ทุกย่างก้าวของคนทั้งคู่ต่างเป็นที่จับตามอง เยว่ชิงเผยรอยยิ้มน้อยๆเมื่อเดินเข้าไปด้านในช่วงเวลาที่เดินผ่านสตรีทั้งหลายที่ทำให้สัญชาตญาณระวังตัวของเขาถูกกระตุ้น เยว่ชิงก็ปลายตามองเล็กน้อย ใช้วงแขนตัวเองโอบเอวสอบของหลงจือหยาง
คนพี่ยกยิ้มมุมปากเมื่อรับรู้ไดัว่าจิ้งจอกน้อยกำลังพองขนใช้ข่มขู่คู่ต่อสู้ มืออีกข้างยกขึ้นใช้ปลายนิ้วชี้เขี่ยจมูกโด่งๆของเยว่ชิง จนเจ้าตัวย่นหน้าหนี สายตาจ้องไปที่นิ้วชี้ก่อนจะย้ายสายตาไปจ้องมองหลงจือหยาง คนพี่เพียงยิ้มมุมปากอย่างขบขัน
"ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะ"เยว่ชิงกะพริบตาปริบๆ หลงจือหยางถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ มือที่เคยโอบเอวยกมาวางบนศีรษะ เด็กน้อยของเขาใสซื่อมากเกินไป แสดงพิรุธจนคนดูออกแถมเลิกลั่กอย่างไม่เก็บอาการ
แต่ก็ไม่แปลก ข้อมูลส่วนตัวของเยว่ชิงที่หามาได้ เด็กน้อยไม่มีเพื่อน ไม่เข้าสังคม อยู่ตัวคนเดียวมาหลายปี เพราะแบบนั้นเลยมีนิสัยคิดอะไรก็แสดงออกมาหมด เมื่อไม่เข้าสังคมก็สวมหน้ากากไม่เป็นและอาจจะไม่รู้ว่าใครเข้าหาแบบประสงค์ดีหรือร้าย
"พี่รู้ หิวรึยัง"น้ำเสียงนุ่มทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยขึ้น น้ำเสียงที่ชวนให้ใครหลายๆคนใจสั่น เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่หลงจือหยางใช้น้ำเสียงอ่อนโยน
และมันยิ่งสุมไฟริษยามากขึ้นไปทุกที เพียงแค่คิดว่าตัวเองเป็นคนได้ฟังน้ำเสียงแบบนั้นในทุกๆวันจะมีคนอิจฉามากมายขนาดไหน สุดท้ายไม่ว่าใครก็อยากเป็นที่อิจฉาของคนอื่นๆ
"หิวนิดหน่อยครับ"คนตัวเล็กยกมือลูบท้องตัวเองก่อนจะเดินตามแรงมือของหลงจือหยางไปยังโต๊ะส่วนกลางที่มีของกินวางเรียงราย
เยว่ชิงมองจนตาแวววาว เจ้าตัวยกของที่อยากกินสองสามอย่างแต่สายตาจ้องไปที่อื่นๆ ถ้าเอามามากก็เกรงใจ แต่ก็อยากกินเหมือนกัน แถมเพิ่งเข้ามาในงานแบบนี้เป็นครั้งแรกก็ยังเกร็งๆอยู่ดี
"ไปนั่งโต๊ะก่อนเดี๋ยวพี่ตามไป"หลงจือหยางมองเด็กน้อยตาละห้อยก่อนจะอ่อนใจ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป คนรักกันไม่ควรยัดเยียดเพื่อให้อีกฝ่ายสมบูรณ์แบบในสิ่งที่เราต้องการ แต่มันคือการประคับประคองให้สมบูรณ์แบบ ในแบบที่เขาอยากจะเป็น
เยว่ชิงมองตามสายตาหลงจือหยางก่อนจะเห็นโจวกว่างรุ่ยโบกไม้โบกมือ เยว่ชิงก็เดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งลงข้างๆจิวอิงที่กำลังนั่งแทะปีกไก่ทอดอยู่แถมยังมีกระดูกไก่อีกกองใหญ่
"อยากกินอะไรก็หยิบเอาเลยนะ ถ้าไม่อยากเดินก็เรียกพนักงาน"เสวียนอวี้เอ่ยออกมา ก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานแล้วหยิบจากไก่ทอดวางลงตรงหน้าจิวอิง
