ไปเยือนโรงประมูล
เมื่อทุกคนออกจากถ้ำก็เป็น ยามซวี(19.00-20.59)แล้ว
ถิงถิง ชิงชิง กับพวกเด็กๆเดินวนไปมา เพราะเป็นห่วงทุกคน คอยอุ่นอาหารเอาไว้เพื่อว่า เมื่อทุกคนกลับมาแล้วจะหิว
" เมื่อไหร่พวกพี่ๆจะกลับมาเจ้าคะ"จางเหม่ยเหมยถามขึ้น
" พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน" ถิงถิงตอบเด็กน้อย
" เฮ้อ!!!! เอาล่ะ เรามาอุ่นอาหารไว้รอพวกเขากันดีกว่า พวกเขากลับมาจะได้กินกันเลย" ชิงชิงถอนหายใจ
" ก็ดีเหมือนกัน" ถิงถิงเห็นด้วย
ใช้เวลาสักพักอาหารก็อุ่นเสร็จ ทุกคนก็กลับมาพอดี
" พวกพี่ๆ ไปเที่ยวทำไมไม่ชวนพวกเราไปด้วยล่ะเจ้าคะ" จางเหม่ยเหมย งอนอมแก้มพองลมอย่างน่ารัก
" โอ๋ๆ ....ไม่งอนนะเด็กดีพวกพี่ไม่ได้ไปเที่ยว แต่ไปทำงานน่ะ จึงไม่ได้ชวนเจ้าไปด้วย" เถียนเถียนรีบง้อเจ้าเด็กน้อยน่ารักทันที" คราวหน้าพี่จะชวนเจ้าดีหรือไม่"
" สัญญานะเจ้าคะ พี่สาว" เด็กหญิงทวงสัญญาทันที
" ได้จ้ะ ใหนมีอะไรกินบ้าง พี่สาวหิวแล้ว"
" พวกพี่ๆทำอาหารเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ แต่พวกพี่ๆ ไม่กลับมาเสียที พี่ๆก็เลยเอาไปอุ่นอยู่เจ้าค่ะ" เด็กหญิงอธิบาย
แต่เมื่อเด็กหญิงหันไปเห็นชายหญิงที่มากับพวกพี่ๆก็ถามพี่ๆทันที
" ใครหรือเจ้าคะพี่สาว" เด็กหญิงถาม
" อ้อ นี่คือพี่ หวงเฟย กับพี่เฟยหวง พวกเขาจะเดินทางไปกับพวกเราน่ะ" เถียนเถียนตอบ
" ใช่จ้ะ พี่ 2 คนจะไปเที่ยวกับเหม่ยเหมยด้วย ไม่รู้ว่าเหม่ยเหมยจะยอมให้พวกพี่ 2 คนไปด้วยหรือเปล่าน้า" หวงเฟยพูดคุยทำความรู้จักกับเด็กน้อยน่ารักตรงหน้า
" ดีเจ้าค่ะ เหม่ยเหมย จะได้มีพี่สาวพี่ชายเพิ่มเจ้าค่ะ เย้ เย้ เย้" เหม่ยเหมยกระโดดโลดเต้น ด้วยความดีใจ
เฟยหวงมองเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มละไม
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
ยามเหม่า(05.00-06.59)
ทุกคนลุกขึ้นมาทำกิจวัตรของตนเองก่อนจะเร่งออกเดินทางไปให้ถึงเมืองถัดไป
7 วันต่อมา ทุกคนเดินทางมาถึงเมือง เฉาหมิง
ชาวบ้านที่เห็นรถม้าหรูหราขับเข้ามาในเมืองก็มองอย่างสนอกสนใจ
รถม้าไปหยุดอยู่หน้าโรงเตี๊ยม ทุกคนได้เห็นหญิงสาวนางหนึ่งลงมาจากรถม้าทุกคนตกตะลึงกับความงามของนาง
เหล่าบุรุษมองนางอย่างเคลิ้มเคลิ้บเคลิ้มหลงใหล
บรรดาสตรีต่างริษยาพวกนาง
องครักษ์นำป้ายห้องมาส่งให้องค์รัชทายาท
เมื่อได้รับป้ายห้องจึงพากันเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงโถงด้านในของโรงเตี๊ยม ก็มีชายผู้ไม่รู้จักรักตัวกลัวตายมาขวางหน้าพร้อมจ้องมอง เถียนเถียนด้วยสายตาหยาบโลน
