เมื่ออะลีฟพาบดินทร์กลับมาถึงบ้านสุขกระจายในเวลา 19 นาฬิกา บนโต๊ะก็มีอาหารร้อนๆ พร้อมรับประทาน
"ตักข้าวเองนะ เพราะยายไม่รู้ว่าปริมาณเท่าไหร่ที่หลานกินหมด ข้าวเป็นแหล่งเส้นใย เหล็ก วิตามินบี คาร์โบไฮเดรต จะทิ้งขว้างก็เสียดายเหงื่อชาวนา"
'นี่เป็นประโยคที่แปลว่า อย่ากินทิ้งกินขว้าง'
"หลานๆ เป็นเด็กที่กำลังโต ต้องการสารอาหารไปบำรุงเลี้ยงทั้งร่างกายและสมอง กินเยอะๆ" คุณยายพูดพร้อมๆ ตักกับข้าวให้บดินทร์และอะลีฟ
"เวลากินอย่าเคี้ยวเสียงดัง" คุณยายปรามอะลีฟที่เปิดปากเคี้ยวอาหารเสียงจั๊บจั๊บแจ้บแจ้บ
อะลีฟผู้ที่ทำตัวเหมือนศัตรูบางเวลาของบดินทร์ เริ่มเล่าให้คุณยายฟังตั้งแต่บดินทร์หลบผีโพงจนตกโคลน วิ่งเผ่นหนีแม่ไก่ไล่จิกจนไข่ตกแตกเละ ทำท่าเหมือนกุ้งโดนน้ำร้อนเมื่อแม่วัวกระโดดถีบแบบถ้าพลาดโดนถีบครั้งเดียวคงไปแท็กทีมกับคนในดินแดนต่อไป...
บดินทร์ผู้ที่มีความอดทนสูง จึงเหวี่ยงเท้าอย่างแรงใส่อะลีฟใต้โต๊ะไปทีหนึ่ง
อะลีฟกลับบ้านไปแล้ว ขณะเดินขึ้นบันได สายตาทั้งสองของบดินทร์ก็เหลือบไปเห็นรูปถ่ายที่มีนายยุทธนา นางราชพฤกษ์ เทวราช และเขาที่หายไปถูกใส่กรอบรูปไม้ ตัวอักษรตรงมุมขวาล่างของรูปถ่าย เขียนว่า 1 / 9 / 1989
บดินทร์ถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ในตะกร้า ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูออกมาพันแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
รอบอ่างอาบน้ำพื้นแห้งสนิท ปูแผ่นกันลื่น ไม่มีคราบสบู่ บดินทร์พยายามจะลื่น แต่ก็ไม่ลื่น แถมมีราวจับ เมื่ออาบน้ำเสร็จจึงเช็ดอ่างล้างหน้าและเท้าให้แห้งเหมือนไม่เคยมีคนใช้งาน
อากาศหนาวเย็นราวฤดูหนาวหลังจากอาทิตย์ตก บดินทร์จึงสวมเสื้อแขน-ขายาว เขานอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนนุ่ม ห่มผ้านวมผืนหนา
ในเวลานี้ไฟของเพื่อนบ้านทั้งหมดมืดสนิท แต่ห้องของบดินทร์เปิดไฟแสงสลัว
หลับตาลงพยายามไม่คิดอะไรอีก แต่แม้แต่เสียงเบาๆ ของฝนตกกระทบกรอบหน้าต่างข้างนอกกลับดังชัดเจนผิดปรกติในหูของเขา
คิดถึงครอบครัว คิดพลางเช็ดน้ำตา พลิกตัวไปมาสองสามรอบ ก็ทนไม่ไหว
บดินทร์ลืมตาตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นนั่ง
เขาจะนอนหลับตาได้ยังไง ในเมื่อทุกครั้งที่หลับตาจะเห็นร่างที่อาบไปด้วยเลือด