ตอนที่ 14: ขอบเขตใหม่แห่งอำนาจ
ดารามืดนิรันดร์ได้พิสูจน์ตัวเองให้โลกเห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ใช่แค่กลุ่มใต้ดินธรรมดา เมื่อการล้มล้างขุนนางทั้งห้าของเมืองเอลด์เฮลม์ประสบความสำเร็จอัสเทรและสมาชิกทุกคนในองค์กรต่างรู้ดีว่าโลกนี้จะไม่เหลือที่สำหรับพวกเขาหากยังคงซ่อนตัวในเงามืดเช่นเดิม
แผนการต่อไปของอัสเทรจึงเริ่มขึ้น นั่นคือการขยายอำนาจออกไปยังเมืองอื่น ๆ และรวบรวมกลุ่มพันธมิตรที่มีอิทธิพลในแต่ละเมือง เพื่อสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งและมีอำนาจเหนือกว่าใครทั้งหมดในโลกนี้
---
การล่อหลอกและการบุกเข้าสู่เมืองใหม่
เมืองต่อไปที่อยู่ในสายตาของอัสเทรคือ มิดไนท์ฟอลล์ เมืองที่เต็มไปด้วยขุนนางผู้ทุจริตและนักการเมืองที่ใช้ตำแหน่งเป็นเครื่องมือในการขยายอำนาจของตัวเอง เมืองนี้มีทั้งอิทธิพลในด้านการค้าและการเมือง แต่ก็ซ่อนความเน่าเฟะไว้ใต้ภาพลักษณ์อันสวยงาม
เพื่อให้แผนการของเขาประสบความสำเร็จ อัสเทรได้ส่ง ไซล่า ไปยังเมืองมิดไนท์ฟอลล์ในฐานะนักค้าขายยาและนักวิจัยสารเคมี โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการผลิตยาและสารที่สามารถทำลายกลุ่มขุนนางที่ควบคุมเมืองนี้ได้ จากนั้น ซิน และ แอชตัน จะทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์และคอยวางกลยุทธ์เพื่อสร้างความโกลาหลในระหว่างที่อัสเทรวางแผนขั้นตอนต่อไป
ไซล่าเดินทางไปยังเมืองนั้นอย่างรวดเร็ว โดยปลอมตัวเป็นพ่อค้าขายยาจากเมืองอื่น เธอใช้เวลากับการผลิตยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้าเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวคือการเข้าใกล้ขุนนางผู้สูงศักดิ์และส่งมอบยาพิษในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ในขณะที่ไซล่าทำงานของตัวเอง ซินและแอชตันก็แทรกซึมเข้าไปในกลุ่มที่มีอำนาจในเมืองและเริ่มสังเกตพฤติกรรมของผู้คนที่มีอิทธิพล รวมถึงการสำรวจหาจุดอ่อนต่าง ๆ ของขุนนางเหล่านั้น
เมื่อผ่านไปสัปดาห์หนึ่ง ข้อมูลทั้งหมดก็ถูกส่งกลับมาให้กับอัสเทร
"พวกเขายังไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น" แอชตันกล่าวหลังจากได้สำรวจทุกอย่างอย่างละเอียด
---
การเปิดเผยแผนการที่แท้จริง
ในคืนหนึ่งเมื่อทุกอย่างพร้อม อัสเทรจึงเริ่มแผนการที่สำคัญของเขา เขาทราบดีว่า ขุนนางในเมืองมิดไนท์ฟอลล์ไม่ได้ถูกควบคุมด้วยเพียงแค่การคอร์รัปชั่นและความโลภ แต่มันมีสิ่งที่อันตรายกว่าซ่อนอยู่ นั่นคือการมีส่วนร่วมกับกลุ่มลับที่พยายามปกปิดความจริงบางอย่างจากโลกภายนอก
คืนนี้จะเป็นคืนที่ทุกคนในเมืองจะรู้จักชื่อของ ดารามืดนิรันดร์ อย่างแท้จริง
อัสเทรและทีมงานของเขาใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนเพื่อเข้าถึงใจกลางของเมือง พวกเขาไม่ใช้วิธีการทำลายล้างแบบที่ทำกับขุนนางเมืองเอลด์เฮลม์ แต่จะค่อย ๆ เปิดเผยความชั่วร้ายของขุนนางเหล่านั้นให้ผู้คนได้เห็น ความลับที่พวกเขาซ่อนไว้ทั้งในห้องลับและในห้องประชุมลับของสภาขุนนางจะถูกเปิดเผยในตอนกลางคืน
ไซล่ากระจายสารพิษบางชนิดที่ถูกออกแบบให้มีผลทำให้กลุ่มขุนนางหลับลึกโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกัน แอชตันและซินก็จัดการกับพวกยามและผู้คุ้มกันอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