" ส่งแม่นางคนงามผู้นี้มาให้บิดาเจ้าเสียแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ชายหนุ่มผู้โชคร้ายเอ่ยขึ้นมา
" ไสหัวไปก่อนที่เจ้าจะไม่มีเงาหัว" องค์รัชทายาทกัดฟันพูด
" บังอาจ!!!! เจ้ากล้าดียังไง ถึงได้มาพูดจาโอหังกับคุณชาย" บ่าวข้างกายของชายผู้โชคร้ายตวาดขึ้น
" ใช่ ใช่....ก็แค่สตรีนางเดียว แบ่งๆกันเชยชมจะเป็นอันใดไป" ชายผู้โชคร้ายเอ่ยขึ้น
คำพูดของชายตรงหน้าทำให้องค์รัชทายาทกริ้วหนัก
" จับมันไว้ มัดมันตากแดดเอาไว้" องค์รัชทายาทสั่งองครักษ์เสียงเข้ม
" พะย่ะค่ะ"
ทหารกรู่เข้ามาจับชายผู้โชคร้ายทั้งสามไปจัดการ
" ปล่อยข้านะ เจ้าคนชั้นต่ำ ปล่อยบิดาผู้นี้เดี๋ยวนี้" ชายหนุ่มยังตะโกนไม่เลิก
" ข้าพึ่งรู้ว่าเจ้าเป็น ฮ่องเต้นะ" องค์รัชทายาทแค่นเสียงดูแคลน
ทุกคนที่ได้ยินถึงกับงงงวย แต่ก็มีคนผู้หนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า
" เดี๋ยวนะ คนกลุ่มนั้นขานรับชายผู้นี้ว่า ' พะย่ะค่ะ' หรือว่า...."
ว่าแล้วคนผู้นั้นก็คุกเข่าลง
" เจ้าเป็นอันใด เฒ่าหม่า" เพื่อนที่มาด้วยกับถามด้วยความตกใจ แต่เฒ่าหม่าหาได้สนใจเพื่อนไม่ แต่หันไปถามทหารที่บริเวณนั้นแทน
" หลานชาย ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นใครหรือ"
ทหารหันมามองชายชราเล็กน้อยก่อนตอบ
" เรียนท่านผู้เฒ่า นี่คือ องค์รัชทายาท จ้าวหนานกง ขอรับ"
ทุกคนที่ได้ยินถึงกับคุกเข่าลง
" เจ้าช่างบังอาจนักกล้าแอบอ้างเป็นองค์รัชทายาทเชียวหรือ" ชายหนุ่มผู้โชคร้ายแค่นเสียง" ถ้าเจ้าเป็นองค์รัชทายาท ข้าก็เป็นฮ่องเต้แล้ว เหอะ!!!"
องค์รัชทายาทเหยียดยิ้มเย้ยหยัน
" ไปสืบมา"
" พะย่ะค่ะ"
องค์รัชทายาทเดินเข้าไปหาเถียนเถียน ก่อนจะสั่งชิงชิง
" ชิงชิง พาคุณหนูเจ้าไปอาบน้ำ แล้วเอาชุดนี้ไปเผาทิ้งซะ"
" ทำไมพระองค์ต้องเอาชุดของหม่อมฉันไปเผาด้วยเพคะ"เถียนเถียนไม่สบอารมณ์
" ก็เพราะว่ามันมองเห็นดูร่างกายเจ้าอย่างไรเล่า" องค์รัชทายาทรับสั่งแบบหัวเสียสุดๆ
ทุกคนที่ได้ยินถึงกับอ้าปากค้างถึงขนาดเอาชุดไปเผานี่มันออกจะเกินไปหน่อย มั๊ย
" เหอะ!!!! เจ้าจะเผาชุดทำไมเจ้าหนุ่ม ควักลูกตาคนมองไม่ดีกว่าหรือ" ชายชราผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
" เป็นความคิดที่ดี" องค์รัชทายาทเห็นด้วยพลางปรายตามองชายผู้โชคร้าย
ผ่านไป 1 ชั่วยาม ทหารองครักษ์ก็กลับมา
