Ocean waves 's Dolphin ณ ชลธีมีโลมา [BL]

🇹🇭TheMoonsky
  • --
    chs / week
  • --
    NOT RATINGS
  • 6.9k
    Views
Synopsis

Chapter 1 - บทนำ

กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟลอยอบอวลในอากาศ...ดูเหมือนว่าการที่ผมเลือกออกมาใช้เวลายามบ่ายในร้านกาแฟแบบนี้ทำให้ร่างกายผ่อนคลายจริงๆ อย่างที่คิด

ผมกะพริบตาเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ยกแก้วลาเต้เย็นขึ้นจิบช้าๆ กวาดสายตามองผู้คนในร้านที่ดูจะแน่นไปซะหมดแต่กลับไม่มีใครส่งเสียงดังซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก

วางแก้วลงแล้วหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเล่น...ตลอดหลายวันผมเอาแต่ทำงานเลยไม่ค่อยได้ติดตามโซเชียลนัก

ไม่รู้ว่าจะมีข่าวใหม่ๆ บ้างยัง

จิ้มนิ้วไปที่ชื่อเพจเฟซบุ๊กดังเกี่ยวกับข่าวซุบซิบในมหา'ลัย ก่อนจะตาโตสนใจเมื่อเห็นโพสต์กิจกรรมของแอดมินเพจที่จัดทำวิ่งตามสัมภาษณ์หนุ่มหล่อในรั้วมหา'ลัยสามสิบคนเกี่ยวกับเรื่องความรัก

ดูแต่ละโพสต์สิ มียอดคอมเมนต์และแชร์สูงมากเลย...

ผมกลืนน้ำลายเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ขยับนิ้วเลื่อนหาคนคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะถูกสัมภาษณ์ด้วยหรือเปล่า

แต่ แต่ พี่เขาก็หล่อนะ

แอดมินต้องไปสัมภาษณ์สิ

เลื่อนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เจอคลิปสัมภาษณ์ของคนคนนั้นแล้ว

รอยยิ้มดีใจปนเขินอายแต้มบนใบหน้าของผม ก่อนจะหันไปคุ้ยหาหูฟังในกระเป๋าผ้าอย่างรีบร้อน

หาเจอแล้วก็เสียบหูฟังให้เรียบร้อยก่อนจะเปิดคลิปสัมภาษณ์ที่มีความยาวถึงยี่สิบนาที...

ผมจะได้เห็นพี่เขาตั้งยี่สิบนาทีเลย

ดีใจจัง

อมยิ้มน้อยๆ แล้วนั่งจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานิ่ง ตาตั้งใจดูส่วนหูก็ฟังเสียงทุ้มละมุนที่เอ่ยตอบคำถามอย่างสุภาพจนผมได้แต่คิด

แอดมินเพจเขายังสบายดีใช่มั้ยครับ

ไม่ได้เหลวละลายระเหยเป็นอากาศไปแล้วใช่มั้ย

(คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของผมเหรอครับ) ทวนคำถามเล็กน้อยแล้วคลี่ยิ้มบาง

(คงเป็นรอยยิ้มมั้งครับ)

คนคนนี้ชื่อว่าพี่คลื่นสมุทรครับ เขาเป็นคนดังในคณะแพทย์มอผมเลยนะ

รอยยิ้มของเขาน่ามองจริงๆ นะ

ใบหน้าของผมแดงซ่านเมื่อเจอรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้กล้อง แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนเขากำลังยิ้มให้ผมมากกว่า

เง้อ...ไม่เอา ไม่มโนแบบนี้สิโลมา

ผมนิ่วหน้าเล็กน้อยแล้วมุ่ยปาก...

