Chereads / Isekai WTF ต่างโลก ดับเบิลยู ที เอฟ / Chapter 23 - หุ่นมือฉันดันเลเวพอัพได้เฉยเลย ตอนที่ 3

Chapter 23 - หุ่นมือฉันดันเลเวพอัพได้เฉยเลย ตอนที่ 3

เพราะยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับเรื่องการเปลี่ยนอาชีพของตน แมรีจึงตัดสินใจใช้ชิโลต่อไปอีกสักพัก แล้วมันก็เป็นอย่างที่หลวงพ่อบอกเอาไว้ ชิโลก้าวหน้าได้เร็วกว่ามนุษย์ทั่วไปแต่ก็ถึงขีดจำกัดได้เร็วกว่าเช่นกัน ไม่กี่เดือนหลังจากเริ่มออกผจญภัย เลเวลอาชีพของชิโลก็ตันที่เลเวลเพียงยี่สิบเท่านั้น

แมรีเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจแบบนั้น แต่ตอนที่รู้ว่าชิโลไม่สามารถเก่งไปกว่านี้ได้เธอได้ลองเปลี่ยนอาชีพของเขาดูแล้วชิโลสายจอมเวทก็ถือกำเนิดขึ้น

[ชื่อ: แมรี ลิตเติลฟิลด์]

[เผ่าพันธ์: มนุษย์] [อาชีพ: พัพเพ็ตเทียร์ Lv. 22]

[สกิล: กำลัง Lv. 27, ความเร็ว Lv. 16, ทนทาน Lv. 23, สติปัญญา Lv. 12, งานฝีมือ Lv.16, เสื้อผ้าหุ่น Lv. 5, อาวุธหุ่น Lv. 7, ตัดเย็บในพริบตา Lv. 4, แบ่งปันมนตรา Lv. 1]

[ชื่อ: บานิชิโล]

[เผ่าพันธ์: หุ่นมือ] [อาชีพ: จอมเวท Lv. 1]

[สกิล: กำลัง Lv. 5, ความเร็ว Lv. 6, ทนทาน Lv. 4, สติปัญญา Lv. 7, ทักษะดาบ Lv. 13, ทักษะโล่ Lv.9, เพลงดาบหุ่นมือ Lv. 12, ทักษะดาบใหญ่ Lv. 3, ทักษะดาบสองมือ Lv. 4, ลูกไฟ Lv. 1, กระสุนน้ำแข็ง Lv. 1, กระสุนลม Lv. 1]

สิ่งที่แมรีได้ค้นพบหลังเปลี่ยนอาชีพก็คือค่าสเตตัสลดลงแต่เทียบไม่ได้กับตอนเลเวลหนึ่งของอาชีพนักรบ ส่วนสกิลของอาชีพเดิมยังอยู่อย่างครบถ้วน

เธอเพิ่งเข้าใจว่านี่คือข้อดีของการเก็บอาชีพจนเต็ม ซึ่งสำหรับมนุษย์ที่เลเวลอาชีพเต็มที่ห้าสิบมันเป็นเรื่องที่อาจจะต้องทุ่มเทเวลานับสิบปีเพื่อให้ไปถึง แต่สำหรับหุ่นมืออย่างชิโลที่เต็มแค่ยี่สิบแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่เกินเอื้อม

"นี่หมายความว่ายิ่งเก็บอาชีพจนเต็มมากเท่าไหร่ นายก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกสินะ"

"เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่าความเก่งของข้าน่ะไม่มีขีดจำกัดหรอกนะ"

"จำกัดด้วยจำนวนอาชีพยังไงล่ะ นายไม่รู้ตัวสินะว่าตัวนายน่ะไม่ได้มีอาชีพหลากหลายเท่ามนุษย์หรอกนะ"

"อึก" ชิโลเจ็บจุกจนเถียงไม่ออก

"แต่เอาเถอะ ทำแบบนี้ได้ก็น่าจะเก่งกว่าฉันที่เปลี่ยนอาชีพไม่ได้ด้วยซ้ำ"

นอกจากชิโลที่แข็งแกร่งขึ้นจากอาชีพใหม่แล้ว แมรีเองก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างช้า ๆ โดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ตัว สกิลงานฝีมือมีประโยชน์ยิ่งกว่าที่คิด มันช่วยต่อยอดสกิลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการสนับสนุนชิโล เธอสามารถตัดเย็บชุดใหม่ สร้างอาวุธใหม่ และรวมไปถึงซ่อมแซมชิโลในระหว่างสู้ด้วยการตัดเย็บในพริบตา

สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือแมรียังคงหวาดกลัวการต่อสู้ เธอไม่เคยทำใจให้ชินกับมันได้ เธอมักจะหลับตาปี๋ขณะที่ถูกชิโลลากไปลากมาในสนามรบ พัฒนาการทางจิตใจที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นการที่เธอไม่ได้กรีดร้องไปเสียทุกครั้ง เว้นแต่ว่าถูกชิโลลากไปเจอกับเรื่องอันตรายเกินกว่าที่คิดไว้

"เอ่ออออ…" แมรีลากเสียงยาว เธอพยายามสะกิดชิโลว่าอย่าไปทำให้เจ้าร่างยักษ์ตรงหน้าโกรธจะดีกว่า

"ไม่มีประโยชน์หรอก มันรู้ว่าเราจัดการกับลูก ๆ ของมันไปเยอะเลย"

เบื้องหน้าของ หนึ่งสาวและหนึ่งหุ่น คือหมาป่าตัวใหญ่ที่เป็นเจ้าถิ่นของป่านี้ มันคือหมาป่าบอมบอมนั่นเอง และยังเป็นหมาป่าบอมบอมตัวใหญ่ที่สุดที่ทั้งสองเคยพบเคยเห็นด้วย

"ใหญ่เกินไปแล้ว ใหญ่เท่าบ้านเลย... ม่ายยย"

ถ้าสเตตัสของชิโลก่อนเปลี่ยนอาชีพ มันคงจะสูสีกว่านี้ การมาเจอกับศัตรูระดับบอสหลังจากเพิ่งเริ่มเก็บอาชีพได้ใหม่ไม่นานถือเป็นคราวเคราะห์ของทั้งคู่ พวกเขายื้ออยู่ได้ไม่นานก็เข้าใจแล้วว่าตนไม่มีทางชนะได้ สุดท้ายจึงต้องหนีตายแบบไม่คิดชีวิต

"เจ็บใจนัก" แมรีกัดฟันพูดทั้งน้ำตา ทั้งหวาดกลัวทั้งเจ็บใจที่ตนเองทำอะไรไม่ได้มาก

"ไม่เป็นไรหรอก นี่มันแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้่น" ชิโลพูดปลอบ แต่แมรีมองออกว่าเขาเองก็เจ็บใจไม่แพ้กัน

ทั้งคู่โหมเก็บประสบการณ์ใหม่ตั้งแต่ต้น ครั้งนี้ตอนเริ่มต้นยากลำบากในแง่ที่ชิโลไม่สามารถถือโล่ได้เนื่องจากข้อจำกัดของอาชีพ ส่วนเวทมนตร์ที่เขาใช้ได้ก็ยังเป็นเวทเบื้องต้นที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ข้อได้เปรียบเดียวที่ต่างจากสมัยตอนเป็นอาชีพนักรบคือแมรีมีงบให้ถลุงอย่างเหลือเฟือ

เงินส่วนใหญ่หมดไปกับวัตถุดิบและยาฟื้นฟู วัตดุดิบทั้งหลายช่วยให้แมรีสามารถฝึกฝนสกิลงานฝีมือและสร้างอุปกรณ์ที่ดีขึ้นให้กับชิโล ส่วนยาฟื้นฟูแม้ว่าชิโลจะไม่สามารถดื่มหรือกินอะไรได้ แต่ตราบใดที่พลังเวทของแมรีไม่หมดเธอก็สามารถใช้ทักษะเพื่อสนับสนุนชิโลได้เรื่อย ๆ เช่นกัน

แล้วก็มาถึงวันที่อาชีพของชิโลใกล้เต็มอีกครั้ง คราวนี้พวกเธอทำได้เร็วกว่าเดิมถึงเท่าตัว

"เจ้าบอสของป่าอีกแล้ว" แมรีชี้ไปที่หมาป่าตัวยักษ์ที่กำลังย่างเท้าตรงเข้ามา

"แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิมหรอก" ชิโลหัวเราะด้วยความตื่นเต้น

