กลิ่นสาบภูต
'มาแล้ว...มา แล้ว'
'หลบเร็ว ๆ'
'อย่าขวาง ทางนะ...รีบ หลบกันเร็ว'
เสียงซุบซิบค่อนไปทางน่ารำคาญตลอดทางที่เดินผ่านไม่ได้ทำให้คนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนามีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ยังคงเดินหน้าต่อราวกับไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น แกล้งทำหูทวนลมไม่รู้ไม่เห็นเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัยในสายตาคนปกติ ที่คงจะเห็นว่าบริเวณนี้เป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีตัวอะไรแปลก ๆ มารวมกันอยู่มากมายกว่ายี่สิบตัว
แต่ว่า...
ดูเหมือนการแกล้งไม่สนใจจะทำให้เสียงน่ารำคาญพวกนั้นยิ่งดังขึ้น จนในที่สุดก็จำต้องหันไปตวัดตามองเข้าสักทีเพราะทนหนวกหูไม่ไหว จนเจ้าพวกที่กระจุกตัวกันอยู่แตกกระเจิงหนีหายไปด้วยความหวาดกลัว
เฮ้อ...
เสียงผ่อนลมหายใจดังขึ้นเบา ๆ หากแต่จังหวะการก้าวเดินยังคงเป็นปกติไม่มีตรงไหนให้ผิดสังเกต เพียงเสี้ยววินาทีที่ทำให้เจ้าตัวประหลาดพวกนั้นเผ่นหายไป ดวงตาคู่สวยก็ละกลับมามองตรงไปด้านหน้าเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถ้าจะให้ว่ากันตามจริงแม้ที่ผ่านมาจะถูกพูดถึงอยู่บ่อย ๆ แต่เพราะพวกมันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรมากมายนอกเหนือไปจากความน่ารำคาญเพราะพูดมาก ทุกครั้งที่เดินผ่านเด็กหนุ่มจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับเจ้าพวกนี้เท่าไรนัก เพียงแต่วันนี้เสียงซุบซิบที่ได้ยินมันดังจนเอิกเกริกเกินไปสักหน่อย ก็เลยต้องทำให้สงบลงบ้าง
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เจ้าพวกนั้นฮือฮาเสียงดังขนาดนี้ก็ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะ....ผู้ร่วมทางที่เพิ่มขึ้นมาอีกคน
เช้าวันนี้ถือเป็นภาพที่ดูแปลกตาสำหรับสิ่งมีชีวิตแต่ไม่ใช่มนุษย์ที่จับกลุ่มกันอยู่ตามข้างทาง เมื่อระหว่างอาคาวะทั้งสองมีเด็กหนุ่มไม่คุ้นหน้าอีกคนเดินอยู่ตรงกลาง เพราะตามปกติตอนเช้าแบบนี้จะมีเพียงแค่เด็กน่ากลัวและท่านสีดำ ที่พวกภูตผีแถวนี้ตั้งฉายาให้ ใช้ทางนี้เพื่อเป็นทางลัดเดินไปโรงเรียนด้วยกันสองคนเท่านั้น
'ใคร กันนะ'
'ใครกัน ๆ''
แม้จะแตกกระจายไปแอบคนละทิศ แต่เสียงกระซิบก็ยังคงดังขึ้นอย่างน่ารำคาญอยู่ดี ถึงแม้ว่ามันจะเบาลงเป็นเท่าตัวแล้วก็เถอะ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปทางพวกภูตผีที่ชะโงกหน้าแอบมองมาจากหลังต้นไม้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าตกเป็นหัวข้อสนทนาใหม่ของพวกภูตผีไปแล้ว
"ตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ย"
