"เห็นแล้วก็ยังเห็นด้วยกับกระทรวงศึกษาธิการ ในการรับคนแบบนี้ไปเหรอครับ"
"คนแบบไหนครับ"
"คุณดูเขาสิครับ เขาก็เป็นเพียงเด็กที่เล่นอยู่ริมชายฝั่ง เพลิดเพลินกับการเสาะหาก้อนกรวดเรียบๆ และเปลือกหอยที่สวยเป็นพิเศษ ขณะที่มหาสมุทรแห่งความจริงอันยิ่งใหญ่ทอดตัวอยู่เบื้องหน้าโดยยังไม่ถูกค้นพบ"
"ผมไม่..." ส่วนท้ายประโยคของชายมัดผมหายไป เพราะเสียงของคลื่น
ชายสูงวัยถืออาวุธสามง่ามทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ทะเลแหวก เผยให้เห็นทรายขาวละเอียดทอดตัวเป็นแนวยาวเชื่อมต่อถึงกัน มีรถม้ามารับเขา และแนวสันทรายนี้ก็ค่อยๆ จมหายไปใต้ผืนทะเลเมื่อชายชราปิดประตู
ชายมัดผมหรี่ตามองไปที่บดินทร์อีกครั้ง "นั่นดูเหมือน เขื่อนจำลอง"
ชายมัดผมหายไป พร้อมๆ กับเรือลำใหญ่ที่ธงสีดำผืนใหญ่มีรูปกะโหลกและกระดูกไขว้สีขาว มีเพียงการ์ดภาพคลื่นยักษ์ มีอักษรเขียนว่า 26 ธันวาคม พ.ศ. 2004: สึนามิ ปลิวตามกระแสลม
ช้างประเทศไทยอายุ 4 ปี เข้ามาทำความเคารพบดินทร์ จากความงุนงงสงสัย กลับกลายเป็นความประทับใจ
ก้าวหน้าหยิบหมวกสวมหัว เขาส่งลูกมะพร้าวพร้อมดื่มถึงมือบดินทร์
"ไปเล่นน้ำกันเถอะ" บดินทร์ถอดรองเท้าออก แล้ววิ่งด้วยเท้าเปล่าไปตามเนินทราย
"ทำอะไร" ก้าวหน้าถาม เมื่อบดินทร์ขวักน้ำทะเลใส่ขวดโหลแก้วครึ่งหนึ่ง
"เอาน้ำทะเลไปฝากพี่-น้อง"
บดินทร์กับก้าวหน้ามุ่งหน้าลงสู่มหาสมุทรเพื่อแข่งขันกันหาไข่มุกให้ได้มากที่สุด และก้าวหน้าเป็นผู้ชนะของการแข่งขัน
พวกเขาว่ายน้ำไปเกาะที่อยู่ใกล้ๆ เล่นโต้คลื่น และวอลเลย์บอลชายหาด
เมื่อเหนื่อย บดินทร์ก็พาก้าวหน้าลอยตัวขนานกับผิวทะเล
ทุกอย่างดีมากซะจนบดินทร์ลืมว่ามีหนังสือเชิญเขาไปที่ดินแดนหลังความตายอยู่ในกระเป๋าเป้