หญิงสาวที่อยู่ในรถเปิดประตูออกมาแล้วรีบเข้าห้ามทั้งสอง
"ดูสิคะ พี่ๆ ทะเลาะกันเสียงดังจนคนแถวนี้ได้ยินกันหมดแล้ว อีกอย่างสไมล์ก็นั่งอยู่ในรถด้วย มันจะไม่ดีนะคะ"
เมื่อทั้งคู่ได้หันไปรอบๆ ตามที่บอกก็พบกันชาวบ้านแถวนั้นมายืนมุงกันเป็นกระจุกๆ อย่างเธอว่า
"พี่รู้น่า 'ต่าย' พี่ก็ไม่ได้อยากคุยกับคนพรรค์นี้นักหรอก" กวางสะบัดผมอย่างไม่ใส่ใจก่อนเดินไปยังประตูรถเก๋งสีดำ ขณะนั้นเองเธอก็หันไปหาชายหนุ่มคล้ายนึกสิ่งที่อยากพูดขึ้นได้
"จะว่าไป ฉันก็ไม่ค่อยพอใจกับผลการตัดสินของศาลเท่าไรเพราะผู้ชายเลวๆ อย่างนายไม่ควรได้วันมาเจอลูกด้วยซ้ำ" สีหน้าของกวางแสดงถึงความไม่สบอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน "ถ้านายยังมีความเป็นพ่อหลงเหลืออยู่สักนิด นายควรออกไปจากชีวิตของลูกฉันซะ"
ว่าแล้วเธอจึงเปิดประตูเข้าไปในรถพร้อมกับกระแทกประตูเสียงดัง
เมื่อกระต่ายเห็นว่าพี่สาวของตนเข้าไปในรถแล้วจึงได้หันไปพูดกับฝ่ายชายบ้าง เธอกุมมืออดีตพี่เขยไว้แน่นพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
"พี่ธีร์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูกับพี่กวางจะดูแลสไมล์เป็นอย่างดี"
นัยน์ตาสีดำกลมโตเข้ากับใบหน้าแสดงความอ่อนโยนต่อทุกสรรพสิ่งบ่งบอกถึงความจริงใจที่เธอมี ธีร์รู้จักกับกระต่ายหลังจากเริ่มคบกับกวางมาได้สองปีจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว เขามั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนดี สามารถมอบความรักในส่วนของเขาให้แก่ลูกสาวตัวน้อยได้
"พี่เชื่อว่าต่ายทำได้…และทำได้ดีกว่าพี่ด้วย…"
อันที่จริงเขาตั้งใจจะไม่เสียน้ำตาให้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจครอบครัวที่แสนน่ารักอบอุ่นแต่เพราะเขายอมรับผลของการกระทำทั้งหมดแล้วต่างหาก เขาทราบถึงกรรมที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เขาทำลงไปและไม่มีข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น
แต่พอทุกอย่างเกิดขึ้นจริงก็ทำเอาเขาแทบล้มทั้งยืน ผลของคำพิพากษานี้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำร่วมกันมากับภรรยาล้วนไร้ความหมาย แม้มีคำพูดนับพันที่อยากเอ่ยออกไปทั้งกับภรรยากับลูกสาวตัวน้อยที่รักแต่พูดอยู่ภายในใจว่า
'ถ้าเรื่องในวันนั้นไม่เกิด ทุกสิ่งทุกอย่างคง…'
ธีร์กุมมือที่อ่อนโยนของกระต่ายอย่างสั่นเครือ ใบหน้าที่แดงก่ำกับน้ำตาที่กลั้นมาตลอดทั้งวันเริ่มทะลักออกมาเกินกว่าจะต้านไหว เขาจำเป็นต้องเอ่ยคำที่ไม่อยากพูดมาตลอดแก่หญิงสาวตรงหน้า
"พี่ฝากลูกไว้กับเธอด้วยนะ ดูแลให้สไมล์เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่อ่อนโยนแบบเธอ"
กระต่ายพยักหน้ารับคำ เธอช่วยทั้งสองเลี้ยงตั้งแต่สไมล์ยังเป็นทารกอยู่แล้ว ความรู้สึกที่เธอมีต่อหลานสาวคนนี้มากเสียจนเสมือนเป็นลูกตัวเอง