เยว่ชิงถอนหายใจยกมือลูบหัวคนน้อง ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาจิวอิงผ่านความลำบากอะไรมามากขนาดไหน ถึงขนาดมีความสุขมากๆเพียงแค่ได้กินไก่ทอด
"จิวอิงชอบกินไก่ทอดสินะ พี่จะซื้อร้านไก่ทอดไปไว้ที่สำนักงาน"จิวอิงที่กินอยู่ชะงักก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นเลื่อมใสศรัทธา เสวียนอวี้ที่นั่งข้างๆได้แต่ตาปริบๆที่ยกจานไก่ทอดเป็นสิบๆจานนี่ เทียบไม่ติดกับซื้อร้านเลยสินะ
เจ้าตัวยกมือคลึงขมับ สร้างคะแนนมาตั้งนานดันแพ้กระจุยให้กับคนที่มาใหม่และนั่งไม่ถึงหนึ่งนาที
"ขอบคุณนะครับ แต่ว่ามันจะดีเหรอ"จิวอิงตาปริบๆมองสมาชิกคนอื่นๆก่อนจะก้มหัวลงเล็กน้อยแทบจะถอดแบบเยว่ชิงมาเลย
"ใครมันจะกล้ามีปัญหากับเด็กน้อยของเรากัน"ฟาหยางเอ่ยขึ้นอย่างมุ่งมั่น คนอื่นๆก็พยักหน้า แค่ร้านไก่ทอดไม่เป็นปัญหา
"บ้านพี่เปิดร้านอาหารนะ อยากกินเมื่อไหร่ก็บอก"
"เห็นไหมว่ามีคนรักจิวอิงมากขนาดไหน ภูมิใจในตัวเองเหมือนที่พี่คนอื่นๆภูมิใจหน่อย"เกาเทียนเย่ที่วางจานเป็ดย่างลงก็ยกมือวางทาบทับศีรษะของน้องเล็กประจำกลุ่ม
"ไม่มีปัญหา อยากได้อะไรเพิ่มก็บอก"หลงจือหยางพูดขึ้นจากทางด้านหลัง ดันรถเข็ญอาหารที่มีอาหารและขนมเรียงราย ทุกๆรายการเป็นสิ่งที่เยว่ชิงมองด้วยสายตาวาววับ
"พรวด แค่กๆ ฉันต้องตาฝาดแน่ๆ"คุณชายจ้าวถึงกับไอออกมา เมื่อเห็นคุณชายที่ดูเข้าถึงยากอย่างหลงจือหยางกลายมาเป็นผู้บริการให้กับคนรักตัวเองแบบนี้
"แล้วอยากตาบอดไหมล่ะ"หลงจือหยางข่มขู่เสียงเหี้ยม คุณชายโจวตบบ่าคุณชายจ้าวแปะๆอย่างให้กำลังใจ จนกระทั่งได้เห็นว่าคนข้างๆกำลังทำหน้าระรื่น คุณชายจ้าวก็ลุกขึ้นยืนใช้มือเกี่ยวเนคไทให้คลายจากลำคอ
"ดูเหมือนคุณชายโจวอยากเจ็บตัว"
"แหม่ๆ คุณชายจ้าวก็เหมือนกัน"คนทั้งคู่กอดคอกันออกไปด้านนอก โดยมีเกอหลายคนมองตามอย่างสงสัย
"จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ"เยว่ชิงมองคนที่นั่งลงข้างๆก่อนจะถาม หลงจือหยางจ้องไปที่จานสปาเก็ตตี้ใช้ส้อมม้วนมันเป็นก้อนแล้ววางลงที่ช้อนอย่างสวยงาม
"ปล่อยพวกนั้นไปเถอะ อ้าปาก"หลงจือหยางเท้าคางยื่นช้อนไปตรงหน้า สายตามองตามริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงสวยเม้มแน่น หลงจือหยางเลิกคิ้วหนึ่งข้าง เยว่ชิงยกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
"มะ...มันน่าอาย"เยว่ชิงพองลมจนแก้มป่อง
"งี้เอง"หลงจือหยางพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเอ่ย
"เลือกมาครับหนึ่งคำหรือหนึ่งจูบ"หลงจือหยางยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ยิ่งเห็นคนตัวเล็กแสดงอาการน่ารักๆออกมาก็ยิ่งอยากแกล้ง
