ฉับพลันคลื่นน้ำทะเลสีดำสนิทก็ร้องคำราม คลื่นสูงประมาณตึก 3 ชั้นเคลื่อนที่เข้าหาชายฝั่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ม้วนทะลักพลิกตลบขึ้นท่วมตึกสูง 2 ชั้น แต่ปรากฏว่าแนวกำแพงช่วยต้านแรงดันจากน้ำทะเล ทำให้ช้างที่หลบอยู่หลังแนวกำแพงและเด็กหญิงต่างชาติที่นั่งเอาขาคร่อมอยู่บนหลังของช้าง ทั้งสองรอดชีวิตมาด้วยกัน
ทะเลไหลเชี่ยวกราก บดินทร์โดนคลื่นซัดม้วนเอาตัวเขาตกน้ำ และกระชากออกไปในทะเล ก้าวหน้าร้องเรียกเขา แต่บดินทร์ไม่ได้ตะโกนตอบกลับไป
ร่างของบดินทร์จมหาย ก่อนจะโผล่ขึ้นมาหายใจเฮือก เขารวบรวมสติ ลอยตัวโดยหันไปด้านข้างและเอียงศีรษะไปด้านหลัง รักษาระดับของจมูกกับปากให้อยู่เหนือผิวน้ำ
'หายใจเบาๆ แต่หายใจเข้าลึกๆ เพราะจะช่วยให้ตัวลอยอยู่ได้ พยายามว่ายเข้าหาต้นไม้ด้านหลัง แล้วยึดเกาะแน่นๆ ' เสียงของนายยุทธนา ผู้เป็นพ่อกำลังถาโถมเข้ามาในหัวของบดินทร์
สิ่งที่บดินทร์ต้องการคือ ขอเพียง โอกาส ว่ายน้ำกลับเข้าหาฝั่ง
บดินทร์กำลังมองหาก้าวหน้า ในตอนที่คลื่นลูกที่สองซึ่งสูงกว่าลูกแรกมากซัดม้วนเอาตัวเขาจมดิ่งลงตามแรงโน้มถ่วง
บดินทร์พยายามดันตัวเองขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
เมื่อคลื่นเริ่มกลับลงทะเล ระดับน้ำลดลง จู่ๆ น้ำวนขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้น
เด็กข้างๆ ตะโกนช่วยด้วย ดิ้นตะเกียกตะกาย พยายามหายใจ ราวกับเจ็บปวดเมื่อน้ำเย็นๆ ทะลักเข้าสู่ลำคอของเขา ขณะค่อยๆ จมหายไป
'อย่าว่ายเข้าฝั่ง'
บดินทร์มองหาที่มาของเสียง
'เมื่อความเร็วและปริมาตรของน้ำไหลพุ่งสูงสุดจะเกิดแรงดันมหาศาล ถ้าถูกกระแสน้ำพัดจนสลบ ว่ายเก่งแค่ไหนก็หนีไม่รอด'
แสงเรืองแสงของปลาคาร์ปจักรพรรดิ เรียกสายตาของบดินทร์
เด็กชายจำปลาคาร์ปไม่ได้ แต่ปลาคาร์ปจักรพรรดิจำเด็กชายได้แม่นยำ มีอยู่หนหนึ่ง ฝนตกหนัก บดินทร์เห็นปลาตัวหนึ่งอยู่บนพื้นดิน หางสะบัดขึ้น-ลง ลำตัวตะแคง อ้าปากคล้ายขาดอากาศ เขาถึงจับไปปล่อยลงสู่น้ำตก
ขณะบดินทร์มองหาปลาคาร์ปจักรพรรดิ มันหายไป กลายเป็นนางเงือก เขาว่ายตามเธอ
น้ำในมหาสมุทรโดนย้อมเป็นสีเลือด
บดินทร์กำลังจะตาย นางเงือกไม่สังเกตเห็นเขาเลย