อันดับแรกที่เขามองเห็นเป็นเด็กหญิงที่ไม่แสดงอาการเจ็บหน้าอก หรือหายใจตื้นและถี่ ต่อมาไม่มีคลื่นไส้ อาเจียน ร่างกายหรือเปลือกตาบวม และผิวหนังสีเหลือง
รุ่นพี่ชั้นปีที่ 7 จับชีพจรเต้นจังหวะสม่ำเสมอภายใน 1 นาที (เขาใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางวางที่หลอดเลือดบริเวณข้อมือด้านหน้าที่ร่องด้านนิ้วหัวแม่มือ นับจังหวะการเต้นของหลอดเลือดที่กระทบนิ้ว) ก่อนจะส่งสายตาถึงทีป์สุรธเนส
เพื่อนรักเข้าใจความหมายในทันที "แยกย้าย ขออากาศถ่ายเทหน่อย"
ทีป์สุรธเนสหันกลับมามองแคสซิโอเปียแวบหนึ่ง เขายกยิ้ม ก่อนจะพูดลอยๆ ว่าเคยเกิดเหตุสลดนักวิ่งวูบ (เขาหมายถึงหมดสติ จอดับ ไม่รู้สึกตัว) ครั้งแรก, อีก 3 วันต่อมาวูบครั้งที่สองเสียชีวิต
พูดเพียงแค่นั้น ทีป์สุรธเนสก็ผละไป
"ยังไม่เนียน รายวิชาสารพัดภัยฉุกเฉินอาจจะช่วยเธอให้เธอหลอกฉันสำเร็จ, ถ้าเธอตั้งใจฟังศาสตราจารย์สิตา" อะลีฟลดเสียงพูดแค่พอได้ยินสาม-สี่คน
เด็กหญิงลืมตาตื่นขึ้นมาทันที "การเป็นลมนั้นเกิดจากการที่เลือดไหลเวียนไปที่สมองน้อยลง ฉันอาจจะดื่มน้ำน้อยเกินไปก็แค่นั้น" แคสซิโอเปียพูด ขณะลุกขึ้นนั่ง มือเบี่ยงไม้พันสำลีชุบสารแอมโมเนียที่ใกล้จนเกือบชิดปลายรูจมูกจากมือของทีมแพทย์จากโรงพยาบาลเคลื่อนที่ และน้ำหวานจากมือของฟ้าประทานออกห่าง
อะลีฟมองรุ่นน้องที่น่าจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งกว่าจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากเป็นลมจริงๆ เขาตบบ่าของรุ่นน้องเบาๆ "การรับน้อง เป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในพื้นที่เดียวกัน (เขาหมายถึงโลก หรืออวกาศเดียวกัน), ผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวมอยู่ร่วมกันได้นะ แคสซิโอเปีย"
"อั๊ยย่ะ เป็นคนหรือเปล่านะ ฉันแสร้งเป็นลมยังรู้อีก" แคสซิโอเปียบ่น เมื่ออะลีฟหายไป
อเล็กซานเดอร์ยักไหล่ "เขาน่ะเป็นคนแน่นอน แต่เป็นคนที่มีความรู้"
"นี่นายด่าว่าฉันโง่เหรอ"
"เห้ย ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นนะ"