" ทูลองค์รัชทายาท ชายผู้นี้เป็นหลายชายคหบดีเหลียน พะย่ะค่ะ"
จากคำบอกเล่าขององครักษ์ชายผู้นี้ชื่อ เหลียนอี้ซิง เป็นหลานปู่ของเหลียนห่าวหราน ที่รักและตามใจหลานชายแบบสุดๆ แม้หลานสาวอย่างเหลียนชิงเหยียน จะคอยปรามผู้เป็นปู่ แต่ก็หาฟังไม่ แม้ว่านางจะบอกว่าเหลียนอี้ซิง จะนำพาตระกูลล่มสลายก็ไม่ยอมฟัง
เมื่อฟังองครักษ์รายงานจบก็สั่งให้ไปเชิญคหบดีเหลียนมาเข้าเฝ้าและให้ไปเชิญท่านเจ้าเมืองมาด้วย
1 ชั่วยามผ่านไป
คหบดีเหลียนเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม เมื่อเห็นสภาพหลานรักก็ตวาดขึ้น
" ไอ้ลูกสุนัขตัวใหน มันบังอาจทำร้ายหลานชายข้า"
" ท่านปู่ ท่านปู่ ช่วยข้าด้วยพวกมันจะฆ่าข้า" เหลียนอี้ซิงฟ้องผู้เป็นปู่
" ไม่ต้องห่วง ไม่ว่ามันจะเป็นใครปู่จะเอาเลือดของมันมาล้างเท้าเจ้าให้ได้"
ทุกคนได้ฟังที่คหบดีเหลียนพูดก็ได้แต่สมเพชตระกูลเหลียน
เหลียนชิงเหยียน เดินเข้ามาพร้อมกับเหลียนเยียนเจี๋ย ผู้เป็นน้องสาวได้ยินเข้าพอดี
" เจี๋ยเอ๋อร์ ไปตามท่านพ่อมาบอกว่าต้องแยกบ้านเป็นการด่วน หายนะของตระกูลเหลียนกำลังบังเกิด บอกคนอื่นๆที่อยู่ฝ่ายเราให้เตรียมตัว"
" เจ้าค่ะ พี่สาว" เหลียนเยียนเจี๋ยรับคำ
ฝ่ายท่านเจ้าเมืองมาทันได้ยินคำพูดของคหบดีเหลียนพอดีก็ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
" เหลียนห่าวหราน จะพูดจะจาอะไรก็ระวังปากเจ้าบ้าง" เฉินต้าตง เจ้าเมือง เฉาหมิงตำหนิคหบดีเหลียน
" ท่านจะมาตำหนิข้าได้อย่างไร ท่านดูสภาพหลานชายข้าแล้วเยี่ยงนี้จะให้ข้าระวังคำพูดคำจางั้นหรือ" คหบดีเหลียนขึ้นเสียงใส่ท่านเจ้าเมือง
" แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับความผิดของมัน" ท่านเจ้าเมืองตะคอกคหบดีเหลียน
" นี่ท่านเข้าข้างคนต่างถิ่นมากกว่าคนบ้านเดียวกันรึ" คหบดีเหลียนโยนความผิดให้กลุ่มคนเดินทาง
" พอซะทีเถอะท่านพ่อข้าต้องการแยกบ้านกับท่านตอนนี้เดี๋ยวนี้" เหลียนหยางจงเอ่ยขัดขึ้นมา เขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
" เจ้ากล้าดียังไงมาแยกบ้าน เจ้าลูกอกตัญญู" คหบดีเหลียนตะคอกลูกชาย
" ที่พวกข้าต้องการแยกบ้านก็เพราะไม่ต้องการให้ตระกูลเหลียนพินาศไปกับคนชั่วช้าอย่างพวกท่านสองปู่หลาน" เหลียนชิงเหยียนเอ่ยขึ้น
" หุบปากนะนังเด็กปีศาจ!!!!" คหบดีเหลียนตวาดหลานสาวด้วยความโกรธ" เรื่องนี้เจ้ามาสอดปากได้หรือ"
