เจอของล้ำค่า
" ไม่ทราบว่าคุณชายจะรังเกียจมั๊ย ถ้าข้าน้อยจะขอร่วมโต๊ะด้วย" พูดพลางมองหน้าองค์รัชทายาทด้วยแววตาหยาดเยิ้มและถือวิสาสะนั่งลงข้างองค์รัชทายาท
ทุกคนได้แต่อึ้ง
องค์รัชทายาทมองอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะรู้จักหญิงสาวนางนี้ดี
หญิงสาวผู้มาใหม่มองเถียนเถียนเล็กน้อย
' งดงามแบบนี้ กิริยาสูงส่งแบบนี้ มิน่าเล่าเจ้าหน้าตายถึงได้รักได้หลงนัก ฮึ!!!! เจ้าน้องชายหน้าตายเอ๋ย พี่สาวผู้นี้ขอแกล้งเจ้าหน่อยเถิดและจะได้ทดสอบด้วยว่าหญิงสาวผู้นี้คิดอย่างไรกับน้องชายข้า'
เฉินหรงเหมยคิดในใจ พลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้องค์รัชทายาท ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารให้องค์รัชทายาท
" คุณชายลองทานเป็ดย่างนี่ดูซิเจ้าคะ อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ"
องค์รัชทายาทนั่งนิ่ง จนหญิงสาวหยิกและดึงมือมาเขียนบางอย่างลงไป องค์รัชทายาทจึงยอมคีบมากิน และเขียนบอกกับคนเป็นพี่
' ข้าเป็นฝ่ายตามตื้อนางและข้ากำลังเกี้ยวนางมาเป็นน้องสะใภ้ท่าน'
' แล้วเป็นอย่างไร นางเริ่มหวั่นไหวกับเจ้าแล้วหรือยัง'
' ยัง'
' รีบๆ เข้าพี่ต้องได้คนนี้มาเป็นน้องสะใภ้'
" เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณชาย"
" อืมม์.....ก็อร่อยดี แล้วเมื่อไหร่จะเลิกแกล้งข้าแบบนี้สักที" องค์รัชทายาทเอ่ยขึ้น
" ก็เมื่อไหร่ที่เจ้ายิ้มแย้มกับชาวบ้านชาวช่องเขานั่นแหละ" เฉินหรงเหมยหัวเราะเบาๆ
" เฮ้อ!!!! เอ่อนี่เฉินหรงเหมยลูกสาวท่านเจ้าเมือง เฉินต้าตง พี่สาวข้าเอง" องค์รัชทายาทบอกกับทุกคนแล้วหันมาบอกกับพี่สาวว่า" นี่คือ หลี่เถียนเถียน ว่าที่พระชายาของข้า"
" เดี๋ยว เดี๋ยว นี่นางรับรักเจ้าแล้วหรือเจ้าน้องชายหน้าตาย" เฉินหรงเหมยเอ่ยขัดขึ้นมา
ทุกคนอมยิ้ม
องค์รัชทายาทเคืองผู้เป็นพี่สาวนักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
" เอาล่ะ พี่ไม่แกล้งเจ้าแล้วก็ได้ พี่ไปก่อนเดี๋ยวสหายของพี่จะรอนาน" หรงเหมยเอ่ยบอกกับคนเป็นน้องก็หันมาลาทุกคน
" ทุกท่านวันนี้ข้าเฉินหรงเหมยต้องขอลาก่อนวันหน้าค่อยพบกันใหม่" ยอบกายน้อยๆเอ่ยลาอย่างมีมารยาท
" ลาก่อน" ทุกคนเอ่ยลา
หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วทุกคนก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องของตน
ด้านเฉินหรงเหมย
เมื่อกลับมาที่โต๊ะที่มีบรรดาสหายรออยู่ก็ถูกสหายถามทันที
" หรงเหมย บุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน ช่างหล่อเหลาเหมาะสมกับข้ายิ่งนัก" หวังมู่หลิน
