Chereads / A Perfect System for a Perfectionist in the Post-Apocalypse World / Chapter 35 - ฐานทัพของคามิล (3)

Chapter 35 - ฐานทัพของคามิล (3)

ยิ่งคนเยอะ ปัญหาก็ยิ่งเยอะ ผมจึงพยายามหลีกเลี่ยงผู้คนมาตลอด จะมีก็เพียงแค่คาแรคเตอร์ที่เหมือนกับส่วนหนึ่งของตัวเองที่ผมมอบความไว้วางใจให้ แต่ช่วงหลังความเชื่อนั้นสั่นคลอนลง ก็เพราะยอมรับว่าการมีแอนและแคทที่สามารถพูดคุยปรึกษาเกี่ยวกับระบบได้ถือว่าไม่เลวนัก

เคยมีช่วงเวลาที่ผมกังวลว่าคาแรคเตอร์และระบบจะเป็นสิ่งที่ผมจินตนาการขึ้นมาเอง และผมเป็นแค่คนเสียสติคนหนึ่ง ซึ่งพอคิดไปแบบนั้น ผมจะประสาทเสีย ไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะเพี้ยนไปจริง ๆ แต่ทั้งสองทำให้ผมมั่นใจว่าตนเองไม่ได้เสียสติไปแล้ว

อยู่กับพวกเธอแล้วผมอุ่นใจขึ้น ถึงจะน่ารำคาญที่ต้องมาฟังพวกเธอบ่นนั่นบ่นนี่แต่ก็อุ่นใจขึ้นจริง ๆ

"นะคะ ถ้ามีคนเพิ่มพวกเราก็จะทำอะไรได้มากขึ้น ส่วนเรื่องระบบ ถ้าคุณคามิลยังไม่ไว้ใจ เราก็จะไม่เล่าให้พวกเขาฟัง"

"อืมมม"

"คงไม่ใช่ว่ากำลังเสียดายเพราะจะไม่ได้อยู่กับสาวสวยแบบฉันและแอนโดยไม่มีก้างขวางคอนะ" แอนพูดดัก

[นักเลงกระจอกเข้าใจความรู้สึกของคุณ]

[คาแรคเตอร์สาว ๆ หลายคนมองคุณด้วยสายตาขยะแขยง]

"จะใช่ได้ยังไงเล่า" ผมโวยวาย

แอนดูเหมือนรู้จักผมดี แต่ครั้งนี้เธอคิดแบบหลงตัวเองไปสักหน่อย ผมไม่ได้หลงใหลสาว ๆ จนอยากคิดจะเก็บพวกเธอเอาไว้กับตัว แต่ยอมรับว่ารู้สึกต่อต้านนิด ๆ ที่จะมีคนอื่นมาอยู่ด้วยนอกเหนือจากพวกเธอ เพราะพวกเขาไม่ใช่ว่าจะคุยเรื่องระบบได้เหมือนกับแอนหรือแคท อีกทั้งผมไม่มีประสบการณ์ร่วมกับพวกเขามาก่อน กำแพงที่ผมมักสร้างขวางตนเองกับผู้อื่นจึงไม่สามารถถูกลดระดับลงให้กับพวกเขาได้ในตอนนี้

"แหม แต่ฉันน่ะเสียดายนิด ๆ นะ" แคททำหน้าทะเล้นแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมไม่รู้เลยว่าเธอมีด้านชอบเย้าแหย่แบบนี้อยู่ด้วย

"บอกไว้ก่อนนะ พวกเราแค่แวะเดิร์กลิน ส่วนหน้าที่เจรจากับเพื่อนคุณเนี่ย ผมไม่เกี่ยว"

หลังจากเถียงกันพอหอมปากหอมคอ คนสามคนกับคาแรคเตอร์อีกสิบสามชีวิตก็เดินทางต่ออย่างไม่เร่งรีบ

พวกเราหยุดพักบ้างเป็นระยะ แวะเก็บเสบียงเพิ่มหรือหยุดสู้กับซอมบี และนาน ๆ ครั้งก็ถูกพวกโจรดักเล่นงานบ้าง แต่ทุกอย่างก็ราบรื่นเป็นอย่างดี ทุกคนไม่เคยมีบาดแผล ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

ผมสลับคาแรคเตอร์ออกมาใช้เพื่อเก็บเลเวลของพวกเขา ระบบไม่ได้อธิบายไว้ชัดเจน แต่เท่าที่สังเกตดูผมแน่ใจว่ายิ่งเอาคนออกมาเยอะค่าประสบการณ์ที่ได้ก็จะยิ่งถูกหาร ถ้าอยากให้ใครคนหนึ่งเก่งขึ้น วิธีที่เร็วที่สุดคือให้เขาได้สู้บ่อย ๆ โดยใช้คนจำนวนน้อยที่สุดเข้าสู้ด้วยแค่ระดับที่ทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้ดี

