Chereads / Nick & Nite / Chapter 33 - ตอนที่  31 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

Chapter 33 - ตอนที่  31 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

"ไนท์...อยู่ที่นี่"

ผมเอ่ยอย่างยากลำบาก แต่เมื่อผมตอบไปเช่นนั้น ก้อนสีดำก็เหมือนมีปฏิกิริยาขึ้นมา มันขยายตัวขึ้น พยายามสร้างรูปร่างก่อตัวเป็นอะไรสักอย่าง

ผมไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด แต่อย่างไรก็คงไม่ผิดแน่ๆ เพราะนี่คือเขา อัลฟ่าของผม ราชาที่ผมติดตามมา คนที่ผมใกล้ชิดที่สุดและเทิดทูนเหนือสิ่งใด

อิกไนท์ คลอร์ว...เขายังอยู่ตรงนี้

มันไม่ได้เอ่ยอะไรตอบออกมา แต่ส่วนที่ยื่นออกมากลายสภาพเป็นมือสีดำข้างหนึ่ง ยื่นตรงมาหาผม...

ในหัวของผมว่างเปล่า จ้องมือข้างนั้นด้วยคำถามที่ไม่มีคำตอบ

ฝ่ามือนี้ดูดกลืนอัลฟ่าและดวงดาว หากจับมือข้างนี้ไว้จะเกิดอะไรขึ้น...

จากความตกใจ ดีใจ ก็แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว...

ถ้าเขาเป็นท่านไนท์ ถ้าผมจับมือเขาแล้วเขาได้พลังกลับคืนไป แล้วผมล่ะ ต่อจากนี้ผมจะกลายเป็นอะไร?​

ความคิดที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันยอมให้เกิดขึ้นก็เริ่มแทรกซึมไปทั่วร่างจนผมเพียงยืนนิ่งเฉย มองมือข้างนั้นด้วยแววตาที่หวาดระแวง

ในวินาทีนั้นผมกลัวเหลือเกิน กลัวว่าตัวเองจะหายไป กลัวปลายทางที่มองไม่เห็น กลัวการที่จะต้องบอกทุกๆคนว่าผมไม่ใช่ท่านไนท์ กลัวปฏิกิริยาของพวกเขาเมื่อทุกคนรู้ว่าผมไม่ใช่อัลฟ่า

ทุกสายตาเป็นห่วงที่เคยมองมา ทั้งชาร์ล อาเบล อีสต์ รวมทั้งเวสต์ ทุกสิ่งคงเปลี่ยนไป เหลือเพียงสายตาดูแคลนส่งมาที่ผมข้างในกรง สายตาที่มองผมเป็น...โอเมก้า

แต่ก่อนผมไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อผมมีทุกสิ่งแล้ว ผมจะสามารถเสียมันไปได้จริงๆหรือ

ผมจะคืนทั้งหมดนี้ให้ท่านไนท์ แล้วกลายเป็นอะไรสักอย่างที่แม้แต่พระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ต้องการนิยามได้จริงหรือ?

มู...ถ้านายได้มีสติตื่นขึ้นมาสักครั้ง นายก็คงไม่อยากกลับมาเป็นแบบที่ตัวนายเป็นหรอกใช่มั้ย?

ผมน่ะ...ผม

หยดน้ำตาลอยไปในอวกาศที่ไร้แรงโน้มถ่วง แต่มือของผมกลับเหมือนถูกแรงโน้มถ่วงยึดไว้ มันไม่ขยับ ผมเอื้อมมือออกไปไม่ได้ แม้จะออกคำสั่งกับมันแค่ไหน จิตใจที่หวาดกลัวก็ไม่ยอมทำตาม ผมจับมือท่านไนท์ไม่ได้ มือที่เคยประคับประคองผมไว้ แต่พอมาครั้งนี้ผมกลับ...ทำเหมือนไม่รู้จักเขา

"ไนท์!"

