Chereads / เฉินซีเหยาแม่ค้าข้ามภพ / Chapter 14 - เจอของล้ำค่า

Chapter 14 - เจอของล้ำค่า

เจอของล้ำค่า

" ไม่ทราบว่าคุณชายจะรังเกียจมั๊ย ถ้าข้าน้อยจะขอร่วมโต๊ะด้วย" พูดพลางมองหน้าองค์รัชทายาทด้วยแววตาหยาดเยิ้มและถือวิสาสะนั่งลงข้างองค์รัชทายาท

ทุกคนได้แต่อึ้ง

องค์รัชทายาทมองอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะรู้จักหญิงสาวนางนี้ดี

หญิงสาวผู้มาใหม่มองเถียนเถียนเล็กน้อย

' งดงามแบบนี้ กิริยาสูงส่งแบบนี้ มิน่าเล่าเจ้าหน้าตายถึงได้รักได้หลงนัก ฮึ!!!! เจ้าน้องชายหน้าตายเอ๋ย พี่สาวผู้นี้ขอแกล้งเจ้าหน่อยเถิดและจะได้ทดสอบด้วยว่าหญิงสาวผู้นี้คิดอย่างไรกับน้องชายข้า'

เฉินหรงเหมยคิดในใจ พลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้องค์รัชทายาท ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารให้องค์รัชทายาท

" คุณชายลองทานเป็ดย่างนี่ดูซิเจ้าคะ อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ"

องค์รัชทายาทนั่งนิ่ง จนหญิงสาวหยิกและดึงมือมาเขียนบางอย่างลงไป องค์รัชทายาทจึงยอมคีบมากิน และเขียนบอกกับคนเป็นพี่

' ข้าเป็นฝ่ายตามตื้อนางและข้ากำลังเกี้ยวนางมาเป็นน้องสะใภ้ท่าน'

​​​​​' แล้วเป็นอย่างไร นางเริ่มหวั่นไหวกับเจ้าแล้วหรือยัง'

' ยัง'

' รีบๆ เข้าพี่ต้องได้คนนี้มาเป็นน้องสะใภ้'

" เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณชาย" 

" อืมม์.....ก็อร่อยดี แล้วเมื่อไหร่จะเลิกแกล้งข้าแบบนี้สักที" องค์รัชทายาทเอ่ยขึ้น

" ก็เมื่อไหร่ที่เจ้ายิ้มแย้มกับชาวบ้านชาวช่องเขานั่นแหละ" เฉินหรงเหมยหัวเราะเบาๆ

" เฮ้อ!!!!   เอ่อนี่เฉินหรงเหมยลูกสาวท่านเจ้าเมือง เฉินต้าตง พี่สาวข้าเอง" องค์รัชทายาทบอกกับทุกคนแล้วหันมาบอกกับพี่สาวว่า" นี่คือ หลี่เถียนเถียน ว่าที่พระชายาของข้า"

" เดี๋ยว เดี๋ยว นี่นางรับรักเจ้าแล้วหรือเจ้าน้องชายหน้าตาย" เฉินหรงเหมยเอ่ยขัดขึ้นมา

ทุกคนอมยิ้ม

องค์รัชทายาทเคืองผู้เป็นพี่สาวนักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

" เอาล่ะ พี่ไม่แกล้งเจ้าแล้วก็ได้ พี่ไปก่อนเดี๋ยวสหายของพี่จะรอนาน" หรงเหมยเอ่ยบอกกับคนเป็นน้องก็หันมาลาทุกคน

" ทุกท่านวันนี้ข้าเฉินหรงเหมยต้องขอลาก่อนวันหน้าค่อยพบกันใหม่" ยอบกายน้อยๆเอ่ยลาอย่างมีมารยาท

" ลาก่อน" ทุกคนเอ่ยลา

หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วทุกคนก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องของตน

ด้านเฉินหรงเหมย

เมื่อกลับมาที่โต๊ะที่มีบรรดาสหายรออยู่ก็ถูกสหายถามทันที

" หรงเหมย บุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน ช่างหล่อเหลาเหมาะสมกับข้ายิ่งนัก" หวังมู่หลิน

