"ไกลกังวลต้องการคนที่เตรียมพร้อมและมีพลังงานเต็มเปี่ยม" ทีป์สุรธเนสมองอเล็กซานเดอร์ ขณะวิ่งบนภูเขาตามแนวยาวมาถึงส่วนสันที่สูงสุด
"ต้องไปต่อเลยเหรอ"
"ต้องไปสิ"
"รอเดี๋ยวสิ"
"ไม่รอ"
"ขอเวลาแป๊บหนึ่งไม่ได้เหรอ"
"เลิกบ่นแล้ววิ่งต่อไปซะ"
เวลาเช้ามืดขนาดนี้ อย่าว่าแต่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ดูรวมๆ แล้วนักเรียนทั้งชั้นดูเหมือนยืนอยู่ที่สนามหญ้าร้างมากกว่า
"เรามาวิ่งแต่เช้ามืดเพราะอะไรกันนะ" บดินทร์บ่นๆ
อะลีฟที่วิ่งอยู่ข้างๆ ดูแปลกใจ "หือ วิ่งชมวิวสวยๆ ดีออก"
"เช้ามืดแบบนี้มองไม่เห็นอะไรเลย"
อะลีฟสูดจมูก "กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำค้างกระทบใบไม้ ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง อารมณ์คนก็ดีขึ้น สดชื่นจริงๆ"
"งั้นเหรอ ผมมีแต่ปวดขา แถมเมื่อคิดว่าเสียเวลาเปล่า ก็มีแต่อารมณ์คุกรุ่น"
อะลีฟหัวเราะ เขาดูจะชอบวิ่งออกกำลังกายเป็นที่สุด
"การฝึกซ้อมบนพื้นที่สูงซึ่งมีออกซิเจนเบาบาง เป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้หัวใจและปอด"
พวกเขามองนักเรียนชั้นปีที่ 7 ซึ่งนั่งรถขึ้นภูเขามาถึงก่อน รับผิดชอบกำจัดสิ่งกีดขวางทางสัญจรตลอดเส้นทางที่วิ่ง
"ช่วยกระตุ้นให้ออกซิเจนและกลูโคสที่สมองต้องการไหลเวียน และยังกระตุ้นให้เอ็นดอร์ฟินหลั่งออกมาทำให้รู้สึกดีคลายความเครียด"
บดินทร์เหงื่อโชก เขามองแสงสว่างจ้าออกมาจากหิ่งห้อยที่บินเรียงเป็นสัญลักษณ์ลูกศรชี้ทางบนอากาศ และรับน้ำจิบๆ แค่พอดับกระหายที่บูธทุกๆ 2-2.5 กิโลเมตร
แคสซิโอเปียมองดูกลุ่มนักเรียนโรคหัวใจวิ่งเหยาะอย่างสบายๆ ขณะที่บรรดานักเรียนหลายคนวิ่งหน้าตั้งไล่เตะเพื่อนที่มีกระดาษแปะที่หลัง เขียนว่า [เชิญเตะฟรี]
อยู่ๆ แคสซิโอเปียพลันคอพับ เอนตัวมากพอที่ศีรษะขนานกับหัวใจ พิงฟ้าประทาน
ฟ้าประทานรีบเร่งจัดท่าให้แคสซิโอเปียนอนศีรษะต่ำ คลายเสื้อผ้าและเชือกรัดเอวกางเกงให้หลวม ก่อนจะจับขาพาดตักของเธอและยกแขนสูงประมาณ 45 องศา หวังว่าเลือดจะไหลไปหัวใจและขึ้นไปเลี้ยงสมองเพื่อน
อะลีฟวิ่งเข้ามาใกล้อย่างรีบเร่ง พร้อมๆ ทีป์สุรธเนส