ประโยคที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้อาคาวะทั้งสองยิ้มรับบาง ๆ ก่อนจะพากันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เมื่อได้ยินประโยคต่อมา
"น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันกับพวกนาย"
"ไว้เดี๋ยวตอนเที่ยงฉันกับโนบุจังจะไปรับมากินข้าวด้วยกันนะ"
เป็นแบล็กที่พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้าง พร้อมกับตบบ่าอัลฟ่าเบา ๆ อย่างสนิทสนม ในขณะที่ชิโนบุทำเพียงอมยิ้มน้อย ๆ แล้วหันกลับไปมองทางเหมือนเดิม
ระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสามมีเพียงสองคนในนั้นที่ยังคุยกันไปตลอดทาง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นอัลฟ่าและแบล็ก เพราะชิโนบุทำเพียงแค่เดินเงียบ ๆ แล้วหันมามองเป็นบางครั้งเท่านั้น
ตั้งแต่ที่ได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลอาคาวะ อัลฟ่าก็ได้สองคนนี้คอยดูแลอยู่ตลอด ทั้งชิโนบุและแบล็กเป็นคนใจดีทั้งคู่ เวลาเขาถามอะไรก็จะคอยตอบ คอยอธิบายให้ฟังโดยไม่มีท่าทีรำคาญเลยแม้แต่น้อย แถมยังเล่าเรื่องอื่น ๆ ให้ฟังอีกเยอะแยะเลยด้วย เดี๋ยวก็เอาอันนั้นมาให้ เดี๋ยวก็เอาอันโน้นมาให้ คอยช่วยกันดูแลเขาเป็นอย่างดี
แต่ถึงอย่างนั้น...
อัลฟ่าก็ยังรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง
ทั้ง ๆ ที่ใจดีเหมือนกัน แต่ชิโนบุกับแบล็กก็แตกต่างกันมาก
ทั้ง ๆ ที่ได้คุยกับทั้งคู่พอ ๆ กัน แต่อัลฟ่ากลับรู้สึกสนิทใจกับแบล็กมากกว่า
สำหรับตัวเขา แบล็กจะเป็นคนร่าเริง ส่วนชิโนบุจะเป็นคนใจดี ทุกครั้งที่บังเอิญหันมามองหน้ากันเจ้าตัวก็มักจะส่งยิ้มมาให้เสมอ เป็นรอยยิ้มใจดี...แต่ดันมาพร้อมกับกำแพงกั้นขวางระหว่างพวกเรา
เป็นกำแพงที่บางมากแต่ก็รู้สึกได้ว่ามี
มองดูภายนอกเหมือนเจ้าตัวจะเป็นคนเข้าถึงง่าย แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ ทั้งที่ดูเหมือนว่าจะเปิดใจให้กัน แต่ก็ขีดเส้นแบ่งเขตไว้อย่างชัดเจน
เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้
ชนเข้ากับกำแพงแล้ว
และที่สำคัญ...
อัลฟ่ารู้สึกว่า เขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวชิโนบุที่ทำให้รู้สึกขัดใจเล็ก ๆ ตลอดเวลาที่มอง
๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
"กลิ่นไม่ดีเลยน้า ~"
ถ้อยคำที่อยู่ ๆ ก็ถูกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงทำให้คนที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ต้องละสายตาขึ้นมอง ภาพที่เห็นคือเจ้าตัวคนพูดกำลังเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ หากแต่ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นกลับจ้องเขม็งไปยังอะไรบางอย่างข้างนอกนั่นที่อยู่ไกลออกไป
"แบล็ก?"
