ชื่อของฉันในโลกนี้คือเวสตา เวดดิงตัน
เป็นความจริงที่เจ็บปวด ฉันเคยเป็นสาวออฟฟิศที่อายุกำลังจะพ้นวัยแต่งงาน ชีวิตเดิมของฉันวนเวียนอยู่กับการทำงาน ทำงาน แล้วก็ทำงานอย่างหนักจนแทบไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันอย่างคนอื่นเขา
ถามว่าฉันอยากพิสูจน์ตัวเองงั้นเหรอ ตอนแรกก็อาจจะใช่อยู่ แต่ใครจะไปรู้ว่ายิ่งพยายามพิสูจน์ตัวเองมันกลับเป็นการผลักไสคนอื่นออกไป ฉันไม่มีเพื่อนสนิท เพื่อนที่ทำงานก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรนอกเหนือจากเรื่องของงาน เพื่อนสมัยเรียนที่มีอยู่บ้างต่างมีครอบครัวแล้วห่างกันไป ครอบครัวที่เหลือก็มีเจ้าน้องชายที่ไม่ค่อยจะถูกกัน
ส่วนเรื่องกุ๊กกิ๊กให้กระชุ่มกระชวยหัวใจนี่ยิ่งตัดไปได้เลย คนเข้าสังคมไม่เป็นอย่างฉันเพื่อนยังไม่มีจะไปหาแฟนได้ที่ไหน
สรุปก็คือเป็นชีวิตที่จืดชืดอย่างสมบูรณ์แบบ เดิมทีฉันก็เคยคิดนะว่าของแบบนี้ไม่มีก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันเอาตัวรอดได้ อยู่คนเดียวก็ได้ จะไปหาภาระทางใจมาเพิ่มทำไมเล่า
แต่มันเป็นแค่ข้ออ้างนั่นแหละ ฉันกลัวการถูกปฏิเสธ เดิมทีก็ไม่ใช่คนหน้าตาดีเด่อะไรอยู่แล้วด้วย พอมาผสมกับนิสัยเก็บตัวเข้าไปอีก ฉันก็เลยไม่กล้าแม้แต่จะพยายาม
กว่าจะรู้ตัวมันก็ถึงวัยที่เกือบจะสายไปแล้ว ไม่สิ… มันสายไปแล้วต่างหาก
วันก่อน รถยนต์โดยสารสาธารณะที่ฉันนั่งอยู่ได้ประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ดูเหมือนว่าทุกอย่างในชีวิตน่าเบื่อของฉันกำลังจะจบลง นั่นคือสิ่งที่ฉันเชื่อ
แต่ไม่เป็นแบบนั้น ฉันตื่นขึ้นอีกครั้งในร่างครบสามสิบสอง ไม่มีร่องรอยอาการบาดเจ็บหลงเหลือ ราวกับอุบัติเหตุเมื่อวานเป็นแค่ความฝัน
บางทีฉันอาจจะนอนเจ็บหนักอยู่ที่โรงพยาบาล ทุกอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้เป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน ฉันอยากจะบอกตัวเองแบบนั้น แต่บางอย่างบอกให้ฉันรู้ว่านี่คือความจริง ฉันยังไม่ตาย แถมยังไม่ได้อยู่บนโลกเดิมของตัวเองด้วย
เคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาก่อน ไอ้ที่เขานิยมอ่านกันในอินเทอร์เน็ตสินะ
เอาเถอะ จะเป็นยังไงก็ช่าง อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ไม่ต้องมาทุกข์ทรมานกับอาการบาดเจ็บหรือแม้แต่พิการ ที่สำคัญในโลกใหม่ที่มาอยู่นี่ถึงจะมีใบหน้าจืด ๆ ของตัวเองเหมือนเดิมแต่ฉันก็ได้ความสาวกลับคืนมาแล้ว
พ่อแม่ของฉันในโลกนี้ก็ดูท่าทางจะเป็นคนดี อย่างน้อยก็ดีกว่าพ่อแม่ในโลกเก่าที่เอาความรักที่ควรจะให้ลูกเท่า ๆ กันไปแบ่งให้กับเจ้าน้องบ้าของฉันเสียหมด ที่โลกนี้ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวชนชั้นกลางและทั้งสองก็ดูแลฉันเป็นอย่างดีเท่าที่กำลังของพวกท่านจะทำได้