" คนที่ต้องหุบปาก คือท่าน ท่านพ่อ" เหลียนหยางจงเอ่ยเสียงเข้ม" ท่านเอาแต่เข้าข้างเหลียนอี้ซิงจนไม่สนถูกผิด ล่วงเกินองค์รัชทายาทและว่าที่พระชายา อย่างไม่เกรงกฎหมายบ้านเมือง ท่านก็ต้องไปตายกับมันแค่สองคนอย่าลากเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องไปตายด้วย"
ทุกคนได้ยินที่เหลียนหยางจงพูดก็พยักหน้า
" ใช่ ใช่ คหบดีเหลียน ท่านถือหางหลานชายจนไม่สนถูกผิด หลานชายท่านฉุดคร่าลูกหลานชาวบ้านไปย่ำยี ท่านก็หาว่าพวกนางให้ท่าเรียกร้องตำแหน่งฮูหยินเอก ใครเขาจะอยากได้เศษสวะอย่างหลานชายท่านไปทำพันธุ์รึ"ชาวบ้านผู้หนึ่งพูด
" หึ! องค์รัชทายาทงั้นรึ เจ้าคิดว่าองค์รัชทายาทที่ใหนจะเดินดุ่มๆมาให้พวกเจ้าได้เห็นงั้นรึ" คหบดีเหลียนไม่เชื่อ
องค์รัชทายาทยิ้มเย็น
ท่านเจ้าเมืองเหลือบมององค์รัชทายาทเล็กน้อย ' เจ้าหลานหน้าตายเอ๊ย' ท่านเจ้าเมืองที่รู้เรื่องทั้งหมดจากองครักษ์ของหลานชายเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะถอนหายใจกับความเย็นชาของหลานชาย ก่อนจะหันไปมองว่าที่หลานสะใภ้
' เฮ้อ!!!! งดงามปานนี้มิน่าเล่า เหลียนอี้ซิงถึงอยากได้'
" นั่นสิ ท่านปู่แอบอ้างเป็นองค์รัชทายาทแบบนี้พวกเจ้าได้ถูกประหาร 7 ชั่วโคตรแน่" เหลียนอี้ซิงข่มขู่
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถประหารตระกูลจ้าวได้หรอกนะ" องค์รัชทายาทหัวเราะเยาะเหลียนอี้ซิง
" นั่นสิ พะย่ะค่ะ แม้แต่กระหม่อมซึ่งเป็นพี่ชายเฉินฮองเฮาก็ยังไม่สามารถทำได้" ท่านเจ้าเมืองเสริม" ทำได้แค่ดุนิดหน่อยเวลาทำผิดไม่อาจลงไม้ลงมือได้"
" ท่านเจ้าเมืองมันเกี่ยวกับฮองเฮาตรงไหนกัน" คหบดีเหลียนยังไม่ยอมแพ้
" เกี่ยวสิ เขาผู้นี้คือองค์รัชทายาท จ้าวหนานกง พระโอรสองค์โตของเฉินฮองเฮาไงล่ะ" ท่านเจ้าเมืองยิ้มเยาะคหบดีเหลียน
" ไม่จริง!!!! " เหลียนอี้ซิงตวาดลั่น
" จริง" ลุกขึ้นยืนพร้อมยกป้ายทองในมือขึ้นมา
ทุกคนที่ได้เห็นป้ายทองก็คุกเข่าลง
" ถวายพระพร องค์รัชทายาทขอจงทรงพระเจริญ หมื่นปี ๆ "
" ลุกขึ้น"
" ขอบพระทัย พะย่ะค่ะ/ เพคะ"
หลังจากนั้นก็มีคำสั่งประหารคหบดีเหลียนและเหลียนอี้ซิง ละเว้นตระกูลเหลียนคนอื่นๆ อีก 7 วัน เป็นวันประหาร ส่วนทรัพย์สิน องค์รัชทายาทสั่งให้แบ่งให้ตระกูลเหลียนคนอื่นๆเท่าๆกันและให้นำเงินไปให้ผู้ที่ถูก เหลียนอี้ซิง ข่มขืน จำนวน 100 ตำลึงทอง ชาวบ้านต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ องค์รัชทายาท เรื่องนี้เป็นที่กล่าวขานกันในโรงน้ำชาและงานเลี้ยงต่างๆ
7 วันต่อมา ยามอู(11.00-12.59)
ลานประหาร
