เจลรู้เช่นกันว่าพวกมันเบนเข็มเป้าหมายแรกไปเป็นสไลม์สายสนับสนุนทั้งสอง แต่เขายังมีกำลังเสริมอยู่อีก และจะไม่ปล่อยให้พวกมันได้ทำอย่างที่คิด กำลังเสริมของเขาแม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับกลุ่มแรกแต่เป็นประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์ที่เผชิญอยู่
บลูสไลม์สามตัว เพื่อนตัวแรก ๆ ของเขา และสไลม์ที่มีเลเวลสูงที่สุด นินจาสไลม์ lv. 43 ที่มีสารพัดสกิลในการปั่นป่วนและสกิลลอบสังหาร เลนซ์สไลม์ lv. 23 ที่สามารถรวมแสงและยิงออกไปเหมือนเลเซอร์ และอีกมากมายรวมกันแล้วอีกเกือบสิบตัว
อาจเป็นนี่คือการสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก ระดับสกิลของเจลจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าแห่งความเร็วเพิ่มขึ้นจนถึงเลเวลสี่ ปฏิกิริยาตอบสนองขั้นสูงสุดกลายเป็นเลเวลสาม และดวงตาแห่งเทพที่เพิ่มความสามารถในการมองยกระดับเป็นเลเวลเจ็ด
เจลเริ่มมองทันศัตรู แต่ร่างกายของเขายังตอบสนองไม่ทัน
"อินครีสโพเทนเชียล" มิสเกลโดร่ายเวทใส่เจล เจลไม่รู้จักสกิลนี้มาก่อนแต่เขารู้สึกได้ว่ามันเป็นเวทมนตร์ที่ส่งผลบวก เขาไม่แน่ใจว่ามิสเกลโดกำลังทำสิ่งใด
"ยังไงก็จะไม่ยอมหนีสินะ" ชายชราแขนเดียวทรุดลงไปหลังจากร่ายเวทจบ
[ได้รับสกิลเจ้าแห่งความทรหด Lv. 1]
[ได้รับสกิลเจ้าแห่งปัญญา Lv. 1]
[ได้รับสกิลเจ้าแห่งพละกำลัง Lv. 1]
เจลเข้าใจเจตนาของมิสเกลโดแล้ว เวทเมื่อครู่ช่วยให้เขาเรียนรู้สกิลได้เร็วขึ้น ไม่ใช่แค่เจ้าแห่งความเร็วที่ได้มาก่อนหน้านี้ เจลได้รับสกิลเสริมสเตตัสขั้นสูงมาจากการกระทำของเขา ไม่ว่าจะเป็นการโหมใช้แรง การใช้ความคิดไม่หยุดหย่อน และยังถูกเล่นงานจนบางตายครั้งแล้วครั้งเล่า
หากเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของเจลและอินเซคเอ็มเพอร์เรอร์เมื่อหลายสิบนาทีก่อน เขาคงถูกทิ้งห่างชนิดที่เป็นระยะทางไกลเสียจนแทบมองไม่เห็นหลังของอีกฝ่าย แต่การต่อสู้ที่ยืดเยื้อทำให้ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่สกิลของเจลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สเตตัสของเจลปรับเปลี่ยนไปทั้งที่ยังไม่ได้เลเวลอัพเช่นกัน และเหนือกว่านั้นคือประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่ค่าของตัวเลข เจลกำลังซึมซับเทคนิคในการรับมือกับศัตรูที่เหนือกว่าเขาในทุกด้านระหว่างการต่อสู้ที่ยืดเยื้อนี้
ฉัวะ
