Chapter 31 - ตอนที่30.

หลงจือหยางตักกับข้าวใส่จานคนน้องอย่างเอาอกเอาใจ เยว่ชิงเองก็เคอะเขินทุกครั้งที่สบตากับดวงตาแพรวพราวระยิบระยับราวกับมีดวงดาวนับล้านดวงเช่นนั้น เจ้าตัวทำได้เพียงบ่นมุบมิบเบาๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ มือก็ตักข้าวเข้าปากอย่างมีความสุข

หลงจือหยางกินอิ่มก็นั่งท้าวคางมองจิ้งจอกน้อยกินข้าวอย่างมีความสุขจนหัวใจของเขารู้สึกอิ่มไปด้วย จากความสุขแรกที่ได้เป็นแฟนกันจนถึงตอนนี้ที่เลื่อนสถานะขึ้นมา หลงจือหยางเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองคลั่งรักคนน้องขนาดไหน ตราบใดที่อีกฝ่ายมีความสุขหลงจือหยางก็มีความสุข

เยว่ชิงกะพริบตาปริบๆ แก้มที่อมข้าวอยู่ก็เคี้ยวมุบมิบราวกับแฮมเตอร์ตัวน้อยที่ซุกของกลางไว้ในแก้ม พอโดนจับได้ก็รีบกลืนลงคอทำลายหลักฐาน

ระบบที่อยู่อีกฝากฝั่งก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนคะแนนความฟินขึ้นรัวๆ พอเห็นว่าเยว่ชิงกินข้าวอยู่กับหลงจือหยางราวกับคนเมายานั่งมองอย่างหลงใหลก็เข้าใจ ตอนนี้ในสายตาอีกฝ่ายคงติดฟิลเตอร์ความงามให้เยว่ชิงเรียบร้อยแล้ว

มื้อเช้าจบลงอย่างงดงาม ท่ามกลางความกระอักกระอวนของเยว่ชิงที่รู้สึกราวกับถูกเปลื้องผ้าร่างกายเปลือยเปล่า ท่ามกลางสายตาของหลงจือหยางที่จับจ้องตลอดเวลา

"จะมองน้องอีกนานไหมครับ"เยว่ชิงเอ่ยถามแล้วถลึงตาใส่ตรงๆ ไปหนึ่งที หลงจือหยางที่สวมเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียวนั่งบนโซฟาก็ตบที่ตักของตัวเอง มองทุกย่างก้าวด้วยความหลงใหล

เยว่ชิงอิดออดเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย หลงจือหยางเลยรวบคนงามนั่งทับตักแบบหันหน้าเข้าหากัน

"คงมองตลอดจนกว่าจะหมดรัก"หลงจือหยางกดจูบริมฝีปากจิ้มลิ้ม กลีบปากขยี้กันเบาๆ ก่อนที่เรียวลิ้นซุกซนจะสอดแทรกเข้าไปไล่ต้อนลิ้นเล็กๆ คนทั้งคู่ส่งเสียงครางออกจากลำคอด้วยความพึงพอใจ

"และนั่น มันหมายถึงตลอดชีวิตของพี่"หลังจากถอนริมฝีปากคนพี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เอ่ยกระเซ้าไปหนึ่งที เยว่ชิงใบหน้าแดงกล่ำขบเม้มริมฝีปากแน่น ก้มหน้าซุกซบอกกว้าง ได้ยินเสียงของหลงจือหยางหัวเราะแผ่วเบา เยว่ชิงก็กัดหน้าอกไปหนึ่งทีเป็นการเอาคืนจนหลงจือหยางสะดุ้ง

"คิดว่าแก้แค้นพี่ได้คนเดียว"น้ำเสียงหลงจือหยางเต็มไปด้วยความท้าทาย อีกทั้งยังรับรู้ได้ว่าเยว่ชิงกัดหน้าอกแน่นๆ ของเขาเพราะต้องการแก้แค้น

"หึ"เยว่ชิงเองก็เชิดหน้าท้าทาย ก่อนจะร้องอ๊ะออกมาเมื่อฝ่ามือของหลงจือหยางตะปบเข้าที่ก้อนนุ่มนิ่มของเขาแล้วบีบแรงๆ อีกด้วย