รอยยิ้มของพี่เขา...ไม่อ่อนโยนต่อใจของผมจริงๆ นะ

"งื้อ" ผมเผลอกัดปากเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของผู้ชายผมสีอ่อน อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นปิดหน้า

ยิ้มว่าน่ามองเเล้ว แต่...เวลาหัวเราะกลับน่ามองกว่าอีก

เอื้อมมือไปหยิบคุกกี้ธัญพืชมากินแก้เขินแล้วนั่งดูคลิปไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงท้าย

(เอ๋...คำพูดที่อยากฝากถึงแฟนในอนาคตเหรอ)

ผมหยุดเคี้ยวคุกกี้แล้วเบิกตาโตอย่างสนอกสนใจ

พี่คลื่นสมุทรทำหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะขัดเขิน (ผมต้องตอบจริงๆ เหรอ...อืม มันอาจจะยาวมากเลยนะ อยากฟังเหรอครับ)

อยากฟัง...

(ถ้างั้น...ถึงแฟนในอนาคตของผมนะครับ ไม่รู้ว่าคุณจะได้ดูคลิปนี้หรือเปล่า...แต่ถ้าคุณได้ดู ผมคงเขินมาก )

พี่คลื่นสมุทรหันมามองที่กล้อง ใบหน้าอ่อนโยนดูปกติแต่ใบหูของเขาดูอมชมพูเล็กน้อยเหมือนจะเขินจริงๆ ผมได้ยินมาว่าพี่เขาไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยก็คงจะเขินไม่น้อยที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้

งื้อออ โลมาก็เขินแต่ไม่รู้ว่าเขินทำไม

(จริงๆ แล้วผมเป็นคนน่าเบื่อ) พี่คลื่นสมุทรลูบใบหูไปมา (แต่ผมจะพยายามปรับปรุงตัวให้คุณรู้สึกสนุกในทุกวันที่มีผม)

ขออนุญาตเขินแทนแฟนพี่ในอนาคตได้มั้ยครับ

ไม่ไหวเเล้ว...ฮือ

(ผมชอบไปไหนคนเดียว...แต่ถ้ามีคุณ ผมจะพาคุณไปทุกที่ที่ผมไป)

(ผมชอบเดินช้อปปิ้ง ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ชอบ ผมจะพยายามเดินช้อปให้น้อยลง)

(ถ้าผมทำให้คุณโกรธ ผมจะยอมให้คุณตีจนกว่าจะหายโกรธ)

ผมนั่งฟังคำพูดของพี่คลื่นสมุทรแล้วก็รู้สึกอิจฉาเล็กๆ

...ใครเป็นแฟนพี่คลื่นสมุทรคงต้องโชคดีมากๆ แน่เลย

นั่งเท้าคางแล้วฟังต่อพลางเคี้ยวคุกกี้ไปด้วยจนแก้มป่อง ท่าทางของผมตอนนี้ไม่ได้รู้เลยว่าทำให้หลายคนในร้านแอบลอบมอง แต่เมื่อผมหันไปมองตอบพวกเขาก็รีบหลบสายตาซ่อนหน้าแดงๆ...ผมทำหน้างุนงงเล็กน้อยแล้วก็ไม่ได้สนใจอีก

ก็...พี่คลื่นสมุทรน่าสนใจกว่าเยอะเลยนี่

(เหมือนผมจะพูดไปซะเยอะเลย ฮ่าๆๆ แฟนคนแรกของผม ผมอยากให้เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สุดในโลกก็ไม่แปลกใช่มั้ยครับ)

ต้องทำบุญแค่ไหนถึงได้เป็นผู้โชคดีที่สุดในโลกนะ

ผมหัวเราะเบาๆ ให้กับความคิดเพ้อเจ้อของตัวเองแล้วก็ต้องรู้สึกใจเต้นระรัวกับคำพูดทิ้งท้ายของพี่เขา

(ถึงแฟนในอนาคตของผม...ไม่ว่าตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่)

(แต่อยากให้คุณรู้ว่า...)

(ผมอยากเจอคุณนะ)

ตึกตัก ตึกตัก...

แล้วทำไมเราต้องใจเต้นแรงด้วย

เป็นเวลานานมากกว่าผมจะสงบสติอารมณ์ได้จากคำพูดที่ทำให้หัวใจทำงานหนักของคนคนนี้

พี่คลื่นสมุทรร้ายกาจ...

