Chereads / I will go to Another World [ผมจะไปต่างโลก] / Chapter 33 - [ความโกรธแห่งราธ]

Chapter 33 - [ความโกรธแห่งราธ]

การ์ดอัศวินคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังตะโกนขึ้นว่า

"ไม่ต้องกลัว! พวกเราฆ่ามันได้แน่ คนที่อยู่ข้างหน้าโจมตีพวกมันเลย!!"

อัศวินสองคนที่อยู่หน้าสุดใช้ดาบของตัวเอง แทงตรงสวนมายังใบหน้าของผมกับไนท์ฮอว์กที่กำลังวิ่งเข้าไปหาพวกเขาด้วยดวงตาสีแดงแห่งความบ้าคลั่ง ไม่รู้เป็นเพราะค่าสถานะความว่องไวที่เพิ่มขึ้นด้วย

รึเปล่า ผมเห็นวิถีของปลายดาบอย่างชัดเจน ผมรอจนปลายดาบห่างกับจมูกผมแค่ 10 ซม. แล้วจึงค่อยเอี้ยวหลบ

เฉียะ! ดาบบาดแก้มขวาผมเป็นแผลเล็กน้อย และพุ่งผ่านไหล่ผมไปด้านหลัง ผมถือเคียวกลับด้าน กำหมัดแน่น แล้วใช้หมัดขวาชกสวนเหมือนท่าครอสเคาเตอร์ของมวยสากลเข้าที่ใบหน้าของอัศวินคนนั้นแบบเต็มเปา

ตูม! เขาล้มหงายหลังตึงไปพร้อมกับเฮลเม็ทที่บุบบู้บี้บนใบหน้า

ตึง! ผมเหยียบซ้ำไปที่ใบหน้าเขาอีกครั้ง มีเลือดพุ่งทะลักออกมา และเขาแน่นิ่งไปในที่สุด

"หึหึ… หึหึหึ…" ผมรู้สึกดี เหมือนความโกรธที่อัดแน่นอยู่ภายใน ได้ระบายออกมา

"อาาา… ไม่ไหวแล้ว อยากเห็นเลือดอีก อยากฉีกเนื้อ อยากป่นกระดูก ขออีกได้ไหม ขอให้ผมได้อัดพวกคุณให้เละด้วยเถอะ ฮ้า~ฮ่าฮ่าฮ่า!" เกิดมาผมไม่เคยยิ้มหัวเราะที่ได้อัดคนแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกเหมือนผมตั้งใจแค่เพียงยิ้มอ่อน แต่ปีศาจในใจกลับเร่งเครื่องให้ผมหัวเราะเต็มเหนี่ยวออกมาซะยังงั้น

"เฮ้ย! อย่าได้ใจนักไอ้พวกโจรสถุน ด้วยเกียรติอันสูงส่งแห่งกิลด์

ไฮเอนด์ พวกข้าจะลงทันฑ์แกเอง ทุกคนลุย!!"

"โอ้วววววววว!!"

อัศวินส่งเสียงโห่ร้องด้วยความคึกคะนองเพื่อปลุกใจตนเอง แต่ก็เกิดสิ่งที่ตัดกำลังใจพวกเขาเกิดขึ้นอีกครั้ง นั่นคือเสียงร้องของการ์ดที่เข้าสู้กับไนท์ฮอว์ก

"อ๊ากกกกก!! แขนข้า~!!"

ไนท์ฮอว์กใช้มีดสปาร์ต้าตัดแขนขวาของการ์ดคนนั้นออกและโยนไปให้คนที่พูดปลุกใจ เขารับไว้ด้วยหน้าตางุนงง ทำให้ความคึกคักเมื่อสักครู่ มลายหายไปในพริบตา

"..."

"ฮึ่ม! แก… บังอาจมาก" อัศวินคนนั้นโยนแขนเพื่อนทิ้งออกไปข้างหลัง จากนั้นชี้นิ้วตรงมาข้างหน้า

"พวกมันมีแค่สองคนเท่านั้น สับพวกมันให้เละ! รุมโจมตีพร้อมกันไปเลย!"

"ย้าก!" "ว๊าก!"

การ์ดอัศวินเริ่มการโจมตี แต่ด้วยทางเดินที่แคบและอาวุธที่ใหญ่ของแต่ละคน ทำให้เข้าปะทะกับผมและไนท์ฮอว์กได้ครั้งละ 2-3 คนเท่านั้น และด้วยอารมณ์บ้าคลั่งของผมตอนนี้ ผมไม่มีความรู้สึกปราณีต่อใครหน้าไหนทั้งนั้น

ผมเรียกเคียวจันทร์เสี้ยวกลับเข้าคลัง รู้สึกอยากใช้แค่หมัดกับเท้านี่แหละบดขยี้พวกเขา ทันใดนั้นการ์ดอัศวินพุ่งเข้าโจมตีผม เขากระโดดขึ้นด้านบนใช้สกิลดาบฟันลงมาเต็มแรง ผมหันข้างหลบรัศมีของดาบ ปล่อยมันเคลื่อนตัวผ่านไปกระแทกกับพื้น ซึ่งทำให้เขาเสียหลักจากแรง