เหลียนห่าวหรานอยู่บนลานประหารดวงตาเลื่อนลอยไม่พูดไม่จา ขณะที่เหลียนอี้ซิง เอาแต่ตะโกนโวยวายหาความยุติธรรม ชาวบ้านได้แต่สมเพช
เพชรฆาตเงื้อดาบขึ้นฟันคอ สองปู่หลานขาดกระเด็น ดวงตาทั้งสองเบิกโพลง
ยามเซิน(15.00-16.59)
เถียนเถียนชวนสาวๆไปเยือนโรงประมูล เพื่อเอาโสมไปประมูล เมื่อตกลงกันได้ จึงพากันไปเยือนโรงประมูล
โรงประมูล ชิงห่าว
5 สาวเดินมาหยุดอยู่หน้าป้ายโรงประมูล ผู้ดูแลเห็นทั้ง 5 สาวก็เข้ามาถาม
" คุณหนูไม่ทราบว่ามีอันใดให้โรงประมูล ชิงห่าว รับใช้ขอรับ"
" พวกข้ามีของมาประมูล ไม่ทราบว่าจะไปประเมินได้ที่ใด" เถียนเถียนเอ่ยอย่างมีมารยาทกับผู้ดูแล
" เดี๋ยวข้าจะตามผู้ประเมินมาให้ ขอเชิญแม่นางไปรอในห้องได้เลยขอรับ
" ขอบคุณเจ้าค่ะ" เอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
"อาเฉียน พาทุกท่านไปรอในห้องรับรอง"
" ขอรับ" อาเฉียนรีบพาทุกคนไปรอในห้อง" เชิญ ขอรับ"
ทุกคนเดินตาม อาเฉียนไป แต่ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา โดยไม่มีใครคาดคิด หยกพกของ ชิงชิงและชายหนุ่มคนดังกล่าวก็ดึงดูดเข้าหากันไม่สามารถดึงออกจากกันได้
วิ้งงง!!!!
" โอ๊ะ...../ อ๊ะ...." ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมามองตากัน
หลินซีห่าวเห็นหยกเชื่อมติดกันก็สงสัยจึงเอ่ยถาม ชิงชิง
" แม่นาง ไม่ทราบว่าแม่นางได้หยกนี้มาได้อย่างไร"
" เอ่อออ.....มันทำไมหรือเจ้าคะ" ชิงชิงอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
" ได้โปรดเถิดแม่นาง หยกชิ้นนี้สำคัญกับตระกูลหลินมาก"
" สำคัญ" ชิงชิงสงสัย
" มันเป็นหยกของพี่สาวฝาแฝดของข้าเองขอรับ"
" แล้วนางอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ" ชิงชิงถาม
" นางถูกขโมยออกไปจากจวนตอนอายุได้ 6 หนาว" ซีห่าวตอบเสียงเศร้า
" เอ่อ แล้วท่านจะให้ข้าเชื่อท่านได้อย่างไร" ชิงชิงยังไม่เชื่อ
" ข้าขอใช้ชื่อเสียงตระกูลหลินเป็นประกันได้เลยว่าข้าพูดความจริงทุกประการ"
" ข้าเชื่อท่าน" ชิงชิงกล่าว" ข้าจะเล่าให้ท่านฟังว่าหยกชิ้นนี้มาอยู่กับข้าได้อย่างไร"
หลังจากนั้นชิงชิงก็เล่าให้ซีห่าวฟังทุกอย่าง ซึ่งเขาก็มั่นใจว่าเป็นพี่สาวฝาแฝดของเขาแน่นอน
" ท่านคือพี่สาวฝาแฝดของข้าแน่ๆ เพราะเพราะหยกของพวกเรามันคือหยกมิติพวกเราหยดเลือดทำพันธะสัญญาเอาไว้ตอน 5 หนาว ก่อนท่านจะถูกลักพาตัวไป" ซีห่าวอธิบาย
" เจ้าจะเอาอย่างไรชิงชิง เจ้าจะกลับไปหาครอบครัวก็ได้นะ" เถียนเถียนเอ่ยบอกชิงชิง
