ณ หน้าโรงแรมหรูใจกลางเมืองหลวง พรมสีแดงที่ปูพาดยาวตั้งแต่ถนนหน้าโรงแรมไปจนกระทั่งบันไดทางเข้า เหล่าบรรดาเซเลฟ เหล่าบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ ดาราชาย หญิง และบรรดาไอดอลจากหลายค่ายต่างพากันตบเท้าเข้ามาร่วมงานรับราลวัลใหญ่แห่งวงการโทรทัศน์ และแน่นอนกองทัพนักข่าวจากทุกช่องทางหลากหลายสำนักที่พากันตบเท้าเข้ามาร่วมถ่ายภาพและเสนอข่าวใหญ่นี้นับหลายร้อย
ชเวมินแจหรือดาราดังชายแห่งยุคเพิ่งจะก้าวเท้าลงมาจากรถคาดิแลคสีดำคันหรู และเขายังค่อย ๆ เดินลงจากรถและเหยียบย้ำลงบนพรมสีแดงสดด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย และออร่อที่พวยพุ่งสมกับชื่อเสียง " ดารานำชายของประเทศ"
ชเวมินแจมีรูปร่างที่สูงโปร่งเอามาก ๆ ผิวสีขาวของเขาสว่าง ดวงตาเป็นประกาย จมูกบางได้รูปและปากกระจับที่เหมือนจะทาลิปสติ๊กสีชมพูบางๆ ทับไว้อยู่ตลอดเวลา เขาเดินลงรถมาพร้อมๆ กับดาราสาวที่มีชื่อเสียงอาร่าจับไม่แพ้กัน
บนเวทีงานประกาศรางวัลโทรทัศน์อันทรงเกียรติของคนในวงการบันเทิง บนเวทีประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน เวทีสีทองอร่าม และป้ายไฟภาษาอังกฤษขนาดใหญ่แสดงชื่อของงานประดับเอาไว้บนเวทีอย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน
" International Award Film 2026 "
เหล่าบรรดานักแสดงชายหญิงที่ต่างพากันแต่งตัวโก้หรูประโคมแบรนด์เนมชั้นนำของตัวเองที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทุกๆ คนต่างพากันนั่งเรียงตามสาขาที่ตนได้ประกาศชื่อเข้ารับรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้ และเมื่อการประกาศดารานำหญิงคนล่าสุดแห่งปีผ่านไป ซึ่งก็ไม่ใช่คนไกลที่ไหน แต่เป็นดารานักแสดงสาวสวยที่เดินพรมแดงมาพร้อมกับชเวมินแจนั่นเอง
และเมื่อพิธีกรระดับประเทศที่กำลังขึ้นมาประกาศรายชื่อนักแสดงนำชายที่เข้าชิง ซึ่งหนึ่งในนั่นมากจากนักแสดงนำภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลมากมายจากเรื่อง " Autumn"
ชเวมินแจ ได้รับเลือกเป็นนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปี 2026 ในครั้งนี้ไปได้ตามความคาดหมายของวงการสื่อ และยังได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น