ท่านพ่อของฉันเป็นพ่อค้า ไม่ร่ำรวยถึงกับมีเงินให้ล้างผลาญ แต่ก็พูดได้เต็มปากว่าต่อให้ฉันไม่ทำงานงก ๆ แบบชาติที่แล้วก็ไม่มีทางอดตายแน่
โลกนี้อาจจะดูย้อนยุคกว่าโลกที่ฉันจากมาหลายร้อยปี แต่มันก็ไม่ได้ลำบากในการใช้ชีวิต ที่นี่มีอารยธรรมเวทมนตร์ด้วย ตอนแรกที่ได้รู้ฉันตกใจมาก เคยคิดด้วยซ้ำว่าอยากจะขอท่านพ่อและท่านแม่ไปฝึกฝนเวทมนตร์กับเขาบ้าง แต่ก็ถูกหัวเราะใส่ด้วยความเอ็นดูซะงั้น
"ไม่ใช่ทุกคนนะลูกที่สามารถฝึกฝนเวทมนตร์ได้" ท่านแม่บอกกับฉันแบบนั้น
เป็นอันว่าแผนการเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ของฉันเป็นหมันไปทันที
แต่นั่นไม่ใช่ฝันสูงสุดของฉันหรอก มันน่าอายที่จะยอมรับ แต่ความจริงคือฉันโหยหาความรักมาตลอด ตลอดทั้งชีวิตเดิมของฉัน ฉันต้องมองดูคนอื่นมีคู่ด้วยความอิจฉา อิจฉาคนอื่นที่ไม่ต้องพยายามอย่างหนักแต่ได้รับการยอมรับ อิจฉาคนอื่นที่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างมีสีสันไม่ถูกจำกัดจากความคาดหวังสูงๆ จากพ่อแม่ อิจฉาคนอื่นที่ไม่ต้องมานั่งกังวลกับบิลค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่แค่ของตัวเองแต่ยังต้องลามไปถึงน้องเวรที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้เป็นภาระ
ฉันตอนนี้มีอิสระแล้ว กลับมาเป็นสาวอีกครั้ง เรื่องเงินทองก็ไม่ต้องกังวลเท่าชีวิตก่อน แถมน้องชายที่ไม่เคยสำนึกบุญคุณที่ฉันต้องลำบากเพื่อไม่ให้มันอดตายก็ไม่มีแล้วด้วย
อนาคตที่สดใสกำลังรอฉันอยู่ แค่คิดถึงฉันก็ตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะลอยออกมานอกอก
แล้ววันแห่งโชคชะตาก็มาถึง วันนั้นฉันได้พบกับเขาเมซ ซาร์แมนตัน
ตระกูลซาร์แมนตันเป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายมาจากขุนนาง แม้ปัจจุบันจะไม่เหลืออำนาจมากเท่ากับในอดีตแต่เมซซึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลก็เป็นคนเดียวที่จะได้รับสมบัติทั้งหมด
ฉันไม่ได้สนใจสมบัติพัสถานอะไรของเขาเลย กิจการร้านเครื่องประดับของท่านพ่อก็กำลังไปได้สวย ถ้าจะมีสิ่งที่ฉันรู้สึกสนใจในตัวเมซ ก็คงเป็นคารมคมคายของเขา
ฮะๆ ใช่ซะที่ไหน ฉันโกหกน่ะ
วิธีการพูดจา วิธีการโปรยเสน่ห์ของเขาอาจจะเป็นอันดับหนึ่ง แต่ฉันหลงเสน่ห์ของเขาตั้งแต่เห็นใบหน้าเขาแล้วต่างหาก
เมซเป็นผู้ชายหน้าตาดีที่สุดเท่าที่ฉันรู้จัก แม้แต่ในโลกเก่าที่สามารถพึ่งฝีมือหมอในการทำให้สวยหล่อขึ้นได้ ฉันก็ยังไม่เคยเห็นใครที่งดงามแบบเขา วันที่เพื่อนของฉันแนะนำให้รู้จักกับเมซ ฉันตกตะลึงกับความงามของเขาจนเกือบลืมหายใจ
