นักผจญภัยหนุ่มแทบจะสำลักเหล้า เขารู้จักชื่อนั้น เมื่อราวครึ่งปีก่อนเคยมีฮีลเลอร์กระจอกมาขอเข้ากลุ่มของเขา ทั้งที่เป็นนักผจญภัยก่อนเขามานาน แต่คน ๆ นั้นกลับไม่มีอะไรเลยทั้งทักษะและความมุ่งมั่น
...ชื่อเหมือนเจ้านั่นเลยแฮะ แต่เป็นไปไม่ได้หรอก เจ้านั่นระดับ D ยังสอบเลื่อนระดับไม่ผ่านเลย…
"อย่าบอกนะว่า คนอย่างโคเรลกำลังกังวลเรื่องของฮีลเลอร์คนนั้นนะ" เบรุสจอมเวทหนุ่มในกลุ่มเดียวกันทักเมื่อเห็นเพื่อนดูนิ่งไป
"จะบ้าเหรอ ทำไมฉันจะต้องไปสนใจมันด้วย ด้วยสกิลพิเศษของฉันยังจะต้องมีใครให้กลัวอีกเหรอ"
"ถึงตอนนี้จะยังเพิ่งขึ้นมาถึงแรงค์ A แต่อย่างนายเนี่ยอีกไม่นานก็ไปถึง S ได้แน่นอน" เฟรดรินานักรบสาวจากกลุ่มของเขาเช่นกันเตือนเบรุสไม่ให้ประเมินหัวหน้ากลุ่มต่ำจนเกินไป
เบรุสหัวเราะกลบเกลื่อนและชวนเปลี่ยนเรื่อง "ได้ยินข่าวเรื่องของหมู่บ้านใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่เร็ว ๆ นี้ไหม มีข่าวว่าที่นั่นมีช่างระดับสุดยอดคอยรับตีอาวุธให้ด้วย พวกเราลองแวะไปดูบ้างดีไหม"
"หมู่บ้านที่อยู่ทางตะวันออกจากเมืองหลวงของโดเชสน่ะเหรอ ได้ยินมาว่ามีคนมีฝีมือไปรวมตัวกันที่นั่นมาก เห็นว่าแม้แต่กิลด์ผจญภัยก็กำลังจะไปเปิดสาขาที่นั่นด้วย" เฟรดรินาเลี่ยงพูดถึงร้านอื่น ๆ แต่ในหัวของเธอพุ่งไปที่ร้านเสื้อของเชียนาแล้ว นักผจญภัยหญิงทุกคนต่างก็พูดถึงร้านนี้กันทั้งนั้น
โคเรลไม่ได้สนใจหมู่บ้านใหม่ที่เพิ่งเกิดหรือข่าวลือพิสดารมากมายของมัน แต่เมื่อโดนเพื่อนในกลุ่มตื้อหลายครั้ง เขาก็ตัดสินใจเดินทางไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง
"ได้ยินว่ามันมีแค่สามสี่ร้านกับโรงแรมไม่ใช่เหรอ นี่มันผิดกับที่ลือลิบลับเลยนี่" เบรุสมองทิวทัศน์รอบ ๆ ด้วยความสนใจ พื้นที่ส่วนใหญ่ของหมู่บ้านคือสวนผลไม้อย่างที่ได้ยินมาแต่ใจกลางของหมู่บ้าน นั้นต่างข้อมูลที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ นอกจากโรงแรมแอดเวนเจอร์อินน์ ร้านอาวุธและชุดเกราะบิบินา ร้านอาหารของโมซา ร้านเสื้อเชียนา ยังมีร้านอื่นอีกถึงเจ็ดร้าน แถมด้วยอาคารอีกมากกว่าสิบแห่งที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง
"ไอมุเวิร์กช็อป" เฟรดรินาพึมพำชื่อร้าน เธอคุ้นชื่อไอมุ ถ้าเธอจำไม่ผิดเขาคือนักวิจัยอิสระที่มีชื่อเสียงจากผลงานมากมายที่เกี่ยวกับวิทยาการโบราณของจักรวรรดิออส
"ร้านสะดวกซื้อคืออะไร" เบรุสกำลังสนใจกับอีกร้านที่อยู่ติดกัน ร้านนี้ดูสว่างไสวกว่าร้านอื่นด้วยอุปกรณ์เวทที่ให้ความสว่าง เบรุสเห็นคนหกเจ็ดคนกำลังต่อแถวเพื่อรอชำระเงิน "หา... มีขายทุกอย่าง ทั้งของสดและของแห้ง แถมยังเปิดทั้งวันทั้งคืนด้วย แบบนี้ก็ซื้อกับแกล้มได้ตลอดเวลาเลยสิเนี่ย"
"ร้านเสื้อผ้า ร้านขายขนม ร้านขายเครื่องประดับ" เฟรดรินาดวงตาเป็นประกาย แต่ละร้านช่างดึงดูดความสนใจ เธอลังเลว่าจะเลือกที่ไหนก่อน เพราะไม่ว่าจะร้านไหนเธอก็อยากพุ่งเข้าไปดูจนทนแทบไม่ไหว