เสียงประกาศของงานเข้าชิงรางวัลของคนบันเทิงยังคงทยอยดังออกมาจากทีวีหน้าจอขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ติดอยู่บนกำแผงห้องด้านตะวันตกภายในห้องพักของพัคจินอู ภายในห้องที่ตกแต่งลวดลายวอล์เปเปอร์สลับฟ้า ๆ ขาว ๆ คล้ายลายท้องฟ้าคราม เฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบและราคาแพง รวมถึงภาพจิตรกรรมและเครื่องแก้วสะสมต่าง ๆ ยามเมื่อต้องแสงไฟปรากฏเป็นระยิบระยับผ่านตู้กระจกของสะสมโบราณผ่านไปที่ห้องทำงานของเธอ และเธอที่ยังคงตั้งหน้าตั้งหน้าพิมพ์งานอะไรบางอย่างอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน๊คบุ๊คราคาแพงของเธออยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ และรวมไปถึงการฟังประกาศผลรางวัลภาพยนตร์ผ่านรายการทีวีนั่น
และภายในห้องสีฟ้าเข้ม เสียงจากทีวีจอใหญ่ฝั่งด้านทิศใต้ของห้องและหน้าจอที่แสดงผลรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ " Autumn " ที่นักแสดงอย่าง เชวมินแจเพิ่งจะได้รับรางวัลแสดงนำชายจากเรื่องนี้ไปหมาดๆ และผู้ชายที่เพิ่งจะออกจากลิฟต์พร้อมๆ กับพัคจินอู เขาที่นั่งบนโซฟาหลุยส์สีน้ำตาล ๆ และยังคงตั้งใจดูประกาศผลรางวัล
และผู้ชายคนที่นั่งอยู่ในห้องเพียงลำพังก็ยังจะปลดกระดุมเม็ดที่ติดอยู่บนปกเสื้อเพื่อคลายความอึดอัด แต่ทว่าเขาก็ดูเหมือนที่จะมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนักที่ ๆ เชวมินแจมีชื่อเสียงมากมาย และเขาเอนตัวลงที่โซฟาตัวขนาดย่อมๆ ก่อนที่จะกวาดสายตาไปมองรอบๆ ห้อง ๆ ที่เขาเพิ่งจะเข้ามาอยู่ และห้องสีฟ้าเข้มที่แสนเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น อุปกรณ์เครื่องใช้ครบคัน ห้องครัวแนวเมดิเตอร์เรเนียนที่ชอบ ผ้าม่านทรงหลุยส์สีฟ้าทึบแสง และระเบียงขนาดกว้างขวาง กระจกที่เป็นผนังกำแพง และบันไดวนที่ทำจากหินอ่อนทางทิศตะวันออกที่จะพาเขาไปที่ ๆ ห้องนอนของตัวเอง
ทางม้าลายบริเวณสี่แยกขนาดใหญ่และรถราที่พากันวิ่งบนถนนกันขวักไขว่ และอีกทั้งผู้คนชาย หญิงวัยเรียน วันทำงาน คนชรา และเด็ก ทุก ๆ คนที่ต่างพากันเดินหน้าและทุก ๆ คนที่ก็ต่างทำเหมือนกันคือการเดินข้ามถนนตามสัญญาณไฟจากฝั่งนู้นข้ามไปฝั่งนี้ และบางคนที่พากันเดินหายเข้าไปในตึกสูงระฟ้า บ้างก็เดินเข้าไปในตึกกระจกสูงตระหง่าน และบ้างก็เดินเข้าไปในศูนย์น้อยใหญ่ที่อยู่ริมฝั่งถนน
และ123 cafe' คาเฟ่ที่ตั้งอยู่มุมถนนป้ายโลหะชื่อร้านออกเป็นสีส้มๆ เป็นตัวเลขโรมันเฉพาะเลขหนึ่งและใช้เลขสองกับเลขสามแบบธรรมดาตามด้วยพยัญชนะภาษาอังกฤษทั่ว ๆ ไป และป้ายไฟรูปขนมเค้กหลากหลายชนิดของร้านนี้ เสียงเพลงป๊อปสมัยใหม่ที่ดังผ่านออกมาจากประตูบานกระจกสีส้ม 123 คาเฟ่ และบรรยากาศในร้านที่พลุกผล่านในช่วงวันหยุดที่เพิ่มขึ้นอีก จนทำให้พนักงานร้าน เด็กพาร์ททาร์ม และเจ้าของร้านต่างพากันทำงานจนมือเป็นระวิง