ในที่สุด เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการเปิดเผย อัสเทรก็สั่งให้เปิดเผยเอกสารลับที่แสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างขุนนางเหล่านี้กับกลุ่มลับที่มีแผนการดำเนินงานลับในทุกเมือง การวางแผนลอบสังหารขุนนางที่ไม่เข้าร่วม และการคอร์รัปชั่นที่เกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
---
การลงมือทำ
ทันทีที่ข้อมูลถูกเปิดเผย ความตื่นตระหนกก็เริ่มเกิดขึ้น ขุนนางที่ถูกกระทำตามแผนการของอัสเทรเริ่มหมดหนทาง พวกเขาพยายามจะปิดบังข้อมูล แต่ก็ถูกจัดการท่ามกลางการต่อต้านที่ไม่คาดคิด
อัสเทรไม่เพียงแต่จัดการพวกขุนนางที่เป็นภัยต่อเมือง แต่เขายังต้องการสื่อสารให้ผู้คนในเมืองมิดไนท์ฟอลล์เข้าใจว่า โลกใบนี้ไม่ได้ถูกควบคุมโดยขุนนางที่คดโกงเท่านั้น แต่ยังมีผู้ที่สามารถล้มพวกเขาได้ทุกเมื่อ เขาและองค์กรดารามืดนิรันดร์จะไม่หยุดยั้งจนกว่าจะสร้างโลกใหม่ที่ไม่ขึ้นอยู่กับอำนาจของคนที่ต้องการแอบใช้เงามืดเพื่อครอบงำ
---
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ความวุ่นวายในเมืองมิดไนท์ฟอลล์ยังคงดำเนินไปขณะที่อัสเทรและทีมงานทำการล้างบางทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและความชั่วร้าย นี่คือการเริ่มต้นของการปฏิวัติจากเงามืดที่ไม่ได้มีเพียงแค่การล้มล้าง แต่จะมีการสร้างฐานอำนาจใหม่ขึ้นมา
ในขณะที่การล้มล้างกำลังดำเนินไป เขารู้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่จบง่าย ๆ ตรงกันข้าม นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม จนกว่าทุกคนจะรู้ว่าชื่อของดารามืดนิรันดร์จะกลายเป็นตำนานแห่งความกลัวที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้
การขยายอำนาจในเงามืด
หลังจากที่สามารถสร้างความหวาดกลัวในเมืองมิดไนท์ฟอลล์ได้สำเร็จ อัสเทรเริ่มมองไปยังเป้าหมายถัดไป แต่ครั้งนี้เป้าหมายของเขาไม่ใช่เพียงแค่ขุนนางเล็ก ๆ หรือเจ้าหน้าที่ทุจริตอีกต่อไป เขาต้องการเข้าถึง องค์กรลับระดับสูง ที่แทรกซึมอยู่ในทุกเมืองและมีอิทธิพลในแทบทุกส่วนของอาณาจักร องค์กรนี้เป็นที่รู้จักในชื่อว่า แคลนฟอลเคิร์ก
แคลนฟอลเคิร์กเป็นองค์กรลับที่มีประวัติยาวนาน พวกเขาควบคุมเครือข่ายทหารรับจ้าง นักฆ่า และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนมากในอาณาจักร เพื่อกุมอำนาจและแทรกซึมไปในทุกเมือง โดยเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขายังคงเป็นปริศนา
อัสเทรรับรู้ว่า ดารามืดนิรันดร์จะต้องกลายเป็นที่รู้จักอย่างลับ ๆ ท่ามกลางเครือข่ายของฟอลเคิร์ก เพื่อที่จะหาจุดอ่อนและช่องโหว่ เขาได้มอบหมายให้ ซิน และ แอชตัน แทรกซึมเข้าไปในแวดวงของพวกเขา โดยใช้ชื่อปลอมและสร้างประวัติอันน่ากลัวเพื่อให้ได้รับความเชื่อถือ
ซินเข้าทำงานเป็นนักฆ่าและรับจ้างในเครือข่ายของแคลนฟอลเคิร์ก ขณะที่แอชตันใช้ทักษะในการแฝงตัวเป็นนักวางแผนทางการทหารและการต่อสู้ พวกเขาทั้งสองถูกดึงเข้าร่วมงานลับ ๆ หลายครั้ง โดยที่ฟอลเคิร์กไม่เคยรู้ว่าพวกเขากำลังทำงานให้กับดารามืดนิรันดร์
---
การเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจของฟอลเคิร์ก