แม้แต่โคเรลเองก็ไม่มีข้อยกเว้น เขาไปสะดุดตากับชุดเกราะชุดหนึ่งที่ถูกวางแสดงไว้หลังกระจกของร้านบิบินา หัวใจของเขาเต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมานอกอก เกราะชุดนี้คือเกราะระดับตำนานอย่างแน่นอน
"เกราะระดับนี้ ทำไมมาอยู่ในที่แบบนี้ได้" โคเรลพูดอยู่คนเดียวโดยไม่รู้ตัว เพื่อน ๆ ของเขาหายเข้าไปในร้านอื่นแล้ว
"ที่แบบนี้มันแบบไหนเหรอ" หญิงสาวผมสีน้ำตาลทัก
โคเรลถึงกับสะดุ้งเฮือก นานแล้วที่ไม่มีใครสามารถเข้ามาจากข้างหลังของเขาโดยที่เขาไม่รู้สึกตัว เขาพิจารณาการแต่งตัวของอีกฝ่ายแล้วก็แทบจะหัวใจวายอีกรอบ อุปกรณ์ข้าวของของเธอนั้นไม่ใช่ธรรมดาสักชิ้น ชุดเกราะของเธออาจจะไม่ถึงขั้นเกราะที่ถูกวางแสดงไว้แต่มันต้องเป็นของล้ำค่าที่ทำจากเกล็ดมังกรอย่างแน่นอน
อาวุธของหญิงสาวก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เขาเคยเห็นรูปร่างของดาบเล่มนี้ในหนังสือสุดยอดแห่งดาบ มันคือดาบที่ได้อันดับที่เก้าของโลก ดาบสายฟ้าไรจิน
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามไถ่ชื่อ อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอคนนั้น "แบลร์ นายท่านเรียกหาน่ะ"
"นายท่านนี่จริง ๆ เลยนะ ข้าอยู่ห่างนิดเดียวก็ทนคิดถึงไม่ได้เลย เป็นข้านี่ก็ลำบากจริง ๆ นะเนี่ย"
"เดี๋ยวข้าไปบอกนายท่านให้นะ"
"ตอนนายเงียบ ๆ นายดูน่ารักกว่านี้นะฮันโจ"
เจ้าของชื่อเพิ่งเห็นว่าโคเรลอยู่ตรงนั้นด้วย เขานึกว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนของแบลร์จึงทักทายด้วยการยกมือขึ้นโบก โคเรลรู้สึกไม่แตกต่างจากผู้หญิงที่มีดาบสายฟ้าคนนั้น ผู้ชายร่างใหญ่คนนี้พกพาข้าวของที่ไม่ธรรมดาติดตัว โคเรลแน่ใจว่าชายผู้นี้ไม่มีทางเป็นนักผจญภัยระดับต่ำกว่าแรงค์ A อย่างแน่นอน
โคเรล เฟรดรินาและเบรุสมารวมตัวกันที่ร้านคาเฟ่ อีกหนึ่งร้านดังที่เพิ่งจะเปิดบริการไม่กี่วันก่อน ในประเทศโดเรสมีวัฒนธรรมเกี่ยวกับการดื่มชาอยู่ สำหรับพวกเขา กาแฟและโกโก้ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้นจัดเป็นของแพงเกินกว่าที่คนทั่วไปจะหากินได้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านนี้จะมีช่องทางบางอย่างที่สามารถนำมันมาได้ในราคาที่ถูกผิดปกติ และมันทำให้ร้านนี้สามารถขายของหายากได้ในราคาที่ทุกคนจับต้องได้
โคเรลไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับรสชาติของโกโก้ร้อน ทั้งที่มันคือครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มลองเครื่องดื่มชนิดนี้ แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบเดียวกับเพื่อนทั้งสอง ราวกับว่าเขารู้จักรสชาติแบบนี้มาก่อน
"เค้กที่นี่อร่อยสุดยอดเลย บ้าจริง ขนมที่ซื้อจากร้านขนมก็ยอดเยี่ยม แต่เค้กที่ขายในร้านคาเฟ่นี่อร่อยจนเหมือนฝันไปเลย"
"กาแฟนี่ก็สุดยอด เขาเรียกว่าอะไรนะ เอสเปรสโซงั้นเหรอ" เบรุสอ่านชื่อจากในเมนูอย่างยากลำบาก มันไม่ใช่ชื่อเรียกที่เขาเคยผ่านตามาก่อน
...แปลกมาก ทำไมเราถึงคุ้นชื่อพวกนี้กัน มอคคา คาปุชิโน ลาเต แม้แต่ชื่อพวกขนมเองก็คุ้นตา...