และมิหนำซ้ำเจ้าของร้านคาเฟ่สายหวานร้านนี้อาจจะมีอารมณ์ศิลปิน และรักศิลปะมากๆ จนกระทั่งที่มุมๆ หนึ่งของร้านที่ถูกจัดสรรปันส่วนให้กลายเป็นเวทีของนักดนตรีสมัครเล่นย่อมๆ ทั้ง เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน หรือแม้กระทั่งคีบอร์ท
หนุ่มวัยกลางคน ที่ตอนนี้ทำหน้าที่เสริ์ฟเมนูของหวาน อย่าง เค้กสตรอเบอร์รี้ พุ้งดิ้งบานาน่าถ้วยใหญ่
ยุนเจอี พนักงานสาวผมสั้นหยิกหยักศกและติดป้ายชื่อสี่เหลี่ยมไว้ตรงมุมขวาของผ้ากันเปื้อนสีเขียวเข้ม เธอที่กำลังรีบร้อนจัดเครื่องดื่มเดลิเวอร์รี่อยู่ในบาร์ชงเครื่องดื่ม
เคาน์เตอร์บาร์ชงกาแฟของคาเฟ่สีเมล็ดกาแฟคั่วเข้มขนาดใหญ่พอประมาณทางมุมด้านในสุด เคาน์เตอร์บาร์ที่มีรูปร่างคล้าย ๆ กับเรือสำราญ และประดับประดาด้วยธงชาติหลากหลายประเทศ
ผู้ชายคนหนึ่งที่ตัวสูงใหญ่ หน้าตาดูคล้าย ๆ พวกไอดอลคนดัง เขาที่กำลังโชว์สกิลการชงกาแฟอย่างละเมียดปนความละมุนและตบท้ายรอยยิ้มสุดหวานที่พร้อมจะเติมเข้าไปในถ้วยกาแฟของสาวๆ แต่ว่าเขากลับใส่เพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีส้มแอบพับแขนเสื้อเล็กน้อย และผ้ากันเปือนสีเดียวกับยุนเจอีก็เท่านั้น
"ซอเยอึน" ป้ายชื่อบนผ้ากันเปื้อนของเด็กสาววัยมหาวิทยาลัย เด็กสาววัยรุ่นตัวผอมบาง หน้ากลม ตากลมๆ ตัวสูงไม่เกิน 155 เซนติเมตร เด็กสาวที่คอยยืนอยู่ข้างๆ บาริสต้าไอดอลเพื่อคอยเรียนรู้และเป็นลูกมือ
และชายหนุ่มสองคนที่คอยหยอกล้อกันเหมือนพี่น้องในขณะที่พวกเขากำลังช่วยเก็บเก็บจานและเสริ์ฟเครื่องดื่ม
ชายหนุ่มคนที่สูงกว่าหน่อยดูท่าทางอายุน่าจะไม่เกิน 26 ปี เขาเป็นผู้ชายยิ้มง่ายๆ และท่าทางขยันขันแข็งไม่ใช่น้อย และผมยาวรวบตึงของเขาที่ทำให้สาวๆ ลูกค้าถึงกับหลงเสน่
ชายหนุ่มที่ความสูงลดน้อยลงมาหน่อยถึงเขาจะดูอายุไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ดูแล้วทะมัดทะแมง ทรงผมที่คล้ายๆ กับทรงที่พวกตำรวจชอบตัดกัน แล้วก็ลักยิ้มพิมใจของเด็กหนุ่ม
พัคจินอูที่จู่ๆ ก็เดินพรวดพราดเข้าในร้าน และเธอยังเดินตรงดิ่งไปในเคาร์เตอร์บาร์ และมิหนำซ้ำยังเผลอทำหน้าหงุดหงิดใส่พวกเขา
" ทำไมไม่ใครโทรตามฉันเลยสักคน " พัคจินอูบ่น ๆ ให้พวกรอบๆ ข้างฟังในขณะที่เธอเองก็พยายามควานหาผ้ากันเปื้อนของร้านขึ้นมาใส่
" ที่ร้านก็ยุ่งขนาดนี้ ทำไมถึงไม่มีใครโทรตามฉันห๊ะ " พัคจินอูหันไปทำหน้าเหวี่ยงๆ ใส่ซอเยอึน และรีบคว้าถ้วยกาแฟดิลิเวอร์รี่พวกนั้น
ซอเยอึนเหมือนจะรู้สึกผิด
" พอดีว่า....." แต่ซอเยอึนไม่กล้าพูดต่อได้แต่หันไปและเหลียวมองหาใครสักคน
