ตรงรากไม้มีงูตัวใหญ่ขดล้อมอยู่
มีกระรอกที่ไม่เคยหยุดวิ่งขึ้นวิ่งลงระหว่างตรงที่นกอินทรีเกาะกับราก ดูเหมือนมันคอยตรวจตราไม่ให้พญางูกัดกินรากต้นไม้มากเกินไปยามที่เบื่อจะแทะศพมนุษย์
ฟากที่บดินทร์ยืนอยู่ ดูมืดเมื่อเปรียบเทียบกับแสงสว่างของอีกฟาก
ทุกๆ ชีวิตตื่นตระหนกตกใจ เมื่อเกิดปรากฎการณ์สุดประหลาดบนท้องฟ้า ท้องฟ้ามืดทะมึนจันทรุปราคาเต็มดวงที่มีสีแดงอิฐ นาน 1 ชั่วโมง 16 นาทีหายไป เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่โดยสิ้นเชิงเพราะแทนที่ด้วยจันทร์ทรงกลด มีแค่คำว่าสว่างไสวจะมาใช้บรรยายได้
"สวรรค์ประทานพร" หญิงชราถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ
"ดาวประกายพรึกปรากฏ (เขาหมายถึงดาวที่มีแสงเจิดจรัสที่สุดบนท้องฟ้า) คนดีของแผ่นดินอยู่ที่นี่แล้ว"
ชายชราคุกเข่า ทำความเคารพ
"ดูปรากฏการณ์นี่สิ ต้องเป็นคนมีอำนาจวาสนาและฐานันดรศักดิ์สูง สะสมคุณงามความดีซึ่งได้ประพฤติมาทำให้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้เปี่ยมคุณงามความดีที่ได้กระทำไว้มากยิ่งโดยเเท้"
"น่าอัศจรรย์จริงๆ "
"น่าอัศจรรย์เหลือเกิน"
แม้แต่เด็กน้อยๆ ที่เอาแต่ร้องไห้ทั้งวันยังต้องเงียบสนิท ซึ่งบดินทร์คิดว่าธรรมชาติของมนุษย์เกิดมาล้วนตื่นตาตื่นใจกับอะไรก็ตามที่ไม่เคยเห็น เด็กเล็กๆ ก็เช่นกัน
พลเมืองดินแดนหลังความตายเงียบกริบชั่วขณะ แม้กระทั่งเสียงดนตรี
ในขณะที่ทุกสายตาจ้องมองมาที่เส้นแบ่งเขต สายตาของบดินทร์กำลังมองดูท้องฟ้าที่แปลกประหลาด
ภาพตรงหน้าเต็มไปด้วยภาพที่สวยงามชวนหยุดลมหายใจ เรียกสวยงามที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเห็น
เหล่าคนบนเมฆเป่าแตรเขาแกะขนาดยาวด้วยทำนองปี่พาทย์งานศพ กลายเป็นทำนองสนุกสนาน เสียงดังร้องรำทำเพลง ครึกครื้น ราวกับต้อนรับบุคคลที่พวกเขารอคอย ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว
นานทีเดียวกว่าบดินทร์จะสงสัยว่าเหตุใดถึงเงียบเป็นเรื่องที่ผิดสังเกต ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่ดูเหมือนทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา
บดินทร์งงๆ