พวกเขาตัดสินใจพักหนึ่งคืนที่แอดเวนเจอร์อินน์ก่อนที่จะไปสำรวจดันเจียนประจำเมืองที่อยู่ไม่ห่างออกไปในตอนรุ่งสาง แต่แผนที่ว่าไม่เกิดขึ้นจริง เพราะเกือบจะทันทีที่เหยียบเข้าไปในโรงแรมโคเรลก็ก่อเรื่องขึ้น
"ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ได้" เสียงดังจนเกือบจะเป็นการตะโกน โคเรลเดินตรงดิ่งเข้าไปหาเปโดรที่ต่างก็ถูกรุมล้อมด้วยนักผจญภัยระดับสูง
"อ้าว นายคือ..." เปโดรจำเขาได้อย่างเลือนลาง เขาคือนักผจญภัยรุ่นน้องที่เปโดรเคยบากหน้าไปขอร่วมกลุ่มแต่กลับถูกปฏิเสธแบบไม่ไยดี
เปโดรเป็นคนจำหน้าและชื่อคนเก่ง แต่เขาจำรุ่นน้องคนนี้ไม่ได้มาก เหตุเพราะว่าตอนที่พบกันเป็นช่วงที่ความทรงจำของชาติก่อนยังไม่ตื่นขึ้น
"ทำไมฮีลเลอร์แบบนายถึงได้รู้จักกับนักผจญภัยระดับนี้ได้" น้ำเสียงโคเรลดูหาเรื่อง เขาเพิ่งสังเกตว่าชุดและอุปกรณ์ของเปโดรก็ไม่ได้แตกต่างจากคนที่ยืนอยู่รอบตัวเขา แต่ละชิ้นเรียกได้เต็มปากว่าเป็นของที่โคเรลเองไม่เคยได้สัมผัสด้วยซ้ำ
"มีธุระอะไรกับนายท่านหรือคะ" รารามีสเข้ามายืนแทรก คำพูดของเธอฟังดูสุภาพแต่มันแฝงด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาเพื่อหาเรื่อง
"นายมันฮีลเลอร์กระจอกที่สอบใบอนุญาตแรงค์ E ยังผ่านแบบฉิวเฉียด นี่ใช้กลโกงแบบไหนถึงทำให้มาอยู่ในกลุ่มระดับสูงแบบนี้ได้"
เฟรดรินาและเบรุสเห็นท่าไม่ดีจึงคิดจะมาดึงตัวเพื่อนของเขากลับ ทั้งคู่เองก็จำเปโดรได้และสงสัยเรื่องเดียวกัน แต่ที่ต่างออกไปคือพวกเขาไม่ได้กล่าวหาเปโดรลอย ๆ เหมือนโคเรล
"ไม่เอาน่า อย่าหาเรื่องสิ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย" เบรุสห้ามเสียงเครียด ตอนนี้เขารู้สึกไม่ดีเลยสักนิดเพราะนอกจากกลุ่มนักผจญภัยที่น่าจะมีระดับเหนือกว่ากำลังจ้องเขม็งมา เขารู้สึกถึงสายตาไม่เป็นมิตรอีกหลายสิบคู่จากรอบ ๆ ด้วย
"โคเรล" เฟรดรินาเรียกชื่อเพื่อน เธอรู้ตัวแล้วเช่นกัน เจ้าหน้าที่ของโรงแรมจับตาดูทุกอย่างอยู่ พวกเขาควรจะเข้ามาระงับเหตุการณ์ แต่กลับนิ่งเฉยเหมือนกำลังรอคำสั่งของผู้เป็นนาย
"โคเรลสินะครับ" เปโดรนึกชื่ออีกฝ่ายออกแล้ว "ผมว่าคุณกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่สินะครับ"
"ไม่ผิดหรอก แกมันแค่ฮีลเลอร์ที่ทำตัวเหมือนปลิงเกาะกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ไปทั่ว เหตุผลเดียวที่ฉันนึกออกก็คือต้องใช้วิธีสักอย่างหลอกคนพวกนี้สินะ"