" ใจเย็น ๆ น่า" ผู้ชายคนที่ชงกาแฟที่ก็เลยรีบหันมาห้าม แต่ว่าพวกเธอกลับไปสนใจ
" หยุดเลยนะ นายก็เหมือนกัน " พัคจินอูทำหน้าตาไม่พอใจสุด ๆ ใส่เขา
" นายก็เหมือนกัน อินซอง !! " พคจินอูหันไปทำตาขวางใส่บาริสต้าไอดอลประจำร้าน แต่ว่าอินซองกลับอมยิ้มและคะยั้นคะยอให้พัคจินอูเอาเครื่องดื่มดิลิเวอร์รี่ไปส่งจนได้
พัคจินอูที่รีบร้อนและกำลังจะเดินออกจากประตูร้านคาเฟ่ ตอนนั้นที่จู่ๆ พวกเธอก็ได้ยินเสียงกรี๊ดของสาววัยรุ่นกำลังดังเข้ามาใกล้ ๆ ที่ร้าน และกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้นเหมือนจะพากันเดิมห้อมล้อมกันกลุ่มใหญ่ ๆ ก่อนที่พวกเธอจะมาหยุดอยู่ปากประตูหน้าร้าน
เธอยิ้มกว้างทันทีที่เห็นชเวมินแจเดินฝ่าบรรดาแฟนคลับสาวๆ นักเรียนมาหยุดอยู่ที่ประตูคาเฟ่และเขาก็กำลังเดินเข้ามา
" สวัสดีทุกคน " ชเวมินแจดารานักแสดงระดับประเทศหมาดๆ ที่กำลังเดินเข้ามาในร้านคาเฟ่ย่านสีแยกที่มีผู้คนพลุกพล่าน
รอยยิ้มของเชวมินแจพลอยทำให้บรรดาลูกค้าคนอื่นๆ ที่นั่งกันภายในร้านมีความสุขและต่างตื่นเต้นไปด้วย
เชวมินแจยังจะรีบเดินเข้าหาพัคจินอูและส่งรอยยิ้มให้เธอก่อนใครเพื่อน
" จะไม่เชิญฉันเข้าไปนั่งในร้านหน่อยหรือไง " เชวมินแจพูดพร้อมกันเดินเข้าไปส่งยิ้มหวานๆ ให้เธอ
" พี่ค่ะ " พัคจินอูส่งยิ้มตอบกลับ
" พูดอะไรแบบนั้น ฉันกลัวว่าพี่จะยุ่งจนมาไม่ได้แล้วต่างหาก" พัคจินอูยังคงส่งยิ้มทักทายชเวกียุลอยู่ตลอดเวลา
แต่ว่าแล้วที่จู่ๆ ผู้ชายวัยกลางคน ๆ นั้นที่รีบเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเค้าทั้งคู่
" มาแล้วเหรอ " ผู้ชายคนนั้นที่รีบเดินเข้าจับไหล่เชวมินแจและพาไปนั่งโต๊ะที่ใกล้กระจกด้วยท่าทีที่เป็นกันเองสุด ๆ และเขาที่กำลังกอดคอของพัคจินอูอย่างสนิทสนม
" น้องสาวฉัน "
" นายก็รู้ว่า ไม่ค่อยจะมีมารยาทอยู่แล้ว " เขาพูดหยอกล้อพัคจินอู จนเชวมินแจยิ้มและพยักหน้ายอมรับ
" ผมชินซะแล้วละครับ พี่แทซัน " เชวมินแจเห็นด้วยกับพี่ชายของเธอ
" จริงสินะ " แทซันพยักหน้า
" พวกเรากำลังรอแสดงความยินดีกับนายอยู่เลยทีเดียว " และ แทซันที่พูดเข้าข้าง
และพนักงานทุกคนในร้านต่างพากันกรูเข้ามาแสดงความยินดี และต่างพากันจับไม้จับมือกับเชวมินแจอย่างคนคุ้นเคย พวกเขาทุก ๆ คนที่ต่างคนต่างเข้ามาแสดงความยินดีในความสำเร็จของเขาที่ตอนนี้กลายเป็นดาราที่มีชื่อเสียงระดับประเทศไปแล้ว