ทำผมเขินไปหมดแล้ว

แต่ผมจะเขินทำไมเนี่ย เขาไม่ได้หมายถึงเราสักหน่อย อย่ามโนสิโลมา!

"อื้อ" ส่งเสียงในลำคอเบาๆ แล้วหยิบแก้วน้ำมาจิบเพราะรู้สึกว่าคุกกี้ทำให้คอแห้งไปหมดแล้ว

หลังจากดูคลิปจบแล้วผมก็ไม่ลืมที่จะกดเลิฟให้กับคลิปวิดีโอนี้ด้วยใบหน้าแดงๆ

อื้อ คนอื่นเขาก็กด! โลมาไม่ได้กดคนเดียวสักหน่อย

พอดูจบแล้วก็ไม่มีอะไรทำเลยแฮะ อ๊ะ! จริงสิ ผมลืมไปเลยว่าลืมดูรายการแข่งขันทำอาหารเมื่ออาทิตย์ก่อน

ดูไปได้สักครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นทำให้โต๊ะสั่นตาม ผมคว้าโทรศัพท์มาดูเล็กน้อยแล้วก็กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะกดรับสาย

(ฮัลโหล มึงอยู่ไหนวะโลมา)

ผมคิ้วกระตุกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

(ช่างเถอะๆ กูผิดเองที่ไม่ได้อ่านแชตไลน์)

อื้อ ใช่ นับสองผิด

(ไปดูหนังเป็นเพื่อนหน่อยสิ เดี๋ยวเลี้ยงป๊อปคอร์น) เสียงปลายสายทุ้มน่าฟังพยายามหลอกล่อผม (คิดยังไงก็ตอบในไลน์มาด่วนๆ)

จากนั้นก็ตัดสายไป ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่กับเพื่อนคนนี้แล้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์กดเข้าไลน์ตอบตกลงจะไปดูหนังแล้วก็ขอสถานที่ที่จะไปดูจะได้ไปถูก

ผมเป็นคนที่มีเพื่อนน้อยใช้มือนับก็หมดแล้ว คนที่อยู่ในสายเมื่อกี้ชื่อนับสองและเป็นเพื่อนใหม่ผมเอง นิสัยดีนะแต่บางทีก็ชอบทำสายตาหื่นๆ ใส่ผู้ชายหล่อๆ ผมก็พยายามทำใจให้ชินแต่ก็ไม่ชินสักที

เมื่อได้ชื่อโรงหนังมาแล้วก็เห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากร้านนี้ แถมเวลารอบหนังก็อีกไม่นานจึงจัดการเก็บของใส่กระเป๋าแล้วหยิบแก้วลาเต้เย็นที่ยังไม่หมดมากินให้หมดอย่างเสียดายส่วนคุกกี้หมดไปนานแล้ว

จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมก็ลุกเดินออกจากร้าน...ร้านนี้อยู่ตรงข้ามย่านมหา'ลัยของผมพอดีทำให้มีรถสัญจรไปมาตลอดเลยหารถไปห้างฯ ได้ไม่ยาก

อา แต่ถ้าขึ้นรถเมล์ก็จะประหยัดเงินไปได้เยอะเลยนะ

คำนวณค่าขนมเดือนนี้เงียบๆ แล้วก็พิจารณาเวลาที่รถเมล์จะมาถึงด้วย สุดท้ายแล้วตัดสินใจว่าไปขึ้นแท็กซี่น่าจะดีกว่าเพราะไม่อยากให้เพื่อนรอนาน

ไม่ลืมที่จะหากระดาษกับปากกามาเขียนข้อความตัวโตๆ ของชื่อห้างฯ ที่จะไปเพื่อที่จะได้ให้คนขับแท็กซี่อ่าน

เตรียมเรียบร้อยแล้วก็เดินไปรอแถวริมฟุตบาท ยืนรอไปรอมาผมก็หันไปเจอเข้ากับใครบางคนที่เดินออกมาจากประตูมหา'ลัยพอดี เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนกับใบหน้าคมคายดูมีออร่าแม้จะอยู่ในระยะไกล วันนี้เป็นวันหยุดแต่พี่เขากลับอยู่ในชุดนักศึกษา...สงสัยจะมีเรียนเสริมแน่เลย