" เจ้าเอาอะไรมาวัดว่าเจ้าคู่ควรรึหวังมู่หลิน" ซูอันฮวาถามด้วยความไม่ชอบใจ

" นั่นน่ะสิ เห็นบุรุษหล่อเหลา หน่อยเป็นไม่ได้เชียวนะ" ถังลี่อิน เห็นด้วย

" นี่พวกเจ้า!!!!!! ทำไมในเมื่อข้างดงามออกปานนี้ บุรุษผู้บุรุษผู้นั้นต้องสนใจข้าสิ...ชิส์ อิจฉาละสิที่ไม่งดงามเหมือนข้า" หวังมู่หลินเชิดหน้ามองทุกคนอย่างรังเกียจ

" เขาเป็นใครรึ หรงเหมย" ซูอันฮวาถาม

" น้องชายข้าเอง" หรงเหมยตอบยิ้มๆ

" งั้นแนะนำให้ข้ารู้จักหน่อยสิ" หวังมู่หลินดวงตาเป็นประกายระยับ

" เสียใจด้วยนะ น้องชายข้ามีคนที่เขารักอยู่แล้ว และเขาก็ยังรังเกียจสตรีแบบเจ้าเป็นที่สุด" หรงเหมยตอบตามตรง

" อย่างข้ามันทำไม" หวังมู่หลิน ถามเสียงขุ่น

" เอาตรงๆเลยแล้วกันนะ" ปรายตามองหวังมู่หลิน เล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ" เจ้าน่ะมันชอบให้ท่าบุรุษไปทั่ว คิดว่าตัวเองสวยซะเต็มประดา พูดง่ายๆก็คือ เจ้าน่ะมัน ร่าน แพศยา ตอแหล ตลบตะแลง ไงล่ะ" หรงเหมยตอบตรงๆ

หวังมู่หลินอ้าปากค้าง เมื่อรู้ว่าสหายมองตนเป็นแบบนี้

" ถ้าไม่เชื่อเจ้าลองถามทุกคนได้เลยว่าทุกคนมองเจ้าเป็นอย่างไร" หรงเหมยตอกย้ำ

หวังมู่หลินหันไปถามสหายอีกคน

" อันฮวา ข้าเป็นแบบนั้นจริงๆหรือ"

" ใช่!!!! นั่นแหละเจ้าล่ะ" ซูอันฮวาตอบ

" อ้อ!!!! แล้วเจ้าก็อย่าได้คิดไปตอแยน้องชายข้าเด็ดขาดไม่งั้นหัวตระกูลหวังขาดสะบั้น ทั้ง 7 ชั่วโคตรแน่" หรงเหมยเอ่ยเตือนสหาย

" พูดอย่างกับว่าน้องชายเจ้าเป็นฮ่องเต้" หวังมู่หลินเอ่ยเยาะหยันเบาๆ

" ถ้าพูดให้ถูกก็ว่าที่ฮ่องเต้รัชกาลต่อไป" หรงเหมยเปิดเผยฐานะของน้องชายให้สหายได้รู้

" ห๊า!!!! ว่าที่ฮ่องเต้" หวังมู่หลิน/ ซูอันฮวา ตกใจ

ผ่านไปครึ่งเค่อ หวังมู่หลินได้สติก่อนใคร

" เป็นองค์รัชทายาทเชียวหรือ" หวังมู่หลินหน้าซีด แต่พลันคิดบางอย่างได้" ฮึ!!!! แต่ถ้าข้าได้เป็นพระชายาเอก ต่อไปข้าก็ต้องได้เป็นฮองเฮา"

แต่หรงเหมยก็ดับฝันทันควัน

" เลิกเพ้อฝันเถอะ น้องชายข้ามีว่าที่พระชายาในดวงใจอยู่แล้ว"

" ไม่จริงน่า" หวังมู่หลินโอดครวญ

" เจ้าเห็นสตรีที่นั่งอยู่ข้างๆน้องชายข้าหรือไม่ นั่นแหละคนที่น้องชายข้ารัก"