"ผมว่าคุณหยุดเถอะครับ คุณกำลังรบกวนแขกท่านอื่นอยู่" ฟิลเลย์ที่รอดูท่าทีอยู่นานตัดสินใจเข้ามาแทรก
"แขกงั้นเหรอ" โคเรลแสยะยิ้ม "เมื่อครึ่งปีก่อนมันยังต้องขายของจนหมดตัว แน่ใจแล้วเหรอว่ามันมีเงินน่ะ"
"แขกที่ว่าผมไม่ได้หมายถึงนายท่านหรอกนะครับ" ฟิลเลย์ตอบ ตอนนั้นโคเรลเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสะใจดังมาจากรอบ ๆ ข้าง
"นายท่านเปโดร ท่านคือเจ้าของที่นี่ครับ รวมถึงกิจการทุกอย่างในหมู่บ้านนี้ด้วย"
"หาาา"
แบลร์ช่วยอธิบายทุกอย่างให้พวกโคเรลเข้าใจอีกรอบโดยละเรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์เพอร์เฟคฮีลเอาไว้ เธอเพียงแค่บอกว่าเปโดรสร้างธุรกิจขึ้นมาโดยเริ่มจากการไถ่ตัวพวกเธอมาจากร้านค้าทาส จากนั้นด้วยความร่วมแรงร่วมใจและโชคเข้าข้าง มันก็ทำให้พวกเขามาถึงจุดนี้ในเวลาสั้น ๆ
โคเรลไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าเรื่องเล่าของแบลร์ขาดน้ำหนักไป มันยังไม่ได้ตอบว่าทำไมเปโดรถึงมีทักษะการซ่อมแซมแบบนั้น เขารู้ว่าเธอไม่ได้เล่าครบถ้วน
"มาประลองกัน ฉันอยากเห็นฝีมือของนาย" เป็นบทสรุปที่ดื้อดึงของโคเรล เขาเชื่อว่าหากได้ประลองกับเปโดรเขาจึงจะยอมรับทุกอย่างได้
"ไม่เอาน่า" เฟรดรินาและเบรุสช่วยกันห้ามแต่ก็ไม่สำเร็จ โคเรลตัดสินใจไปแล้ว
บิบินาที่ฟังเรื่องราวอยู่เงียบ ๆ มาตั้งแต่ต้นได้ยื่นข้อเสนอ เธอคิดว่าการประลองโดยไม่มีเดิมพันนั้นน่าเบื่อ เธอถือวิสาสะเสนอโรงแรมแอดเวนเจอร์อินน์ให้เป็นของรางวัลถ้าหากโคเรลเอาชนะเจ้านายของเธอได้
"โรงแรมนี้เพิ่งตกแต่งใหม่ไป ถ้าขายมันก็น่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านดาวอนอย่างแน่นอน"
"และเพื่อแลกเปลี่ยนกันนายก็ต้องมอบของที่สมน้ำสมเนื้อกันมาด้วย" แบลร์ลูกสาวของเธอก็บ้าจี้ตาม
"เดี๋ยวสิ นี่พวกเธอไม่ถามความสมัครใจของคนสู้กับเจ้าของทรัพย์ก่อนเหรอ" เปโดรพยายามจะห้ามปรามแต่ดูไม่มีทางหยุดได้แล้ว
เปโดรไม่ได้เต็มใจรับการประลองแต่เขาก็ไม่รู้จะจบเรื่องนี้อย่างไร เขาถูกบังคับให้ใช้โรงแรมในการเดิมพันแลกกับทุกอย่างที่โคเรลมี แน่นอนว่าทรัพย์สินของโคเรลมีไม่เพียงพอ แต่สองแม่ลูกบิบินาและแบลร์ก็คิดวิธีรีดทุกอย่างจากเขาเอาไว้แล้ว
"นี่ไม่คิดเผื่อกรณีนายท่านแพ้เลยเหรอ อีกฝ่ายคือนักผจญภัยดาวรุ่งระดับ A เลยนะ" เบรเกอร์กระซิบ ถึงเขาจะจินตนาการภาพที่นายท่านของตนแพ้ไม่ออกก็เถอะ
"ต่อให้เป็นระดับ S นายท่านก็ไม่แพ้หรอก" รารามิสชิงพูดแทนความคิดของแบลร์
