เส้นทางนับจากตรงนี้เป็นต้นไปเกินคาดฝัน
เด็กๆ เปลี่ยนรองเท้ารูปแบบทันสมัย ระบายอากาศได้ดี น้ำหนักเบา พื้นไม่ลื่น นุ่มกำลังดี เดินนานไม่ปวดขา-เท้า ยืนนานยังไม่เมื่อย
พวกเขาเดินไปที่ประตู และลงไปสู่ท่าเรือเล็กๆ มีแสงตะเกียงส่องวูบวาบเหนือศีรษะ
บดินทร์ตัวสั่นเมื่อออกมาสู่อากาศเย็นลงกะทันหันยามเช้า โชคดีที่แคสซิโอเปียรบเร้าเซ้าซี้เพื่อชักชวนให้เขาตกลงใจสวมเสื้อแขนยาวกันหนาวทับเสื้อแขนสั้น
แล้วเด็กนักเรียนปีหนึ่งก็เดินตามๆ กันไปตามทางที่ชันและแคบ ไม่มีใครพูดอะไรมากนัก
"นี่ ดูนั่นสิ"
"เห็นตรงนั้นไหม"
มองไกลๆ เห็นปราสาทสีขาวยิ่งใหญ่ตระการตา ที่มีหอระฆังทองยักษ์
เด็กๆ ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นหูพูดขึ้นว่า "เด็กๆ ปีหนึ่ง เด็กๆ ปีหนึ่งมาทางนี้"
แม่นาก ไม่ทราบนามสกุล: เผ่าพันธุ์อิสระชน หญิงสาวผมยาว ห่มสไบ นุ่งโจงกระเบน เธอยืดแขนสูงเท่าต้นมะพร้าวแล้วกวักมือบนท้องฟ้า
"มาถ่ายรูปรวมรุ่นไว้ก่อน เผื่อปิดเทอมใหญ่ต้องมีผู้ปกครองใครสักคนหอบหิ้วชุดนักเรียนในวันที่ไร้นักเรียนมารับสมุดสะสมผลการเรียน"
บดินทร์อ้าปากค้าง บนโลกนี้ยังมีคนที่ใช้คำพูดเเทนมีดได้คล้ายเเคสซิโอเปียอีกเหรอ
เด็กๆ เห็นป้าย เขียนว่า [โรงเรียนไกลกังวล]
[กระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยฐานะ]
รูปถ่ายใบแรกแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสีหน้าของบดินทร์สยองแค่ไหน ไม่แน่ใจเลยว่าเขาสยองอะไรมากกว่ากัน ระหว่างเเขนยืดยาวของแม่นากทึ่ถูกผูกโบว์ขณะโอบกอดนักเรียนทั้งชั้นปี หรือ แผ่นหินที่สลักกฎบ้านยุบยับนับข้อไม่ถ้วนที่เป็นฉากหลังนั่น
'ที่นี่เป็นสถานที่คนเป็นควรอยู่แน่เหรอ'
[ตักอาหารเท่ารับประทานหมด]
[ดื่มสุราเท่าครองสติครบถ้วน]
[ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตที่เป็นภัยคุกคามชีวิต]
[ปีนกำแพงออกไปด้านนอกแล้วต้องไม่เกิดเรื่อง]
[นั่งท่าสุภาพไม่เปิดเผยอวัยวะพึงสงวน]
[มีแฟนในวัยเรียน ผลการเรียนต้องดีทั้งสองคน]
[นั่งหลังค่อม เมื่อกระดูกคด ปวดจนตาย]
[เอียงหน้ากระซิบ ท่าทางนินทา เสียมารยาท]
[รับสิ่งของเป็นการส่วนตัวถือเป็นสินบนไม่ใช่สินน้ำใจ]
[ทำผิดกฎของห้องเรียน ต้องสรุปใจความสำคัญท้ายชั่วโมงเรียน...]
[หากฝ่าฝืน สถานเบาลงโทษบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ สถานหนักขับออกจากไกลกังวล]
วิลเลี่ยมหยิบแว่นขยายออก