บทที่ 30
"ในที่สุดก็ถึงสักที" เฉินตงเดินฝ่าต้นหญ้าที่สูง ก็พบเจอเส้นทางสายหนึ่ง
เกวียนนับสิบ กำลังต่อเเถวนั่นเเล่นวิ่งไปด้านหน้า ด้วยอาชาอสูร ความเร็วของมันทำให้เกิดฝุ่นตลบอบอวล เฉินตงต้องใช้มือโบกไปมาไล่ฝุ่นพวกนั้นให้หายไป
เฉินตงก็ฝึกฝนในนรกดำถึงสองเดือนนับเเต่บ่มเพาะร่างมารได้ ส่วนสูงของเขาเพิ่มขึ้น ถึง 5 เซนติเมตร ขณะเดียวกันร่างกายกำยำขึ้น เขาไม่ต่างจากเด็กชายวัย 18 ทั้งๆ ที่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น เเววตาดูไร้สิ่งใด ทว่าหากใครที่ช่างสังเกต จะรู้ได้เลยว่าเเฝงเร้นด้วยความดุร้ายบางอย่าง
ร่างมารถูกร่างหยินหยางสะกดไว้ กระนั้น ความกระหายของมันก็สิ่งผ่านมายังร่างมนุษยืของเฉินตง ทำให้บัดนี้เขาครอยครองสิ่งที่เรียกว่า กระหายฆ่า เต็มเปี่ยม ยังดีที่ในช่วงเวลาที่ฝึก ทำให้เขาเปิดปิดการใช้งานมันได้อย่างชำนาญ
เกวียนคันหนึ่งเเล่นมาด้วยความเร็วปกติ เชื่องช้า ราวกับไม่ต้องการให้บุคคลด้านในได้รับกระทบกระเทือนจากหลุมลึกตลอดเส้นทาง
"ช้าก่อน ท่าน!" เฉินตงโพล่งขึ้น เขาขับเกวียนพลันเป่านกวีด เเต่ว่าไร้สุ่มเสียง อาชาอสูีรหลายตัวหลุดลง
"เด็กน้อย เจ้าขว้างทางรถม้าของข้า คิดทำอันใด?" ชายผู้ขับรถม้าเอ่ยถาม มองเฉินตงหัวจรดเท้า เมื่อสัมผัสว่าอีกฝ่ายไม่มีพลังชี่ใดๆ ก็ผ่อนอารมณ์ลงมาครึ่งหนึ่ง
"ขอโทษด้วย ข้าเพียงอยากจะถามว่า เมืองข้างหน้าชื่อเมืองอะไร?" เฉินตงยกมือคาราวะอีกฝ่ายพลางถาม
"เมือง เส้นทางนี้ ทอดยาวไปยังเมืองปราการเหล็ก ป้อมปราการที่กั้นระหว่าง ป่าทมิฬเเละเมืองอัคคีพายัพ"
เฉินตงเลิกคิ้วขึ้น เขาโชคดีจริงๆ เมืองอัคคีพายัพอยู่ไม่ไกลเเล้ว หวังว่าสำนักฟ้าคำรามจะยังรับสานุศิษย์อยู่
"ขอคุณท่านมาก ขอโทษที่รบกวน" เฉินตงขอบคุณอีกฝ่าย รถม้าเคลื่อนออกไป เฉินตงมองส่งครู่ใหญ่ ก็เดินตามรอยล้อของรถม้า มุ่งหน้าสู่เมืองปราการเหล็ก
ขณะเดียวกัน ภายในรถม้า
"เด็กคนนั้นเเปลกๆ" หญิงสาวมีอายุคนหนึ่งเอ่ย ดวงตาที่งดงาม เเววตาหรี่ลงเล็กน้อย ท่ากอดอก ทำให้ขับเเน่นทรวกอกอวบอิ่มให้ชัดเจนในอาภรณ์สีม่วงงดงาม สตรีนางนี้เป็นฮูหยินที่ทรงเสน่ห์คนหนึ่ง
"มีอะไรเเปลกหรือเจ้าค่ะ ฮูหยิน เท่าที่ดูเขาก็เเค่คนธรรมดานี่" หญิงรับใช้เอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะนางจับสอ่งพิเสษใดๆ ไม่ได้เลยจากเด็กชายคนเมื่อครู่
"นั้นเเหละที่เเปลก เป็นเพียงคนธรรมดา ทว่ากลับมีสภาวะบางอย่างในร่าง ทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัว น่าประหลาดจริงๆ" ฮูหยินมองไปยังทิศทางที่รถม้าผ่านมาด้วยความสงสัย
"เช่นนั้น ให้ข้าไปตรวจสอบเขาหรือไม่เจ้าค่ะ" เด็กสาวรับใช้ถามพลางพับเเขนเสื้อเตรียมคว้าเอากระบี่ข้างตัวพุ่งออกมา เเต่ฮูหยินกลับเอ่ย "ไม่จำเป็น" ทำให้นางนั่งลงที่เดิม
"หากเจ้าออกไป เป็นอันไม่ต้องปลอมตัวพอดี ภารกิจของเจ้าสำนักเเพทย์ไม่อาจล้มเหลวได้ มิเช่นนั้นนางจะลำบาก ข้าไม่ต้องการให้เกดิเรื่องเช่นนั้นขึ้น" ฮูหยินตอบพลางนึกถึงนางผู้นั้น
"ฮูหยิน ถ้าคุณหนูรู้ละก็ นางต้องซาบซึ้งในตัวท่านเป็นเเน่" เด็กสาวรับใช้รีบบอก ทว่าผู้เป้นนายกลับส่ายหน้าไปมาในเชิงไม่ต้องพูดถึง คุณหนู อีก
"นางจะล่วงรู้หรือไม่ ยามนี้ที่ข้าควรทำเพื่อนางได้ก็มีเท่านี้ ข้าหวังว่านางจะอภัยให้ข้า กับเรื่องในตอนนั้น...." ฮูหยินปิดตาลง ใบหน้าของเด็กสาวที่เกลียดชังตนปรากฏขึ้นมา ตอนนั้นนางตัดสินใจพลาดไปจริงๆ เรื่องราวจึงลงเอยเช่นนี้