ไม่ใช่แค่ชิโลที่ลากแมรีไปมา คราวนี้เป็นแมรีเองที่เคลื่อนหลบกรงเล็บของเจ้าหมาป่ายักษ์ จะเต็มใจหรือไม่แมรีก็ถูกบังคับให้ฝึกฝนกับชิโลมาตลอด ตอนนี้ค่าความเร็วของเธอสูงพอที่จะหลบการโจมตีได้อย่างไม่ยากลำบาก

"นายคิดแค่เรื่องร่ายเวทไปก็พอแล้ว ฉันจะคอยหลบให้เอง" แมรีกระซิบบอก เธอสั่นกลัวแต่ก็ไม่ได้ล่าถอยไปเหมือนที่เคย

"งั้นฝากด้วย" ชิโลว่าพร้อมกับกระหน่ำเวทใส่เจ้าหมาป่ายักษ์

เป็นการเข้าขากันได้อย่างประหลาด ทั้งสองจับจังหวะกันได้เป็นอย่างดีหรือจะเป็นเพราะเดิมทีพวกเขาคือคน ๆ เดียวกันตั้งแต่แรกก็ว่าได้ แมรีคิดแค่เพียงเรื่องการกระโดดหลบไปมาและดื่มยาเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อให้เธอสามารถใช้สกิลแบ่งปันมนตราเติมพลังเวทให้กับชิโล ส่วนชิโลก็ยิงเวทออกไปลูกแล้วลูกเล่าอย่างแม่นยำ เขารู้ว่าแมรีจะหลบไปทางไหนและเปลี่ยนมุมยิงในทันทีเพื่อทำให้ศัตรูหลบไม่ได้

ในที่สุดศัตรูที่ไม่น่าจะโค่นได้ก็ล้มลง รางวัลสำหรับชัยชนะที่งดงามครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงไอเท็มหายากที่ดรอปจากบอส แต่มันรวมไปถึงเลเวลอาชีพของชิโลที่เต็มเป็นครั้งที่สอง

แผนเดิมของทั้งสองคือ การไล่เก็บอาชีพให้ชิโลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขามองอาชีพนักบวชเป็นลำดับต่อไป แม้ว่าชิโลจะค่อนข้างเป็นห่วงในการเปลี่ยนมาเป็นอาชีพนี้

ทั้งนักรบและจอมเวทต่างก็เป็นอาชีพที่สามารถจัดการกับศัตรูได้ด้วยตนเอง แต่นักบวชนั้นไม่ใช่ หากพวกเขาเปลี่ยนมาใช้อาชีพนี้และมันมีปัญหา พวกเขาจะต้องอยู่กับอาชีพนี้ไปอีกสักใหญ่กว่าที่จะสามารถเปลี่ยนอาชีพได้อีกครั้งเมื่อเลเวลอาชีพเต็ม หรือใช้เวลานานมากพอ

แต่แผนนี้ถูกเลื่อนออกไป เมื่อแมรีและชิโลพบกับความจริงที่น่าตกใจ ในรายการของอาชีพที่เปลี่ยนได้มีอาชีพใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเพิ่มขึ้นด้วย

"นักรบเวทมนตร์ อะไรเนี่ย"

แม่รีถามข้อมูลจากบาทหลวงแต่เขาไม่รู้อะไรมากไปกว่าเธอ ดูเหมือนว่าหากเก็บอาชีพจนเต็มมากกว่าหนึ่งอาชีพ บางทีอาชีพใหม่ ๆ อาจจะปรากฏขึ้นมาให้เลือกก็ได้ แต่ในโลกนี้มีไม่บ่อยนักที่จะมีใครเก็บอาชีพจนเต็มได้ถึงสองครั้ง

"เห็นไหมล่ะ บอกแล้วว่าข้าน่ะเจ๋ง อาชีพเต็มเร็วใช่ว่าจะแย่ไปทุกอย่าง"

"จ้า ๆ" แมรียอมรับว่า บางทีชิโลอาจจะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าที่เธอคิดก็ได้

"ทีนี้ยังคิดจะเปลี่ยนอาชีพของตัวเองอีกไหมล่ะ"

"ไม่แล้วจ้า" จริง ๆ แล้วแมรียังแอบคิดอยู่บ้าง เธอยังเชื่อว่าอาชีพที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ค่อยเข้าท่านัก แต่สาเหตุที่เธอเลิกล้มความคิดเปลี่ยนอาชีพก็เพราะว่าความผูกพันธ์ที่เธอมีกับชิโลต่างหาก