"พี่ธีร์ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ"
เธอบอกลาชายหนุ่มพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารและเสียใจ แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เธอทำเพื่อเขาได้ดีที่สุดคือการทำตามสิ่งที่เขาร้องขอ
เมื่อกระต่ายเดินกลับเข้าไปในรถ รถเก๋งสีดำก็ขับออกจากศาลไปโดยทิ้งให้ชายหนุ่มยืนเคว้งคว้างอย่างเดียวดาย
ท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่อยู่เหนือศีรษะที่คอยมอบความอบอุ่นในระดับอบอ้าว ผู้คนที่เดินเข้าเดินออกบริเวณศาลเยาวชนและครอบครัวเพื่อเข้าไปฟังคำพิพากษา หากเป็นคนทั่วไปคงเดินไปที่ลานจอดรถเพื่อขับรถกลับหรือไม่ก็ไปที่ฟุตบาทเพื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะแต่ชายหนุ่มคนนี้กลับยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลาหนึ่งแล้ว
ธีร์พยายามขจัดกับอารมณ์ทั้งหมดที่ยังหลงเหลืออยู่ จากนี้เขาต้องใช้ชีวิตต่อไปด้วยตัวคนเดียว ไร้ซึ่งคนรัก คนดูแลเอาใจใส่เหมือนก่อนอีกแล้ว ชายหนุ่มตบหน้าตัวเองอยู่หลายครั้งเพื่อเรียกสติสัมปชัญญะกลับมา
'โอเคไอ้ธีร์ ทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว ฉันต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ ยังมีอะไรต้องทำอีกหลายอย่าง'
เขาสูดลมหายใจให้ลึกอยู่หลายครั้งจนเริ่มปรับอารมณ์เข้าที่เข้าทาง อาการสั่นเทาก็ค่อยๆ หายไป สีหน้าเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที คิ้วทั้งสองข้างขมวดแน่น นัยน์ตาสีน้ำเงินหรี่ลงเพื่อเพ่งเล็งให้แน่ใจกับรายชื่อที่ปรากฏจนหน้าจอ ก่อนกดรับสาย
"สวัสดีครับ" เขาเริ่มก่อน
"ไอ้ธีร์! เสียงนี้ต้องเป็นคุณธีรพัฒน์ใช่ไหมครับ!" เสียงของชายหนุ่มวัยใกล้เคียงกับเขาดังลั่นจนเขาต้องเอาโทรศัพท์ห่างจากหู
"ก็ถ้าเรียกว่าไอ้ธีร์ขนาดนี้ก็คงไม่ต้องใช้ภาษาสุภาพก็ได้มั้ง…"
"ฮ่าฮ่า ก็ฉันดีใจที่โทรติดนี่ ไม่นึกว่านายยังใช้เบอร์เดิมอยู่"
"เออ แล้วโทรมามีอะไร"
เสียงคู่สนทนาเงียบไปสักพักแต่ธีร์แอบได้ยินว่าเขากำลังเคลียร์เสียงในลำคอก่อนพูดต่อ
"พรุ่งนี้ฉันจะกลับไทย มาเจอกันหน่อยไหมล่ะ?"
'พรุ่งนี้' ธีร์ครุ่นคิดถึงบางอย่างทำให้ไม่ได้ตอบคู่สนทนาในทันที แต่ยังไม่ทันที่จะตอบกลับไปอีกฝ่ายก็รีบพูดต่อ
"เดี๋ยวฉันส่งโลเคชั่นร้านให้ เอาตามนี้นะ "
"ดะ เดี๋ยวสิ!"
อีกฝ่ายตัดสายไปก่อนที่ธีร์จะตอบตกลงเสียอีก ไม่กี่อึดใจเขาก็ได้รับเวลาและสถานที่นัดเจออย่างรวดเร็ว
เมื่อธีร์อ่านรายละเอียดทั้งหมดจากโทรศัพท์แล้วเขาก็กลับมามองนาฬิกาสมาร์ทวอชท์สีน้ำเงินเข้ม ตัวเลขดิจิตอลของนาฬิกาแสดงเวลาสามชั่วโมงเศษก็ทำเอาเขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และได้แต่บ่นอยู่ในใจ
'พรุ่งนี้งั้นเหรอ…ฉันจะมีเวลาถึงตอนนั้นหรือเปล่านะ…