ทางเดินในซอยแคบ ๆ ที่ไม่มีผู้คนเดินขวักไขว่มากนักในตอนมืดๆ ตึกสูงสามสี่ชั้นที่เปิดไฟหน้าประตูสลัว ๆ เอาไว้ และไฟส่องทางเดินที่ค่อนข้างสลัว ประตูเหล็กดัดบานเล็ก ๆ ที่พอให้คนเดินผ่านเข้าไปได้ และถ้าเปิดผลักประเหล็กเข้าก็อาจจะเจอผู้ชายท่าทางนักเลงกลุ่มเล็ก ๆ สองสามคนที่นั่ง ๆ ยืน ๆ บ้างก็ยืนพิงพนังสูบบุหรี่ บ้างก็นั่งล้อมวงกันโต๊ะแคบ ๆ ดื่มกินเหล้าอาหารกันภายใต้ไฟสลัว และที่สำคัญหลักพวกนั่นยังมีประตูเหล็กทึบใส่กุญแจล๊อคเอาไว้ แต่ว่าก็ยังพอที่จะได้ยินเสียงอึกทึก และเสียงพูดจาเหมือนกำลังมีการแข่งขันต่อรองอะไรกันสักอย่างเล็ดลอดออกมาจากประตูเหล็ก นั่น
ผู้คนนับหลักร้อยที่ต่างพากันนั่งมั่วสุมรายล้อมอยู่ที่โต๊ะไพ่ และโต๊ะบาคาร่านับสิบ ผู้ชายส่วนใหญ่ที่มาที่นี้ล้วนแต่เป็นนักพนันตัวยง หรือแม้แต่ผู้หญิงที่มีตั้งแต่วัยกระเตาะ ไปจนถึงบรรดาสาวรุ่นใหญ่วัยกลางคนที่ก็ต่างแข่งขันกันเชียร์แขกบรรดาผู้ชายพวกนั่นให้ลงพนันขันต่อให้มาก ๆ แต่ว่าส่วนผู้หญิงวัยอายุมากๆ หน่อยที่มาเป็นลูกค้า สำหรับแขกผู้หญิงพวกนั้นก็จะมีผู้ชายวัยกลางๆ คนแต่งตัวภูมิฐานเข้ามาช่วยเล่นเป็นเพื่อนพวกเธอ
พัคจินอูที่กำลังเดินผ่านประตูเหล็กนั่นไม่ได้เท่าไหร่ เธอที่พยายามมองหาและเดินไปรอบๆ ทั่วห้อง ๆ นี้ เธอพยายามเดินและคอยกวาดสายตาหาใครบางคนจากหลายๆ โต๊ะ และหลายๆ ที่ เหมือนเธอกำลังตามหาใครสักคนในนี้
เสียงทะเลาะกันของผู้ชายสองคนที่ดังมากจากโต๊ะไพ่ข้างในมุมสุดของห้องที่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนพลอยทำให้ลูกค้าโต๊ะอื่นๆ เริ่มทยอยส่งเสียงบ่นรำคาญ เพราะว่าลูกค้าโต๊ะนั่นต่างก็ทะเลาะกันเพราะสงสัยว่าอีกฝ่ายโกง
พัคจินอูก็เลยยิ่งต้องค่อยๆ เดินอ้อมเข้าไปเพราะจำเสียงผู้ชายคนนั้นได้ และร้องห้าม
" คุณลุง ! " เธอพยายามเข้าไปลากแขนของผู้ชายค่อนข้างท่วมและหัวล้านคนหนึ่ง แต่ว่าพวกเขากลับไปฟัง
" ถอยไป " ตาลุงคนนั่นพยายามผลักพัคจินอู
" พวกมันโกงฉัน พวกมันรวมหัวกันโกงฉัน " ตาลุงคนนั้นพยายามชี้หน้าพวกคนในบ่อน และต่อว่าผู้ชายอีกคนที่เล่นอยู่กับเค้า และจู่ ๆ ผู้ชายอีกคนก็ยังจะรีบเดินเข้ามาผลักพวกเธอซ้ำ พัคจินอูกับคนที่เธอเรียกว่าลุกต่างกันพาเซถลาแทบจะหงายหลังไปเลยทั้งคู่
ผู้ชายคนที่พัคจินอูมาตามแทบล้มทั้งยืนแต่ก็ยังพอประคองตัวเอาไว้ได้ พัคจินอูเห็นท่าไม่ดีก็เลยรีบเข้ามายืนเกลี่ยกล่อม
" คุณลุงค่ะ รีบกลับกันก่อนเถอะคะ"
พัคจินอูที่พยายามเข้าเกลี่ยกล่อม แต่ว่าเธอที่ทั้งกลัวแต่ว่าก็ยังจะทำใจดีหันกลับมาพูดคุยกับกลุ่มคนที่เริ่มมามุงดู
" ขอโทษค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ" พัคจินอูเข้ามาขอโทษอย่างจริงใจ แต่คนพวกนั่นก็ยังจะคอยทำท่าทีเมินเฉยใส่อยู่เรื่อยๆ และมิหนำซ้ำยังพากันรุมด่าพวกเธอด้วยท่าทีและท่าทางที่หยาบคาย