จู่โจมของตนเอง ผมเล็งจังหวะเข้าประชิดตัว ใช้มือขวาคว้าข้อมือของเขาดึงย้อนกลับ และใช้มือซ้ายดันตรงหัวไหล่ออกไปเป็นลักษณะท่าบิดไหล่ จับเขากดลงคว่ำหน้ากับพื้น และดัดแขนเขาไปอีกทางอย่างเต็มแรง

เปาะ! ปึ้ด! "อ๊าาาา!!" เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เพราะไหล่ของเขาหลุด รวมไปถึงเส้นเอ็นที่ข้อศอกฉีกขาดอย่างแน่นอน การลงมือของผมครั้งนี้กินเวลาแค่สองวินาทีเท่านั้น

"ฮ่าห์!" การ์ดอีกคนถือดาบด้วยมือขวาข้างเดียวและใช้มันแทงตรงเข้ามาโดยเล็งที่ท้องผม ผมพุ่งสวนเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัว ดาบลอดผ่านสีข้างไปอย่างเฉียดฉิว ผมใช้แขนซ้ายล็อกไปที่ข้อศอกของเขาและงัดดัดเต็มที่จนเขาร้องอ๊าก จังหวะนั้นผมกระหน่ำหมัดขวารัวไปที่ใบหน้าของเขาห้าหมัดอย่างรวดเร็ว

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

เมื่อผมปล่อยแขนที่ล็อกข้อศอกของเขาเอาไว้ ร่างของเขาทิ้งตัวสลบไสลกับพื้นทันที

การ์ดเริ่มกรูเข้ามาเรื่อยๆ ทีละคนสองคน พวกเขาใช้สกิลโจมตีใส่ผมแบบไม่ยั้ง ขอบคุณโถงทางเดินที่คับแคบเลยทำให้ออกสกิลได้ไม่มาก สกิลทั้งหมดจึงเป็นประเภทที่เสริมแรงโจมตีเท่านั้น และด้วยความมืดของทางเดินที่มีเพียงแสงไฟสลัว ผมที่เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วกว่าจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างชัดเจน

ผมอ่านการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้แล้วไม่ฝืนต้าน ปล่อยไหลคล้อยตามแรง ใช้การชักหมัดสวนที่ว่องไวและการวาดเท้าเตะที่รวดเร็ว เน้นอัดคาง ลูกกระเดือก ลิ้นปี่ หว่างขา หัวเข่าพับใน คอมโบรัวตามจุดสำคัญของร่างกาย ไม่อยากจะเชื่อว่าแม้จะอยู่ในอารมณ์เดือดดาลบ้าคลั่ง แต่ลีลาท่วงท่าของ 'กังฟู' ที่ผมเคยร่ำเรียนมา ตอนนี้มันกลับถูกปล่อยออกมาเองโดยสัญชาติญาน

"ฮึ่ยย่าห์!!" ผมใช้เท้ายันเตะสูงเข้าที่ปลายคางของการ์ด จนเขากระเด็นหงายหลังกลับไปหาพรรคพวก ซึ่งช่วยกันรับหิ้วปีกเอาไว้ได้

"เฮ้ย เป็นไง ยังไหวไหม?"

"...."

"ไอ้หมอนี่น่าจะสลบไปแล้ว ฮึ่ม! พวกมันเก่งเวอร์อะไรขนาดนี้วะ"

"ลูกพี่ครับ ไปตามพวกจอมเวทหรือนักธนูมาช่วยเถอะนะครับ!

สู้ระยะประชิดกับพวกมันไม่ไหวแล้ว"

"แม่งเอ๊ย! เสียหน้าจริงๆ การ์ดอัศวินอย่างพวกเราจัดการผู้บุกรุกเองไม่ได้ โธ่เว้ย! ระบบสื่อสารก็ใช้ไม่ได้อีก พวกแกสู้กันไปก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะไปตามนักผจญภัยคนอื่นมา"

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป แต่ที่มากขึ้นคือร่างของการ์ดอัศวินที่นอนอยู่บนทางเดินมีมากขึ้นเรื่อยๆ

ติ๊ง!

ระยะเวลาแสดงผล

[ความโกรธแห่งราธ]

เหลือเวลาอีก 60 วินาทีค่ะ

ดูเหมือนใกล้ครบเวลาของสกิลระดับ S ที่ไนท์ฮอว์กแบ่งให้ผมใช้แล้วสินะ

ตึง! "อั่ก!"

