสานสีดำปักด้วยลวดลายบุปผางามเยื้องย่างไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบและระมัดระวัง ไม่ให้เกิดเสียงแม้สักน้อย นางก้าวข้ามสะพานไม้เล็ก ๆ ชะโงกหน้าลงมองหมู่มัจฉานานาชนิดใต้พื้นไม้ที่มีแหล่งน้ำสีมรกตไหลเวียนไปทั่ว

คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเรือนสี่ประสาน[1] ที่พักอาศัยของนักพรตซึ่งนางขึ้นไปส่งข้าวปลาอาหาร แต่ด้วยความที่ด้านหน้าเรือนเปิดโล่งเป็นลานกว้างไว้ฝึกวิทยายุทธ์ หรืออาจจะไว้รับรองแขก มีประตูบานใหญ่กั้นพื้นที่แห่งนี้ไว้จากป่าทึบและเทือกเขา จึงไม่เชิงว่าใช่เสียทีเดียว เรือนสี่ประสานจะมีลานฝึกอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยเรือนพักอาศัยโดยรอบเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า

"เรือนท่านอยู่ท่ามกลางป่าเขา ทิวทัศน์งดงามถึงเพียงนี้ สบายข้าจริง ๆ"

อาเป้ยส่ายคอมองไปรอบ ๆ อย่างสดชื่นแจ่มใส เพียงได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกเสียบ้างหลังอุดอู้อยู่แต่ในห้อง นางเงยหน้าขึ้นมองต้นโบตั๋น ต้นท้อ ต้นหอมหมื่นลี้ ออกดอกบานสะพรั่งแข่งกัน ก็ส่งยิ้มให้พวกมัน

บุปผชาติเหล่านี้ได้งอกเงยบนโลกของทวยเทพ ช่างสุขเกษม เฉกเช่นตัวนางผู้ไม่เคยมีโอกาสใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์ นางเป็นข้ารับใช้มาก่อน จะมีแต่วันยุ่ง ๆ หัวหมุนวุ่นวาย หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย

บัดนี้อาภรณ์สีดำสนิทชายกระโปรงยาวเท่ากับรองเท้าพอดีของนาง ดูสง่างามมีราคาเยี่ยงคุณหนูผู้สูงศักดิ์ นางรวบถักเปียเล็ก ๆ วางพักไว้บนบ่า ปักปิ่นผมลวดลายดอกเหมยเอาไว้กลางศีรษะ

นอกเสียจากเส้นผมยาวสลวยอย่างสตรีพึงเป็น จากผมสั้นยุ่งเหยิงต้องมัดรวบไว้ตลอดเวลา เส้นผมดำขลับยาวสลวยของนางปลิวไปตามลมจนนางต้องคอยลูบจับอยู่เป็นระยะ นางยังมีผิวพรรณผุดผ่อง ทั้งเส้นผมและผิวกายของนางส่งกลิ่นหอมอบอวลแข่งกับมวลบุปผา หน้าผากเกลี้ยงเกลามีตราประทับเป็นกลีบดอกไม้สีแดงอย่างสวยงาม แม้กระทั่งมือหยาบกร้านของนางยังได้รับการรักษา

นางตื่นขึ้นมาในร่างใหม่หน้าเดิม! หลังได้รับพลังเวทจากโลกของทวยเทพ

อาเป้ยได้รับเครื่องประดับต่างหูไข่มุกสีดำจากเทพหลงเหนียนฝากบ่าวมาให้นางด้วย

ถึงแม้ว่าท่านเทพจะไม่ได้นำสิ่งของมาให้ด้วยตัวท่านเอง นางไม่เคยได้พบหน้าท่านเลยด้วยซ้ำ แต่เท่านี้นางก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเทพหลงเหนียนเป็นอย่างมาก

'เรือนเทพแห่งเทือกเขาอุดร' นางบังเอิญได้ยินบ่าวรับใช้ของท่านเทพหลงเหนียนพูดคุยกัน

เรือนของเทพหลงเหนียน เป็นเรือนไม้สีแดงเข้มสลับอิฐ กระเบื้องหลังคาขนาดใหญ่เป็นวัสดุทำมาจากดินเผา ทำให้นางมองเห็นบรรดาวิหคในบางโอกาส เรือนของบุรุษเทพผู้นี้ยิ่งใหญ่อลังการไม่ต่างจากเรือนของขุนนางระดับสูง นางคาดว่าทั้งหมดถูกเนรมิตขึ้นด้วยเวทแห่งสวรรค์

เทวโลกแบ่งแยกย่อยเป็นชั้นฟ้า ชั้นดิน ชั้นน้ำ นางก็จำไม่ค่อยได้ว่ามีกี่ชั้นกันแน่

ภพภูมิบาดาลเป็นหนึ่งในเทวโลกชั้นน้ำ อยู่ใกล้กับโลกมนุษย์มากที่สุด มีทั้งพื้นดินและผืนน้ำ ท้องฟ้าแจ่มใส มีช่วงราตรียาวนานกว่า แสงจันทร์สีเหลืองนวลหรือแม้แต่แสงตะวันก็ทอประกายอร่ามงามราวสีของทองคำ

เทวโลกสำหรับนางราวกับว่าเป็นภาพลวงตา เป็นสถานที่แห่งการอุปโลกน์ลวงหลอกนางผู้อาภัพ ทว่ากลับน่าพักอาศัยไปตลอดกาล

เว้นเพียง...