ใช่ มันเหมือนกับเวทมนตร์เลยทีเดียว บางทีเมซอาจจะมีเวทมนตร์ที่ทำให้ทุกคนหลงเสน่ห์ก็ได้ ก็ว่าไปนั่น…
เราเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว หรืออย่างน้อยฉันก็เชื่อแบบนั้น เมซเป็นคนฉลาด อ่อนโยนและมีความรู้รอบตัวมากมาย เขาสามารถชวนทุกคนคุยได้ทุกเรื่องแถมยังเปลี่ยนเรื่องน่าเบื่อให้ฟังดูสนุกขึ้นได้ด้วย
เมซมองเห็นข้อดีของคนอื่นอยู่เสมอ เขามักจะชื่นชมชุดที่ฉันใส่ แถมยังมาพร้อมกับคำแนะนำดี ๆ ให้เสมอ
เราเริ่มนัดเจอกันบ่อยขึ้น วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เราเดินเตร็ดเตร่ไปด้วยกัน ฉันคลาดสายตาไปเพียงครู่เดียว เมซก็ไปหยุดอยู่ที่ร้านกระเป๋าสำหรับผู้หญิง ฉันแปลกใจที่ผู้ชายแบบเขาสนใจอะไรแบบนี้ด้วย
"ผมว่ากระเป๋าใบนี้สีเข้ากับชุดของคุณเลย" เมซว่าพร้อมกับหยิบกระเป๋าใบหนึ่งมาให้ฉันลองถือ ฉันส่องกระจกแล้วพบว่ามันเป็นอย่างที่เขาว่าจริง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะรู้สึกตัวก่อนฉันเสียอีก
"น่ารักดีนะคะ" ฉันพยายามอย่างมากที่จะไม่ยิ้มจนเกินงาม แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เหมือนกับเด็ก ๆ ของเขามันก็ไม่ง่ายเลย
"ถ้าคุณชอบก็ดีครับ" เมซหันไปพยักหน้าให้กับพนักงานขาย "ลงชื่อผมไว้"
"เดี๋ยวนะคะ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก"
"ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกจะเหมาะกับมันมากไปกว่าคุณแล้ว กรุณารับไว้เถอะครับ"
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเมซถึงได้มาสนใจคนแบบฉัน ผู้หญิงมากมายที่เข้าหาเขามีทั้งคนที่สวยหยาดเยิ้ม คนที่มีฐานะดีกว่าฉัน และมีชาติตระกูลสูงส่งกว่าก็มีไม่น้อย ฉันได้แต่คิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องของพรหมลิขิต
ตอนนั้นฉันช่างอ่อนโลกเสียเหลือเกิน
แล้วงานหมั้นเล็ก ๆ ของเราก็เกิดขึ้น ตอนนั้นฉันแปลกใจที่เมซไม่มีญาติพี่น้องที่มาร่วมงานเลย แต่ก็ได้เพียงแค่มองโลกในแง่ดีว่าเขาเสียทั้งพ่อและแม่ไปแล้ว ครอบครัวฉันไม่ได้คิดว่ามันคือสัญญาณที่ไม่ดีที่บอกว่าแม้แต่ญาติพี่น้องก็ตัดเมซไปแล้ว
และในที่สุดวันแต่งงานของเราสองคนก็มาถึง วินาทีที่บาทหลวงกำลังทำพิธี บางสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
[เวสตา เวดดิงตัน Lv. 1]
[คลาส: เวดดิงวิช] [HP 20/20 MP 0/0]
[พลังกาย: 2 ปัญญา: 5 ว่องไว: 4 ทนทาน: 4 เสน่ห์: 4]
[สกิล: คำอวยพรแห่งงานสมรส, โอกาสในการเริ่มชีวิตใหม่]
