ฉันเติบโตมาในครอบครัวที่แสนจะธรรมดาทั่วไป ไม่ได้ยากจนมากหรือร่ำรวยแต่อย่างใด พ่อของฉันทำงานเป็นทหารชั้นผู้น้อย ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน
ตั้งแต่เกิดมานั้นฉันแทบไม่ค่อยได้เห็นพ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเลย พ่อมักจะติดงานที่อื่นเลยมักจะไม่ค่อยได้กลับมาบ้านเท่าที่ควร เลยจะอยู่กับแม่เสมอ
"แม่! คุณพ่อเขาเมื่อไหร่จะกลับมาบ้านหรอ?"
ฉันมักจะเข้าไปกอดที่ขาและถามแบบนี้อยู่ประจำ
"คุณพ่อเขา...กำลังทำงานเพื่อพวกเรายังไงล่ะ? ไม่ต้องห่วงนะ โดนใครรังแกมาอีกหรือป่าว?"
ในสมัยที่ตัวฉันยังเด็กนั้นมักจะโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อเสมอว่าเป็นลูกที่ไม่มีพ่อ แต่แม่ก็มักจะคอยเช็ดน้ำตาและบอกเหตุผลอยู่เสมอ.. "ตอนนี้นะ คุณพ่อกำลังรบกับพวกคนไม่ดีอยู่ เพื่อพวกเราทุกคนแล้วพ่อของลูกคือฮีโร่อย่างไงล่ะ!"
"ฮีโร่! เท่จัง...ตัวผมก็อยากจะเป็นฮีโร่เหมือนพ่อจัง"
"นั่นสินะ! ถ้าอย่างนี้แม่ก็คงเหงาน่าดูเลย เพราะลูกก็คงจะออกไปปราบคนไม่ดีจนไม่มีเวลาอยู่กับแม่แล้ว"
"ไม่จริงน่า! ถ้าอย่างนั้นผมจะเป็นฮีโร่ที่คอยปกป้องคุณแม่ตลอดไปเอง"
"ดีใจจัง"
วันคืนที่แสนสุขนั้นมันอยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร ในตอนที่ฉันอายุได้ 15 ปีนั้น แม่ของฉัน ท่านได้ป่วยเป็นโรคหัวใจและต้องได้รับการผ่าตัด แต่มันก็มีโอกาสที่จะสำเร็จค่อนข้างน้อย ในโรงพยาบาลของทางรัฐนั้น ขาดทั้งอุปกรณ์และหมอที่มีฝีมือ กับพวกเราที่ไม่ค่อยมีเงินมันเป็นตัวเลือกที่ช่วยไม่ได้ ฉันได้แต่นั่งเฝ้ารอการผ่าตัดในอีกไม่กี่วันที่กำลังจะมาถึง ในทุกครั้งที่กลับจากโรงเรียนก็มักจะมาพูดคุยกับแม่เสมอ แล้วในวันหนึ่งพ่อก็ได้กลับมาหลังจากไปทำงานที่อื่นเกือบ 5 ปี ฉันดีใจมากเลยเข้าไปทักทายที่ไม่ได้เจอกันนาน หลังจากนั้นฉันก็พาพ่อไปพบกับแม่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงและกำลังจะผ่าตัดในอีก 3 วัน
"มาแล้วสินะคะ?"
"ใช่! ผมมาแล้ว" พ่อกุมมือของแม่ไว้แน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาอาบมือนั้น
"คงรบกวนคุณมากไปสินะคะ ถึงกับต้องทิ้งงานมาแบบนี้"
"ไม่เป็นไรเลย ไม่เป็นไรเลย"
กริ๊งงงงงงง เสีงโทรศัพท์ของพ่อที่จู่ๆก็ดังขึ้น เขารีบวางสายนั้นลงอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นมันก็ยังคงดังขึ้นมาใหม่อยู่ดี
"ครับ!....." สีหน้าของพ่อนั้นเริ่มที่จะเปลี่ยนไป "แต่ว่า!....เข้าใจแล้วครับ!"
"ธุระหรือคะ"
พ่อนั้นได้แค่เพียงพยักหน้าตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้พุดอะไร
"รีบไปเถอะค่ะ"
"ขอโทษด้วย"
ฉันที่เห็นแบบนั้นเลยพยายามเข้าไปห้าม แต่พ่อของฉันกลับบอกมาเพียงแค่ว่ามันจำเป็น และมันมีความเป็นความตายของคนนับล้านเป็นเดิมพัน ไม่ว่าจะพูดอย่างไงก็ตามเขาก็ไม่ฟัง ไม่ว่าจะอ้อนวอนอย่าสุดกำลังยังไง เขาก็ค่อยๆเดินจากไปโดยที่ไม่เคยมองกลับมาเลย ท้ายที่สุดแล้วการผ่าตัดนั้นก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่แม่นั้นก็อยู่ได้ไม่นานเนื่องจากบาดแผลมีอาการติดเชื้อ แม้กระทั่งงานศพชายคนนั้นก็ไม่เคยโผล่หน้ามาเลย และฉันเองก็แทบไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับชายคนนั้นเลย....