"อย่า"เยว่ชิงพูดเสียงแผ่วเบาเมื่อคนพี่ลงมือหนักเรื่อยๆ ซุกซบใบหน้าร้อนผ่าวเบ้าตาแดงระเรื่อที่ถูกโจมตี ส่วนกึ่งกลางร่างกายของเยว่ชิงดุนดันหน้าท้องของหลงจือหยางจนคนพี่หอบหายใจหนักหน่วงมากขึ้น

เยว่ชิงเงยหน้าขึ้นมองหลงจือหยางที่ขบกรามแน่นเพื่อสกัดกลั้นความปรารถนาเพราะเมื่อคืนเขาก็รังแกเด็กน้อยไปรอบหนึ่งแล้ว

"พี่ครับ"เยว่ชิงรับรู้ถึงความกังวลก็ยื่นริมฝีปากจูบปลายครางได้ยินเสียงครางแผ่วออกมาจากริมฝีปากหนาของหลงจือหยาง

"ไม่จำเป็นต้องอดทนเลยครับ น้องเป็นของพี่"เยว่ชิงขยับสะโพกถูไถตัวตนที่มันเคยนอนหลับสนิทให้ลุกขึ้นมาชูคอขึ้นมาอย่างท้าทาย

หลงจือหยางดันสะโพกคนน้องให้สูงขึ้นถลกกางเกงตังเองลงปลดปล่อยตัวตนให้ออกมาอีกครั้ง เยว่ชิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อช่องทางด้านหลังของเขามันกำลังต้องการครอบครองตัวตนขนาดใหญ่นี้ ประกาศศักดาว่ามันคือของของใครและประกาศให้คนอื่นรู้ว่ามันคือของเขาเท่านั้น

หลงจือหยางปลดกางเกงของเยว่ชิงออกใช้นิ้วเบิกทางเพื่อลดความเจ็บในยามที่สอดแทรกตัวตนของเขาเข้าไป

"พะ...พี่ อื้อ"เยว่ชิงขาสั่นระริกขยับตอบโต้เรียวนิ้วที่กดกระแทกจุดเสียงจนเนื้อตัวสั่นระริก จนได้ยินเสียงเฉอะแฉะน่าอาย เจ้าตัวเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อนิ้วเรียวถูกดึงออก ช่องทางด้านหลังอ้าออกราวกับกระหายต้องการสิ่งที่ใหญ่กว่าเข้ามาเติบเต็ม

หลงจือหยางจับตัวตนของตัวเองให้ตรงก่อนจะโอบประคองคนน้องให้ค่อยๆนั่งทับ ไม่นานร่างกายคนทั้งคู่ก็เชื่อมต่อกัน เยว่ชิงเป็นฝ่ายขย่มป้อนรสรักให้หลงจือหยาง แม้ช่วงแรกจะเก้ๆกังๆไปบ้าง แต่พอจับจุดได้ก็สอดประสานกันได้อย่างดี

"อ๊า"เยว่ชิงวางฝ่ามือกุมไหล่ของหลงจือหยางก่อนจะจิกปลายนิ้วลง ระบายความเสียวที่ได้รับ หลงจือหยางไม่น้อยหน้าดูดหน้าอกเยว่ชิงจนตอนนี้ทั้งตัวเต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบ

แต่เดิมก็มีอยู่แล้วหลงจือหยางก็อยากจะทำใหม่ ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของเขาที่สามารถมอบบทรักให้คนน้องได้ตลอดเวลา

หลงจือหยางจับสะโพกแน่นก่อนจะกระแทกสวนขึ้นด้านบน มองคนน้องร่างกายโยกคลอนไปมา ก่อนที่ทั้งคู่จะพ่นน้ำรักออกมาพร้อมๆกัน

"เด็กดี"หลงจือหยางมองคนน้องที่ฟุบเข้าที่หน้าอก ร่างกายของคนสองคนหอบหายใจรุนแรงไม่แพ้กัน หลงจือหยางไล้ปลายนิ้วไปตามร่างกายของเยว่ชิง

"นอนพักไหม"เยว่ชิงพยักหน้า หลงจือหยางค่อยๆอุ้มคนน้องเข้าไปอาบน้ำชำระหยาดเหงื่อที่คลุมร่างกายพวกเขาทั้งคู่ในตอนนี้

"ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่"ภายในห้องประชุมแห่งหนึ่งบริเวณใต้ดินในโรงงานร้าง ชายหลายสิบคนสวมหน้ากากสีดำปิดบังใบหน้า มีเพียงดวงตาส่องประกายที่หลายๆคนมองเห็น

บนโต๊ะตัวยาวมีเพียงแผงหน้าจอสี่เหลี่ยมคล้ายของในหอคอยประจำเก้าอี้แต่ละตัว ผู้คนที่ปรากฏในจอสี่เหลี่ยมมีเพียงภาพตัวบุคคลเป็นสีดำ พวกเขาไม่รู้ได้เลยว่าใครเป็นใคร แต่พวกเขามีจุดประสงค์เดียว

ขึ้นเป็นใหญ่! ใครขวางต้องฆ่า!

"ยังไม่แน่ชัดในเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนมันมีเงื่อนไข"ลำดับหมายเลขสามเอ่ยขึ้น ท่ามกลางความเงียบงันหลายวินาทีที่แต่ละคนจึงได้ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ดูเหมือนสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นความจริง แต่นั่นก็ยังไม่สามารถการันตีได้ว่ามันคือเรื่องจริงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์หรืออีกฝ่ายตบตา

"อย่าลืมว่าชายคนนั้นมันแสดงเก่งขนาดไหน"ลำดับหมายเลขแปดเอ่ยขึ้นอย่างเคียดแค้น ใบหน้าที่แท้จริงกำลังบิดเบี้ยวเต็มทน ฝ่ามือที่กอบกุมแก้วเหล้าชั้นดีแตกละเอียดคามือ 

"เราไม่สามารถลงรายละเอียดได้ในช่วงนี้"ชายที่นั่งตำแหน่งที่หนึ่งเอ่ยขึ้น เขาไม่รีบร้อนที่จะลงมือ ตราบใดที่ข้อมูลไม่แน่ชัด หากเสี่ยงไปฝั่งของเขากองกำลังที่เตรียมไว้จะเสียหายเอาได้

ไว้ตอนที่พวกเขาพร้อมสุดๆจะลงมือก็ไม่สาย

"งั้นเรื่องดันเจี้ยนละ"ชายในหมายเลขสิบสามเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเขาแต่ละคนปิดปากเงียบ

"สร้างของเลียนแบบแล้วเปลี่ยนเอามา ถ้าเอาจากกิลด์ไม่ได้ก็เอาจากตระกูลเล็กๆแทน ถ้ามันระแคะระคายก็สร้างความปั่นป่วนให้พวกมันระแวงกันเอง"

"ตาแก่นั่นต้องการความร่วมมือ เราก็แค่สร้างสถานการณ์ให้พวกมันฆ่ากันเอง"ชายที่อยู่ลำดับที่หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ หากพวกนั้นฆ่ากันตายได้ก็คงดี

ทั้งหมดต่างปิดการประชุมครั้งนี้ลงโดยที่ตัดสินใจยังไม่เคลื่อนไหวอะไรมากมาย

"อ่านหนังสืออยู่เหรอ ดีๆขยันดี"ตาเฒ่าหวังเค่อซวนเอ่ยทักทายลูกเขยที่นั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด อีกคนส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ก่อนจะยกมือดันแว่นกลับเข้าที่

"ครับคุณพ่อ พอดีพรุ่งนี้ผมต้องสอนนักเรียนปีห้านะครับ เลยต้องเตรียมตัวมากนิดนึง"หวังเค่อซวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจในความขยันของลูกเขย ไม่นานเด็กชายตัวเล็กๆก็วิ่งเข้ามาสวมกอดที่ขาของหวังเซียวหมิงคนพ่อ

หวังเซียวหมิงเป็นบุรุษที่เกิดในครอบครัวที่แตกแยกก่อนจะแต่งเข้าตระกูลหวัง เจ้าตัวเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน มีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อคนรอบข้าง ซึ่งเป็นที่พึงพอใจของหวังเค่อซวนอย่างมาก