หลังจากแฝงตัวอยู่ได้สักพัก ซินและแอชตันสามารถเข้าถึง บอร์ดแห่งฟอลเคิร์ก ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำระดับสูงที่ตัดสินใจเกี่ยวกับทุกแผนการลับขององค์กร พวกเขารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างภายในและแผนการทางการเมืองของฟอลเคิร์กเพื่อส่งกลับให้อัสเทร
เมื่ออัสเทรได้รับข้อมูลทั้งหมด เขาพบว่าแคลนฟอลเคิร์กมีแผนการในการครอบงำอาณาจักรอย่างสมบูรณ์ โดยการบีบคั้นผู้คนให้เชื่อฟังและควบคุมทรัพยากรทุกอย่างไว้ในเงื้อมมือของพวกเขา อัสเทรเห็นว่านี่คือโอกาสสำคัญที่จะล้มล้างองค์กรลับนี้เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้ที่ควบคุมอำนาจในเงามืดอย่างแท้จริง
แต่ฟอลเคิร์กไม่ได้เป็นศัตรูที่ง่าย พวกเขามีกองกำลังที่แข็งแกร่งและยังมีสายลับจำนวนมาก อัสเทรจึงวางแผนที่จะไม่เผชิญหน้าตรง ๆ แต่จะใช้กลยุทธ์ที่ทำให้ฟอลเคิร์กเสียหายจากภายใน
"ถ้าเราจะล้มฟอลเคิร์ก เราต้องทำให้พวกเขาไม่สามารถไว้ใจกันเองได้อีกต่อไป" อัสเทรประกาศกับทีมงานของเขา
---
กลยุทธ์การแทรกซึมลึก
ในช่วงไม่กี่เดือนถัดมา อัสเทรส่งคนของดารามืดนิรันดร์เข้าไปแทรกซึมลึกยิ่งกว่าเดิม พวกเขาแฝงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในแต่ละสาขาและค่อย ๆ สร้างความระส่ำระสายให้กับองค์กรฟอลเคิร์ก ด้วยการปล่อยข้อมูลปลอมที่ทำให้ผู้นำแต่ละคนเกิดความสงสัยและเริ่มตั้งคำถามต่อกันเอง
นอกจากนี้ พวกเขายังทำลายฐานปฏิบัติการลับบางแห่งของฟอลเคิร์ก โดยไม่เปิดเผยตัวตน ทำให้สมาชิกฟอลเคิร์กเกิดความหวาดระแวงและเริ่มค้นหาตัวคนร้าย แต่ไม่สามารถจับได้ว่าผู้บงการอยู่เบื้องหลังจริง ๆ คือใคร
ในที่สุด ฟอลเคิร์กเริ่มมีความขัดแย้งภายใน และแต่ละคนเริ่มคุมเข้มและระแวงว่ามีผู้แทรกซึมอยู่ในองค์กรของพวกเขา การปฏิบัติการลับของฟอลเคิร์กเริ่มถูกล่มลงทีละงาน ความลับที่เคยซ่อนไว้ก็เริ่มถูกเปิดเผยออกไปเรื่อย ๆ ขณะที่อัสเทรและดารามืดนิรันดร์เฝ้ามองจากเงามืด
---
บทสรุปที่ใกล้เข้ามา
เมื่อความขัดแย้งภายในของฟอลเคิร์กเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อัสเทรตัดสินใจลงมือครั้งสุดท้าย โดยการใช้แอชตันและซินเป็นตัวล่อให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้นำในบอร์ดของฟอลเคิร์ก การประชุมลับของผู้นำฟอลเคิร์กในคฤหาสน์แห่งหนึ่งกลายเป็นเวทีที่ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกกันเอง ขณะที่ดารามืดนิรันดร์เข้ามาแทรกแซงในเงามืด
ในคืนแห่งความระส่ำระสาย ผู้นำฟอลเคิร์กหลายคนถูกกำจัดทั้งจากฝีมือของฝ่ายตรงข้ามและจากอัสเทรที่ลงมือในเงามืด ไม่มีใครรู้ว่ามือที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายครั้งนี้คือดารามืดนิรันดร์
---
เมื่อแคลนฟอลเคิร์กพ่ายแพ้ไปในที่สุด อัสเทรและดารามืดนิรันดร์ได้สร้างเครือข่ายอำนาจที่แทรกซึมอยู่ในทุกเมืองและทุกขอบเขตของอาณาจักร ทุกคนเริ่มหวาดกลัวต่อชื่อของพวกเขา ชื่อของดารามืดนิรันดร์กลายเป็นเงาแห่งความหวาดผวาที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย
ในเวลานี้ อัสเทรรับรู้ว่าดารามืดนิรันดร์ได้กลายเป็นผู้ที่ควบคุมเงามืดอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงเพื่อความยิ่งใหญ่ส่วนตัว แต่เพื่อสร้างระเบียบใหม่ในโลกที่ถูกกดขี่ ให้ผู้คนรู้ว่าในโลกแห่งเงามืดนี้ ยังมีใครสักคนที่จับตาดูอยู่เสมอ