นั่นแหละชายที่ถูกเรียกว่า....ฮีโร่!
เพื่อจะไม่ให้เป็นอย่างชายคนนั้น ฉันถึงต้องการมันทั้งหมด ไม่ว่าจะแลกอะไรฉันก็ยอม ขอให้ได้มันมา แค่ไม่อยากจะเป็นอย่างชายคนนั้น ฉันต้องการพลังที่จะปกครองอีกสักครั้ง....
ณ ในตัวอาคารของโบสถ์ ฟิชั่นที่กลายร่างเป็นสัตว์อสูร "คิเมร่า" แล้ว ไม่ว่าจะทั้งจิตใจและร่างกายต่างก็เริ่มแหลกสลายไปที่ละนิดเนื่องจากผลกระทบจากการใช้แพนโดร่า ตอนนี้เขาไม่ต่างกับสัตว์ที่ไม่มีความคิดเพียงแต่ทำตามสัญชาตญาณของตนเท่านั้น!
"ถ้าขืนยังใช้ต่อไปมีหวังกลับมาเป็นแบบเดิมไม่ได้แล้วนะ ปล่อยให้เป้นแบบนั้นดีแล้วหรอ?"
เสียงเด็กสาวผมและชุดสีขาวพูดกับฟิชั่นในร่างอสูรคิเมร่า
.....หนวกหู!!! ที่ตัวฉันพยายามตั้งใจเรียนจนได้ทุน และทำงานพิเศษส่งเสียตัวเองเรียนในมหาวิทยาลัยจนสายตัวแทบขาด ทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้เป็นอย่างชายคนนั้น
คิเมร่าทำการตะปบไปที่ร่างกายของเด็กสาวนั่นอย่างแรง แต่ก็ไม่มีอะไรอยู่เป็นแค่พื้นที่ว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยเศษสิ่งของภายในโบสถ์ และเด็กสาวนั่นก็โผล่มานั่งไกวขาอยู่บนไม้กางเขน
"คุณเกลียดพ่อของคุณจริงอย่างนั้นหรอ?"
....มันไม่ใช่พ่อของฉัน!!!
แล้วฟิชั่นในร่างคิเมร่าก็กระโดดไปยังที่ไม้กางเขนนั้นจนมันพังลง แต่กระนั้นก็ไม่พบเด็กสาวอยู่เลย มันทำให้เขาในร่างคิเมร่านั้นคำรามออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ สติที่มีเพียงน้อยนิดนั้นก็ได้หายไปหมดสิ้น แล้วเขาก็พุ่งเข้าโจมตีเฮนรี่ที่กำลังนอนสลบอยู่
อิมแพค.....!
สิ้นสุดเสียงนั้นฟิชั่นในร่างคิเมร่าก็กระเด็นออกไปไกลมากจนไปกระแทกกับผนังจนทะลุออกจากตัวอาคารของโบสถ์ทันที แรงกระแทกอันมหาศาลออกมาจากมือของเฮนรี่ที่ลุกขึ้นมาด้วยร่างกายที่สมบูรณ์แบบ แขนที่งอกกลับมาใหม่เหมือนเดิม อีกทั้งร่างกายก็แทบไม่มีบาดแผลหลงเหลืออยู่เลย
"ร่างกายมันเหมือนอะไรกำลังไหลเวียนยู่ในตัวเลย...แต่ถ้าเป็นแบบนี้ชนะได้แน่"
ฟิชั่นในร่างคิเมร่านั้นเริ่มแสดงเสียงคำรามที่ดังจนทำให้เฮนรี่แสบแก้วหู
"ช่วยหยุดแหกปากก่อนจะได้ไหม? แสบแก้วหูไปหมดแล้วเนี่ย" เฮนรี่เอามือปิดที่หูทั้งสองข้าง
หลังจากนั้นมันก็โผบินขึ้นและโฉบลงมาโจมตีอย่างทันที แต่ตัวเฮนรี่นั้นใช้เพียงแค่แรงผลักที่มือเบาๆก็เพียงพอในการดันตัวเองให้หลบแล้ว ทั้งความรวดเร็วและอีกทั้งพลังก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
เฮนรี่โจมตีกลับโดยการฟันมือลงเบาๆ หลังจากนั้นก็เกิดแรงดันลมพุ่งตรงคล้ายคมดาบผ่าทั้งพื้นและเพดานพุ่งตรงไปตัดที่อุ้มเท้าของคิเมร่า มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดลงไปนอนดิ้นกับพื้น แต่ในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมามันก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม
"เวลาใช้ครั้งต่อไปต้องระวังการควบคุมแรงเหวี่ยงหน่อยแล้ว"
ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!