ค่อนข้างเอิกเกริกไปเสียหน่อย

"ว่าแต่ข้าโกหก ท่านก็โกหกข้า ไหนว่าไม่ชอบที่จะต้อนรับแขก เห็นอยู่ว่ามากันทุกวันไม่ซ้ำหน้า ข้าว่าท่านเทพหลงเหนียนนี่แหละ ชื่นชอบงานต้อนรับแขกยิ่งเสียกว่าผู้ใดบนเทวโลก"

โคร้งเคร้ง!

เสียงดาบกระทบกันดังเป็นระยะ บนพื้นไม่มีแห้งเหือดคาวเลือดสักวัน เมื่อค่ำวานนี้มีอสูรปักษามาเยือน บุรุษอีกหนึ่งกลุ่มไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นเทพหรือปีศาจ มีร่างกายเป็นม้า ศีรษะเป็นมนุษย์ ใช้อาวุธเป็นธนูแสง

เข้าช่วงยามซื่อ[2]มีชายร่างสูงใหญ่เท่ากำแพง ถือค้อนอัสนีทุบลงบนพื้นหินจนแตกเป็นเสี่ยง เทพหลงเหนียนกระโดดขึ้นอากาศอย่างว่องไว โจมตีกลับด้วยการสะบัดดาบเพียงครั้ง ถอยไปยืนสมทบกับบ่าวชายของท่านทั้งสามตน

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายไม่จบสิ้น ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ตราบจนบัดนี้

อาเป้ยเดินมาเกือบจะถึงลานกว้างแล้วนางจึงรีบก้าวไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ แอบดูพวกเขาด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็นประสานาง

ก็แน่ล่ะ...

น้อยคนนักจะมีโอกาสได้มาเยือนเทวโลก ในโลกของนางนั้น หากพูดถึงเหล่าจอมยุทธไม่ใช่เทพเซียนซึ่งนาน ๆ จะพบสักครั้ง เก่งฉกาจเพียงใดยังทำได้เพียงเหาะเหินเดินอากาศ ออกท่องยุทธภพ ตามหาวิทยายุทธ์เข้าตัวตามสถานที่ลึกลับเช่นในหุบเขาสูง หมู่บ้าน สำนักลับต่าง ๆ

สำนักเทียนหลงเองก็มีตำรายุทธยอดวิชามากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วใครมาขอวิชาจากอาจารย์ฮุ่ยหมิง ท่านไม่ได้หวงอะไร มีแค่บางเล่มจริง ๆ ที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้

นางเคยพบปีศาจตัวเป็น ๆ บนโลกมนุษย์เพียงครั้งเดียว ตอนอาจารย์ฮุ่ยหมิงกางเขตอาคมปกป้องคัมภีร์สกัดจุดเล่มหนึ่งจากนางพญางูขาว

ที่เห็นตอนนี้คงจะเป็นปีศาจ...

นางพบข้อเท็จจริงอีกหลายข้อ ข้อแรกคือภพภูมิบาดาลน่าจะเป็นเทวโลกชั้นที่มีปีศาจปะปนอยู่ด้วย อีกข้อนั้น บ่าวชายที่นำสิ่งของมาให้นางแท้จริงแล้วเป็นงูลูกสมุน จากการต่อสู้ของชายร่างอ้อนแอ้นใช้ง้าวงูสีขาวเป็นอาวุธในการต่อสู้ ชายร่างสูงใหญ่กำยำอีกคนหนึ่งปล่อยงูสีเขียวออกมาจากปลายนิ้วได้ หวังใช้พิษทำร้ายอีกฝ่าย แต่ผู้มาเยือนฝีมือร้ายกาจไม่เบา หลบการต่อสู้ได้อย่างฉิวเฉียด ทว่ากลับได้รับบาดเจ็บพอสมควร

อาเป้ยไม่ทันระวังตัว ชะโงกคอออกไปไกลสักหน่อย

กระบี่คมกริบอยู่บนคอนาง!