แน่นอนว่าผมเปิดซองเซอร์ไววัลแพ็คทูไปด้วยในระหว่างทาง แล้วก็เพิ่งรู้ว่าคาแรคเตอร์หลายใบในนั้นมีซ้ำกับที่เปิดได้จากในมิสเซลเลเนียสแพ็ค

รู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย บางทีถ้ามาเปิดเซอร์ไววัลแพ็คทูที่มีการการันตีว่าจะได้การ์ดระดับแรร์ขึ้นไปก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาเปิดเฉพาะมิสเซลเลเนียส อาจทำให้แพ็คแรกสุดสมบูรณ์เร็วกว่าเดิมก็ได้ แต่เรื่องที่ไม่รู้ในตอนนั้นมานั่งบ่นเอาเวลานี้ก็คงไม่มีประโยชน์

"เอาล่ะ ได้เวลาโชว์ของใหม่แล้ว"

[ข้อมูลคาแรคเตอร์]

[ชื่อ: เชน แฮมเมอร์]

[ฉายา: ลูกพี่นักเลง]

[ระดับ: R (แรร์)]

[ค่าสถานะ: <ปิดซ่อน>]

[รายละเอียด: นักเลงที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเมือง เคยก่อคดีน้อยใหญ่ไว้มากมายแม้แต่ในหมู่นักเลงด้วยกัน ถึงจะเป็นพวกอันธพาลแต่ก็ไม่ได้ถูกรังเกียจจากคนทั่วไปนัก แก๊งที่เขาสังกัดขึ้นชื่อเรื่องการไม่ทำร้ายเด็ก ผู้หญิง รวมถึงมีกฎว่าห้ามสมาชิกข้องเกี่ยวกับยาเสพติด]

[สกิล: ชูตติง, สตรีทไฟติง]

การ์ดคาแรคเตอร์ใบนี้เป็นการ์ดใบใหม่ที่ไม่เคยเปิดได้มาก่อนในแพ็คไหน ผมไม่ได้แปลกใจกับรูปร่างหน้าตาของการ์ดใบนี้นักเพราะว่าเป็นหนึ่งในการ์ดที่เจ้าคอลเลคเตอร์ในแรทฟอร์ตใช้แบบไม่ได้หวังผลอะไรมาก ผมเห็นหน้าเขาผ่านตามาแล้ว แต่ที่แปลกใจเล็กน้อยก็คือการ์ดใบนี้ คาแร็คเตอร์ค่อนข้างเก่งพอตัวเมื่อนำมาใช้งานจริง

ลูกพี่นักเลงคล้ายกับเจ้านักเลงกระจอกก่อนหน้านี้ พอปล่อยให้คาแรคเตอร์ทั้งสองมาเจอกันก็พบว่าทั้งคู่รู้จักกันเป็นอย่างดีด้วย

"หืม แฮมเมอร์เหรอคะ" แอนทักเพราะเธอรู้สึกคุ้นกับนามสกุลของสมาชิกใหม่

ผมคิดว่าอาจแค่บังเอิญ แต่ก็ลองเรียก จอน บิลลีกับชาร์ลีออกมา

"เชน" จอนถอนหายใจหลังจากเรียกชื่ออีกฝ่าย

"พยายามเลี่ยงงานรวมญาติแล้ว แต่หนีไม่พ้นจริง ๆ สินะ" เชนพูดกลับ

บิลลีกับชาร์ลีทักทายเชนด้วยการโบกมือให้เล็กน้อยเหมือนกับกลัวว่าจะถูกจอนเห็น เป็นท่าทางที่เดาได้ไม่ยากว่าความสัมพันธ์ระหว่างแฮมเมอร์และจอนไม่ได้ดีนัก

เชนเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอีกสามหนุ่มคาแร็คเตอร์ จากความทรงจำตอนที่เข้าไปสิงร่าง ทำให้ผมรู้ว่าปู่ของจอนมีลูกถึงห้าคน พ่อของจอนและบิลลีเป็นลูกชายคนโต พ่อของเชนเป็นลูกชายคนรอง และพ่อของชาร์ลีเป็นลูกชายคนเล็ก

น่าเสียดายที่ผมไม่ได้เห็นความทรงจำทุกอย่างจึงไม่รู้ว่าพวกเขามีปัญหาอะไรกันในครอบครัว เท่าที่ผมมองออกจากการสังเกตเบื้องต้น พวกเขาอาจไม่ลงรอยกันแต่ก็ห่างไกลจากคำว่าเกลียดชัง

…ถ้าผมลองจับเชนกับบรูโนที่เป็นลูกน้องมาทำงานกับกลุ่มจอนน่าจะไม่เลว…