แต่เธอก็ยังคงพยายามที่จะขอร้อง
" ลุงฮวัง คงเข้าใจผิดเอง ฉันขอโทษด้วยค่ะ" พัคจินอูพยายามก้มหัวและบอกขอโทษผู้คนในนั่นอย่างรีบร้อน และเธอก็ยังจะพยายามขอร้องพวกเขา แต่ว่าคนพวกนั้นก็พยายามจะเข้ามาประชิดพวกเธอจนลุงต้องเอาตัวเข้ามาแทรก
" จินอู เธอไปขอโทษพวกมันทำไม " ลุงคนนั่นที่พยายามดื้อรั้นและไม่ฟังคำขอร้องจากเธอ จนทำให้พวกเขาโดนล้อม
" คนพวกนี้สิ !!! ที่ต้องมาขอโทษพวกเรา "
" พวกมันเอาเงินของฉันไปตั้งเท่าไหร่แล้ว เธอรู้ไหม " ลุงแก่ๆ ที่คอยฟาดงวงฟาดงา เพราะว่าเสียเงินไปมาก
" พวกแกมันสารเลวจริง ๆ " ฮวังที่ยังคอยชี้หน้าด่าและชี้หน้าพวกคนคุมบ่อน แต่ว่าพัคจินอูก็ยังจะตามมาขอร้องและพยายามจะขอชดใช้
" ถ้าอย่างนั่น ฉันจะจ่ายคืนลุงให้เอง" พัคจินอูหันมาและก็ตัดบท และรีบหันหน้ามาขอร้องลุงของเธอด้วยสายตาที่ว่าอยากให้เขาอยู่เฉยๆ
" นะคะ " เธอขอร้องอีกครั้ง
ลุงของเธอที่ยังรู้สึกแปลกใจและทำหน้าครุ่นคิด
" เธอคิดจะทำอะไร" เขาสงสัยและเริ่มอยากรู้
พัคจินอูหันมายิ้มๆ กับเขา
" คุณลุงบอกว่าพวกนั่นโกงลุง " เธอยิ้มกว้าง
" ฉันจะช่วยลุงเองค่ะ" พัคจินอูแสดงรอยยิ้มอย่างมั่นใจให้กับพวกเขา
" เรามาพิสูจน์กันได้ใช่ไหม "
พัคจินอูที่พยายามฝืนยิ้มอยู่เรื่อง ๆ ก่อนที่เธอจะหันไปท่าผู้ชายคนที่เล่นไพ่อยู่กับลุงของเธอก่อนหน้านี้จนได้
ลุงฮวังเดินนับเงินเป็นปึกๆ เป็นฟ่อนๆ ออกมาจากประตูตึกที่ทำเป็นคาสิโนย่อมๆ ใจกลางเมือง พัคจินอูได้แต่คอยเดินตามและทำหน้าเอือมระอาอย่างสุด ๆ
" ลุงฮวัง " พัคจินอูที่จู่ ๆ รีบเดินเข้าไปขวาง เพราะเห็นว่าเขาไม่สำนึกผิดเลยสักนิด แต่ว่าเขาก็ไม่ได้มีสีหน้าที่ผิดหวังจริง ๆ เขายิ้มและยังจะนับ ๆ และแบ่งเงินแบงค์ใหญ่สุดให้เธอตั้งหลายใบ
" นี่ทิป "
" ฉันให้เธอ "
" เห้อ....." ลุงฮวังที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
" ถ้ารู้ว่าเธอเล่นเก่งขนาดนี้ จินอู " ลุงฮวังที่เดินเข้าไปโอบไหล่และกำลังพาพัคจินอูออกจากตรอกซอกซอยกลับออกมา
" ป่านนี้ ฉันรวยเละไปตั้งนานแล้ว "
" ฮ่า ๆ " เสียงหัวเราะของลุงฮวังทำให้พัคจินอูยิ่งหมดอาลัยตายอยาก เธอที่ตั้งใจจะมาห้ามเขาไม่ให้โดนถูกทำร้ายแท้ ๆ
" ลุงว่า ต่อไปเธอไม่ต้องเหนื่อยทำงานพวกนั่นแล้วละนะ จินอู " เขาพูดต่อ
" ทำงานงกๆ ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร "
" ทำไป ก็มีแต่ต้องคอยก้มหัวให้คนพวกนั้นคอยจิกหัวใช้ไปจนตาย " ลุงฮวังพล่ามไม่หยุด
" รีบกลับกันเถอะคะ " เธอยิ้มเจื่อน ๆ
" ดึกป่านนี้แล้ว" พัคจินอูคอยตัดบทฮวังอูซองอีกครั้ง!