แผ่นคริสตัลใสปรากฎขึ้นมาทั้งสี่ทิศปิดกั้นก้อนสีดำเอาไว้ กันผมออกห่างจากอนุภาคของมัน

"เอ็งทำบ้าอะไร!"

เป็นชาร์ล เขากลับมาแล้วเมื่อการโจมตีผ่านพ้นไป และจับสัตว์ประหลาดไว้ในกรงแก้วอีกครั้ง

นักรบสีเพลิงมองสำรวจผมและถอนหายใจโล่งอกที่เห็นผมปลอดภัยครบสามสิบสอง

"ฝีมือเวอร์ชูวสินะ?"

ผมลืมเรื่องปืนใหญ่นั่นไปสนิทจนชาร์ลทักขึ้นมา เรื่องที่เพิ่งเกิดไปเมื่อสิบกว่านาทีก่อน แต่สำหรับผมเหมือนผ่านไปหลายสิบปีแสงเสียแล้ว แต่ทำไมชาร์ลถึงรู้ได้รวดเร็วนักล่ะ ผมยังไม่ทันอ้าปากอธิบายอะไรเลย

"เจ้าบ้านั่นคิดจะทำให้จักรวาลแตกแยก บีบคั้นอาเบล สร้างความกดดันให้ทุกฝ่ายไม่ไว้ใจในอาวุธทรงพลังของอาเบล ไอ้บัดซบนั่นทำเกินไปแล้วจริงๆ"

"นายหมายถึงอะไร..." ผมยังสับสนอยู่ จิตใจตอนนี้ไม่รับรู้อะไรเท่าไรนัก

"ผลลัพธ์ที่มันต้องการไม่ใช่การฆ่าอัลฟ่าทั้งหลายที่นี่ แต่เป็นการทำให้พวกนั้นหวาดระแวงอำนาจของอาเบล ตอนนี้หลายฝ่ายเริ่มเข้าร่วมทีมสันติภาพแล้วล่ะ อ้างเรื่องอาวุธที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวของอาเบล ตั้งเป็นประเด็นโจมตีให้อาเบลทำลายอาวุธที่คุกคามดาวอื่นทิ้งเสีย ไม่ก็อ้างว่าอาเบลคิดจะก่อสงคราม และหาข้ออ้างสร้างกองทัพป้องกันตัวเอง เมื่อกี้อาเบลชิงประกาศผ่านภาคีว่า'เอซิสอาย'ขัดข้องจากการยิงในครั้งแรกทำให้สูญเสียการควบคุม เพื่อลดความเป็นศัตรู ไม่อย่างนั้นอีกไม่นานจะเกิดสงครามแน่นอน"

ผมเพิ่งเข้าใจเมื่อชาร์ลอธิบายเป้าหมายของเวอร์ชูว การกระทำแปลกๆของเขาที่ย้อนแย้งกันเอง ที่แท้เขายังคิดทำลายอาเบลอยู่ แต่ไม่ใช่ทางตรง เป็นการยืมมือคนอื่นในทางอ้อม

แต่...มันไม่สำคัญแล้ว ไม่ว่าจะชาร์ล อาเบล หรือเวอร์ชูว

เพราะผมน่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลย ทำไมผมถึงเพิ่งรู้ตัวนะ? เพราะนั่งอยู่ในความฝัน? เพราะคิดว่ามันเป็นฝันดีๆที่มีคนมาใส่ใจโอเมก้าอย่างผม

ชาร์ลเห็นผมยืนทื่อไม่ตอบสนองอะไร เขาคงเข้าใจว่าผมกังวล จึงวางมือบนหัวผมเบาๆ

"ไม่เป็นไรนะ นายไปพักเถอะ การกระทำของเจ้าบ้านั่นมันเหนือการควบคุมอยู่เสมอแหละ เดี๋ยวอาเบลก็จัดการได้"

เขาพยายามปลอบใจผมที่สีหน้าว่างเปล่า ฝ่ามืออบอุ่นลูบผ่านปอยผมช้าๆ

แล้วโดยไม่ได้ร้องขอ ผมก็เห็นเรื่องราวต่อจากนั้น เป็นความทรงจำที่เชื่อมโยงไปถึงชาร์ล...