นี่คือครั้งแรกที่ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าโลกนี้ไม่ใช่แค่อีกชาติภพหนึ่ง แต่มันคือโลกที่เหมือนกับนิยายเกิดใหม่แบบที่เคยผ่านตามาบ้างในชาติที่แล้ว
สกิลคำอวยพรแห่งงานสมรส และโอกาสในการเริ่มชีวิตใหม่ คือสิ่งที่ฉันแปลกใจที่สุดและก่อนที่จะได้อ่านคำอธิบายของมัน สกิลนี้ก็ทำงานขึ้นโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ
[เงื่อนไขครบถ้วน คำอวยพรแห่งงานสมรสเริ่มทำงาน]
[กำลังทำการสร้างสกิลใหม่จากคู่สมรส]
...สร้างสกิลใหม่จากคู่สมรส… ฉันถามตัวเอง
[คุณได้รับสกิลผู้ทรงเสน่ห์]
[คุณได้รับสกิลเจรจาหว่านล้อม] [คุณได้รับสกิลนักขุดทอง]
ฉันใช้เวลาว่างหลังจากนั้นในการตรวจสอบสกิลที่ได้มา น่าประหลาดที่แม้โลกนี้จะมีเวทมนตร์และระบบค่าพลังต่าง ๆ แต่กลับไม่มีใครมองเห็นและรับรู้ถึงมันได้
คำอวยพรแห่งงานสมรส คือสกิลระดับยูนีคมีผู้ครอบครองคนเดียวในโลกคือฉันเอง เมื่อได้มาอ่านรายละเอียดมันก็เป็นอย่างที่ฉันเข้าใจตั้งแต่แรก สกิลนี้จะทำให้ฉันได้รับสกิลทุกอย่างจากคู่สมรส โดยมีข้อแม้ว่ามันจะทำงานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ว่าฉันจะแต่งงานสักกี่ครั้งในชีวิตนี้ ฉันก็จะได้สกิลจากสามีคนแรกเท่านั้น เพราะแบบนั้น ฉันเลยได้สกิลของเมซมาทั้งหมดแล้ว
โอกาสในการเริ่มชีวิตใหม่ คือสกิลลับ ลับขนาดที่ว่ามันไม่มีคำอธิบายนอกเหนือจากว่าฉันจะเข้าใจพลังของมันหลังจากที่มันทำงานแล้วเท่านั้น มันสะกิดต่อมขี้สงสัยของฉันเข้าอย่างจัง แต่ในเมื่อคาดเดาไปก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่านี้ ฉันจึงพักเรื่องของมันไว้ก่อน
ที่ฉันหนักใจคือสกิลทั้งหลายที่ได้มาจากเมซต่างหาก มันดูประหลาดมาก
ผู้ทรงเสน่ห์ คือสกิลที่ใช้เพิ่มเสน่ห์ตามชื่อ ในตอนแรกฉันเข้าใจว่ามันจะส่งผลถึงแค่ความรู้สึกต่อผู้ที่รู้จักฉัน ทำให้รู้สึกเอ็นดูและรักใคร่ยิ่งกว่าเดิม แต่มันไม่ใช่อะไรเรียบง่ายแบบนั้น ผู้ทรงเสน่ห์เป็นสกิลระดับสูงมันส่งผลไปถึงกายภาพด้วย ที่ชัดเจนที่สุดก็คือกระและฝ้าบนใบหน้าของฉันหายไปจนหมดในคืนเดียว
สกิลของเมซแตกต่างจากสกิลของฉันตรงที่มันมีเลเวลด้วย ต่อให้ฉันไม่ใช่คนที่เล่นเกมมามากมายก็เข้าใจสิ่งนี้ได้ทันที มันแปลว่าบางสกิลเองก็สามารถเติบโตได้ด้วยวิธีการบางอย่าง ฉันสงสัยว่าถ้าผู้ทรงเสน่ห์เพิ่มระดับขึ้นใบหน้าของฉันจะเปลี่ยนไปเลยหรือเปล่า มันฟังดูน่ากลัวและก็น่าตื่นเต้นไปด้วยพร้อมกัน
เจรจาหว่านล้อม สกิลนี้คงเป็นสาเหตุที่เมซพูดจาน่าฟังไปหมดทุกเรื่อง ไม่ว่าเขาจะอยากได้สิ่งใดเขาก็จะมีวิธีพูดให้คนคล้อยตามได้ ฉันเองก็อาจจะเคยโดนสกิลนี้ของเขาโดยไม่รู้ตัว ไม่สิ แม้แต่ตอนนี้ฉันก็อาจจะยังโดนผลของสกิลนี้อยู่เช่นกัน