" ไม่เจ้าค่ะ ฮูหยินเลี้ยงชิงชิงมา ชิงชิงจะอยู่ดูแลคุณหนูเจ้าค่ะ" ชิงชิงยืนยัน
" พี่ใหญ่ท่านจะไม่กลับไปหาท่านพ่อท่านแม่ก่อนหรือ" ซีห่าวเอ่ยถามพี่สาว
" ขอข้าตั้งหลักสักระยะก่อนเถอะนะ ข้าตั้งตัวไม่ทันจริงๆ" ชิงชิงขอเวลา
" เอางั้นก็ได้ แต่ข้าจะส่งข่าวไปบอกท่านพ่อท่านแม่นะ พวกท่านต้องดีใจมากแน่ๆ" ซีห่าวบอกชิงชิง
" เอาเถอะพวกเจ้าจะเอายังไงก็เอาเถอะ เมื่อไหร่ผู้ประเมินจะมาเสียที" เหม่ยฮวาเอ่ยขัดพวกเขา
" เอ๋.....พวกท่านเอาอะไรมาประมูลหรือขอรับ" ซีห่าวถาม
" ข้านำเห็ดหลินจือแดงและโสมร้อยปีมาประมูล" เถียนเถียนเอ่ยตอบ
หลินซีห่าวได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
สักพักผู้ประเมินเดินเข้ามาก็ได้เห็นซีห่าวนั่งนิ่งเป็นรูปปั้น จึงเดินไปสะกิด
" คุณชายใหญ่ขอรับคุณชายใหญ่" สะกิดก็แล้วเขย่าก็แล้ว ชายชราจึงสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะตะโกนใส่หูซีห่าว
" คุณชายใหญ่ขอรับบบบ"
เฮือก!!!!
ซีห่าวสะดุ้งตกใจ
" ท่านลุงเจียงข้าตกใจหมดขอรับ" ซีห่าวพูดกับผู้อาวุโสเจียงก่อนจะหันไปขอดูเห็ดหลินจือและโสมของพวกนาง
เมื่อพวกนางเอาออกมาสองหนุ่มต่างวัยก็เบิกตาโพลง
เพราะมันเยอะมาก!!!!!
เถียนเถียนเอา เห็ดหลินจือ 30 ดอก โสมร้อยปี 6 ต้น
เหม่ยฮวา เห็ดหลินจือ 32 ดอก โสมร้อยปี 4 ต้น
ถิงถิง เห็ดหลินจือ 20 ดอก โสมร้อยปี 5 ต้น
ชิงชิง เห็ดหลินจือ 35 ดอก โสมร้อยปี 7 ต้น
เมื่อนับรวมๆแล้วเห็ดหลินจือ มี 117 ดอก โสมร้อยปี 22 ต้น ผู้อาวุโสเจียงสั่งให้คนไปปล่อยข่าวเรื่องโสมร้อยปี 22 ต้น กับเห็ดหลินจือวิญญาณ 117 ดอก ให้ทั่ว
3 วันต่อมา
วันประมูล เถียนเถียนพาทุกคนมาด้วยเมื่อสาวๆปรากฏตัวบรรดาชายหนุ่มจ้องตาเป็นมัน ทำให้องค์รัชทายาทและหลี่คุนหมิงไม่พอใจเดินเข้าไปขนาบข้างคนของตนเองทันที
หลายคนที่รู้ว่าสตรีเหล่านี้เป็นใครก็รีบก้มหน้าหลบสายตาอำมหิตของทั้งสอง ไม่มีใครมองไม่ออกว่าคุนหมิงคิดเช่นใดกับสาวใช้ข้างกายน้องสาว
สองสาวได้แต่งุนงงว่าสองหนุ่มเป็นอะไร
บรรดาสตรีที่ยังมิได้ออกเรือนทั้งหลายมององค์รัชทายาทด้วยแววตาหยาดเยิ้มและมองเถียนเถียนด้วยแววตาริษยา
ทุกคนเดินเข้าไปในโรงประมูล หลินซีห่าวเชิญทุกคนขึ้นไปยังห้องพิเศษ ทุกคนได้แต่สงสัยว่าพวกเขาเป็นใครถึงขนาดที่คุณชายหลินซีห่าวออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
เมื่อได้เวลาการประมูลจึงเริ่มขึ้น
หญิงสาวแต่งกายเย้ายวนเดินขึ้นมาบนเวที