ในวันที่ไนท์ตื่นขึ้นมาด้วยความบิดเบี้ยวและบ้าคลั่ง ดวงตาสีดำของเขาเห็นแต่ความแข็งแกร่งของศัตรูและความอ่อนแอของตัวเอง...ความแตกต่างที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกกรีดแทงอยู่ตลอดเวลา

เขาต้องการแก้แค้นอัลฟ่าของสหพันธ์ดาวที่แข็งแกร่งที่สุด แรงผลักดันที่เชี่ยวกราดและรุนแรงนี้ผลักดันให้เขาดิ้นรนศึกษาศาสตร์การใช้พลังสตริงจนชำนาญ และเมื่อเขาเรียนรู้ทุกอย่างจากรุ่นก่อนจนหมดสิ้นแล้ว เขาก็ประหารอัลฟ่าคนก่อน กลายเป็นอัลฟ่าคนแรกที่กลืนกินอัลฟ่าของตัวเอง ผู้เป็นดั่งพ่อและอาจารย์

รุ่นก่อนเหมือนคาดเดาได้อยู่แล้ว นามิกเพียงหลับตารับดาบประหาร

"ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุขกับชีวิตอัลฟ่า อิกไนท์ จงเป็นอัลฟ่าที่แตกต่าง"

ไนท์ได้ความทรงจำทั้งหมดมาจากรุ่นก่อน รับรู้ได้ว่ารุ่นก่อนเป็นห่วงเขามากแค่ไหน แต่เขาไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ในตอนนั้นเขามีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว

เขาออกล่าโดยเลือกหมู่ดาวที่มีการกดขี่โอเมก้าด้วยความโหดร้าย เพราะเขารู้สึกคลื่นเหียนเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นโอเมก้าที่อ่อนแอโดนทำร้าย

เขาไม่ได้คิดจะตั้งตัวเป็นฮีโร่ เขาแค่อยากหาที่ระบายอารมณ์และฝึกฝนการต่อสู้กับอัลฟ่า เพื่อวันหนึ่งเขาจะไปหามัน มันที่ทำร้ายเขาไว้สาหัส แล้วทำให้มันสำนึกกับคืนวันที่มันทรมานเขาทั้งเป็น

มันควรจะเป็นเช่นนั้น...และทั่วจักรวาลคงได้จารึกนามของอิกไนท์ คลอร์วไว้ ในฐานะผู้ที่สามารถ 'ล่า' จักรพรรดิอาเบลได้ ถ้าคนบางคนไม่ได้มารนหาที่ตายตรงหน้าสัตว์ร้ายที่กำลังอาระวาดอย่างเขา

"เอ็งน่ะเรอะ ปีศาจที่อาระวาดในช่วงนี้?"

น้ำเสียงตื่นเต้นเอ่ยถาม ขณะที่เจ้าตัวโผล่มาดักอยู่หน้าดวงดาวเป้าหมาย พวกภาคีพยายามแกะรอย และคาดเดาดาวที่เขาจะลงมือ คงค้นพบว่าโอเมก้าเป็นตัวแปรที่เขาใช้ตัดสินประหารอัลฟ่าแต่ละคนจึงมาดักได้ถูกทาง

"อิกไนท์ คลอร์วคือเอ็งสินะ ข้าคือตัวแทนของภาคี ชาร์เลส ชาร์ลแห่งดาวโฌฌอน วันนี้อาสา​มาจับกุมเอ็ง"

"…"

ชาร์เลส ชาร์ล ไม่ได้อยู่ในบัญชีที่ไนท์ต้องการล่า เขาไม่คิดจะสนใจ ยกเว้นแต่ว่ามันเป็นพวกโง่ที่หาเรื่องใส่ตัว

"อย่ามาขวาง..."