ดาบของโคลนสไลม์เรียกเลือดจากแบล็กออร์คคิงสำเร็จเป็นครั้งแรก เป็นแค่แผลถลอกเท่านั้น ราชาออร์กทมิฬเข้าใจว่ามันเป็นเพียงแค่โชค แต่ไม่กี่อึดใจต่อมาแผลที่สองก็ตามมา
โคลนสไลม์ต่างจากเจล เขาไม่ได้เก่งขึ้นพรวดพราดในระหว่างต่อสู้ สาเหตุที่มันทำแบบนั้นได้มาจาก MP ของแบล็คออร์คคิงที่เริ่มลดลงจากการโหมใช้สกิลอย่างต่อเนื่อง และไฟจากเพลิงจักรพรรดิที่ทำให้กำลังกายของมันลดลงอย่างไม่รู้ตัว
มันเริ่มเหนื่อยหอบ ความเฉียบคมและดุดันแบบก่อนหน้านี้กำลังจะหายไป เป็นจังหวะที่กาโบสไลม์รออยู่ มันเข้าประชิดจากมุมอับและใช้ตีไร้สิ้นสุด Lv. 10
ตีไร้สิ้นสุดคือสกิลปลายทางของตีต่อเนื่อง นอกจากการสร้างความเสียหายจากการโจมตีธรรมดานับพันครั้งแล้ว หากจังหวะเหมาะสมมันสามารถใช้โจมตีอย่างต่อเนื่องได้จนกว่า MP ของผู้ใช้จะหมดสิ้น
แต่เรื่องแบบนั้นยากที่จะเกิด มานาสไลม์มอบความสามารถฟื้นฟู MP ในระดับสุดยอด กว่าที่กาโบสไลม์จะใช้สกิลจน MP หมดเกลี้ยงมันอาจจะต้องใช้เวลานานเป็นสิบ ๆ นาที
ความเสียหายที่ได้รับจากกาโบสไลม์ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับศัตรู แต่การโจมตีไม่หยุดต่างหากที่น่ากลัว แบล็กออร์คคิงถูกการโจมตีของกาโบสไลม์ป่วนจนไม่สามารถโต้กลับได้ ส่วนโคลนสไลม์ก็ซ้ำจากด้านตรงกันข้ามโดยที่อีกฝ่ายไม่สามารถป้องกันได้
เจลเปลี่ยนแผนกะทันหัน เขาดึงโอริคัลคุมสไลม์สี่จากห้าตัวจากโคลนสไลม์มาใช้ เขาเขวี้ยงสามตัวจากในนั้นใส่อินเซคเอ็มเพอร์เรอร์ พวกมันกลายเป็นสายโซ่พันเอาไว้
มันไม่มีทางหยุดจักรพรรดิแห่งแมลงได้ แต่เจลต้องการเวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เขาเปลี่ยนโอริคัลคุมสไลม์ตัวสุดท้ายเป็นดาบและฟันใส่แบล็กออร์คคิงสุดกำลัง
แบล็กออร์คคิงบาดเจ็บสาหัสจากแผลที่ลึกจนถึงหัวใจ เจลเกือบจะฆ่ามันได้ถ้าเขาไม่ถูกอินเซคเอ็มเพอร์เรอร์ที่เพิ่งหลุดจากพันธนาการมาขวางไว้
เจลแน่ใจว่าที่เหลือปล่อยให้โคลนสไลม์และกาโบสไลม์จัดการต่อได้ เขาจึงกลับไปสู้กับศัตรูเดิมอีกครั้ง
[ได้รับค่าประสบการณ์ 58,345,798 หน่วย]
ไม่ใช่แค่เจลที่เลเวลอัพเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเลเวล ค่าประสบการณ์นี้ถูกแบ่งให้กับสไลม์ทุกตัวที่กำลังต่อสู้อยู่ พวกมันทุกตัวแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด
โคลนสไลม์ Lv. 65 กลายเป็น Lv. 88 ส่วนกาโบ Lv. 66 ก็กลายเป็น Lv. 88 เท่ากัน คู่ต่อสู้ของทั้งสองดับดิ้นไปแล้ว โคลนสไลม์เลือกมาช่วยเจลส่วนกาโบหันไปช่วยอาร์คเดวิลสไลม์สู้กับทูเฮดอีวิลดรากอน
อาร์คเดวิลสไลม์เลเวลเพิ่มจนถึงจุดที่สามารถวิวัฒนาการได้ เจลจึงสั่งให้มันกลายร่างในทันที อาร์คเดวิลสไลม์เกิดใหม่และกลายเป็นเดมอนลอร์ดสไลม์
อาร์คเดวิลสไลม์เองก็เป็นสไลม์ที่ไม่เคยมีใครเห็นหรือได้ยินมาก่อน มันไม่น่าแปลกใจที่เจลจะไม่รู้จักร่างวิวัฒนาการของมัน แต่ตอนที่มองเห็นชื่อของมัน เขาก็คิดว่า
...เอาจริงสิ สไลม์ที่นับว่าเป็นจอมมารด้วยเนี่ยนะ…
เจลไม่มีเวลาตรวจสอบพรรคพวกใหม่ เขาถูกอินเซคเอ็มเพอร์เรอร์โหมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ายศัตรูรู้สึกได้ว่าเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดจึงเร่งมือเพื่อที่จะจัดการกับเจลก่อน
ตูมมมม
เสียงดังราวกับฟ้าถล่ม แรงสั่นสะเทือนที่ราวกับโลกทั้งโลกกำลังจะแตกออก เจลและอินเซคเอ็มเพอร์เรอร์ถึงกับต้องหยุดมือลงชั่วคราว พวกเขาเห็นผืนดินส่วนหนึ่งรวมทั้งสนามประลองถูกเปลี่ยนสภาพเป็นเหวลึก
มันคือเวทมนตร์ของเดมอนลอร์ดสไลม์ ถึงจะไม่เห็นตอนที่ใช้แต่เจลก็แน่ใจว่าไม่มีทางเป็นฝีมือของใครอื่น ทุกคนยังอยู่ครบดี ที่หายไปหลังการโจมตีนี้มีเพียงแค่ส่วนหนึ่งของผิวโลกและทูเฮดอีวิลดรากอน
เลเวลของเจลและเหล่าสไลม์พุ่งทะยานอีกรอบ แม้จะไม่เพิ่มมากเท่าครั้งแรกด้วยเหตุว่าเลเวลของพวกเขาสูงขึ้นจนถึงจุดที่เลเวลสูงมากแล้ว
เจลในตอนนี้มีเลเวลสูงเลยมิสเกลโดไปแล้ว มิสเกลโดเคยเอาชนะเหล่าขุนพลปีศาจมาก่อน แต่ที่เลเวลของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยเพราะเขาและผู้กล้าเอาชนะด้วยวิธีการผนึกและเปลี่ยนพวกมันกลายมาเป็นร่างซัมมอน พวกเขาไม่ได้ล้มมันจริง ๆ
"นรกเยือกแข็ง"
เช่นเดียวกับเพลิงจักรพรรดิ เวทนี้คือที่สุดของเวทมนตร์สายเยือกแข็ง เจลใช้ออกมาโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว เป้าหมายของเวทมนตร์คือไพโรแมนเซอร์ที่อ่อนแอต่อเวทความเย็น
ทันทีที่ร่างกายถูกแช่แข็ง แมกมาสไลม์ที่กลายเป็น แมกมาลอร์ดสไลม์ก็โจมตีซ้ำ ส่วนบลูเฟลมสไลม์ที่กลายเป็นดีพ-บลูเฟลมสไลม์ก็ใช้เพลิงสีน้ำเงินที่เป็นสกิลเฉพาะตัวเผาไหม้ศัตรูจากภายในร่าง การประสานซับซ้อนนี้แม้แต่ไพโรแมนเซอร์ก็ไม่สามารถทนได้