ดวงตากลมโตมองจ้องคนที่อยู่อีกฟากของถนนตาไม่กะพริบก่อนจะเห็นเขาเดินข้ามทางม้าลายมายังฝั่งนี้ ผมตื่นตระหนกเมื่อเห็นเขาทำท่าจะเดินมาทางที่ผมยืนอยู่ ไม่ทันได้คิดอะไรต่อร่างกายมันก็ขยับไปเองตามธรรมชาติ...

คือ...วิ่งไปหลบหลังป้ายไวนิลโฆษณาผืนใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล

ฮือ นี่ผมทำอะไรเนี่ย!

โลมาจะวิ่งมาหลบทำไม!

ยกมือขึ้นเกาหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง แล้วพอลูบใบหน้าไปมาก็ต้องสะดุ้งเพราะมันร้อนมาก

งื้อ หน้าโลมาต้องแดงมากแน่เลย

เม้มปากแน่นแล้วพยายามใจเย็นๆ ก่อนจะชะโงกหน้าไปดูสถานการณ์ด้านนอก แล้วมันก็เป็นจริงครับ พี่คลื่นสมุทรคนนั้นเขาเดินมาทางฝั่งที่ผมยืนจริงๆ

...มาซื้อกาแฟล่ะมั้ง

ผมครุ่นคิดเงียบๆ แล้วยืนเกาะป้ายไวนิลอย่างเกร็งๆ ปนตื่นเต้น...ยิ่งพี่เขาเดินมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ผมใจเต้น ผมไม่เคยเห็นพี่เขาในระยะใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลยนะ!

หดหัวกลับไปอยู่หลังป้ายเมื่อพี่เขากำลังเดินผ่านป้ายไวนิลไป ผมชะโงกคอมองแผ่นหลังพี่คลื่นสมุทรอย่างเหม่อๆ แต่ก็นึกอะไรได้เลยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้ากล้องแล้วก็แอบถ่ายรูปพี่คลื่นสมุทร

ถึงจะได้แค่รูปแผ่นหลังก็เถอะ

แต่แค่นี้โลมาก็พอใจแล้ว

โชคดีมีจังหวะหนึ่งที่พี่คลื่นสมุทรหันตัวเดินเข้าร้านกาแฟซึ่งเป็นคนละร้านกับที่ผมเข้าเลยทำให้ผมได้รูปหน้าด้านข้างมาด้วย แต่เสียดายที่ภาพมันแตกเล็กน้อยเพราะพี่เขาอยู่ไกล

พอพี่เขาหายเข้าไปในร้านแล้ว ผมก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากที่ซ่อนอย่างระมัดระวังในสภาพที่หน้าตาหูเหอแดงก่ำไปหมดอย่างตื่นเต้น สายตาก็มองจ้องรูปในโทรศัพท์อย่างเขินอาย

"งื้อออ"

ส่งเสียงงึมงำเบาๆ แล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปโบกแท็กซี่ต่อ โชคดีที่มีแท็กซี่ว่างผ่านมาพอดีเลยทำให้ได้ขึ้นเร็ว ตอนขึ้นรถมาผมก็แอบส่องดูพี่คลื่นสมุทรจากในรถก็เห็นพี่คลื่นสมุทรนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะติดกระจกร้านพอดีทำให้เห็นใบหน้าชัดมากๆ

พี่เขาดูดีจังเลย

ผมส่ายหัวไปมาแล้วยกมือปิดหน้าแดงๆ เอนหลังกระแทกกับพื้นนุ่มแรงๆ สองสามที...

เจอพี่คลื่นสมุทรตัวจริงด้วย

มีความสุขจัง

แค่ได้มอง...โลมาก็มีความสุขแล้ว

ความสุขในแบบของ 'คนแอบชอบ'

งื้ออออ