Chereads / Isekai WTF ต่างโลก ดับเบิลยู ที เอฟ / Chapter 11 - ฮีลเลอร์ไร้เทียมทานในต่างโลก ตอนที่ 1

Chapter 11 - ฮีลเลอร์ไร้เทียมทานในต่างโลก ตอนที่ 1

ดันเจียนระดับสูงแห่งหนึ่ง สถานที่ที่แม้แต่นักผจญภัยฝีมือดียังต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะเหยียบย่างเข้าไป ที่นั่นกลุ่มนักผจญภัยกลุ่มหนึ่งกำลังมองดูภาพประหลาดด้วยความสนใจ เบื้องหน้าของพวกเขามีฮีลเลอร์หนุ่มอยู่ กำลังแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

ฮีลเลอร์ไม่ใช่อาชีพประหลาดที่หายาก ในทางตรงกันข้ามมันคืออาชีพที่จำเป็นชนิดที่ขาดไปไม่ได้ในปาร์ตีของนักผจญภัย พวกเขาไม่ได้ประหลาดใจที่เห็นฮีลเลอร์ในดันเจียนที่โหดร้ายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่พวกเขาแปลกใจที่ฮีลเลอร์คนนี้กำลังสู้อยู่ตามลำพัง

"บางทีเขาอาจจะพลัดหลงจากกลุ่มก็ได้ รีบไปช่วยกันเถอะ ฮีลเลอร์จะไปสู้กับตัวแบบนั้นได้ยังไง เดี๋ยวก็ตายหรอก" หัวหน้ากลุ่มบอก แต่คนอื่นยังยืนนิ่งรอดูท่าทีต่อไป นั่นเพราะอีกฝ่ายเห็นพวกเขาแล้วแต่กลับไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ

มอนสเตอร์ที่ฮีลเลอร์หนุ่มชุดขาวกำลังรับมืออยู่คือ อินเฟอร์โนไนท์ อัศวินปีศาจที่แค่เห็นรูปร่างหน้าตาก็ประเมินได้ทันทีว่าร้ายกาจจนน่าขนลุก มันเป็นศัตรูที่นักผจญภัยระดับแรงค์ A ยังยากที่จะล้มได้ตามลำพัง ถ้าเป็นฮีลเลอร์ที่พวกเขารู้จัก การต่อสู้คงจะจบลงด้วยความตายของฮีลเลอร์คนนั้นในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา แต่เขาคนนั้นไม่มีท่าทีว่าจะเดือดร้อน เขาเพียงแค่กระโดดหลบไปมาในขณะที่กำลังวิเคราะห์ศัตรู

ในนาทีที่รู้สึกว่ากำลังจะแย่แล้ว เงาของร่างที่ใหญ่ยิ่งกว่าอินเฟอร์โนไนท์ก็ปรากฏขึ้นจากด้านหลังของฮีลเลอร์คนนั้น มันไม่ใช่ศัตรูใหม่เพราะมันเข้ามาขวางระหว่างสองฝ่ายที่กำลังสู้กัน

"โกเลมงั้นเหรอ" พวกนักผจญภัยพึมพำ

"อย่าเอาไปเปรียบกับโกเลมสิฟะ" ฮีลเลอร์พึมพำเพราะได้ยินเสียงวิจารณ์อาวุธใหม่ของเขา "รู้ไหมว่าฉันหมดเงินไปขนาดไหนเพื่อซื้อมันน่ะ"

เมไจไรซ์แมชชีน จักรกลสงครามระดับสูงที่ถูกผลิตขึ้นโดยจักรวรรดิออสที่ล่มสลายไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน ราคาในตลาดปัจจุบันคือ 160 ล้านดาวอน ซึ่งถ้าให้เทียบกับราคาในโลกที่ฮีลเลอร์ผู้นี้จากมาก็ล่ะ มันก็คงพอ ๆ กับงบสำหรับซื้อเครื่องบินรบดี ๆ สักลำเลยทีเดียว

ดูเหมือนเป็นแค่การพบกันโดยบังเอิญ แต่แท้จริงแล้วมันคือเจตนาของฮีลเลอร์ลึกลับผู้นั้น เขาต้องการให้ข่าวลือเกี่ยวกับเมไจไรซ์แมชชีนกระจายออกไปในทำนองว่า แม้แต่ฮีลเลอร์ก็สามารถลุยเดี่ยวในดันเจียนสุดโหดหากมีของอย่างเมไจไรซ์แมชชีนคุ้มกันให้