เจลเลเวลอัพอีกเล็กน้อย พวกสไลม์เองไม่ใช่ทุกตัวที่เลเวลเพิ่มแบบก้าวกระโดดตาม ยังมีพวกที่เลเวลสูงแต่ไม่สามารถวิวัฒนาการต่อ เลเวลของพวกมันกระเตื้องขึ้นไม่กี่เลเวล การเติบโตที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในหมู่พวกสไลม์คือพวกที่วิวัฒนาการแล้ว เลเวลกลับมาเป็น 1 มีหลายตัวกระโดดกลับมาเป็นเลเวลสี่สิบถึงห้าสิบหลังจากศัตรูระดับบอสล้มลงอย่างต่อเนื่อง
ศัตรูเหลือเพียงแค่อินเซคเอ็มเพอร์เรอร์ มิสเกลโดยังไม่อยากเชื่อว่านี่คือความจริง เจลพลิกสถานการณ์ที่ดูน่าสิ้นหวังกลับมากลายเป็นต่อทั้งที่ตัวมิสเกลโดเองก็ทำใจเผื่อไว้แล้วว่าทั้งเจลและตัวเขาอาจจะไม่รอด
เจลทำเรื่องที่น่าตกใจซ้ำ เขานำเอาสไลม์ทั้งหมดเก็บลงคลังมอนสเตอร์
"จะทำอะไรน่ะ ทำไมถึงเก็บสไลม์ทั้งหมดไป" มิสเกลโดถาม แต่ไม่มีคำตอบจากเจล
อินเซคเอ็มเพอร์เรอร์มีเลเวลสูงกว่าเจลถึงสามสิบเลเวล แต่สเตตัสกับสกิลของเจลเหนือกว่าอยู่เล็กน้อย
สิ่งที่เจลได้เปรียบอย่างแท้จริงคือ MP และกำลังกายของเขาเต็มเปี่ยมจากที่เพิ่งเลเวลอัพมา ส่วนอีกฝ่ายนั้นแม้จะแทบไม่ได้ใช้ MP เลย แต่มันก็มีเรี่ยวแรงเหลือไม่ถึงครึ่ง
อินครีสโพเทนเชียลที่มิสเกลโดร่ายเอาไว้จะส่งผลมากขึ้นหากว่าเจลอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ มันคือสาเหตุที่เจลต้องไล่ต้อนตัวเอง เขาหวังใช้โอกาสนี้พัฒนาตัวเองขึ้นอีกสักนิด
เจลและอินเซคเอ็มเพอร์เรอร์กระโจนสวนกัน เจลหลบกำปั้นที่เหมือนขาแมลงได้ในระยะที่ถากแก้มไป ส่วนอีกฝ่ายก็ถูกลูกเตะของเขาอัดใส่ลำตัวอย่างจัง
อินเซคเอ็มเพอร์เรอร์ยิงเวทออกมาเป็นครั้งแรก เป็นเวทมนตร์ระเบิดระดับสูงที่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เจลก็คงคิดหนักในการจะรับมือ แต่ตอนนี้เขาหลบมันได้อย่างสบาย เวทมนตร์อาจจะทำความเสียหายได้วงกว้างกว่า แต่เทียบความน่ากลัวแล้วความเร็วของอินเซคเอ็มเพอร์เรอร์ต่างหากที่เจลคิดว่ามันน่ากลัว
เวลาผ่านไปอีกร่วมสิบนาที มิสเกลโดฟื้นฟูพลังเวทกลับมาได้ส่วนหนึ่ง เขามีพลังพอที่จะส่งอินเซคเอ็มเพอร์เรอร์กลับไปได้แล้ว แต่มันไม่จำเป็นอีกต่อไป
อินเซคเอ็มเพอร์เรอร์เหลือแขนเพียงข้างเดียว ปีกทั้งสองแหว่งหายไปโดยยังมีรอยไหม้หลงเหลืออยู่ ร่างของมันถึงขีดจำกัดแล้ว
"ลาก่อน" เจลพูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะระเบิดเพลิงจักรพรรดิใส่ในระยะประชิด
มิสเกลโดถูกบ่นยกใหญ่จากทั้งทางการและผู้คนในเมือง เขาต้องควักเงินก้อนใหญ่เพื่อซ่อมสนามประลองที่เกือบจะต้องสร้างใหม่ทั้งสนาม