"ไม่ต้องห่วง...เดี๋ยวฉันจะดัดนิสัยก้าวร้าวของแกเอง! เข้ามา!!"
พูดไม่ทันขาดคำคิเมร่าก็กระโจนเข้ามาตะปบอย่างทันที แต่ตัวเฮนรี่หลบไปที่ใต้ท้องของมันได้ทันและใช้มือแตะไปที่ท้องเกิดแรงลมมหาศาลอัดจนอสูรร่างยักษ์นั้นลอยขึ้นไปในอากาศ ในจังหวะนั้นเขารวบรวมพลังลมเกิดเป็นหอกขนาดใหญ่ พุ่งขึ้นไปแทงที่ท้องทะลุยันหลังเจาะผ่านเพดานโบสถ์ก่อนหอกนั้นจะสลายหายไป และเฮนรี่ก็รีบหนีออกจากใต้ท้องอย่างทันที ร่างกายอสูรขนาดใหญ่ร่วงลงมาบนพื้นทั้งที่มีรูขนาดใหญ่อยู่บนร่างกาย
หลังจากนั้นร่างกายของเฮนรี่ก็เกิดสิ่งผิดปกติขึ้น จู่เข่าก็เริ่มทรุดตัวลง ผิวหนังก็ค่อยๆซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังอาเขียนเอาเลือดออกมาด้วยปริมาณเยอะมาก และเขาก็นอนฟุบลงไปท่ามกลางกองเลือดของตัวเองทั้งอย่างนั้น
... ร่างกายราวกับจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ..นี่เองสินะผลที่จะตามมา แฮ่กก....แฮ่กก....แฮ่กก..... ไม่มีเสียงแจ้งเตือน อีกทั้งร่างกายยังไม่กลับไปเป็นคน มันจะอึดเกินไปถึงไหน? ต้องรีบลุกก่อนที่มันจะฟื้นฟูเสร็จ-
ในตอนนั้นเองเฮนรี่มองข้างหน้าของเขา ปรากฏร่างกายอสูรขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า คิเมร่ายังไม่ตาย มันยังมีชีวิตอยู่และกำลังยืนยกอุ้มเท้าเตรียมพร้อมที่จะตะปบเขา
...แย่เลยแฮะ ดันมาแพ้ตอนช่วงท้ายซะได้
ในตอนที่กำลังจะสติค่อยเลือนรางไปทีละนิดนั้น ก็มีสิ่งกลมคล้ายระเบิดที่จู่ๆก็ปรากฏมาตรงหน้าของอสูรคิเมร่า หลังจากนั้นก็เกิดแสงที่จ้ามากๆทำให้ลงไปนอนดิ้นแสบตาร้องอย่างทุรนทุราย
ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!!
ขณะที่กำลังร้องเนื่องจากแสบตานั้นเอง ระฆังขนาดใหญ่มากๆที่อยู่บนยอดโบสถ์นั้นก็ลงมาครอบสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าเฮนรี่อย่างทันท่วงที เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโบสถ์ฝุ่นและเศษสิ่งของบินกระจัดกระจายไปทั่ว อีกทั้งเศษปูนและเพดานที่ก็เริ่มพังถล่มลงมา แล้วอลิซก็เข้ามาพยุงร่างกายที่สะบักสะบอมของเฮนรี่ออกไปจากตัวโบสถ์ ก่อนที่เริ่มจะเริ่มถล่มลงมาทับเขา
หลังจากระฆังหล่นมาได้ไม่นาน โบสถ์ทั้งหลังก็เริ่มถล่มตามมา ตอนนี้ในสายตาทั้งสองเห็นเป็นเพียงแค่ซากปรักหักพังเท่านั้น
"นายนี่ก็ทำเกินไปหรือป่าว" อลิซพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
"นั่นสิ...นะ ก็แอบคิด...เหมือนกันว่าลงมือเกินไปหรือเปล่า?" เฮนรี่ยังอาการไม่ดีขึ้น สีหน้ายังซีดไม่เปลี่ยนแปลงแถมตอนนี้ตัวเขายังอ่อนแรงลงไปมาก
"แล้วเขาจะเอาอย่างไง? ไม่กำจัดทิ้งดีแล้วหรอ?" อลิซถามเกี่ยวกับฟิชั่นที่อยู่ในระฆัง
"ต่อให้เขาจะทำอะไรไปก็ไม่สะเทือนระฆังยักษ์นั่นหรอก และอีกอย่างหมอนั่นขอร้องไว้ว่าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะห่าใครในการคัดเลือกครั้งนี้ ดันมาขออะไรที่ยุ่งยากซะได้"
"ฉันเองก็เห็นด้วย ขออะไรที่มันยุ่งยากซะมัดเลย"
"พวกเราก็รีบตามไปสมทบกับหมอนั่นกันเถอะ" เฮนรี่ใช้แรงทั้งหมดที่เหลือพยายามที่จะลุกขึ้นแต่ร่างกายนั้นก็แทบไม่ขยับเลย
อลิซที่เห็นดังนั้นเลยช่วยพยุงเละเอาขึ้นขี่หลังของเธอแล้ววิ่งไปสมทบกับจินที่อยู่อีกที่หนึ่ง...