เป้าหมายของเขาคือการทำให้ความต้องการของตลาดสูงขึ้น ยิ่งคนต้องการเพิ่มแต่ของมีอยู่จำกัดเขาก็ยิ่งสามารถโก่งราคามันได้

หลายเดือนก่อนหน้าเหตุการณ์นั้น เปโดรอยู่ในระหว่างการสำรวจสเตตันของตนเองอย่างละเอียด เมื่อรู้สึกตัวว่าได้มาอยู่ในโลกใหม่ที่แปลกประหลาด เขาก็พยายามตั้งสติและพิจารณาเกี่ยวกับชีวิตใหม่ในโลกนี้

[เปโดร เซอราโน]

[HP: 14/14 สถานะ: หิวโหย]

[คลาส: แอบโซลูทฮีลเลอร์]

[กำลังกาย: 5 ความคล่องตัว: 6 สัมผัสเวท: 6 แม่นยำ: 2]

[เพอร์เฟคฮีล]

เปโดรไม่เคยเล่นเกมออนไลน์มาก่อน รวมทั้งไม่เคยอ่านนิยายแนวเกิดใหม่ต่างโลก แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจถึงตัวเลขเหล่านี้ เขาอาจจะไม่ได้สนใจว่าโลกนี้ไม่มีเลเวลหรือค่าประสบการณ์เหมือนในเกมออนไลน์ แต่เขาแน่ใจว่าค่าทุกอย่างสามารถพัฒนาได้ผ่านการฝึกฝน

ปัญหาคือคลาสแอบโซลูทฮีลเลอร์และสกิลทั้งหลายมันคืออะไรกันแน่

เปโดรปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ความทรงจำของชาติก่อนหลอมรวมเข้ากับตัวตนของโลกใหม่ มันทำให้เขาระลึกได้ว่าในชาตินี้เขาเป็นชายผู้โดดเดี่ยว ไม่มีญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิท นักผจญภัยมือใหม่ผู้ยังไม่เคยสร้างผลงานใด ๆ มาก่อน

จะเรียกได้ว่าชีวิตใหม่ในโลกนี้แทบจะไม่มีตัวตนอยู่ก่อนหน้าเลยก็ว่าได้ เขาเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในโบสถ์ แม้ว่าชื่อในชาตินี้จะชื่อเปโดรเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เคยมีชื่อตระกูล เขาแทบไม่มีเพื่อนสนิท ซีสเตอร์ที่เป็นคนที่ใกล้เคียงกับแม่ที่สุดก็จากไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน นี่ชีวิต ใช้ชีวิตมาได้เกือบยี่สิบปีทั้งที่แทบไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับใครเลย

ฟังดูน่าเศร้า แต่คิดมากไปก็ป่วยการ เปโดรหันมาสนใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันแทน เขากำลังพิจารณาว่าตอนนี้เขาควรจะทำอย่างไรกับชีวิต เขายังควรจะยึดอาชีพนักผจญภัยต่อไปดีไหม

จากการลองค้นข้อมูลเพิ่ม เปโดรพบว่าเพอร์เฟคฮีลสกิลเพียงหนึ่งเดียวที่เขามีนั้นแตกต่างจากเวทมนตร์ฮีลที่คนในโลกนี้รู้จัก แตกต่างจนอาจมองได้ว่ามันเป็นสกิลคนละประเภท จากชื่อของมันเปโดรเข้าใจว่ามันคือเวทรักษาที่มีคุณภาพสูงขึ้น

ซึ่งถ้าเป็นแค่นั้นจริง คนที่มีสกิลรักษาเพียงสกิลเดียวอย่างเขาก็ย่อมถูกมองว่าไร้ประโยชน์ เขาไม่แปลกใจที่เขากลายเป็นนักผจญภัยที่ไม่มีใครสนใจ

แต่เมื่อเปโดรลองทดสอบมัน เขาก็พบว่ามันคือสกิลที่น่าหวาดหวั่นที่สุด ที่สำคัญคือมันเป็นสกิลแบบยูนีคซึ่งในโลกนี้มีแค่เขาคนเดียวในโลกที่ครอบครอง

เปโดรทดสอบสกิลนี้กับวัตถุ เขาพบว่าเขาสามารถรักษามันได้เช่นกัน ดาบหัก ๆ หนึ่งเล่ม เขาสามารถเปลี่ยนมันกลับไปอยู่ในสภาพตอนที่มันสมบูรณ์ที่สุด หรือแม้แต่ทำให้มันกลับเป็นเศษแร่อย่างที่มันเคยเป็นได้