" เจ้าเอาอะไรมาวัดว่าเจ้าคู่ควรรึหวังมู่หลิน" ซูอันฮวาถามด้วยความไม่ชอบใจ
" นั่นน่ะสิ เห็นบุรุษหล่อเหลา หน่อยเป็นไม่ได้เชียวนะ" ถังลี่อิน เห็นด้วย
" นี่พวกเจ้า!!!!!! ทำไมในเมื่อข้างดงามออกปานนี้ บุรุษผู้บุรุษผู้นั้นต้องสนใจข้าสิ...ชิส์ อิจฉาละสิที่ไม่งดงามเหมือนข้า" หวังมู่หลินเชิดหน้ามองทุกคนอย่างรังเกียจ
" เขาเป็นใครรึ หรงเหมย" ซูอันฮวาถาม
" น้องชายข้าเอง" หรงเหมยตอบยิ้มๆ
" งั้นแนะนำให้ข้ารู้จักหน่อยสิ" หวังมู่หลินดวงตาเป็นประกายระยับ
" เสียใจด้วยนะ น้องชายข้ามีคนที่เขารักอยู่แล้ว และเขาก็ยังรังเกียจสตรีแบบเจ้าเป็นที่สุด" หรงเหมยตอบตามตรง
" อย่างข้ามันทำไม" หวังมู่หลิน ถามเสียงขุ่น
" เอาตรงๆเลยแล้วกันนะ" ปรายตามองหวังมู่หลิน เล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ" เจ้าน่ะมันชอบให้ท่าบุรุษไปทั่ว คิดว่าตัวเองสวยซะเต็มประดา พูดง่ายๆก็คือ เจ้าน่ะมัน ร่าน แพศยา ตอแหล ตลบตะแลง ไงล่ะ" หรงเหมยตอบตรงๆ
หวังมู่หลินอ้าปากค้าง เมื่อรู้ว่าสหายมองตนเป็นแบบนี้
" ถ้าไม่เชื่อเจ้าลองถามทุกคนได้เลยว่าทุกคนมองเจ้าเป็นอย่างไร" หรงเหมยตอกย้ำ
หวังมู่หลินหันไปถามสหายอีกคน
" อันฮวา ข้าเป็นแบบนั้นจริงๆหรือ"
" ใช่!!!! นั่นแหละเจ้าล่ะ" ซูอันฮวาตอบ
" อ้อ!!!! แล้วเจ้าก็อย่าได้คิดไปตอแยน้องชายข้าเด็ดขาดไม่งั้นหัวตระกูลหวังขาดสะบั้น ทั้ง 7 ชั่วโคตรแน่" หรงเหมยเอ่ยเตือนสหาย
" พูดอย่างกับว่าน้องชายเจ้าเป็นฮ่องเต้" หวังมู่หลินเอ่ยเยาะหยันเบาๆ
" ถ้าพูดให้ถูกก็ว่าที่ฮ่องเต้รัชกาลต่อไป" หรงเหมยเปิดเผยฐานะของน้องชายให้สหายได้รู้
" ห๊า!!!! ว่าที่ฮ่องเต้" หวังมู่หลิน/ ซูอันฮวา ตกใจ
ผ่านไปครึ่งเค่อ หวังมู่หลินได้สติก่อนใคร
" เป็นองค์รัชทายาทเชียวหรือ" หวังมู่หลินหน้าซีด แต่พลันคิดบางอย่างได้" ฮึ!!!! แต่ถ้าข้าได้เป็นพระชายาเอก ต่อไปข้าก็ต้องได้เป็นฮองเฮา"
แต่หรงเหมยก็ดับฝันทันควัน
" เลิกเพ้อฝันเถอะ น้องชายข้ามีว่าที่พระชายาในดวงใจอยู่แล้ว"
" ไม่จริงน่า" หวังมู่หลินโอดครวญ
" เจ้าเห็นสตรีที่นั่งอยู่ข้างๆน้องชายข้าหรือไม่ นั่นแหละคนที่น้องชายข้ารัก"
" นางเป็นใครหรือ" ซูอันฮวาถาม
" ลูกสาวของแม่ทัพหลี่ หลี่เถียนเถียน" หรงเหมยตอบ
" นางคู่ควรหรืออย่างไร" หวังมู่หลินเอ่ยอย่างสมเพช
" ทำไมหรือ" ซูอันฮวาสงสัย
" นางเป็นสวะไร้พลัง" หวังมู่หลินเอ่ยดูแคลน
" มันจะใช่หรือ ตอนข้าอยู่กับพวกเขาข้าสัมผัสถึงพลังบางอย่างของนางนะมันดู สูงส่ง งามสง่า และทรงอำนาจ" หรงเหมยสัมผัสได้ถึงพลังของเถียนเถียน