" คารวะท่านแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้ข้าน้อย เสี่ยวอี๋รับหน้าที่ดำเนินการในการประมูลวันนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ข้าน้อยขอเริ่มการประมูลด้วยอาวุธวิญญาณก่อนเจ้าค่ะ"
อาวุธวิญญาณถูกนำขึ้นมาบนเวที เมื่อเปิดผ้าออกก็พบกับกระบี่วิญญาณ
" กระบี่วิญญาน ระดับ 9 เริ่มประมูลที่ 10000 ตำลึงทอง"
" ข้าให้ 15000 ตำลึงทอง"
" ข้าให้ 20000 ตำลึงทอง"
" 25000 ตำลึงทอง"
" 30000 ตำลึงทอง"
กระบี่วิญญาณราคาประมูลทะยานขึ้นไปเรื่อยๆจนถึง 600000 ตำลึงทอง การประมูลดำเนินการมาเรื่อยๆจนมาถึงโสมร้อยปีโดยจะเริ่มทีละหัว
" เอาล่ะเจ้าค่ะมาถึงการประมูลหลักของวันนี้นั่นก็คือโสมร้อยปีแล้วเห็ดหลินจือวิญญาณ เริ่มที่โสมร้อยปีหัวที่ 1 เริ่มที่ 1000 ตำลึงทอง เริ่มได้เจ้าค่ะ"
" ข้าให้2000 ตำลึงทอง" ผู้ประมูลคือหมอหลวงมาเพื่อประมูลเอาสมุนไพรไปปรุงโอสถบำรุงพระวรกายฮ่องเต้และฮองเฮา
" ข้าให้ 3000 ตำลึงทอง" เจ้าสำนักเทพโอสถ
" 4000 ตำลึงทอง" หมอหลวง
" 5000 ตำลึงทอง" เจ้าสำนักเทพโอสถ
โสมร้อยปีหัวแรกได้มา 10000 ตำลึงทองหัวที่ 2 20000 ตำลึงทอง
จนถึงหัวสุดท้าย ได้ 30 ล้านตำลึงทอง
" ต่อไปเป็นเห็ดหลินจือวิญญาณนะเจ้าคะ"
ดอกแรกได้มาเนอะๆ 30000 ตำลึงทอง จนถึงดอกสุดท้าย 25 ล้านตำลึงทอง
โดยรวมแล้ววันนี้ทุกคนได้เงินกันไปไม่น้อยของเถียนเถียน
โสมร้อยปี 6 ต้น ได้ไป 7.5 ล้านตำลึงทองเห็ดหลินจือ 30 ดอก 6.25 ล้านตำลึงทอง
เหม่ยฮวา ถิงถิง และชิงชิงก็ได้ไม่ต่างกันมาก
ซีห่าวเตรียมแหวนมิติไว้ 4 วง แต่ละวงจะมีเงินจากการประมูลอยู่ในนั้นและซีห่าวไม่หักค่าประมูลสักตำลึงเดียว โดยให้เหตุผลว่าเป็นของขวัญพบหน้าสำหรับน้องสาวคนใหม่
สาวๆได้ยินก็กล่าวขอบคุณ
เมื่อออกมาจากโรงประมูลเถียนเถียนจึงชวนทุกคนไปหาอะไรกินเพื่อเป็นการฉลอง
" เมื่อเดินเข้ามาในเหลาอาหารเสี่ยวเอ้อร์รีบมาต้อนรับ
" ห้องส่วนตัวหรือโต๊ะริมระเบียงดีขอรับทุกท่าน"
" โต๊ะริมระเบียง" องค์รัชทายาทเป็นผู้ตอบ
เมื่อมาถึงโต๊ะองค์รัชทายาทก็เป็นคนสั่งอาหารให้เพื่อเอาใจเถียนเถียน หลังจากอาหารมาตั้งโต๊ะแล้ว องค์รัชทายาทคอยคีบโน่นคีบนี่ให้เถียนเถียน จนคนอื่นๆได้แต่หมั่นไส้
แต่แล้วก็มีสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามา
" ไม่ทราบว่าคุณชายจะรังเกียจมั๊ย ถ้าข้าน้อยจะขอร่วมโต๊ะด้วย" พูดพลางมองหน้าองค์รัชทายาทด้วยแววตาหยาดเยิ้ม และถือวิสาสะนั่งลงข้างองค์รัชทายาท
ทุกคนได้แต่อึ้ง