"ขอให้ฉันแค่คิดมากไปเอง"
หัวคิ้วคนฟังขมวดมุ่นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น หนังสือในมือถูกปิดลงแล้ววางทิ้งไว้อย่างไม่สนใจ เมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังจะมีเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างเกิดขึ้นจากคำพูดของอีกฝ่าย
ไม่บ่อยนักที่แบล็กจะพูดแบบนี้
แล้วทุกครั้งก็จะต้องตามมาด้วยเรื่องใหญ่ ๆ เสมอ
สัญชาตญาณของแบล็กแม่นยำมาก ทุกคนในบ้านอาคาวะรู้เรื่องนี้ดี ลองถ้าได้พูดขึ้นมาแบบนี้แสดงว่าจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ ขนาดคุณปู่เองก็ยังบอกเลยว่า ถ้าเจ้าตัวได้เตือนอะไรขึ้นมาก็ให้ฟังไว้อย่าปล่อยผ่าน
"เย็นนี้ฉันจะออกไปดูอะไรหน่อย โนบุจังกลับบ้านก่อนได้เลย"
"ทำไมไม่ให้ฉันไปด้วย"
"ถ้าหายไปทั้งคู่ใครจะคอยดูอัลฟ่าล่ะ"
เหตุผลที่ย้อนกลับมาทำให้ชิโนบุชะงักไปนึกอยากจะแย้งแต่ก็แย้งไม่ออก สุดท้ายเลยทำได้แค่ขมวดคิ้วหน้ามุ่ยด้วยความหงุดหงิดจนแบล็กที่เห็นแบบนั้นส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู
"ไม่ทำหน้าบูดสิ วันนี้กลับกับอัลฟ่าแค่สองคนนะ ขืนทำหน้าแบบนี้ให้อัลฟ่าเห็นคงได้ตกใจแย่"
"ยุ่ง"
"คนใจดีของอัลฟ่าหายไปไหนน้า ~"
"เดี๋ยวจะโดน"
แววตาดุ ๆ และสีหน้าเอาเรื่องของเจ้าตัวไม่มีผลต่อแบล็กเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำคนโดนขู่ยังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเสียอีก พาลทำให้คนที่อดออกไปสำรวจด้วยยิ่งรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม
"จะเลิกขำได้หรือยัง"
"ฮ่า ๆ ๆ"
"เอ๊ะ เดี๋ยวนะ"
"อะไร?"
ท่าทางเหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้ของชิโนบุได้ผลดีกว่าคำขู่ก่อนหน้านี้เป็นเท่าตัว เพราะทันทีที่เห็นแบบนั้นแบล็กก็หยุดขำ ใบหน้าติดทะเล้นโน้มเข้าไปหาเพื่อฟังสิ่งที่คนช่างดื้อกำลังจะพูดอย่างตั้งใจ
"อัลฟ่าบอกว่าวันนี้เป็นเวรทำความสะอาด"
"ใช่"
"งั้นก็ต้องเลิกช้า"
"ไม่ได้"
ยังไม่ทันได้ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูดจนจบแบล็กก็ขัดขึ้นมาทันที ดวงตาเรียวคมหรี่ลงอย่างดุ ๆ เพราะรู้ว่าจุดประสงค์แท้จริงที่แฝงมาด้วยคืออะไร
"ทำไมไม่ได้"
"ไม่ดื้อนะโนบุจัง"
"ที่จริงถึงเราจะปล่อยให้หมอนั่นกลับบ้านคนเดียวก็ดูไม่มีปัญหาอะไรเลยด้วยซ้ำ"
"ถ้าเราปล่อยให้อัลฟ่ากลับคนเดียวจริง มีหวังตอนไปถึงโนบุจังได้เจอปู่มายืนรอรับหน้าบ้านแน่"
พอลองนึกภาพตามชิโนบุก็หน้าเสียไปทันที ความทรงจำในวัยเด็กตอนขัดคำสั่งปู่ย้อนคืนกลับมาให้ขนทั้งตัวพากันลุกพรึ่บ เย็นไขสันหลังวาบ ๆ จนพาลให้มือไม้สั่นไปหมด เห็นยิ้มเก่ง ใจดีแบบนั้น แต่ความจริงแล้วปู่โหดมากนะ
แต่ว่า...
ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากไปด้วยอยู่ดี
"งั้นเราก็--"
"โนบุจัง"
"เราก็แค่รีบไปรีบกลับ"
"ทำไมต้องดื้อตลอด"
"แค่เรากลับมาหาอัลฟ่าก่อนจะกลับถึงบ้านปู่ก็ไม่รู้แล้ว"
"เฮ้อ..."
เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เจ้าตัวลืมตาดูโลกแบล็กจึงรู้ดีว่าหากเป็นแบบนี้ก็คงห้ามอะไรไม่ได้ ยิ่งเห็นสีหน้ามุ่งมั่นว่ายังไงก็จะไปด้วยกันแบบนั้นก็ยิ่งจนปัญญาจะขัด สุดท้ายเลยได้แต่ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจำยอม
"ไปบอกอัลฟ่าด้วย"
"อือ เดี๋ยวเลิกเรียนจะไปบอก ตอนนี้ห้องของหมอนั่นเรียนอยู่ไม่ได้ว่างเหมือนห้องเรา"
"บอกด้วยว่ากลับเองก็ให้กลับดี ๆ อย่าเถลไถล"
"ได้ เดี๋ยวบอกให้"
บทสนทนาสิ้นสุดลงแค่ตรงนั้นเมื่อได้ข้อสรุปทั้งหมด แบล็กหันมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนเดิมด้วยสีหน้าครุ่นคิด ในขณะที่ชิโนบุเปิดหนังสืออ่านต่อจากที่ค้างไว้ ปล่อยให้เสียงโหวกเหวกของเพื่อน ๆ ในห้องยังคงดังต่อไปอย่างนั้นโดยไม่สนใจอะไรอีก
๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
"สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร"
"ฉันอาจจะคิดไปเองจริง ๆ"
"ไม่มีทาง"
"โนบุจังไม่คิดว่าสัญชาตญาณของฉันจะเสื่อมลงบ้างเหรอ"
"ไม่"
ถ้อยคำที่สวนกลับมาแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดทำให้แบล็กหัวเราะออกมาเบา ๆ ดวงตาเรียวคมมองคนที่เดินอยู่ข้างกันด้วยความเอ็นดู พอเหลือบเห็นฝุ่นสีขาวที่ติดอยู่ตรงแขนเสื้อของเจ้าตัว ก็เอื้อมมือไปปัดออกให้ แต่ยังไม่ทันสัมผัสโดนเนื้อผ้าก็ต้องชะงักมือไว้ บรรยากาศผ่อนคลายรอบตัวพลันสลายไปพร้อมกับหัวคิ้วที่มุ่นเข้าทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
"มีอะไร"
แบล็กไม่ตอบแต่กลับเพ่งสายตาไปทางที่มีใครบางคนกำลังเดินมา เห็นแบบนั้นชิโนบุจึงหันไปมองบ้าง แต่แม้จะหรี่ตาลงจนแทบปิดก็ยังมองไม่เห็นเพราะระยะทางมันไกลมาก ตัวเขาไม่ได้มีสายตาที่ดีเหมือนกันกับแบล็ก จึงล้มเลิกการพยายามเพ่งมองแล้วเปลี่ยนเป็นถามขึ้นแทน
"นั่นใครแบล็ก"
"อัลฟ่า"
ไม่แปลกที่คำตอบของแบล็กจะเป็นอัลฟ่า เพราะตอนนี้พวกเขาสองคนกลับมาจากไปสำรวจและกำลังจะเดินไปเจอกับหมอนั่นระหว่างทางเพื่อกลับบ้านด้วยกัน แต่ว่า...ที่มันแปลกก็เพราะแบล็กดันมีท่าทีแบบนี้ต่างหาก
"เราไปหาอัลฟ่ากัน"
ชิโนบุไม่ได้คัดค้านอะไร เจ้าตัวเพียงแค่เดินตามหลังแบล็กไปเงียบ ๆ หากแต่จังหวะที่กำลังจะถึงก็เผลอชะงักขาที่กำลังจะก้าวต่อด้วยความแปลกใจ หัวคิ้วทั้งสองข้างเริ่มมุ่นเข้า ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงของอัลฟ่าดังขึ้นพอดี
"อ้าว แบล็ก ชิโนบุ"
คำทักทายของอัลฟ่าไม่ได้มีผลอะไรกับชิโนบุทั้งสิ้น เมื่อตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขากำลังพุ่งตรงไปที่สัมผัสแปลกปลอมบนตัวของอีกฝ่าย ดวงตาคู่สวยมองสำรวจอย่างละเอียดโดยไล่ตั้งแต่บนลงล่างและล่างขึ้นบนอยู่ 2-3 รอบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"นายไปทำอะไรมา"