" จริงหรือ" ซูอันฮวาสงสัยเพราะหรงเหมยไม่เคยพลาดในการมองคน
" จะเท่าไหร่กันเชียว" หวังมู่หลินวาดฝันถึงตำแหน่งฮองเฮาพลางยกจอกชาขึ้นมาจิบ
" ข้าว่าอย่าลองดีเลยมู่หลิน ขนาดไป๋จิ่วอิงที่ว่างดงามนักงดงามหนาน้องชายข้าก็ยังไม่สนใจเลย ข้าขอเตือนเจ้าด้วยความหวังดี" หรงเหมยเอ่ยเตือนสหาย
" นั่นสิ มู่หลินเกิดองค์รัชทายาทไม่พอพระทัยขึ้นมาตระกูลหวังของเจ้าได้จบแห่แน่" ซูอันฮวาเห็นด้วย
หวังมู่หลินเมื่อถูกสหายเอ่ยเตือนก็เปลี่ยนใจ นางไม่กล้าเอาอนาคตของตระกูลหวัง ไปเสี่ยงเด็ดขาด
นับว่าหวังมู่หลินยังรู้จักรักตัวกลัวตายอยู่บ้าง
โรงเตี๊ยม
หลังจากพากันกลับมาจากเหลาอาหารแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพื่อเก็บแรงไว้ไปเดินป่าในวันพรุ่งนี้
แต่ในขณะที่ทุกคนพักผ่อน เถียนเถียน ก็เข้าไปทำเครื่องสำอางในมิติ
เถียนเถียน เดินไปเดินมาอยู่ในร้านเคมีภัณฑ์หาส่วนประกอบที่จะใช้ทำลิปสติกจนครบแล้วก็เริ่มทำทันที
เริ่มจากละลายขี้ผึ้ง บดกลีบดอกกุหลาบสีแดงคั้นกรองเอาแต่น้ำใส่ลงไปในขี้ผึ้งคนให้เข้ากัน ก่อนจะเทใส่ตลับเล็กๆพกพาง่าย ทำออกมาได้ราวๆ 500 ตลับ
เมื่อทำเสร็จก็ออกไปนอน
ยามเหม่า(05.00-06.59)
ทุกคนเตรียมตัวเข้าป่ากันแต่เช้า องค์รัชทายาทสั่งให้คนไปหาซื้อซาลาเปาไปให้มากๆหน่อย เผื่อว่าหาล่าสัตว์ไม่ได้
สาวๆคุยกันว่าจะหาอะไรบ้าง
เมื่อคณะเดินทางพร้อมทุกคนก็เข้าป่ากันทันที
ทุกคนต่างเดินไปกินซาลาเปาไปกันอย่างมีความสุข พอเข้ามาลึกสักหน่อยก็เจอกับดงขมิ้นจำนวนมาก เถียนเถียนขุดเอามาไว้ทำครีมขัดตัว
" พี่สาว มันคืออะไรหรือเจ้าคะ" ถิงถิงสงสัย
" อันนี้เรียกว่าขมิ้น มันใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เสริมความงามน่ะ" เถียนเถียนอธิบาย
" พี่สาว จะทำขายจะทำขายใช่หรือไม่เจ้าคะ" ถิงถิงถาม
" ใช่" เถียนเถียนตอบ
หลังจากนั้นก็เกิดมหกรรมเก็บขมิ้น ใช้เวลาไม่นานขมิ้นก็หมด หลังจากนั้นก็เจอ มะกรูด มะขาม และน้ำผึ้ง เถียนเถียน ก็เอาผึ้งเข้าไปเลี้ยงในมิติด้วยในมิตินั้น นอกจากสมุนไพรก็ยังมีดอกไม้นานาชนิดอีกด้วย
ฝั่งบุรุษต่างพากันล่าสัตว์ เพื่อเอามาเป็นเสบียงระหว่างทาง
องค์รัชทายาทได้ หมูป่า 2 ตัว กวาง 1 ตัว
หลี่คุนหมิงได้ วัวกระทิง 1 ตัว(หลงฝูงมา) กระต่ายป่า 2 ตัว
ทหารติดตามได้ไก่ป่ามา รวมกันแล้ว 18 ตัว
เพียงเท่านี้ก็ได้เนื้อไปให้สาวๆทำเนื้อแดดเดียวไว้กินระหว่างทาง
ยามเซิน(15.00-16.59)
ทุกคนกลับออกมาจากป่า
เถียนเถียนขออนุญาตทางโรงเตี๊ยมใช้ลานด้านหลังของโรงเตี๊ยมเป็นสถานที่ชำแหละเนื้อสัตว์ เพื่อทำเนื้อแดดเดียวเอาไว้กินระหว่างทาง
