อเล็กซานเดอร์ขมวดคิ้วงงๆ "เธอนี่ยังไง เมื่อกี้พูดว่า 30 วัน -- ตอนนี้พูดว่าตลอดทั้งปี"
แคสซิโอเปียกลอกตา "บนโลกใบนี้เหลือนายอยู่คนเดียวแล้วงั้นเหรอ" เธอแสร้งถอนหายใจเสียงดังเฮือก "หวัด, ตาแดง, เส้นเสียงอักเสบ, หลอดลมส่วนปลายอักเสบ, ปอดบวม, นอกจากนี้ยังทำให้ติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร อาเจียน ถ่ายเหลว..."
บดินทร์กลืนน้ำลาย
"ลูกบอลสีม่วง นั่นคือไวรัสเอชไอวี มันก่อโรคเอดส์ โรคเอดส์ก็คือ..."
"ฉันดูเหมือนคนที่ไม่รู้จักแม้แต่โรคเอดส์งั้นเลยสิ มันเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีคู่มากกว่าหนึ่งโดยไม่ป้องกัน"
แคสซิโอเปียหรี่ตา "มันเป็นภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมันก็ติดต่อทางเลือดเข้าสู่บาดแผลด้วยล่ะ ถ้าพูดถึงเรื่องเหนือสะดือน่ะนะ"
อเล็กซานเดอร์ทำปากทวนประโยค 'ถ้าพูดถึงเรื่องเหนือสะดือน่ะนะ' แต่แสร้งทำเหมือนว่าเขาไม่รู้สึกสนใจอะไรเมื่อเธอมองมา
แคสซิโอเปียยักไหล่ ก่อนจะเดินไปที่ป้ายถัดไป "ไส้เดือนสีแดงคือ..." เธอทำท่าเหมือนส่งไมโครโฟนถึงฟ้าประทาน
"...ไวรัสก่อโรคอีโบลา"
"กระบองเพชรสีเขียว..."
"...ไวรัสก่อโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ"
วิลเลี่ยมมองดูเงียบๆ
"อ๊ะ!" อเล็กซานเดอร์ร้องเรียก เมื่อแคสซิโอเปียก้าวฉับๆ ผ่านไป
เธอหันขวับกลับมา "มีอะไร"
"แมงมุมที่มีคอสูงชะลูดนั่นล่ะ..."
แคสซิโอเปียหันไปสบตาฟ้าประทาน
"...นักกินแบคทีเรีย"
"หรือนักฆ่าเชื้อดื้อยา" แคสซิโอเปียบอก "แต่วิธีแก้ปัญหาคนตายจากเชื้อดื้อยาที่ดีที่สุด คือป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ"
[ข้อมูลจากศูนย์เฝ้าระวังเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ทั่วโลกมีคนเสียชีวิตจากการติดเชื้อดื้อยา ประมาณปีละ 700,000 คน]
"เพราะอะไร ถึงไม่จุดไฟล่ะ" อเล็กซานเดอร์สงสัย
แคสซิโอเปียตวาดเสียงไม่พอใจมาก "พูดไม่คิด ปริมาณออกซิเจนเกณฑ์ปกติ 18 ถึง 21 เปอร์เซ็นต์ ไฟแต่ละครั้งต้องใช้ปริมาณออกซิเจนถึง 16 % เผาไหม้ -- ในถ้ำมีปริมาณออกซิเจนลดน้อยลง -- ขณะที่คนเราหายใจออกก็ขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา มากคนมากคาร์บอนไดออกไซด์"