บุรุษร่างกำยำมีห่วงขนาดใหญ่บนใบหู ท่าทางเหมือนนักเลงคุมซ่องนางโลมมากกว่าจะเป็นปีศาจในสายตาของนาง หันมาบีบบังคับเหล่าเทพด้วยการรวบคอเล็ก ๆ ไว้ในกำมืออีกข้างหนึ่ง ส่งเสียงหัวเราะลั่น

"ฮ่า ๆ ข้าไม่ได้พบสตรีบนเทวโลกมานาน จะว่าไป ก็เคยได้พบเซียนหญิงบนโลกมนุษย์... ปีศาจสาว... และแม่นางนี้..." สายตาหื่นกระหายไม่ต่างจากเห็นนางเป็นเหยื่อ ก้มลงมองใบหน้าสะสวย

"นี่ ๆ ท่านเป็นใคร ข้าไม่เกี่ยวนะ"

"นางไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปล่อยนางเสีย!"

"หากว่าข้าไม่ปล่อย ใครจะทำไม"

"ข้าบอกให้ปล่อยนาง!"

เสียงของบุรุษเทพตวาดดังลั่น นัยน์ตาแดงก่ำประหนึ่งจะปลิดชีพอีกฝ่ายซึ่งมีตัวประกันเป็นคนไม่สำคัญเอาเสียเลย ทางฝ่ายเทพสมควรปล่อยให้นางถูกสังหารไปเสีย มิใช่ทำให้ศัตรูเห็นว่านางยังมีประโยชน์

"ส่งหยกพันปีมาให้ข้า... เทพอู่เฉิน"

ทั้งสองฝ่ายสบมองกันอย่างเชือดเฉือน กระชับอาวุธในมือแน่น เมื่อกระบี่บนคอนางบาดลงลึกจนเลือดซึม

อาเป้ยถูกกระบี่คมกริบเฉือนลึกเข้าไปในเนื้อ ชายแปลกหน้ายังบีบคอนาง โดยที่นางไม่แม้แต่จะแสดงออกทางสีหน้าว่าเจ็บปวด นางสงสัยใคร่รู้ว่าหยกพันปีนี่คืออะไร ทั้งเทพและปีศาจถึงได้ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วผู้ใดคือเทพอู่เฉิน!

"ข้าไม่รู้ว่าหยกพันปีอยู่ที่ใดบนเกาะนี้ เจ้าอยากได้ก็ต้องลองค้นหาเอาเอง"

"นางตายแน่... หากว่าท่านไม่รู้"

"ข้าขอโทษด้วย เจ้า..."

"อาเป้ย ข้าชื่ออาเป้ย" นางแนะนำตัวอย่างยินดี เมื่อท่านเทพรู้สึกผิดต่อนางแทนที่จะว่านางเป็นปัญหา พร้อมกันนั้นนางยกมือขึ้นจับใบมีดกระบี่ อาศัยจังหวะที่ศัตรูกำลังตกใจ ผลักยันอาวุธออกจากคอด้วยแรงทั้งหมดที่มี

โลหิตหลั่งไหลจากอุ้งมือเล็ก ๆ ของนางราวสายน้ำ มือของนางยังเกือบจะขาด หากไม่เป็นเพราะพลังกายเทพอันกล้าแกร่งซึ่งนางได้รับมาในร่างนี้ ทำให้นางบาดเจ็บแค่พอประมาณ

นางใช้ช่องเพียงเล็กน้อย พลิกกายในท่าคว่ำสะบัดตัวให้หลุดจากการจับกุมของมือปีศาจ สลัดมันออกไปอีกทางหนึ่ง ด้วยทักษะการต่อสู้และป้องกันตัวมาโดยตลอดชีวิตของนางก็คงจะไม่ยาก

เทพหลงเหนียนไม่รอช้า พุ่งตัวเข้าซัดคมกระบี่ใส่ผู้รุกรานให้ถอยร่นไป อาเป้ยพลิกฝ่าเท้า หมุนตัวขึ้นในอากาศ ใช้เลือดจากลำคอวาดอักขระยันต์ด้วยปลายนิ้ว ตัวอักษรมากมายกระจายออกเป็นสีทองอร่าม เกิดแรงระเบิดทำให้ฝั่งปีศาจกระเด็นไปคนละทิศทาง ทว่าฝั่งเทพสามารถทรงตัวยืนได้อย่างสง่างาม

ปีศาจล้วนไม่ถูกกับเวทเซียนสีเหลืองทอง ผู้ใช้เวทชนิดนี้มีเพียงนักปราบปีศาจ นักพรตนักบวช แต่อักขระที่วาดด้วยเลือด ใช้เป็นอาวุธในการทำร้ายศัตรูได้ มีเพียงแห่งเดียวบนโลกมนุษย์

"คนจากสำนักเทียนหลง เจ้า! มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?"

"ไปรายงานใต้เท้าจีกง!"

[1] ซื่อเหอย่วน (四合院 sìhéyuàn) ที่พักอาศัยในลักษณะตั้งอยู่บนพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า รอบ ๆ บริเวณเป็นที่ตั้งเรือนพักอาศัย ล้อมรอบทิศทั้งสี่ของพื้นที่เอาไว้เรียกเรือนสี่ประสาน

[2] ยามซื่อ (巳:sì) เวลาสากลคือ 09.00 - 10.59 น.