ทางด้านหลงจู๊ที่เห็นวิธีการปรุงรสเนื้อก็สนใจจึงให้คนไปตามเถ้าแก่มาดู
เมื่อเถ้าแก่มาเห็นวิธีปรุงก็สนใจขอซื้อสูตรกับเถียนเถียนทันที เพราะเถ้าแก่ทำเหลาสุราเล็กๆอยู่
" แม่นาง เจ้าพอจะขายสูตรเนื้อแดดเดียวของเจ้าให้ข้าได้หรือไม่" เถ้าแก่ถาม
" เอ๋...ท่านผู้อาวุโสต้องการซื้อสูตรเนื้อแดดเดียวของข้าหรือเจ้าคะ" เถียนเถียนถามด้วยความแปลกใจ
ชายชราถูกใจเด็กสาวเช่นเถียนเถียนไม่น้อย เมื่อพูดคุยกันจึงตกลงซื้อขายกันได้ในที่สุด
เถียนเถียนขายสูตรให้เถ้าแก่ 1000 ตำลึงทอง และยังขายสุราผลไม้ของตนให้ไปอีก สุราผูเถาและสุราเฉ่าเหมย อย่างละ 500 ไห
เถ้าแก่เมื่อได้ชิมสุราทั้ง 2 ชนิด แล้วก็ขอซื้อทันที ดีที่นางมีอยู่มากจึงได้มาอย่างละ 500 ไห
" ขอบคุณ ท่านผู้อาวุโสเจ้าค่ะ ที่อุดหนุนข้าน้อยเจ้าค่ะ" เถียนเถียนคารวะเถ้าแก่ด้วยความจริงใจ
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าเรียกข้าว่า ท่านปู่หวังเถอะ นังหนู"
" เจ้าค่ะท่านปู่หวัง" เถียนเถียนตอบ
ทางด้านกลุ่มคนที่ชำแหละเนื้อเสร็จก็ช่วยกันหมักเนื้อตามสูตรของเถียนเถียน จนเสร็จซึ่งเถียนเถียนก็ทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนจะนำมาตากในตอนเช้า
ยามเฉิน(07.00-08.59)
ทุกคนช่วยกันตากเนื้อที่หมักเอาไว้ เมื่อตากเสร็จถิงถิงกับชิงชิงก็มาช่วยกันดูแลไม่ให้มีแมลงวันมาตอมเนื้อ
ยามเว่ย(13.00-14.59)
ถิงถิงกับชิงชิงช่วยกันกลับเนื้อทุก 1 ชั่วยามจึงแห้งเสมอกัน เนื่องจากแดดค่อนข้างแรงจึงแห้งเร็ว จึงรีบเก็บเนื้อทั้งหมดทันที
ยามโหย่ว(17.00-18.59)
เอาเนื้อแดดเดียว จำนวน 2 จิน มาทอดให้ทุกคนลองชิม เนื้อแดดเดียวทอด ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปถึงด้านนอกสร้างความโกลาหลให้โรงเตี๊ยมเพราะลูกค้าที่เข้ามานั่งทานอาหารได้กลิ่นหอมๆของเนื้อแดดเดียวทอดต่างกลืนน้ำลาย อยากลองกินจึงสั่งมาลองทันที
แต่เสี่ยวเอ้อ ต้องปฎิเสธลูกค้าไป
" ต้องขอโทษลูกค้าทุกท่านด้วยขอรับ อาหารนั้นเป็นของลูกค้าที่ทำกินกันเองขอรับ
ข้าไม่สามารถช่วยพวกท่านได้ ต้องขอโทษด้วยขอรับ" เสี่ยวเอ้อโค้งตัวลงเพื่อขออภัยลูกค้า
เมื่อทุกคนได้ยินก็ต้องเสียดายกันเป็นแถบ
ภายในครัวของโรงเตี๊ยม
2 สาวช่วยกันทำอาหารเสร็จก็เรียกองครักษ์มาเอาอาหารไปแบ่งกัน หลังจากนั้นก็ช่วยกันตั้งโต๊ะ 3 โต๊ะ สำหรับ องค์รัชทายาทและท่านรองแม่ทัพหลี่คุนหมิง และอีกโต๊ะสำหรับคุณหนูและพวกนางกับพวกเด็กๆ
บรรดาลูกค้ามองตามอาหารที่ถูกยกไปยังโต๊ะที่ถูกจับจองเอาไว้ด้วยสายตาละห้อยพลางกลืนน้ำลาย
" กลิ่นจะหอมยั่วยวนไปไหนเนี่ย!!!!"