บุรุษผมสีเพลิงส่ายหน้า "โชคร้ายที่ข้าทำตามไม่ได้ว่ะ และอีกอย่าง ข้าแค่ชอบประลองกับคนมีฝีมือ เอ็งก็ช่วยมีน้ำใจหน่อยแล้วกัน ถ้าเอ็งชนะ จะทำอะไรกับข้าก็ทำ แต่ถ้าข้าชนะ เอ็งต้องไปมอบตัวกับข้า"

"…"

ในเมื่ออีกฝ่ายปรารถนาความตายไนท์ก็ไม่ปรานี การต่อสู้เปิดฉากขึ้นในอวกาศที่ต่างคนต่างก็ไม่มีใครได้เปรียบใคร แต่ไนท์ก็ไม่ใช่อัลฟ่าฝึกหัดคนเดิมแล้ว เขาเก่งกาจ ใช้พลังได้คล่องแคล่ว และโหดเหี้ยม ไม่สนใจว่าจะต้องใช้กลโกงอะไรในการเอาชนะ ขอแค่ผลลัพธ์สุดท้ายสามารถเหยียบย่ำฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ เขาก็พอใจแล้ว

และเขาก็ชนะอัลฟ่านักรบคนนั้นได้ในที่สุด

ร่างกายของชาร์ลแม้จะผ่านการต่อสู้มาแล้ว แต่ก็ยังมีความทนทานมาก ไนท์เห็นว่ามีประโยชน์ จึงไม่ได้ฆ่าชาร์ลในทันที แต่พากลับไปเป็นตัวทดลองหาวิธีการใช้พลังใหม่ๆ เพื่อสู้กับสหพันธ์ดาว ABELL

อาวุธต่างๆถูกเอาออกมาทดลองใช้วัดประสิทธิภาพต่ออัลฟ่า เขาระวังไม่ให้ตัวทดลองตายไปก่อน โดยยอมเหลือช่องทางเล็กๆให้ชาร์ลสามารถดึงพลังจากดวงดาวของตัวเองมาได้ ยื้อความตายวินาทีต่อวินาทีให้กับเขา

ไนท์คิดว่าชาร์ลจะสบถสาปแช่งเขาเหมือนอัลฟ่าคนอื่นๆที่เขาเอามาทดลองและฆ่าทิ้ง แต่ชาร์ลกลับทำให้เขาประหลาดใจ อัลฟ่าดาวโฌฌอนนิ่งเฉย กัดฟันอดทนต่อการทดลองของเขาดั่งหินผา

"นายไม่หนวกหูดีนะ ถ้าจบการทดลองนี้ นายรอดไปได้ ผมจะปล่อยนายไปแล้วกัน"

ชาร์ลถมน้ำลายลงพื้น แล้วแค่นเสียงหัวเราะเบาๆ

"เอ็งจะทำอะไรก็เรื่องของเอ็ง เพราะตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเอ็งไม่ได้แตกต่างอะไรหรอก"

"นายหมายถึงอะไร?"

ชาร์ลเงยหน้าขึ้นเผยใบหน้าไร้สีที่แทบเหมือนซากศพ เขาพ่นลมหายใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดออกไป แล้วเอ่ยอย่างอ่อนล้า

"ข้าคิดว่าแกล่าพวกมัน เพราะรังเกียจวิธีการของพวกมัน ที่มันทำต่อประชาชนของตัวเองและอัลฟ่าของดาวเล็กๆดวงอื่น แต่สิ่งที่แกทำน่ะ..."

ดวงตาคู่นั้นที่มองมาฉายชัดถึงความดูถูก และผิดหวัง

"ไม่ได้ต่างอะไรจากพวกมันเลย..."

