บดินทร์ลิ้มรสเมนูปลาทะเลสดใหม่ตามฤดูกาล แต่ปรุงสุก ขณะอเล็กซานเดอร์หยิบ 'ไวน์สับปะรดตราแม่อนุรักษ์' ขวดจิ๋วส่งให้สองเกลอ เขาบอกว่า หลังอาหารประมาณ 30 นาที ช่วยย่อยอาหาร และต้านโรคมะเร็ง ซึ่งบดินทร์คิดว่าถึงตอนนั้น เขาน่าจะลืมดื่มไปแล้ว
ถึงตรงนี้อเล็กซานเดอร์มีใบหน้าที่ดูเรียบนิ่ง น้ำเสียงจริงจัง "ว่ากันว่า เมื่อหลายหมื่นล้านปีก่อน มนุษย์ต่างดาวคนหนึ่งเจอประตูลึกลับที่มีขนาดที่ใหญ่โตมโหฬารมาก เมื่อบอกสถานที่ที่อยากไปกับประตูนั่นแล้ว ก็จะสามารถไปได้ทุกที่ในอวกาศ"
บดินทร์หัวเราะ "นายเล่านิทานเรื่องอะไรให้ฉันฟังเนี่ย หลายหมื่นล้านปีก่อนเหรอ มนุษย์ต่างดาวงั้นเหรอ เเล้วยังมีอะไรอีกนะ ประตูไปได้ทุกที่"
เเคสซิโอเปียใช้ส้อมหัวปลาฉลามหัวค้อนเขี่ยไป-มาที่เนื้อกุ้งสุกซึ่งถูกแล่มาแบบชิ้นหนาพอดีคำ ราวกับจะเจอเศษซากพยาธิตายบางส่วน
อเล็กซานเดอร์เล่าต่อว่า "นั่นล่ะที่แปลก เห็นด้วยไหม ปกติดินเเดนคนตายกับดินเเดนคนเป็นไม่ไปมาหาสู่ ไม่แม้กระทั่งติดต่อ ยกเว้นร่างทรงหรืออีกหลายกรณีน่ะนะ แต่มนุษย์ต่างดาวคนแรกที่เปิดประตูก็ทำให้เกิดโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างดินเเดนครั้งแรก"
บดินทร์์ยักไหล่นิดๆ
ทำให้เเคสซิโอเปียเงยหน้าขึ้นมา เธอเอามือยันไว้กับคางมองใบหน้าของบดินทร์ รู้สึกเหมือนเห็นคนประหลาด ซึ่งไม่เพียงเเค่ไม่สนใจที่มาของตนเอง เเต่ดูจะสนใจอาหารคาว-หวานมากกว่าอะไรอย่างอื่น "เเต่ฉันได้ยินต่อๆ กันมาว่า มีบุคคลหนึ่งที่ต้องการล่วงรู้อนาคตของโลก โดยเฉพาะความลับสูงสุดของจักรวาล การถือกำเนิด ชีวิตหลังความตาย เเละอนาคตของโลก ถึงกับทรมานตัวเอง โดยกรีดข้อมือ อดอาหาร ใช้มีดเเทงทะลุคอ ใช้เหล็กเเหลมยาวมาเเทงปาก ลิ้น หลัง 9 วัน 9 คืน"
เเคสซิโอเปียคิดว่าบดินทร์จะเริ่มตั้งคำถาม เเต่กลับผิดคาด ไม่มีเสียงบ่งบอกให้รู้ถึงความคิดเห็นจากบดินทร์เเม้เเต่น้อย เพราะเขามัวเเต่นั่งงงว่าซูชิในจานหายไปไหน ก็เลยไม่ได้ยินบางคำหรืออาจจะหลายคำ