สกิลที่ทำให้ฉันระแวงที่สุดคือ นักขุดทอง สกิลนี้มีผลคล้ายกับเจรจาหว่านล้อม แต่มันฟังดูแย่กว่า มันช่วยให้การหลอกลวงผลประโยชน์จากผู้อื่นมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ในตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเมซถึงมีสกิลที่ดูน่ารังเกียจแบบนี้
ชีวิตคู่ของเราในช่วงแรกดูเป็นไปได้ดี เมซช่างเอาอกเอาใจทุกอย่าง ฉันรู้สึกได้ใช้ชีวิตราวกับเจ้าหญิง
แต่ข้อเสียของเมซก็ปรากฏให้เห็นหลังจากนั้นไม่นาน เขายังเลิกนิสัยเจ้าชู้ไม่ได้ ฉันเคยคิดว่าหลังจากแต่งงานแล้วนิสัยเก่าของเขาจะหายไป แต่มันเป็นไปไม่ได้
ในชีวิตก่อน ฉันเคยอ่านบทความในนิตยสารที่พูดถึงความเจ้าชู้ บทความบอกว่านิสัยเจ้าชู้เป็นนิสัยที่ไม่มีทางหายได้จนกว่าเจ้าตัวจะคิดแก้ไขด้วยตนเอง บางคนอาจจะเบื่อหน่ายกับชีวิตเสเพล บางคนอาจจะเปลี่ยนไปหลังจากเริ่มมีลูก แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรมันต้องมาจากความต้องการแก้ไขจากตนเองเท่านั้น
ไม่มีใครบังคับใครได้ โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ ผู้หญิงที่หวังว่าจะใช้ความรักทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงได้เป็นแค่ความคิดที่อ่อนต่อโลกเท่านั้น
ฉันหวังว่าสกิลผู้ทรงเสน่ห์จะดึงเมซไว้ได้ มันได้ผลระดับหนึ่ง ด้วยเหตุผลที่ฉันก็ไม่เข้าใจ สกิลนี้ยกระดับเลเวลขึ้นทีละนิด มันทำให้ฉันดูสาวขึ้นสวยขึ้นในทุกวันอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ผลของมันยังไม่เพียงพอ มันแค่ทำให้เมซไม่ยอมปล่อยฉันไปแต่มันไม่ทำให้เขาหยุดยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่น
นิสัยเจ้าชู้ไม่ใช่ปัญหาเดียวของเมซ หลังจากแต่งงานกันมาร่วมหนึ่งปี ฉันก็พบความจริงอีกอย่างว่าเขาคือผีพนัน
ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ระแคะระคายเลย สมัยที่ยังคบหาดูใจกัน ฉันก็เคยได้ยินว่าเขามีงานอดิเรกคือการเล่นไพ่ ตอนนั้นฉันคิดว่าเขาคงเล่นเอาสนุกเฉย ๆ
มันก็คงเหมือนเรื่องเจ้าชู้นั่นแหละ ฉันอาจจะรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าเขาเสพติดมัน แต่ก็นั่นแหละ มันคือความโง่ของฉันเอง ฉันหลงตัวเองและเชื่อว่าความรักของฉันจะเปลี่ยนเขาได้ โง่งมเป็นที่สุด
เมซมีหนี้พนันมากกว่าที่คิด ส่วนใหญ่เจ้าหนี้ก็เป็นญาติของเขาเอง และเพราะถูกทวงจนผิดใจกันขนาดที่สกิลของเขายังช่วยรักษาความสัมพันธ์ไม่ได้ หลังจากขายทรัพย์สินใช้หนี้จนแทบหมด ความสัมพันธ์กับญาติพี่น้องของเขาทุกคนก็จบสิ้นไปด้วย นั่นคือเหตุผลที่ฉันเองก็แทบไม่เคยได้รู้จักกับญาติของเขาเลย
สิ่งเดียวที่ประคองความสัมพันธ์ของฉันและเมซไว้คือสกิลที่ฉันได้มาจากเขา