"คุณพ่อ คุณอาบ่นอีกแล้ว"เด็กชายตัวน้อยเอ่ยฟ้อง ไม่นานคนเป็นอาและลูกชายคนเล็กของหวังเค่อซวนจะก้าวตามมา

"เป็นเด็กผู้ชายเสียเปล่า ขี้ฟ้องจริง"อีกฝ่ายตวัดสายตาโฉบเชี่ยวมองหลานชายก่อนจะถลึงตาใส่พี่เขยที่แสนจะขี้ขลาดของตัวเอง

"ไปดันเจี้ยนกับกิลด์อื่นอีกแล้วเหรอ พ่อบอกกี่ครั้ง ครั้งนี้แกยังบาดเจ็บมาอีก"หวังเค่อซวนมองมือที่พันผ้าพันแผลจนอยากจะวิ่งไปทุบตีอีกฝ่าย

"บอกๆ บอกอยู่ได้เคยถามผมบ้างไหมว่าอยากอยู่อย่างสงบ ในขณะที่คนอื่นมีหน้ามีตา พ่อจะให้คนที่บ้านซุกตัวหัวหดทำไม หรือเพราะแม่ตายพวกเราถึงไม่มีทางเลือกด้วยตัวเอง"

"หุบปากซะหวังจีเว่ย"ตาเฒ่าหวังเค่อซวนรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ลูกชายขัดคำสั่ง ในเมื่อตระกูลหวังประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการอำนาจ เพราะถ้ามีมันจะนำความวุ่นวายมาให้

"เหอะ คนที่อยู่ในโอวาทของพ่อน่าจะมีแต่พี่เขยขี้ขลาดของผมนั่นแหละ"อีกฝ่ายว่าอย่างไม่หยี่ละก็แค่คนห่วยๆที่ประลองกำลังยังแพ้เขา ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาวหูหนวกตาบอดก็คงไม่มีทางแต่งเข้ามาเป็นเขยตระกูลหวัง

"จำไว้นะ สักวันผมจะยิ่งใหญ่กว่าใครๆ"อีกฝ่ายสะบัดหน้าหนีก่อนจะออกจากห้อง ไม่นานก็มีข้อความปริศนาส่งมา

ไอเทมที่ต้องการ มีแน่นอนข้อแลกเปลี่ยน...

"เหอะ ใครอยากจะจมปรักอยู่แบบนี้กัน"อีกฝ่ายขับรถออกจากบ้านทันที

"คุณพ่อไม่เป็นอะไรนะครับ"หวังเซียวหมิงประคองพ่อตาให้นั่งลงก่อนจะเดินไปชงชาที่มุมห้องแล้วยื่นให้อีกฝ่าย

"ช่างเถอะ พ่อควรชินมากกว่า"หวังเค่อซวนถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ เพราะความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจจึงได้หลับลงอย่างง่ายดาย เด็กน้อยของบ้านเตรียมพูดขึ้นคนเป็นพ่อก็จุ๊ปากเบาๆ

ไม่นานหวังเจียวมี่ก็เดินเข้ามา ใบหน้างดงามอ่อนหวานส่งรอยยิ้มให้คนเป็นสามี หวังเซียวหมิงอ้าแขนกว้างมองภรรยาที่น่ารักโถมร่างกายสวมกอด

"น้องฉันหาเรื่องคุณอีกแล้ว ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม"หวังเจียวมี่เองก็เหนื่อยใจไม่แพ้กัน น้องชายคนเล็กของบ้านทุกวันนี้แทบจะอยู่ไม่ติดบ้าน ไม่สนิทใจกับใคร ทำตามความต้องการตัวเองทุกอย่าง แม้กระทั่งท้าประลองกับสามีเธอเพื่อเยาะเย้ย

"คนบางคนไม่มีเหตุผลในสิ่งที่จะทำ ตราบใดที่เป็นความต้องการของเขา"หวังเซียวหมิงเอ่ยปลอบใจภรรยา

"งั้นพาพ่อไปนอนดีกว่านะคะ ขืนนอนแบบนี้คงปวดหลังแย่"คนทั้งคู่ช่วยกันประคองผู้เฒ่าหวังไปนอนก่อนจะกลับไปพลอดรักกันที่ห้อง ท่ามกลางสายตาลูกชายลูกสาวถึงสามคน