"เกินขอบเขตของคำว่ารักษาไปแล้ว นี่มันเหมือนสกิลย้อนเวลาวัตถุเลย" เปโดรแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขานึกวิธีการใช้งานมันออกมากมายในไม่กี่อึดใจ ด้วยสิ่งนี้ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไป

...ฉันคนเดิมในชาตินี้ทำอีท่าไหนถึงได้ไม่รู้ตัวว่ามีสุดยอดสกิลขนาดนี้ได้เนี่ย ไม่สิคนในโลกนี้ต้องซื่อบื้อขนาดไหนกันถึงได้มองข้ามสกิลแบบนี้ไปได้…

เปโดรหวนนึกถึงวันคืนอันขมขื่นก่อนหน้านี้ เขาเคยต้องแบกหน้าไปขอเข้าร่วมปาร์ตีกับนักผจญภัยที่เป็นรุ่นน้อง แถมยังถูกปฏิเสธกลับมาอย่างไร้ไมตรี พอลองมาคิดดูตอนนั้นเขาได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ และยอมรับไป

"ฮีลเลอร์ที่ทำได้แค่ฮีลเหรอ" หัวหน้าของปาร์ตีหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงปนขำ

"คุณเป็นนักผจญภัยมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอคะ จะดีเหรอที่มาร่วมกับมือใหม่อย่างเรา" จอมเวทสาวจากอีกปาร์ตีพูดแบบนั้น แต่เปโดรแน่ใจว่าเธอไม่ได้กังวลเรื่องที่พวกเธอเป็นมือใหม่

"ขอโทษนะ จริง ๆ พวกเราติดต่อกับฮีลเลอร์คนอื่นไว้แล้วด้วย คุณมาช้าไปนิดเดียว" นักรบคนหนึ่งก็ตอบลักษณะเดียวกัน เปโดรรู้มาว่าเขายังหาปาร์ตีไม่ได้เลยสักคน แต่เขาก็ยังปฏิเสธ

แต่ทั้งหมดมันเป็นเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนที่ความทรงจำและบุคลิกของอดีตชาติยังไม่ตื่นขึ้นมา เปโดรในตอนนี้เป็นคนใหม่ที่จะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกได้อีก

คติประจำใจในโลกเดิมของเขาคือ "เงินไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง หากปราศจากสมอง" หรือถ้าจะให้พูดแบบชัดเจนไปเลย เขาเชื่อว่า "เกือบทุกปัญหาในโลกนี้สามารถแก้ไขด้วยเงิน" สมองจะคิดวิธีใช้เงินเพื่อแก้ปัญหาให้ ถ้าไม่มีเงินที่เป็นเครื่องมือแก้ปัญหา อะไรๆ ก็สามารถเป็นปัญหาต่อไป

เขามีเงินเก็บแค่เพียงเล็กน้อย มันน้อยขนาดที่ถ้าชะล่าใจเขาอาจจะเหลือเงินที่จะอยู่ได้อีกไม่ถึงครึ่งเดือน เปโดรตัดสินใจขายทรัพย์สินแทบทุกอย่างที่มีติดตัว เปลี่ยนมันมาเป็นเงินทุนสำหรับแผนการที่เขาคิด

"27 ดาวอน ทุเรศจริงเกินไปแล้ว ขายทุกอย่างหมดก็ยังได้ไม่ถึง 100 ดาวอนเลยเหรอ" เปโดรพึมพำ ถึงจะทำใจไว้แล้วว่าของติดตัวของเขาคงไม่ได้ราคามากแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะได้แค่นี้

เริ่มจากเกราะมือสองที่ได้จากร้านขายของเก่าในราคา 24 ดาวอน เกราะนี้ถูกตั้งราคาไว้ 35 ดาวอนแต่ด้วยลูกตื้อและทักษะการต่อราคาแบบไม่กลัวจะโดนเจ้าของร้านด่าถึงครอบครัว เปโดรก็ได้สินค้าชิ้นแรกมา เขาใช้เพอร์เฟคฮีลเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเกราะใหม่เอี่ยม จากนั้นก็ขายให้กับร้านขายเกราะในราคา 250 ดาวอน

เปโดรใช้วิธีการเดียวกันนี้กับสินค้าประเภทอื่น เขานำของจากร้านหนึ่งมาซ่อมแซมและนำไปขายให้กับร้าน ปัญหาของวิธีการนี้คือร้านค้าหลายร้านไม่ได้ทำธุรกิจรับซื้อโดยตรง พวกเขาจึงมักจะกดราคาเปโดรจนน่าเกลียด

