เกล็ดละอองหิมะสีขาวบริสุทธิ์ที่เริ่มโปรยปรายในกลางเดือนธันวา
เเต่หิมะที่บริสุทธิ์กลางอากาศนั้นเมื่อแตะถึงพื้นเมื่อใด ความขาวที่ดูสะอาดเเละสวยงามนั้น
ก็จะมลายหายไปทันที เหลือเเต่ความสกปรกเเละเฉอะแฉะ
แสงไฟสลัว ที่เป็นโคมส่องทางให้เรียงราย พื้นถนนเต็มไปด้วยหิมะที่กองหนา
สายลมที่พัดมาทำให้เปลวของไฟเหล่า หลี่เอนเอียงตามลม
ไฟบางดวงก็ถูกลมพัดจนดับ
เส้นทางนั้นมืดลงถนัด
ยังดีที่วันนี้ไม่ใช่คืนเดือนมืด
เเม้ไม่ใช่คืนเดือนมืดเเต่ก็มีเพียงพระจันทร์เสี้ยวที่เเสงริบรี่เต็มทน
ตอนนี้เข็มนาฬิกาชี้อยู่ที่เลข 11 ส่วนเข็มยาวชี้อยู่ 56 นาที
หรือว่าตอนนี้เวลาห้าทุ่มห้าสิบหกนาที
อีกเเค่4นาทีจะเที่ยงคืน
สี่นาทีสุดท้ายนี้ของวันที่31ธันวาคม
เเละ
สี่นาทีสุดท้ายของคริสต์ศักราช 1839
ฉันควรใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าใช่มั้ย??
ฉันถามตัวเองท่ามกลางหิมะที่ถาโถมเข้ามา
ติ้ง ติ้ง ติ้ง
เสียงหอนาฬิกาเฟื่องใจกลางเมืองดังบอกเวลาเที่ยงคืน
หรือ
เริ่มต้นใหม่ของทศวรรษ 1830
แม้ว่าจะเริ่มต้นใหม่ของทศวรรษ1830 แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงประชาชนอดอยากหิวโหย เเต่ในปราสาทราชวังกลับมีไฟประดับประดาตลอดทั้งวันทั้งคืน
ขนมปังสักเเผ่นยังหายากให้ถนนเส้นนี้ เเต่คนให้กระโปรงสุ่มกลับมีขนมหวานเป็นถาดๆ
เราก็ยังคงรับได้อยู่
เเต่ฉันไม่!! เสียงเเข็งเเต่ละมุนของหญิงสาววัยสิบเจ็ดปี เธอพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะที่กำลังเดินอยู่กลางพื้นถนนที่หนาด้วยหิมะลื่นแฉะ เเละหิมะที่ไม่โปรยปรายเพราะเข้าฤดูหนาวมาได้ครึ่งเดือนเเล้ว
คริสต์ศักราช 1830
ในยุคนี่ใครจะสุขสบายได้
เเต่
ความรุ่งโรจ์กำลังจะกลับมา!!!