แต่ทว่าฮวังอูซองที่ได้แต่หัวเราะร่าไม่ยอมฟังเธออยู่ท่าเดียว จนกระทั่งพวกเขาสองคนที่ใกล้จะเดินพ้นตรอกแคบๆ
แต่แล้วจู่ ๆ พวกเธอกลับต้องหยุดชะงักและรีบหันหลังกลับไปพร้อมกัน เพราะตอนนั่นพวกเธอกำลังได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้าจากข้างหลัง !
ผู้ชายคนที่เล่นพนันกับเธอที่กำลังเดินถือมีดพกและพยายามจะเข้ามาทำร้ายพวกเธอทั้งสองคน เพราะว่าโกรธแค้นที่แพ้พนันจนหมดตัวให้กับคนทั้งคู่
พัคจินอูกับลุงฮวังที่กำลังจะรีบวิ่งหนี แต่จู่ๆ ก็มีผู้ชายอีกคนโผล่มาอยู่ตรงหน้า!!!
" นี่นาย..คนที่ !!! "
เธอรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆ ผู้ชายคนที่อยู่ห้องตรงกับข้ามโผล่มา แต่ก็ที่จู่ ๆ ลุงฮวังกลับเลือกที่จะไปหลบอยู่ข้างหลังของผู้ชายคนนั้นด้วย !!!
" ช่วยพวกเราด้วยครับ !!! " ลุงฮวังตัวสั่นและพยายามเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังของเขา
" คุณหัวหน้าเอนจิเนีย !!! " ลุงฮวังเรียกชื่อของเขาและยังกวักมือเรียกหาเธอ แต่ว่าเธอก็ยังกลัวจนตัวสั่น ๆ
แต่ว่าเขาแทบจะปรี่เข้าไปแย่งชิงมีดในมือผู้ชายที่กำลังรีบร้อนจะเข้ามาทำร้ายพวกเธอด้วยเหมือนกัน
ตุบ !!! ตับ !!!
ผู้ชายคนที่เข้ามาช่วยเธอต่อยตีกับคนพวกนั้นกันอยู่อย่างชุลมุนวุ่นวายในตรอกซอกซอยแคบ ๆ
คุณหัวหน้าเอ็นจินเนียคน ๆ นั้นพยายามที่จะแยกมีดพกของนักพนันคนนั่น ส่วนเธอที่พยายามหลบให้พ้นจากลูกหลง และส่วนลุงฮวังที่ก็จะยังจะอุตส่าห์เข้าไปรุมชกต่อยด้วยกันกับเขา !
" ช่วยด้วย ๆ " พัคจินอูตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่เธอก็พยายามที่จะหาที่หลบแถวๆ ซอกตึก
" ใครก็ช่วยพวกเราที !!!! " เธอตะโกนขอความช่วยเหลือไปเรื่อยๆ
แต่ว่า....
" ลุงฮวัง !!! " เธอกรี๊ดร้องขึ้นมาจนสุดเสียงจนกระทั่งทำให้ผู้ชายคนนั้นรีบทิ้งมีดและหนีไป แลลุงฮวังล้มฟุบลงไปที่พื้น !!!