เพล้ง!!! เสียงของแก้วน้ำที่ตกลงบนพื้นแตกกระจาย หลงจือหยางขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะมองไปยังโต๊ะตระกูลหลงที่มีฟางเซียนยืนอยู่ ใต้เท้ามีเศษแก้วแตกกระตาย ดวงตาคู่งามเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ส่งสายตามายังหลงจือหยางราวกับอ้อนวอน
เยว่ชิงขมวดคิ้วแน่น ต่อให้อยู่ไกลขนาดไหนแต่สำหรับผู้ที่มีจิตวิญญาณระดับสูง สัมผัสทั้งห้าก็เพิ่มการรับรู้มากขึ้น มันจึงไม่แปลกที่ใครหลายๆคนถ้าตั้งใจฟัง จะได้ยินที่หลงจือหยางพูด
หลงจือหยางถอนหายใจทิ้งอย่างเบื่อหน่าย แสดงออกขนาดนี้ทำไมยังไม่หยุดพยายามทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เยว่ชิงยกมือจับมือของหลงจือหยางก่อนจะอ้าปากงับช้อน
หลงจือหยางอารมณ์ดีมากขึ้น วางช้อนลงกับจานและยกปลายนิ้วเช็ดคราบครีมสีขาวที่มุมปากก่อนจะตวัดลิ้นเลีย
ปุ้ง!!! หัวใจของเยว่ชิงทำงานหนัก ยกมือสองข้างปิดตาตัวเองและใช้ทฤษฎีเมื่อเราไม่เห็นเขา เขาก็จะไม่เห็นเรา หลงจือหยางเพียงปล่อยให้คนตัวเล็กสงบอารมณ์แล้วใช้สายตากดดันไปที่คนอื่นๆโดยเฉพาะคนต้นเรื่อง
เมื่อโดนสายตาดุดัน ฟางเซียนก็ได้แต่สะอึก สัมผัสถึงฝ่ามือของฟางเลี่ยงหรูตบหลังมือเบาๆ ตราบใดที่มารดาของหลงจือหยางยืนข้างเธอ เธอก็ยังมีความหวังเพราะคนที่มีพละกำลังและทรงอิทธิพลมักจะมีเมียหลายคน
ถึงจะไม่ใช่ที่หนึ่ง ก็ยังมีอีกหลายคนที่อยากจะได้เป็นคนอุ่นเตียงให้กับหลงจือหยาง ฟางเซียนมั่นใจในความคิดตัวเอง
แต่น่าเสียดายที่หลงจือหยางรังเกียจครอบครัวตัวเองแบบไหน เขาจะไม่มีวันเป็นคนแบบนั้น
คนรักต้องมาจากความรักไม่ใช่ผลประโยชน์ ยกย่องคนรักให้เป็นเมียเดียว ลูกหลานแต่ละคนไม่ใช่เครื่องมือแต่คือครอบครัวที่เขาต้องดูแลและเอาใจใส่
"อะแฮ่ม ขอให้ตาแก่คนนี้ได้พูดหน่อยนะ"หวังเค่อซวนเดินไปหยุดที่ด้านหน้าก่อนจะกระแอมไอ ทุกคนทั้งด้านในและด้านนอกของโดมต่างหยุดนิ่งแล้วฟัง
"ทางสมาพันธ์ร้อยสามเสาหลักประชุมเรื่องราวที่ผ่านมา สรุปคร่าวๆเรื่องแรก จะมีตารางผู้ทรงพลังที่สุดของเกอเช่นเดียวกับของบุรุษและสตรี ไม่เพียงแค่นั้นยังมีเรื่องของดันเจี้ยนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"
"ทางฝั่งกิลด์จะได้เลือกจัดการแต่ละเขตที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพื้นที่ของตระกูล เพื่อลดการเสียชีวิตทางสมาพันธ์ขอความร่วมมือแบบผสม บุรุษ สตรีและเกอในทีมเดียวกัน"
"เรื่องนี้แค่คร่าวๆเท่านั้น อีกสามวันจะเรียกประชุมเพื่อหารือแนวทางเรื่องนี้อีกที"หวังเค่อซวนพูดจบก็เดินกลับไปที่โต๊ะตระกูลหวัง
ผ่านไปราวๆหนึ่งชั่วโมงเศษหลงจือหยางก็พาเยว่ชิงกลับห้อง ไม่ได้สนใจที่จะพูดคุยกับทางครอบครัวแต่แย่างใด ผู้เฒ่าตระกูลหลงเพียงกระทืบเท้าอย่างขัดใจ ไม่มีใครสามารถก้าวเท้าเข้าใกล้ได้สักคน