" นางเป็นใครหรือ" ซูอันฮวาถาม

" ลูกสาวของแม่ทัพหลี่ หลี่เถียนเถียน" หรงเหมยตอบ

" นางคู่ควรหรืออย่างไร" หวังมู่หลินเอ่ยอย่างสมเพช

" ทำไมหรือ" ซูอันฮวาสงสัย

" นางเป็นสวะไร้พลัง" หวังมู่หลินเอ่ยดูแคลน

" มันจะใช่หรือ ตอนข้าอยู่กับพวกเขาข้าสัมผัสถึงพลังบางอย่างของนางนะมันดู สูงส่ง งามสง่า และทรงอำนาจ" หรงเหมยสัมผัสได้ถึงพลังของเถียนเถียน

" จริงหรือ" ซูอันฮวาสงสัยเพราะหรงเหมยไม่เคยพลาดในการมองคน

" จะเท่าไหร่กันเชียว" หวังมู่หลินวาดฝันถึงตำแหน่งฮองเฮาพลางยกจอกชาขึ้นมาจิบ

" ข้าว่าอย่าลองดีเลยมู่หลิน ขนาดไป๋จิ่วอิงที่ว่างดงามนักงดงามหนาน้องชายข้าก็ยังไม่สนใจเลย ข้าขอเตือนเจ้าด้วยความหวังดี" หรงเหมยเอ่ยเตือนสหาย

" นั่นสิ มู่หลินเกิดองค์รัชทายาทไม่พอพระทัยขึ้นมาตระกูลหวังของเจ้าได้จบแห่แน่" ซูอันฮวาเห็นด้วย

หวังมู่หลินเมื่อถูกสหายเอ่ยเตือนก็เปลี่ยนใจ นางไม่กล้าเอาอนาคตของตระกูลหวัง ไปเสี่ยงเด็ดขาด

นับว่าหวังมู่หลินยังรู้จักรักตัวกลัวตายอยู่บ้าง

โรงเตี๊ยม

หลังจากพากันกลับมาจากเหลาอาหารแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพื่อเก็บแรงไว้ไปเดินป่าในวันพรุ่งนี้

แต่ในขณะที่ทุกคนพักผ่อน เถียนเถียน ก็เข้าไปทำเครื่องสำอางในมิติ

เถียนเถียน เดินไปเดินมาอยู่ในร้านเคมีภัณฑ์หาส่วนประกอบที่จะใช้ทำลิปสติกจนครบแล้วก็เริ่มทำทันที

เริ่มจากละลายขี้ผึ้ง บดกลีบดอกกุหลาบสีแดงคั้นกรองเอาแต่น้ำใส่ลงไปในขี้ผึ้งคนให้เข้ากัน ก่อนจะเทใส่ตลับเล็กๆพกพาง่าย ทำออกมาได้ราวๆ 500 ตลับ

เมื่อทำเสร็จก็ออกไปนอน

ยามเหม่า(05.00-06.59)

ทุกคนเตรียมตัวเข้าป่ากันแต่เช้า องค์รัชทายาทสั่งให้คนไปหาซื้อซาลาเปาไปให้มากๆหน่อย เผื่อว่าหาล่าสัตว์ไม่ได้

สาวๆคุยกันว่าจะหาอะไรบ้าง

เมื่อคณะเดินทางพร้อมทุกคนก็เข้าป่ากันทันที

ทุกคนต่างเดินไปกินซาลาเปาไปกันอย่างมีความสุข พอเข้ามาลึกสักหน่อยก็เจอกับดงขมิ้นจำนวนมาก เถียนเถียนขุดเอามาไว้ทำครีมขัดตัว

" พี่สาว มันคืออะไรหรือเจ้าคะ" ถิงถิงสงสัย

" อันนี้เรียกว่าขมิ้น มันใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เสริมความงามน่ะ" เถียนเถียนอธิบาย

" พี่สาว จะทำขายจะทำขายใช่หรือไม่เจ้าคะ" ถิงถิงถาม

" ใช่" เถียนเถียนตอบ

หลังจากนั้นก็เกิดมหกรรมเก็บขมิ้น ใช้เวลาไม่นานขมิ้นก็หมด หลังจากนั้นก็เจอ มะกรูด มะขาม และน้ำผึ้ง เถียนเถียน ก็เอาผึ้งเข้าไปเลี้ยงในมิติด้วยในมิตินั้น นอกจากสมุนไพรก็ยังมีดอกไม้นานาชนิดอีกด้วย