เปโดรเองก็ไม่อยากให้ความลับของสกิลเขากระจายออกไป เขาจึงก็ไม่คิดจะใช้วิธีนี้ต่อเนื่องนานนัก เมื่อเก็บได้ราว 2000 ดาวอน เปโดรก็ลองมองหาวิธีใหม่ดู

มีไอเดียหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว เปโดรลองทดลองใช้ฮีลกับขวดเปล่าที่เคยเป็นน้ำยาโพชัน โพชันคือยาที่นักผจญภัยขาดไปไม่ได้ ไม่ว่าจะโพชันฟื้นฟูพลังชีวิต หรือโพชันสำหรับฟื้นฟูเวทมนตร์ หากเขาทำให้ขวดเปล่ากลับมาเต็มได้ เขาจะขายมันหมดอย่างรวดเร็ว

น่าเสียดายว่ามันล้มเหลว นี่เป็นข้อจัดอย่างหนึ่งของเพอร์เฟคฮีล เขาอาจจะซ่อมแซมทุกอย่างได้ แม้แต่วัตถุดิบส่วนที่หายไปก็กลับคืนมาเหมือนเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ของบางอย่างที่ถูกเปลี่ยนรูปไปแล้วไม่ได้กลับมาด้วย ยาหรืออาหารที่ถูกดื่มกินไปจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต เชื้อเพลิงที่ถูกเผาไหม้ไปแล้ว ของเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถนำกลับมาได้อีก

"ก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ" เปโดรว่าขณะที่ทดลองเทยาโพชันทิ้ง จากนั้นก็ใช้สกิลเพื่อดึงมันกลับมาอยู่ในขวด ถ้าเป็นกรณีนี้เขายังทำได้อยู่

เงินราว ๆ 2000 ดาวอน กับข้าวของอีกเล็กน้อยที่ยังขายไม่หมด เป็นทุนเริ่มต้นที่ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย เปโดรตัดสินใจใช้เงินส่วนหนึ่งไปกับการซื้อร้านขายของชำที่อยู่ในสภาพที่น่าจะเรียกว่าเป็นซากไปแล้ว แน่นอนว่ามันกลับมาอยู่ในสภาพใหม่เอี่ยมในตอนที่ทุกคนไม่รู้ตัว

เงินส่วนที่เหลือเปโดรเก็บไว้ใช้กับร้านซื้อขายทาส ประเทศโดเชสที่เขาปักหลักอยู่ตอนนี้ไม่มีข้อห้ามเกี่ยวกับการครอบครองทาส เชลยศึก คนที่มีหนี้สินจนไม่สามารถชดใช้ได้ก็สามารถขายตัวเองเพื่อเป็นทาสได้

ทาสที่ขายในตลาดจะมีตราประทับเวทมนตร์ มันคือเวทที่จะทำให้ทาสไม่สามารถทรยศเจ้านายได้ สำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับระบบนี้อาจจะมองว่ามันคือเรื่องที่เลวร้าย แต่สำหรับคนที่เติบโตที่โดเชสนี่เป็นเรื่องที่ไม่แปลกประหลาดแต่อย่างใด พวกเขามีกระทั่งกฎหมายเกี่ยวกับทาสโดยเฉพาะซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เจ้านายปฏิบัติกับทาสอย่างไร้มนุษยธรรมจนเกินไป

เปโดรสนใจทาสมากกว่าที่จะจ้างลูกน้องหรือหาหุ้นส่วน เหตุผลเพราะเขาไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ เขารู้ว่าสักวันทุกคนก็จะรู้ว่าสกิลที่เขามีมันอันตรายแค่ไหน แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ในตอนที่เขายังไม่มีกำลังพอจะปกป้องตัวเอง

ทาสคือคำตอบ ตราบใดที่ยังมีตราเวทพวกเขาจะไม่เอาความลับของเปโดรไปแพร่งพรายกับใคร ส่วนเขาก็ตั้งใจจะปฏิบัติกับทาสให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่างคนต่างก็ได้รับผลประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่

เปโดรเลือกทาสที่ราคาถูกที่สุดมาสามคน ทั้งสามเป็นครอบครัวเดียวกัน ประกอบไปด้วย บิบินาผู้เป็นแม่ที่กำลังป่วยหนัก แบรมเด็กชายตัวเล็กที่ผอมโซ และแบลร์พี่สาวของเขาที่หน้าตาเต็มไปด้วยแผลเป็น