ท่ามกลางเศษซากปรักหักพัง มีระฆังขนาดยักษ์ตั้งอยุ่บนพื้นภายในมีสัตว์อสูรคิเมร่าอยู่ ตอนนี้มันกำลังเอาตัวกระแทกที่ระฆังนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ว่ายังไงระฆังใบนั้นก็แทบไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย จนมันเหนื่อยและยอมแพ้ไป หลังจากนั้นได้ไม่นานจากร่างกายสัตว์อสูรคิเมร่าก็กลับกลายมาเป็นชายหนุ่มเหมือนดั่งเดิม
ตอนนี้ตัวของฟิชั่นนั้นกลับคืนมาแล้วก็จริง แต่จิตใจของตัวเขานั้นไม่เหมือนเดิม ภายในใจเขาเริ่มปั่นป่วนเละไม่เป็นชิ้นดี วิตกกังวลจนถึงขีดสุด สั่นกลัวทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่เสียงพูดตอนนี้ก็แทบไม่ใช่ภาษาของมนุษย์
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเท้าเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงที่คุ้นเคย ฟิชั่นตกใจกลัวจนถึงขีดสุดพยายามหยิบเศษหินบริเวณรอบขว้างปาไปยังที่ที่เสียงนั้นมา
"อือ!!! อือ!!! อือ!!!"
แต่เสียงที่ดูคุ้นเคยนั้นก็ยังคงดังและเข้ามาหาตัวเขาเรื่อยๆ ถึงแม้จะพยายามไล่อย่างไงก็ตาม
"อือ!!! อือ!!! อือ!!! อือ!!! อือ!!!........อือ!!!" เขาปาเศษหินเศษกรวดนับครั้งไม่ถ้วนและพยายามส่งเสียงดังๆเพื่อไล่สิ่งนั้นไปให้ไกลที่สุด
คราวนี้เริ่มมีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังของเขา เป็นเสียงผู้หญิงที่ฟังดูแล้วคุ้นเคย เสียงที่ชวนให้คิดถึง เสียงที่อบอุ่น หลังจากนั้นก็มีแขนโผล่เข้ามาโอบกอดร่างกายของฟิชั่นจากข้างหลังของเขา
"ไม่เป็นไรแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว"
"อือ!!!... อือ!!...อือ!...อือ" จากตอนแรกที่เขาดุต่อต้านและก็ค่อยเคลิ้มตามเสียงที่อ่อนโยนนั้นไป ถึงแม้ว่าตัวเขาตอนนี้จะฟังไม่ออกมว่าเธอนั้นพูดอะไรออกมา
ต่อมาก็มือที่หนาและแข็งมากมาลูบหัวของเขาเบาอย่างอ่อนโยน
"ไม่ว่าจะมืดสักเพียงไหน พวกเราก็จะไม่ปล่อยให้ลูกต้องกลัว เพราะพ่อและแม่อยู่กับลูกเสมอมา"
"ลูกพยายามได้ดีมากแล้ว...เก่งมากเลยฮีโร่ของแม่" แล้วเธอก็จูบมาที่แก้มของฟิชั่นจากด้านหลัง
ความรู้สึกทั้งหมดก็เริ่มพรั่งพรู ความทรงจำทั้งหมดก็เริ่มไหลเข้ามาในหัวสมอง ทั้งสมัยตอนที่ยังเป็นเด็กจนโตเข้ามาไม่หยุดหย่อน แล้วน้ำตาของเขาก็เริ่มไหลออกมาและพุ่งโผลกอดไปที่มือที่กำลังลูบหัวเขาอยู่
"ผม...ขอ...โทษ" น้ำตาที่ไหลรินลงพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนจากนาฬิกาของเหล่านัมเบอร์ทุกคน
หมายเลข 01ฟิชั่น นิโครเลีย ถูกกำจัดแล้ว...
เหลือนัมเบอร์อีก 9 คน....