ทั้งสองออกไปประลองกันในบริเวณโล่งกว้างข้างนอก โคเรลมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มที่ ทันทีที่สัญญาณการประลองเริ่มเขาก็บุกใส่โดยปราศจากความลังเล
ความรวดเร็วของเขาเหนือกว่านักผจญภัยทุกคนและมอนสเตอร์ทุกตัวที่เปโดรเคยเผชิญหน้า โคเรลไม่ได้ยั้งมือแม้แต่นิด ดาบของเขาเฉียดคอของเปโดรไปในระยะเพียงครึ่งของข้อนิ้วมือ
เปโดรยังดูท่าทีอีกฝ่าย เขาหลบทุกการโจมตีได้ในระยะน่าหวาดเสียว ทุกคนต่างดูแล้วลุ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง
"โคเรลออมมืออยู่เหรอไงเนี่ย" เฟรดรินาประหลาดใดเพราะไม่เคยเห็นเพื่อนโจมตีพลาดติดกันขนาดนี้มาก่อน
"เจ้าโคเรลน่ะเหรอออมมือให้ใคร" เบรุสส่ายหน้า "อีกฝ่ายเร็วกว่าพอสมควรเลย"
"ต้องบอกว่าสมกับที่เป็นแรงค์ A นั่นแหละ" เบรเกอร์ก็เข้ามาร่วมวงวิจารณ์ด้วย "ความเร็วขนาดนั้น น้ำหนักดาบก็ทรงพลัง แรงขนาดนี้ถึงเป็นเมไจไรซ์แมชชีนก็คงถูกทำลายง่าย ๆ เลย"
"พลังเวทมนตร์ก็ใช่เล่นเลยนะ ใช้เวทโจมตีได้คล่องแคล่วไม่ต่างจากดาบ" รารามิสพูดชมโคเรล แต่สีหน้าของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิด เธอยังมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าเปโดรจะชนะ
ต่างคนต่างก็วิจารณ์ไปตามที่ตนเห็น แต่ไม่มีใครเลยที่จะรับรู้ความกดดันได้ดีเท่ากับโคเรล ตั้งแต่เมื่อครู่เขาใช้เวทมนตร์เสริมพลังทุกรูปแบบกับตัวเอง เร็วขึ้น แรงขึ้น ทั่วร่างปะทุไปด้วยกำลังเวทที่เร่งเพิ่มจนถึงขีดสุด
ร่างของเขาราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่โคเรลไม่สามารถหยุดการใช้พลังได้ เหตุผลก็คือแม้เขาจะทำขนาดนี้ก็ยังไม่สามารถล้มเปโดรสำเร็จ
เปโดรไม่ได้นั่งนอนเฉย ๆ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เขาเสี่ยงชีวิตต่อสู้พร้อมกับแบลร์ แจนนิส เบรเกอร์ รารามิส และฮันโจ พวกเขารับมือกับศัตรูระดับเดียวกับเมไจไรซ์แมชชีนมานับไม่ถ้วน มันหล่อหลอมให้เขาแข็งแกร่งขึ้นในทุกวัน เฉพาะแค่สเตตัสของเปโดรเขาก็ด้อยกว่าโคเรลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จุดแตกต่างใหญ่หลวงที่ทำให้เปโดรเหนือชั้นกว่าคือบรรดาสกิลระดับสูงที่เขาใช้เงินทุ่มเงินซื้อมา ผิวหนังของเขาต้านทานความเสียหายจากการโจมตีจากอาวุธมีคมที่ทำให้ดาบของโคเรลสร้างบาดแผลให้เขาได้ยากขึ้น เขามีสกิลเพิ่มโอกาสหลบหลีกอัตโนมัติที่ช่วยให้หลบการโจมตีส่วนใหญ่ได้โดยที่ไม่ต้องคิด สกิลชำระล้างเวทมนตร์ที่ทำให้ผลเสริมพลังทุกรุปแบบของโคเรลเสริมลง