หลังการต่อสู้ มิสเกลโดไม่ได้หลบเลี่ยงเจลเพราะเข็ดหลาบจากการต้องเสียเงินมากโขเพราะเขา แต่กลับยิ่งสนใจการเติบโตของเจลมากขึ้นไปอีก โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือไม่ มิสเกลโดหางานใหม่ ๆ มาให้เจลทำอยู่เนือง ๆ โดยหวังว่ามันจะเป็นการฝึกฝนอีกฝ่ายให้พร้อมสำหรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ในวันหนึ่ง ข่าวร้ายที่สุดของมนุษยชาติได้กระจายไปทั่ว มีความพยายามจากหลายประเทศที่จะยับยั้งปิดบังข่าวนี้เอาไว้แต่ก็ไม่สำเร็จ มันใหญ่โตจนเกินกว่าที่ใครจะปิดไว้ได้
ผู้กล้าได้เสียชีวิตไปแล้ว
แม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์มิสเกลโดก็รับรู้ทุกอย่างโดยละเอียดจากข้อมูลที่ถูกส่งต่อ ๆ กันมา เขานำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเล่าให้เจลฟังอย่างละเอียด
"ผู้กล้าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหยุดการเคลื่อนทัพของจอมมาร และทำได้อย่างดีด้วย ในที่สุดจอมมารจึงตัดสินใจลงมือด้วยตนเอง"
มิสเกลโดเล่าเรื่องราวของผู้กล้าไม่ใช่เพียงแค่จุดจบของเขา แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นด้วย เจลแปลกใจเล็กน้อยที่หมู่บ้านของผู้กล้าคือหมู่บ้านกาโบ และป่าที่เขาฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กคือป่ากาโบตะวันตกที่เป็นจุดเริ่มต้นของเจล
ผู้กล้าพบว่าตนเองเกิดมาพร้อมกับสกิลพิเศษที่ทำให้เขามองเห็นบางส่วนของอนาคต เขาพบว่าตนเองถูกกำหนดมาให้ทำตามวิถีของผู้กล้า เขาออกเดินทางเพื่อฝึกฝน ช่วยเหลือผู้คน ได้พบพานกับผองเพื่อน และถูกยอมรับจากทุกคนว่าเป็นผู้กล้าในที่สุด
เจลรับฟังเรื่องราวของผู้กล้าโดยไม่ได้ปริปากแทรก เขาคิดว่าตาแก่มิสเกลโดคงต้องการคุยกับใครสักคนและเลือกเขาเพียงเพราะไม่รู้ว่าจะปรับทุกข์กับใคร
เจลไม่ได้หลงตัวเองถึงขนาดที่คิดว่าหากวันนั้นเขาตอบรับคำเชิญของผู้กล้าแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนไป เขาไม่ได้คิดว่าถ้าผู้กล้ามีเขาอยู่ด้วย ผู้กล้าอาจจะรอดในศึกที่เขารับมือกับจอมมาร
ทวีปดีสเซเดีย ใกล้กับช่องเขาเฮล์น สถานที่เดียวที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปปีศาจและทวีปของมนุษย์
ผู้คนกำลังแตกตื่น แต่ไม่ใช่สาเหตุจากกองทัพปีศาจที่กำลังจะเดินทัพผ่านจากเส้นทางนี้ แต่เพราะสิ่งก่อสร้างปริศนาได้ปรากฏขึ้นและกั้นขวางทางเข้าออก
"นั่นมันอะไร ปราสาทเหรอ เมื่อวานมันยังไม่มีเลย"
"แต่รูปร่างมันพิลึกนะ อย่างกับ..."
