ตอนที่ 9: เงาที่ข้ามเส้นไปยังอีกฝั่ง
อัสเทรรู้สึกได้ถึงเงาที่ทับถมลงมาเหนือโลกนี้ เขาตระหนักดีว่าตนไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอำนาจเงามืดได้อีกต่อไป หากเขาต้องการอยู่รอดและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เขาต้องค้นหาความจริงเกี่ยวกับพลังที่แฝงอยู่ในโลกนี้ รวมถึงกลุ่มลึกลับที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลก
อัสเทรเริ่มออกสำรวจพื้นที่รอบ ๆ เมืองและได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับ "หุบเขาเงามืด" ที่ซ่อนอยู่ในเขตชายแดนของอาณาจักร มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครกล้าย่างเท้าเข้าไปเพราะเชื่อกันว่ามีอสูรและพลังลึกลับคอยครอบงำอยู่ อัสเทรตัดสินใจเดินทางไปยังหุบเขาเงามืดเพื่อค้นหาคำตอบเกี่ยวกับพลังที่ชายสวมหน้ากากพูดถึง
เมื่อเขามาถึงบริเวณหุบเขา อัสเทรรู้สึกได้ถึงพลังงานอันชั่วร้ายที่คอยครอบคลุมอยู่ทุกทิศทาง เงามืดเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างที่เคลื่อนไหวรอบตัวเขา ทันใดนั้น เขาก็พบกับอสูรร่างใหญ่ที่พุ่งเข้าโจมตีเขาด้วยความเร็วเหนือความคาดหมาย อัสเทรใช้พลังของเขาต่อสู้กับมันในขณะที่สังเกตพลังเงามืดที่แผ่ขยายอยู่รอบ ๆ
อสูรร่างใหญ่ถูกเขาจัดการได้ในที่สุด แต่สิ่งที่เขาเจอไม่ใช่เพียงอสูรธรรมดา มันคือหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ถูกอัญเชิญมาจากพลังเงามืดที่ชายสวมหน้ากากพูดถึง การปรากฏตัวของอสูรพวกนี้บ่งบอกว่ามีผู้ควบคุมพลังเงามืดอยู่ที่นี่
เมื่อเขาลงลึกเข้าไปในหุบเขา เขาพบกับห้องลับที่สลักคำจารึกโบราณ เป็นคำเตือนเกี่ยวกับพลังแห่งเงาที่ไม่อาจคุมได้ง่าย ๆ คำจารึกบอกถึงวิญญาณผู้สาปแช่งที่สามารถควบคุมเงาได้เหมือนดั่งเจ้านาย
"หากมีผู้ใดเรียกขานข้า ข้าจะเป็นพันธมิตรหรือภัยพิบัติขึ้นอยู่กับใจของผู้ครอบครอง"
อัสเทรเข้าใจว่าพลังนี้เป็นดาบสองคม หากเขาใช้พลังนี้อย่างเหมาะสม เขาอาจเป็นผู้กอบกู้ แต่หากผิดพลาด เขาอาจกลายเป็นผู้ทำลายเช่นกัน เขานั่งลงเพื่อไตร่ตรองและคิดอย่างรอบคอบกับการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้
"บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ชักพาข้ามาที่นี่…" อัสเทรพึมพำกับตัวเอง
การเลือกของเขาในครั้งนี้จะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเขาไปตลอดกาล ทว่าเขาไม่มีทางรู้เลยว่า การตัดสินใจนี้จะนำพาเขาไปสู่การเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเดิม และการเข้าถึงความลับที่ไม่เคยมีใครค้นพบในโลกนี้