"สกิลพิลึกเต็มไปหมด อะไรกันวะ"
ดาบของโคเรลพลาดเป้าเพราะร่างของเปโดรยืดออกไปราวกับของเหลว โคเรลฝืนเร่งพลังจนกล้ามเนื้อทั่วร่างแทบฉีกขาด ในที่สุดเขาก็ฟันถูกเปโดรเป็นครั้งแรก
แผลของเปโดรหายไปในพริบตาด้วยเพอร์เฟคฮีล ส่วนดาบของโคเรลก็กำลังผุกร่อนจากสกิลเลือดกรดของเปโดร โคเรลเสียอาวุธที่สำคัญที่สุดไปแล้ว
สิ่งเดียวที่ทำให้โคเรลขยับได้ไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ ทั้งร่างชุมโชกไปด้วยเลือดที่เกิดจากฝีมือของตัวเองเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เปโดรไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากหลบไปมาและหลอกทำลายอาวุธหลักของอีกฝ่าย
"นี่ฉันแพ้ให้เจ้าฮีลเลอร์กระจอกเนี่ยนะ" เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่โคเรลจะล้มลง
ผลการต่อสู้ออกมาอย่างชัดเจนไร้ข้อกังขา เฟรโดนาและเบรุสพุ่งเข้ามาเพื่อช่วยเพื่อน ทั้งคู่ประคองร่างโชกเลือดและพยายามกรอกโพชันรักษาเข้าไป แต่มันแทบไม่เป็นผล ร่างของเขาบอบช้ำจนไม่สามารถรักษาด้วยตัวยาทั่วไป
เปโดรตัดสินใจช่วย เพอร์เฟคฮีลทำให้แผลทั้งหมดหายไปราวกับโกหก
แม้แผลทางกายจะหายไป แต่โคเรลก็สลบไปหลายวันหลายคืน เขาตื่นมาแล้วพบว่าตนเองอยู่กำลังพักฟื้นที่ที่สถานพยาบาลของหมู่บ้านโดยมีเฟรดรินาและเบรุสผลัดกันมาเฝ้าดูอาการอยู่ตลอด
"พวกนาย..."
"หมอนั่นไม่ได้มาเยี่ยมก็จริง แต่เขาฝากข้อความถึงนายด้วย เขาบอกว่าเรื่องการเดิมพันถือซะว่าไม่เกิดขึ้น นายไม่จำเป็นต้องสละสกิลที่มีเพราะว่าคนของเขาตั้งเงื่อนไขเดิมพันโดยพลการ ส่วนค่ารักษาและที่พักก็ไม่ต้องกังวลเขาจะจัดการทุกอย่างให้"
แทนที่ฟังแล้วจะโล่งใจ โคเรลกลับกัดฟันแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว "ว่าไงนะ มันพูดแบบนั้นเหรอ"
"โคเรล..." เบรุสรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะระเบิดลง เขาสะกิดให้เฟรดรินาถอยออกมา
"ไอ้บัดซบนั่น ดูถูกฉันอยู่สินะ ทั้งที่เคยเป็นแค่ฮีลเลอร์สวะที่ไม่มีใครเอา แต่ตอนนี้มันกำลังบอกว่าสกิลทั้งหมดที่ฉันมีมันไร้ค่างั้นเหรอ"
"ใจเย็นก่อน โคเรล ฉันว่าหมอนั่นไม่ได้มีเจตนาร้ายนะ ว้ายยย" เฟรดรินากระเด็นไปถอยออกมาเพราะแรงกดดันกำลังก่อตัวขึ้นรอบกายโคเรล เตียงที่นอนสั่นอยู่ ห้องทั้งห้องกำลังสะเทือนด้วยความโกรธที่ผิดปกติ