ฝั่งบุรุษต่างพากันล่าสัตว์ เพื่อเอามาเป็นเสบียงระหว่างทาง

องค์รัชทายาทได้ หมูป่า 2 ตัว กวาง 1 ตัว

หลี่คุนหมิงได้ วัวกระทิง 1 ตัว(หลงฝูงมา) กระต่ายป่า 2 ตัว

ทหารติดตามได้ไก่ป่ามา รวมกันแล้ว 18 ตัว

เพียงเท่านี้ก็ได้เนื้อไปให้สาวๆทำเนื้อแดดเดียวไว้กินระหว่างทาง

ยามเซิน(15.00-16.59)

ทุกคนกลับออกมาจากป่า

เถียนเถียนขออนุญาตทางโรงเตี๊ยมใช้ลานด้านหลังของโรงเตี๊ยมเป็นสถานที่ชำแหละเนื้อสัตว์ เพื่อทำเนื้อแดดเดียวเอาไว้กินระหว่างทาง

ทางด้านหลงจู๊ที่เห็นวิธีการปรุงรสเนื้อก็สนใจจึงให้คนไปตามเถ้าแก่มาดู 

เมื่อเถ้าแก่มาเห็นวิธีปรุงก็สนใจขอซื้อสูตรกับเถียนเถียนทันที เพราะเถ้าแก่ทำเหลาสุราเล็กๆอยู่

" แม่นาง เจ้าพอจะขายสูตรเนื้อแดดเดียวของเจ้าให้ข้าได้หรือไม่" เถ้าแก่ถาม

" เอ๋...ท่านผู้อาวุโสต้องการซื้อสูตรเนื้อแดดเดียวของข้าหรือเจ้าคะ" เถียนเถียนถามด้วยความแปลกใจ

ชายชราถูกใจเด็กสาวเช่นเถียนเถียนไม่น้อย เมื่อพูดคุยกันจึงตกลงซื้อขายกันได้ในที่สุด

เถียนเถียนขายสูตรให้เถ้าแก่ 1000 ตำลึงทอง และยังขายสุราผลไม้ของตนให้ไปอีก สุราผูเถาและสุราเฉ่าเหมย อย่างละ 500 ไห 

เถ้าแก่เมื่อได้ชิมสุราทั้ง 2 ชนิด แล้วก็ขอซื้อทันที ดีที่นางมีอยู่มากจึงได้มาอย่างละ 500 ไห

" ขอบคุณ ท่านผู้อาวุโสเจ้าค่ะ ที่อุดหนุนข้าน้อยเจ้าค่ะ" เถียนเถียนคารวะเถ้าแก่ด้วยความจริงใจ

" ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าเรียกข้าว่า ท่านปู่หวังเถอะ นังหนู"

" เจ้าค่ะท่านปู่หวัง" เถียนเถียนตอบ

ทางด้านกลุ่มคนที่ชำแหละเนื้อเสร็จก็ช่วยกันหมักเนื้อตามสูตรของเถียนเถียน จนเสร็จซึ่งเถียนเถียนก็ทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนจะนำมาตากในตอนเช้า

ยามเฉิน(07.00-08.59)

ทุกคนช่วยกันตากเนื้อที่หมักเอาไว้ เมื่อตากเสร็จถิงถิงกับชิงชิงก็มาช่วยกันดูแลไม่ให้มีแมลงวันมาตอมเนื้อ

ยามเว่ย(13.00-14.59)

ถิงถิงกับชิงชิงช่วยกันกลับเนื้อทุก 1 ชั่วยามจึงแห้งเสมอกัน เนื่องจากแดดค่อนข้างแรงจึงแห้งเร็ว จึงรีบเก็บเนื้อทั้งหมดทันที

ยามโหย่ว(17.00-18.59)

เอาเนื้อแดดเดียว จำนวน 2 จิน มาทอดให้ทุกคนลองชิม เนื้อแดดเดียวทอด ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปถึงด้านนอกสร้างความโกลาหลให้โรงเตี๊ยมเพราะลูกค้าที่เข้ามานั่งทานอาหารได้กลิ่นหอมๆของเนื้อแดดเดียวทอดต่างกลืนน้ำลาย อยากลองกินจึงสั่งมาลองทันที