"นายก็คิดเหมือนกันสินะ มันเหมือนสไลม์ขนาดยักษ์มากกว่าปราสาทซะอีก"
เหล่าทหารหาญของอาณาจักรซูลอนได้แต่มองสิ่งนั้นอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาหวังว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับทัพจอมมารที่อยู่ห่างออกไปแค่ข้ามเขาลูกเดียว
มันคือพาเลซสไลม์ร่างพัฒนาสุดท้ายของแคปปิงสไลม์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจนเท่าปราสาท นอกจากขนาดและพลังป้องกันที่เพิ่มขึ้นมหาศาล มันยังมาพร้อมกับปืนใหญ่และอาวุธมากมายที่สามารถป้องกันตัวเองได้ และแน่นอนว่าเจ้าของของมันก็ทิ้งลูกน้องอีกไม่น้อยไว้คุ้มกันอีกด้วย
ลึกเข้าไปในทวีปปีศาจ เบื้องหน้าของจอมมารเต็มไปด้วยซากศพมากมายของเหล่าอสูรปีศาจนับพันนับหมื่น เขามองร่างเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสนใจ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กผู้ชายแค่คนเดียวจะสร้างความยากลำบากให้กับกองทัพอันเกรียงไกรของเขา
"แกคือเจลสินะ"
ฝ่ายที่ถูกทักประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าจอมมารจะรู้จักเขาด้วย
"ได้ยินข่าวเรื่องของแกมานานแล้ว" จอมมารแสยะยิ้มจนเห็นเขี้ยวยาว "หลายเดือนหลังจากผู้กล้าตายก็ออกอาละวาดไปทั่วแดนปีศาจ ทั้งที่เคยคิดว่าหากกำจัดผู้กล้าไปแล้วก็คงไม่มีใครมาขวางกองทัพปีศาจได้อีก แต่เจ้าตัวยุ่งยากแบบแกก็ดันโผล่มา"
เจลไม่ได้สนใจหัวข้อสนทนานัก เขากำลังพิจารณารูปร่างลักษณะ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จอมมารใช้เพื่อจะได้คาดเดาสกิลของอีกฝ่าย จอมมารมองผิวเผินไม่ต่างจากปีศาจทั่วไป เขี้ยวยาว หูแหลม นิ้วมือมีเล็บยาว มีหางและปลายหางเป็นรูปลูกศร ถึงจะไม่เห็นปีกแต่ก็น่าจะเหมือนปีศาจหลาย ๆ ตัวที่ซ่อนปีกเอาไว้ได้
สิ่งที่แตกต่างจากปีศาจอื่นที่เจลเคยพบคือเขามีเลเวลสูงจนน่ากลัว แค่แรงกดดันที่เขาปล่อยออกมาโดยไม่ตั้งใจก็สามารถฆ่าคนที่เผลอไปสบตาด้วย เป็นตัวตนที่ไม่ควรจะมีอยู่ในโลกนี้
[(จอมมาร)เบลมอส ดีเวียนาตัส Lv. 443]
[คลาส: เดมอนลอร์ด]
[ไม่สามารถตรวจสอบสเตตัส]
[ไม่สามารถตรวจสอบสกิล] [ฉายา: ฝันร้ายแห่งมวลมนุษย์, จอมมารผู้แข็งแกร่งที่สุด, นักปราชญ์แห่งโลกปีศาจ, อวตารแห่งเทพ]
...แข็งแกร่งมาก แต่ระดับของจอมมารก็ต้องขนาดนี้แหละนะ…
จอมมารยกมือขึ้นเพื่อบอกให้ลูกน้องของเขาถอยห่างออกไปซึ่งไม่จำเป็นเลย เพราะพริบตาต่อมาเมื่อสองฝ่ายพุ่งเข้าปะทะกัน แรงกระแทกจากการปะทะก็ทำให้ลูกน้องทั้งหมดถ้าไม่กระเด็นออกไปและแหลกเป็นชิ้นในทันที ก็ไม่มีใครเหลือรอดมาเกะกะการต่อสู้ของทั้งสองอีก