ถึงได้มีกลิ่นสาปภูตเต็มตัวไปหมด
ประโยคหลังชิโนบุไม่ได้พูดออกไป แต่ที่จริงเจอแค่ประโยคแรก อัลฟ่าก็ทำสีหน้างงงวยตอบกลับมาแล้ว เด็กหนุ่มตัวสูงได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ มองหน้าคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างจะขอคำอธิบาย เพราะเขาไม่เข้าใจความหมายของคำถามนั้นเลยแม้แต่น้อย
"โนบุจังจะหมายถึงว่า นายไปทำอะไรมาถึงได้กลับช้ากว่าที่คุยกันไว้"
"อ๋อ"
พอได้แบล็กช่วยขยายความให้เจ้าตัวถึงได้ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่บนใบหน้าจะกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความอายกับสาเหตุที่ทำให้ตัวเองออกมาจากโรงเรียนช้ากว่าที่ควร
"พอดีฉันหาที่ทิ้งขยะไม่เจอก็เลยเสียเวลาวนไปวนมาอยู่นานเลย"
"....."
"แล้วเมื่อกี้ตอนเดินมาก็เจอคนมาถามทางด้วย แต่ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกเพราะยังไม่รู้ทางเหมือนกัน"
ตลอดระยะเวลาที่ทั้งสองคนคุยกันชิโนบุไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เจ้าตัวเพียงแค่ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ แล้วส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้ตอนที่ถูกหันมามอง
ซึ่ง...
อัลฟ่าไม่มั่นใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนเขาจะสังเกตเห็นความไม่พอใจนิด ๆ ในแววตาของชิโนบุตอนที่มองมาทางเขา
และแน่นอนว่า...เขาไม่รู้สักนิดว่าตัวเองคิดถูก
ตอนนี้ชิโนบุกำลังหงุดหงิดและเกือบจะพาลใส่คนต้นเหตุอยู่แล้วด้วย แต่โชคดีที่ห้ามตัวเองทัน เลยได้แต่หันไปถลึงตาใส่พวกภูตข้างทางให้แตกกระเจิงอย่างหวาดกลัวเพื่อระบายความเครียดที่อัดแน่นอยู่ในอก
ใครจะไปคิดว่าแค่ปล่อยให้กลับบ้านเองวันแรก เจ้าอัลฟ่านี่ก็จะสร้างเรื่องซะแล้ว
ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้มีกลิ่นภูตติดตัวมาขนาดนี้ แล้วกลิ่นแรงแบบนี้ยังไงตอนกลับไปถึงบ้านปู่ก็ต้องรู้ แล้วพอปู่รู้เข้าทีนี้ล่ะก็งานหนัก...
โอ้ย..เครียด!
ระหว่างที่เด็กกลัวปู่กำลังระเบิดอารมณ์อยู่ในใจคนเดียว แบล็กที่หันมาเห็นว่าเจ้าตัวเดี๋ยวหน้าแดงเหมือนกำลังโกรธ เดี๋ยวหน้าซีดเหมือนกำลังกลัวสลับกันไปสลับกันมา ก็หลุดขำออกมาเบา ๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ ค่อย ๆ หาจังหวะปลีกตัวออกมาจากอัลฟ่าที่กำลังพยายามจดจำเส้นทางระหว่างบ้านและโรงเรียนอย่างตั้งใจ แล้วขยับเข้าไปหาคนที่ในตอนนี้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ก่อนจะแกล้งกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคน จนได้รับดวงตาขวางจัดมองตอบกลับมา
"ฉันบอกแล้วว่าเดี๋ยวได้โดนปู่แน่"
"เงียบไปเลย!"
tbc...