นี่คือความในใจของทุกคน
เมื่อตั้งโต๊ะเสร็จไม่นานทุกคนก็ออกมาจากห้อง
" หืมม....อาหารพวกนี้พวกเจ้าทำเองหรือ" เถียนเถียนถามยิ้มๆ
" เจ้าค่ะ คุณหนู" ชิงชิงตอบ
เมื่อทุกคนนั่งเรียบร้อยก็ตักข้าวทันที
กินไปสักพักก็มีสตรีกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะที่เถียนเถียนและทุกคนกินข้าวอยู่
" นี่พวกเจ้า กล้าดีอย่างไรมานั่งโต๊ะประจำของข้า" สตรีนางหนึ่งเอ่ยเสียงเข้ม
เมื่อนางเห็นพวกเขาไม่สนใจนางแม้แต่น้อยยังคงนั่งกินต่อไป นางจึงปัดมือที่ถือตะเกียบคีบอาหารเตรียมเอาเข้าปากของเถียนเถียนทันที
เพี๊ยะ!!!!
ทุกคนมองเห็นดังนั้นจึงซุบซิบนินทาสตรีผู้นั้น
" นั่นมัน คุณหนู หานเฟยฮวา มิใช่หรือ"
" เฮ้อ!!!! นี่นางมาใช้อำนาจผิดที่เสียแล้ว"
" นั่นสิ โง่งมกว่านางคงไม่มีแล้วล่ะ"
ฯลฯ
หานเฟยฮวาได้ยินดังนั้นก็ตวาดทุกคนที่นินทาตน
" หุบปาก!!!! พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาตำหนิข้า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"
ทุกคนได้ยินก็โกรธ มองนางอย่างมาตรร้าย
แต่นางไม่สนใจหันมาเล่นงาน เถียนเถียน
ด้านเถียนเถียน เมื่อโดน หานเฟยฮวาตีที่มือที่กำลังคีบอาหารจนตะเกียบหลุดมือก็โกรธ แววตาอำมหิต
" ลุกไปจากที่ของข้าได้แล้ว"
เถียนเถียนลุกขึ้นยืนก่อนจะถีบยอดอก หานเฟยฮวาจนล้มกระเด็น
" ที่ของเจ้างั้นรึ" เถียนเถียนเอ่ยเสียงเย็น
บรรดาสหายของหานเฟยฮวาตกใจ
" นี่เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคุณหนูของข้า"
เพี๊ยะ!!!!
เสียงฝ่ามือบางตบปากสาวใช้ผู้นั้นจนเลือดกลบปาก
" อย่ามาปากดีกับข้า" เถียนเถียนเอ่ยเสียงเหี้ยม
สาวใช้อีกคนเห็นดังนั้นก็รีบไปตามนายท่านทันที
สหายที่มาด้วยกันต่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
หานเฟยฮวาที่ถูกถีบก็โกรธแค้น
ผ่านไป 4 เค่อ
" ใครมันบังอาจทำร้ายหลานสาวข้า!!!!"