" ลุงฮวัง !!! " และน้ำเสียงก็เริ่มสั่น
เพราะพวกเธอกำลังมองเห็นว่า ลุงฮวังล้มลงไปกองอยู่ตรงหน้า และมีเลือดไหลออกมาจากท้องของลุง
" บ้าเอ้ยย !!! " ลุงฮวังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาและพยายามเอามือกุมที่ท้อง จนเธอต้องรีบร้อนเข้าไปประคอง
" ลุงค่ะ ลุงเป็นอะไรมากหรือเปล่า " เธอคอยประคองลุงฮวังเอาไว้ และอีกทั้งที่เธอยังพยายามที่จะกวาดสายตาดูอาการลุงของตัวเอง
" คุณลุงฮวัง ! " และเสียงสะอื้นขึ้นเรื่อยๆ ไปตามจำนวนเลือดที่เริ่มทยอยไหลออกจากบาดแผล
" หัวหน้า ! " ลุงฮวังเอามือกดแผลที่หน้าท้องตัวเองแต่ก็ยังจะประคองสติไปด้วย
" คุณช่วยพาพวกเราไปโรงพยาบาลทีนะ ! "คราวนี้ทั้งลุงฮวังและเธอต่างก็พยายามที่จะหันไปขอความช่วยเหลือจากเขา
เสียงฟ้าร้อง เสียงฟ้าผ่า ! ดังก้องทั่วภูเขาลูกใหญ่ ต้นไม้ลำต้นสูงชัน และกิ่งไพ่ที่ลู่ลม ที่พวกมันต่างแข่งกันเสียดสีเกือบที่จะกลบเสียงดาบ !
เสียงปะทะฝีมือของเหล่านักดาบ 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งสวมชุดทหารโบราณผูกผ้าพันคอปักดอกเบญจมาศสีแดง และกลุ่มหนึ่งผูกผ้าพันคอปักดอกเบญจมาศเหลือง พวกเขาชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันต่างเข้าปะทะกันอย่างไม่หยุดหย่อนท่ามกลางพายุฝน
ผู้ชายคนหนึ่งดูน่าเกรงขาม และสวมชุดทหารของพระราชายศชั้นเอก เขาซึ่งคอยคุมดูการต่อสู้อยู่ไม่ห่างบริเวณค่ายทหารบนเนินเขา เขาที่คงยืนอยู่อย่างใจจดใจจ่อเพื่อดูการคัดสรรของนักรับหนุ่มที่จะก้าวสู่สุดยอดองครักษ์เคียงข้างพระราชาของแคว้น
การต่อสู้ของเหล่าทหารฝีมือกล้าที่ถูกคัดสรรมาจากเมืองขึ้น บรรดาเหล่าทหารมีทั้งที่เต็มใจมา และถูกบังคับให้มาจากเหล่าคนในตระกูลเพื่อทำการผูกมิตรให้แน่นแฟ้น และได้รับการผ่อนปรนในการเป็นเมืองที่ต้องถวายบรรณนาการ
และชายหนุ่มรูปงามวัยเพียงยี่สิบสี่ได้กลายเป็นที่หมายตาของแม่ทัพผู้คุมกองทหาร ชายหนุ่มร่างกายสูงโปร่งแลดูปราดเปรียว และตามประวัติเขาเป็นเพียงลูกทาสที่คอยติดตามบุตรลูกตระกูลดังเพื่อให้ได้รับการคัดเลือก ฝีมือของชายหนุ่มรูปงามกว่าบุตรชายของตระกูลชั้นหนึ่งของแคว้น ฝีมือและชั้นเชิงไม่แพ้ทหารเอกที่เคยฝึกปรือมาแล้วร่วมสิบปีเลยแม้แต่นิดเดียว
และอีกหนึ่งชายหนุ่มรูปร่างสันทัด แต่ทว่าใบหน้างดงามราวกับดอกไม้ และยังเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองรองของแคว้น คน ๆ นี้ฝีมือก็ฉกาจฉกรรณ์ไม้แพ้ลูกทาสคนนั้น