ผลสรุปคือชิโลถูกเปลี่ยนเป็นอาชีพ 'นักรบเวทมนตร์' ก่อน 'นักบวช' แมรีบอกไม่ได้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ถูกต้องหรือผิดพลาด เธอเพิ่งมารู้ภายหลังว่าอาชีพนักรบเวทมนตร์มีบางอย่างที่ต่างออกไป

นักรบเวทมนตร์คืออาชีพระดับกลาง ความหมายของอาชีพระดับกลางนอกจากความเก่งกาจโดยรวมที่สูงกว่าอาชีพพื้นฐาน มันยังตามมาด้วยข้อเสียด้วย พวกเธอต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการขึ้นเลเวล แถมดูเหมือนว่าเลเวลสูงสุดของอาชีพนี้ก็ไม่ใช่ยี่สิบแต่เป็นสามสิบแทน

เมื่อการล่ามอนสเตอร์รอบ ๆ เมืองไม่สามารถตอบสนองต่อค่าประสบการณ์ที่ต้องการได้ แมรีจึงต้องหาแหล่งใหม่ที่มอนสเตอร์แข็งแกร่งขึ้น แมรีและชิโลตัดสินใจขอคำปรึกษาจากหลายแหล่งจนในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกเหมืองร้างที่อยู่ห่างออกไปเป็นสถานที่ฟาร์มต่อไป

แมรีประหลาดใจตนเองที่เธอตัดสินใจมุ่งหน้าเก็บเลเวลต่อ จากนิสัยเดิมเธอควรจะเลือกเส้นทางปลอดภัยมากกว่าชีวิตที่โลดโผน ตอนนี้เธอมีเงินเก็บมากพอแล้ว หากต้องการแมรีสามารถวางมือได้ทุกเมื่อ ซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ ทำไร่ทำสวนอย่างสงบ วันหนึ่งเธออาจจะได้แต่งงานกับคนที่จิตใจดีสักคนและใช้ชีวิตเหมือนว่าไม่เคยเจอกับเรื่องที่ทำร้ายจิตใจของเธอในโลกเดิม

แมรีไม่ได้เลือกเส้นทางนั้น อาจเพราะเธอหวนนึกถึงเรื่องราวนิทานสมัยเด็กที่คุณยายมักจะเล่าให้ฟังอยู่เสมอ การได้ใช้ชีวิตแบบนี้มันชวนคิดว่าตนเองช่างเหมือนกับตัวเอกในนิทานไม่มีผิด

...นั่นสินะ บางทีเรื่องที่คุณยายเล่าอาจจะไม่ใช่แค่นิทานก็ได้…

เธอคิดว่ามันเป็นแค่การปลอบใจตนเอง แต่แมรีอยากเชื่อว่าการที่เธอมาอยู่ในโลกนี้และการที่ได้รับบานิชิโลเป็นมรดกไม่ใช่เหตุบังเอิญ เธออยากเชื่อว่าคุณยายอาจเคยเป็นคนหนึ่งที่เคยมาต่างโลก บานิชิโลก็อาจเป็นสิ่งที่คุณยายได้รับมาในสมัยนั้น

ใช่… บางทีนางเอกในนิทานอาจจะเป็นคุณยายเองก็ได้

...แต่เดี๋ยวสิ ถึงจะแค่ความเป็นไปได้ก็เถอะ ถ้านิทานที่ว่าคือเรื่องของคุณยายจริง นั่นไม่แปลว่ามันมีวิธีกลับโลกเดิมเหรอ…

คิดได้แบบนั้นแมรีก็เริ่มมีความหวังกลับมา เธออาจจะยังไม่ตายในโลกเดิมก็ได้ ขอเพียงแค่เธอหาวิธีให้พบ...