บิบินาป่วยหนักจนใกล้จะตาย ราคาที่พ่อค้าทาสตั้งไว้จึงแพงกว่าของฟรีเพียงเล็กน้อย แบรมถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ตัวเล็กและผอมจนไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงอะไร เขาแพงว่าบิบินาแค่เล็กน้อย

เปโดรแน่ใจว่าแบลร์เคยเป็นสาวงาม เขาเคยได้ยินมาว่าทาสบางคนที่หน้าตาดีจะทำลายใบหน้าของตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกล่วงเกิน

เพอร์เฟคฮีลยังคงเป็นสกิลที่น่าทึ่งอย่างเดิม บิบินาแข็งแรงขึ้นราวกับเป็นคนละคน เปโดรใช้เวทกับพวกเขาทุกคนแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยให้ร่างกายที่ผ่ายผอมกลับมาสมบูรณ์ได้ แต่มันก็ทำให้พวกเขามีกำลังวังชากลับคืนมา

รวมไปถึงใบหน้าของแบลร์ด้วย

เงินทุนที่ยังเหลืออีกเล็กน้อย เปโดรใช้มันไปกับค่าใช้จ่ายของทาสทั้งสามรวมทั้งเป็นทุนในการเริ่มกิจการ ในตอนแรกมันดูขลุกขลักอยู่บ้างเพราะงบของเขาหมิ่นเหม่จะหมดจนน่าหวาดเสียว แต่ทั้งสี่คนก็ผ่านมันมาได้

กิจการที่เปโดรทำนั้นคล้ายกับที่เขาเคยทำ สิ่งที่ต่างคือเขามีหน้าร้านเป็นของตัวเอง และบิบินาเป็นคนขายโดยมีแบรมเป็นผู้ช่วย ส่วนคนที่จะทำหน้าที่หาของที่พังแล้วมาให้เขาซ่อมก็คือแบลร์

ด้วยทั้งหมดนี้เขาจะไม่ต้องพบปะกับใครโดยตรงเลย

ร้านบิบินาอุปกรณ์สำหรับนักผจญภัยจึงถือกำเนิดขึ้น ช่วงแรกมันยังไม่มีของขายมากนัก ส่วนใหญ่เป็นของเก่าที่เปโดรซื้อมาแต่ยังขายไม่ออก แต่ก็ต้องขอบคุณแบลร์ที่เสนอไอเดียขึ้นมาว่าเธออยากทำสัญญาระยะยาวกับกิลด์นักผจญภัย

"ที่กิลด์นักผจญภัยใกล้ ๆ นี้ มีบริการรับซ่อมแซมอาวุธด้วยค่ะ แต่พวกเขามักจะมีงานมากจนล้น ขนาดที่ส่งต่องานให้กับช่างตีเหล็กในเมืองรับต่อแล้วก็ยังรับไม่ไหว"

"เธอก็เลยคิดว่าเราจะรับงานซ่อมแทนเหรอ ไม่สิบางทีพวกเราอาจจะรับซื้ออุปกรณ์ที่เสียหายจนเกินกว่าจะซ่อมแซมด้วยวิธีธรรมดาด้วย"

"และถ้ามีชิ้นไหนเป็นอุปกรณ์ระดับสูง นอกจากวางขายหน้าร้าน เราก็ยังฝากขายที่ร้านของทางกิลด์ได้ด้วยนะคะ ทำแบบนี้คนในกิลด์ก็จะรู้จักร้านเรามากขึ้นด้วย"

แบลร์เสนอความคิดด้วยใบหน้าที่สดใส บิบินาและแบรมไม่ได้เห็นเธอยิ้มแบบนี้มานานแล้ว

ครอบครัวนี้เก่งกว่าที่เปโดรคาดหวังไว้ ทั้งบิบินาและแบลร์เคยทำงานให้เจ้านายที่เป็นนักผจญภัย พวกเขาจึงคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้ดี แบลร์ใช้เวลาไม่นานเจรจากับกิลด์ เธอได้ทำสัญญาอย่างที่ตั้งใจไว้แม้ว่ามันจะเป็นสัญญาระยะสั้นก็ตาม

การติดต่อกับกิลด์ทำให้สินค้าอีกระดับผ่านเข้ามาในร้าน ทั้งที่ถูกส่งมาเพื่อซ่อมแซม ทั้งที่ถูกขายทิ้งในฐานะวัตถุดิบ ในนั้นมีอาวุธและชุดเกราะระดับที่เปโดรไม่เคยได้สัมผัสในสมัยที่เขายังเป็นแค่นักผจญภัยคนหนึ่ง