เพราะสกิล เมซหลงรักฉันหัวปักหัวปำ อย่างน้อยพวกเราก็ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง ทุกครั้งเขาจะเป็นฝ่ายขอโทษและขอแก้ตัว แต่น่าเสียใจ เมซไม่เคยทำได้ เขาติดพนันและก็ยังมีปัญหาเรื่องผู้หญิงรุมเร้า หลายคนจากในนั้นคือผู้หญิงที่ยอมให้เขาปอกลอก
ฉันเองก็เกือบจะเป็นหนึ่งในนั้น มาคิดดูตอนนี้ สาเหตุแรกที่เขาแต่งงานกับผู้หญิงแบบฉัน อาจจะเป็นเพราะธุรกิจของท่านพ่อฉันก็ได้ แต่เขาคงไม่มีทางรู้ว่าเพราะสกิลของเขาเองที่ฉันได้มา มันทำให้เขารักฉันจนไม่กล้าแตะต้องธุรกิจของท่านพ่อ
สกิลของเมซอาจทำให้เขาน่าดึงดูดใจ แต่พฤติกรรมของเมซก็มีผลแรงกล้า คนที่ยอมคบเขาอย่างมิตร มีเพียงเพื่อนที่คบหากันมาตั้งแต่เยาว์วัยถึงสามคน และทั้งสามก็พยายามอย่างยิ่งที่จะดึงเมซกลับมาสู่ลู่ทางที่ถูกต้อง
บารอนเจย์ฟรีด หรือเฮนรี เจย์ฟรีด ในบรรดาเพื่อนของเมซ เฮนรีคือคนที่ดูมีอนาคตมากที่สุด แม้จะเป็นแค่เพียงขุนนางจากชายแดน มาจากตระกูลเล็ก ๆ ที่ถูกหลงลืม แต่ชาวบ้านต่างก็รู้ว่าตระกูลเจย์ฟรีดคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศยังไม่ถูกรุกราน
ทิโมธี แบ๊ครอฟ ฉันรู้จักกับทิโมธีหรือทิมก่อนที่จะรู้จักกับเมซ ตระกูลแบ๊ครอฟเป็นพ่อค้าอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรเซียซาแลนด์ของเรา และยังมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเวดดิงตันของฉันมาช้านาน
เมเบียส สไนเดอร์ นายธนาคารหนุ่มอนาคตไกล แต่ก็ดูเป็นคนธรรมดาที่สุดในกลุ่ม เบเบียสไม่ได้มีรูปงามและคารมคมคายอย่างเมซ ไม่ได้กล้าหาญชาญชัยแบบเฮนรี และไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าเหมือนทิม แต่ไม่ว่าจะด้านไหนเขาก็ไม่เคยพ้นจากอันดับเกือบที่สุด
พวกเขาคือเพื่อนที่ดีของเมซและก็กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีของฉันด้วยเช่นกัน ไม่ว่าเมซจะทำตัวน่าระอาแบบไหนทั้งสามก็ยังวนเวียนคอยช่วยเหลืออยู่เนือง ๆ
แต่มันก็มีทั้งเรื่องที่ช่วยได้และช่วยไม่ได้
วันหนึ่งฉันต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเนื่องจากได้ยินเสียงกรีดร้องของบรรดาสาวใช้ บ้านของฉันถูกบุกรุกโดยคนของทางการ ฉันและเมซถูกจับกุมตัวในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ค้นข้าวของจนกระจุยกระจาย
"พวกคุณทั้งสองคนถูกจับในข้อหาขายความลับของชาติ"
"หาาา" ฉันคิดว่าหูคงเพี้ยนไปถึงถามอีกรอบ แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังยืนยันสิ่งเดิม
"มีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือแจ้งมาว่า สามีของคุณติดต่อกับประเทศศัตรู"