เมื่อเข้าใกล้อาณาเขตที่หลงจือหยางหมายตาไว้ พวกเขาก็เหมือนถูกดาบจี้ที่ลำคอ จนสุดท้ายก็ได้แต่มองตามหลังอีกฝ่ายไป
"นอนกับพี่ครับ ฝึกให้ชิน"เยว่ชิงที่อาบน้ำเสร็จก็อยู่ในชุดนอนลายการ์ตูนแมวเหมียวได้แต่อ้าปากค้างเมื่อร่างกายลอยหวือจากพื้นก่อนจะถูกวางลงบนเตียงนอนในห้องใหญ่
"แต่ว่า"หลงจือหยางยกนิ้วชี้ทาบทับริมฝีปากแล้วส่งเสียงจุ๊ๆออกมา
"เราเป็นคนขี้อาย เพราะแบบนั้นเลยต้องฝึกไว้แต่เนิ่นๆ จะได้เคยชินไวๆไงครับ หรือว่าเยว่ชิงไม่อยากนอนข้างๆพี่"หลงจือหยางพูดด้วยน้ำเสียงสลด
"ไม่ใช่ครับ นอน!ผมจะนอน!"เยว่ชิงชะงักหลังจากโพล่งปากออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวยกมือปิดปากอย่างอายๆ
หลงจือหยางยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มตัวกักขังคนตัวเล็กให้อยู่ในอ้อมกอด ใช้ปลายจมูกกดข้างแก้มนวลเนียนทั้งสองข้างแล้วเอ่ยปากชม
"เก่งมากครับเด็กดี"เก่งมากที่หลอกล่อจิ้งจอกน้อยขึ้นเตียงได้สำเร็จ แต่ขั้นต่อไปต้องใจเย็นๆกว่านี้
หลงจือหยางนอนลงบนเตียงกว้างแล้วตบมือแปะลงบนเตียง เยว่ชิงค่อยๆเขยิบไปอีกด้านราวกับเด็กทำความผิดก่อนจะล้มตัวนอนหันหน้าไปอีกทาง
"เขยิบมานี่ครับเด็กดี นอนตรงนั้นเดี๋ยวตกเตียง"หลงจือหยางตบแปะๆหนึ่งครั้งเยว่ชิงก็เขยิบนิดหนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงตบเตียงแปะๆและแรงขยับของอีกคน จนในที่สุดเยว่ชิงก็ถูกหลงจือหยางกอดรัด
"อ๊ะ...พี่ครับ"เยว่ชิงหันศีรษะมองคนพี่ที่ซุกใบหน้าที่ด้านหลังลำคอ
"หืม พี่ง่วงครับ นอนนะ"หลงจือหยางเอ่ยบอก เยว่ชิงก็หยุดนิ่ง จากที่คิดว่าตัวเองจะเขินจนนอนไม่หลับ กลายเป็นว่ากลิ่นหอมๆจากตัวหลงจือหยาง เป็นยานอนหลับได้อย่างดี
คนพี่ที่ส่วนกลางชูชันทักทายก็ได้แต่เสยผมอย่างหงุดหงิด ดูท่าจะคิดผิดที่ให้เด็กน้อยนอนเตียงเดียวกัน ได้แอบกินเต้าหูมันก็ดีแต่ก็ทรมานไม่น้อย
หลงจือหยางเดินเข้าห้องน้ำระบายความรู้สึกออกมาในยามค่ำคืน ก่อนจะเดินออกมาแล้วกดโทรศัพท์ ถ่ายภาพคนรักที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงในอ้อมกอดของตัวเอง แล้วโพสต์ลงที่ช่องทางส่วนตัว
แน่นอนว่าหลงจือหยางหอบหมอนไปนอนอีกฝากฝั่งแล้วตวัดเรียวแขนโอบรัดเอวบางแนบลำตัว เยว่ชิงใช้ใบหน้าถูไถไปตามอกกว้างแล้วสูดดมกลิ่นหอมเข้าปอดลึกๆ
กลายเป็นหลงจือหยางที่ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เช่นเดียวกับ....
เป็นเหตุให้ผู้คนนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายและมันก็กระฮึ่มทั้งคืน หลงจือหยางคนนั้น ผู้ชายที่ไม่เคยเคลื่อนไหวใดๆทางอินเทอร์เน็ตหลายสิบปี ถ้าจะติดตามหลงจือหยางไปติดตามคุณชายจ้าวดีกว่า
เรื่องของคุณชายจ้าวมีนิดเดียวแต่เรื่องเพื่อนมีเป็นสิบ จนมีคำกล่าวที่ว่า บางครั้งป้าข้างบ้านก็มาในรูปแบบเพื่อนสนิทเช่นกัน