แล้วการโหมเก็บเลเวลก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ชิโลเติบโตขึ้นด้วยความเร็วสูง แมรีเองก็เติบโตขึ้นทั้งในฐานะของนักผจญภัยและมนุษย์คนหนึ่ง อาชีพพัพเพ็ตเทียร์ของเธอไปจนถึงเลเวล 39 โดยที่เธอแทบไม่รู้ตัว ตอนนี้เธอมีสกิลสร้างของใช้ระดับสูงเพื่อนำมาใช้กับชิโลที่ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาอีกเป็นทวีคูณ

อีกด้านหนึ่งแมรีกลายมาเป็นคนสำคัญของเมืองไปแล้ว ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเธอคือนักผจญภัยฝีมือดีที่ใคร ๆ ก็รู้จัก แต่เพราะเธอพยายามอย่างหนักในการช่วยเหลือคนอื่น หลายครั้งที่เธอรับงานมาจากชาวบ้านแม้ว่ามันจะแทบไม่ได้ค่าตอบแทนเลยนอกจากคำขอบคุณ

ครั้งหนึ่งเธอช่วยหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งไว้จากพิษปริศนา ไม่เพียงแค่ออกเงินเพื่อซื้อและขนส่งยาแก้พิษไปช่วยจนถึงที่ เธอและชิโลยังช่วยกันสืบจนรู้ตัวการที่แท้จริงที่วางยาคนในหมู่บ้านเพราะแก้แค้น

เรื่องทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง แมรีใช้เงินที่เธอหามาได้ไปกับการช่วยเหลือคน เธอบริจาคให้โบสถ์ที่คอยให้คำปรึกษากับเธอ ช่วยสร้างบ้านใหม่ให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ช่วยเหลือหลายครอบครัวจากหมู่บ้านที่ถูกอุทกภัย และเรื่องที่เธอทำได้ถนัดที่สุด… กำจัดมอนสเตอร์ที่ไม่มีใครล้มได้

กว่าจะรู้ตัวเธอก็กลายเป็นเหมือนกับแม่พระของคนทั้งเมือง มีบางหมู่บ้านถึงกับสร้างรูปปั้นให้กับวีรกรรมของเธอและชิโลด้วย แมรีประหลาดใจที่ตนเองมาถึงจุดนี้ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจแท้ ๆ

"ได้เวลาเปลี่ยนอาชีพอีกแล้ว" แมรีฉีกยิ้ม แววตาของเธอในตอนนี้แตกต่างจากวันแรกที่เธอมาถึงโดยสิ้นเชิง มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

"คราวนี้ลองเป็นนักบวชดูไหม" ชิโลเสนอความเห็น "ถ้าเป็นนักบวช จะได้ใช้เวทมนตร์รักษาคนอื่นได้ด้วย"

"ก็ฟังดูเข้าท่าดีนะ"

"แต่ว่า…" ชิโลลังเลใจเล็กน้อย "ถ้าเป็นนักบวช ข้าอาจจะอ่อนแอจนเก็บเลเวลไม่ได้เลยก็ได้นะ"

"ไม่เป็นไรนี่" แมรีหัวเราะเบา ๆ "ตอนนี้เราไม่ได้ตัวคนเดียวสักหน่อย ถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ขอความช่วยเหลือทุกคนได้"

"นั่นสินะ บ้านก็มีแล้วด้วยนี่นา"

"ไม่ใช่แค่บ้านนะ สวนก็มีแล้วด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังเป็นแค่ที่โล่งที่ไม่ได้เริ่มปลูกอะไรก็เถอะ"

บ้านและสวนไม่ใช่สิ่งที่แมรีซื้อไว้เอง มันคือรางวัลที่คนจำนวนมากช่วยกันลงขันซื้อให้กับเธอเพื่อตอบแทนน้ำใจที่เธอช่วยทุกคนตลอดมาโดยไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด มันอาจจะไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรนัก ตัวบ้านก็สร้างขึ้นจากเศษไม้เก่า ๆ พื้นที่สวนก็เป็นพื้นที่รกร้างที่ยังต้องลงแรงกับมันอีกมาก แต่สิ่งเหล่านี้ช่วยให้แมรีกลับมาเชื่อใจในตัวมนุษย์อีกครั้งหลังจากที่เธอเคยผิดหวังกับเรื่องในโลกก่อน

ในเสี้ยวหนึ่งของความคิด แมรีคิดว่าที่แห่งนี้อาจจะเหมาะกับเธอมากกว่าโลกเก่าก็เป็นได้

ความคิดของแมรีสั่นคลอนอีกครั้ง เมื่อเธอพบว่าโลกแห่งนี้ไม่ได้สงบสุขอย่างที่เข้าใจ มอนสเตอร์เคยเป็นภัยอย่างเดียวที่แมรีต้องกังวล แต่เธอพบว่าภัยจากมนุษย์ด้วยกันนั้นร้ายแรงกว่า