ชาร์ลพูดจบก็สลบไป พลังที่ส่งมาจากดาวของเขาถึงขีดจำกัดที่จะประคองสติไว้ได้แล้ว

แต่คำพูดของชาร์ลกลับทิ้งความจริงที่สั่นคลอนจิตใจของไนท์ สั่นคลอนเข้าไปถึงจิตวิญญาณที่ทำให้ไนท์มองเห็นโลกเปลี่ยนแปลงไป ดั่งครั้งที่มันทำให้เขาเข้าใจโอเมก้า แต่ครั้งนี้มันกลับทำให้เขาเข้าใจคนที่เขาไม่คิดจะเข้าใจและเกลียดชังมาโดยตลอด

เพราะมันทำให้เขาเข้าใจอัลฟ่าคนนั้น และอัลฟ่าทุกๆคน

ไนท์รู้สึกคลื่นเหียน เจ็บแปล๊บที่กลางอกยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เขาได้รู้ความจริงแล้วว่าตัวเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยังคงเป็นตัวตนที่น่ารังเกียจไม่ต่างจากอัลฟ่าที่เขาบอกว่าจะให้มันสำนึกในความผิด

'เจ้าน่าจะเข้าใจอัลฟ่าคนนั้นได้ดีกว่าใคร'

ดั่งที่รุ่นก่อนพูดไว้ ตอนนั้นไนท์ไม่สนใจจะตีความประโยคนั้น แต่มันคือความจริง

สิ่งที่เขาทำ ก็เหมือนกับที่อาเบลทำกับเขา...ทดลองพลังของตัวเองกับสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อทำลายขีดจำกัดของตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะว่าลึกๆแล้วทุกคนล้วนหวาดกลัวตัวเองที่อ่อนแอ และหวาดผวาที่จะถูกกระทำเช่นที่ทำกับคนอื่น

เพราะโลกที่อัลฟ่าดาวอาเบลอยู่นั้นโหดร้าย พวกเขาทั้งสี่อันดับต้องฆ่ากันเองเพื่อชิงตำแหน่ง พวกเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น มีสิ่งมีชีวิตอีกมากที่ตกเป็นเหยื่อทางอ้อมของสงครามภายในเช่นนี้ และตกเป็นเหยื่อของความเคียดแค้นของเขาเช่นกัน

เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?

ไนท์ปล่อยชาร์ลที่งุนงงเป็นอิสระ และกลับมาที่ห้องลับของดวงดาวด้วยความสับสน จากนั้นเขาก็ไม่ได้ออกล่าอัลฟ่าใดๆอีก ไม่ได้บอกเวอร์ชูวให้รับรู้ เขาครุ่นคิดเงียบๆอยู่คนเดียว พยายามหาความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ตัวเขาทำกับสิ่งที่อาเบลทำ

และก็ไม่พบเลย...

เขาก็กระทำต่อผู้อื่นดุจเดียวกับที่ตัวเขาถูกกระทำ

ไนท์โกรธแค้น แต่ไม่ใช่อาเบลแล้วที่เขาโกรธ ไม่ใช่การกระทำของอัลฟ่าคนนั้นที่เขารังเกียจ

แต่ทั้งหมดคือตัวเขาเอง

สายฝนชุ่มช่ำโปรยปรายลงมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่อัลฟ่าแห่งดาวเฟลม่าดิ้นรนฝึกฝนหาความก้าวหน้าท่ามกลางความแห้งแล้ง แต่มาบัดนี้เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสีดำสนิทกลับเคลือบด้วยประกายสีเขียวมรกตสดใสดั่งที่เขาเคยมีในอดีต

เขาสัมผัสได้ว่า อิกไนท์ คลอร์ว ผู้โกรธแค้นได้ตายลงในวันนี้

ตายไปแล้ว...จากตัวตนของเขา

ทำไม...

ไนท์ถามตัวเขาเอง ถามโชคชะตา ถามพระผู้เป็นเจ้าถ้าหากว่าพระองค์ยังเฝ้าดูอยู่

เขาถามว่าทำไมเขาต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาไม่เคยอยากเข้าใจด้วย?

เป็นความเข้าใจโดยที่เขาไม่ได้ต้องการ หรือเพราะว่าพระองค์ปรารถนาเช่นนั้นอยู่แล้ว

เพราะความเข้าใจมักทำให้คนคนหนึ่งหลงรักสิ่งนั้นในท้ายที่สุดใช่หรือไม่?