แต่เสี่ยวเอ้อ ต้องปฎิเสธลูกค้าไป

" ต้องขอโทษลูกค้าทุกท่านด้วยขอรับ อาหารนั้นเป็นของลูกค้าที่ทำกินกันเองขอรับ

ข้าไม่สามารถช่วยพวกท่านได้ ต้องขอโทษด้วยขอรับ" เสี่ยวเอ้อโค้งตัวลงเพื่อขออภัยลูกค้า

เมื่อทุกคนได้ยินก็ต้องเสียดายกันเป็นแถบ

ภายในครัวของโรงเตี๊ยม

2 สาวช่วยกันทำอาหารเสร็จก็เรียกองครักษ์มาเอาอาหารไปแบ่งกัน หลังจากนั้นก็ช่วยกันตั้งโต๊ะ 3 โต๊ะ สำหรับ องค์รัชทายาทและท่านรองแม่ทัพหลี่คุนหมิง และอีกโต๊ะสำหรับคุณหนูและพวกนางกับพวกเด็กๆ

บรรดาลูกค้ามองตามอาหารที่ถูกยกไปยังโต๊ะที่ถูกจับจองเอาไว้ด้วยสายตาละห้อยพลางกลืนน้ำลาย

" กลิ่นจะหอมยั่วยวนไปไหนเนี่ย!!!!" 

นี่คือความในใจของทุกคน

เมื่อตั้งโต๊ะเสร็จไม่นานทุกคนก็ออกมาจากห้อง

" หืมม....อาหารพวกนี้พวกเจ้าทำเองหรือ" เถียนเถียนถามยิ้มๆ

" เจ้าค่ะ คุณหนู" ชิงชิงตอบ

เมื่อทุกคนนั่งเรียบร้อยก็ตักข้าวทันที 

กินไปสักพักก็มีสตรีกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะที่เถียนเถียนและทุกคนกินข้าวอยู่

" นี่พวกเจ้า กล้าดีอย่างไรมานั่งโต๊ะประจำของข้า" สตรีนางหนึ่งเอ่ยเสียงเข้ม

เมื่อนางเห็นพวกเขาไม่สนใจนางแม้แต่น้อยยังคงนั่งกินต่อไป นางจึงปัดมือที่ถือตะเกียบคีบอาหารเตรียมเอาเข้าปากของเถียนเถียนทันที

เพี๊ยะ!!!!

ทุกคนมองเห็นดังนั้นจึงซุบซิบนินทาสตรีผู้นั้น

" นั่นมัน คุณหนู หานเฟยฮวา มิใช่หรือ" 

" เฮ้อ!!!! นี่นางมาใช้อำนาจผิดที่เสียแล้ว"

" นั่นสิ โง่งมกว่านางคงไม่มีแล้วล่ะ"

ฯลฯ

หานเฟยฮวาได้ยินดังนั้นก็ตวาดทุกคนที่นินทาตน

" หุบปาก!!!! พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาตำหนิข้า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"

ทุกคนได้ยินก็โกรธ มองนางอย่างมาตรร้าย

แต่นางไม่สนใจหันมาเล่นงาน เถียนเถียน

ด้านเถียนเถียน เมื่อโดน หานเฟยฮวาตีที่มือที่กำลังคีบอาหารจนตะเกียบหลุดมือก็โกรธ แววตาอำมหิต

" ลุกไปจากที่ของข้าได้แล้ว"

เถียนเถียนลุกขึ้นยืนก่อนจะถีบยอดอก หานเฟยฮวาจนล้มกระเด็น

" ที่ของเจ้างั้นรึ" เถียนเถียนเอ่ยเสียงเย็น

บรรดาสหายของหานเฟยฮวาตกใจ

" นี่เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคุณหนูของข้า" 

เพี๊ยะ!!!!

เสียงฝ่ามือบางตบปากสาวใช้ผู้นั้นจนเลือดกลบปาก

" อย่ามาปากดีกับข้า" เถียนเถียนเอ่ยเสียงเหี้ยม

สาวใช้อีกคนเห็นดังนั้นก็รีบไปตามนายท่านทันที

สหายที่มาด้วยกันต่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

หานเฟยฮวาที่ถูกถีบก็โกรธแค้น

ผ่านไป 4 เค่อ

" ใครมันบังอาจทำร้ายหลานสาวข้า!!!!"

​​​​​​

​​​​​

​​