อัศวินคนหนึ่งวิ่งเอาโล่พุ่งเข้ากระแทกอย่างแรง จนผมถึงกับเซ แต่ขณะที่สกิลยังส่งผลอยู่นั้น ยิ่งผมได้รับบาดเจ็บเท่าไร ผมยิ่งฮึดกว่าเดิมและรู้สึกถึงความโกรธที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ผมตั้งหลักได้และออกตัววิ่งเข้าใส่อัศวินคนนั้น เขายื่นโล่มาไว้ข้างหน้าและตะโกนก้องว่า

"[โล่กระแทก!]" เห็นชัดว่าเขาคิดว่าผมโง่พอที่จะปะทะชนกับเขาตรงๆ แต่เมื่อได้ระยะปุ๊บ ผมกระโดดออกด้านข้างเอาสองเท้ายันกำแพง จากนั้นกระโดดพุ่งใส่อีกครั้งด้วยท่าซุปเปอร์แมน หมัดขวาชกใส่เข้าบริเวณซี่โครงของเขาอย่างจัง

ตูม!

อัศวินคนนั้นตัวงอเป็นกล้วย ร้องอั่กออกมาและทรุดนั่งลงทันที พร้อมกันนั้นมือของผมมีเลือดกระฉูดออกมาจากการชกเกราะเหล็กกล้า และผมเพิ่งสังเกตเอาตอนนี้ว่านิ้วมือของผมน่าจะหักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อัศวินคนนั้นซี่โครงต้องหักอย่างแน่นอน ผมไม่รอช้าที่จะลงมือต่อเนื่อง ผมวาดเท้าเตะเข้าก้านคอเปรี้ยงเข้าให้ แต่เขาแสดงความอึดออกมาอย่างเหลือเชื่อ เขายังยันตัวเองไว้ได้ไม่ยอมล้มลงไป ผมจึงหมุนตัวเองด้วยความเร็วและทุ่มแรงเตะก้านคอซ้ำเข้าไปอีกที

"ฮ่าห์!!"

ตึง!

ในที่สุดอัศวินคนนี้ก็หมอบราบคาบแก้ว ผมยอมรับเลยนะว่าเขาอึดจริงๆ

"แฮ่ก… แฮ่ก… ฮ้า…!"

หลังจากเผด็จศึกเมื่อสักครู่ ผมหอบหายใจหนักและยืนจ้องมองไปที่การ์ดอัศวินที่เหลืออีก 4-5 คน แต่ดูพวกเขาลังเลที่จะเข้าต่อสู้ ซึ่งไม่แปลกอะไรเลย เพราะรอบกายผมมีร่างของอัศวินนอนครางโอดโอยหรือไม่ก็แน่นิ่งไปกว่า 10 คน ทางฝั่งผมส่วนใหญ่ พวกเขาจะกระดูกหัก เส้นเอ็นฉีก หรือไม่ก็สลบไป แต่นั้นยังไม่เท่ากับความน่ากลัวสยดสยองจากทางฝั่งของไนท์ฮอว์ก ผมสรุปได้คำเดียวเลยว่า 'เลือดสาด' เพราะตามทางเดิน ฝาผนัง หรือแม้แต่บนเพดานนั้นมีเลือดเปรอะเต็มไปหมด

ติ๊ง!

ระยะเวลาแสดงผล [ความโกรธแห่งราธ] หมดเวลาค่ะ!

ทันทีที่ได้ยินเสียงระบบแจ้งเตือน เหมือนสมองของผมสั่งปลดล็อคความรู้สึกอื่นๆ ทั้งหมด

"อะ… อ๊าก..."

ผมร้องกระอักออกมาอย่างแผ่วเบา ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างในชั่วพริบตา ผมปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง มีบาดแผลเต็มตัว และที่สำคัญคือกระดูกนิ้วมือทั้งสองข้าง กระดูกข้อมือข้างขวา หัวเข่าซ้าย ข้อเท้าขวา ทั้งหมดที่กล่าวมาน่าจะร้าวหรือไม่ก็หักอย่างแน่นอน ผมขบฟันตัวเองแน่นเพื่อสะกดความเจ็บปวด ตัวผมกำลังสั่นเทิ้ม จากการพยายามประคองร่างตัวเองไม่ให้ล้มลงไปตอนนี้ ต้องขอบคุณแสงไฟสลัวอีกครั้งที่ทำให้การ์ดอัศวินที่เหลือไม่เห็นว่าผมกำลังแสดงสีหน้าเจ็บปวดมากแค่ไหน

"ข้ามาแล้ว! ยังรอดกันอยู่ไหม… เฮ้ย! เหลือกัน 5 คนเองเรอะ"

อัศวินคนนั้นวิ่งนำหน้ากลุ่มนักผจญภัยหลายคนมาถึงที่โถงทางเดิน มองจากมุมของผม ผมไม่ชัวร์เรื่องจำนวนเท่าไร รู้แต่ว่าเยอะมาก น่าจะเกิน 20 คนเห็นจะได้

"เอาล่ะ หลีกทางให้ข้า ข้าจะร่ายเวทดับชีวิตโจรสกปรกพวกนี้เอง"

"ข้าจะช่วยประสานด้วยอีกแรง เอาให้พวกมันหายวับไปเลย"

จอมเวทผู้หญิงหนึ่งคนผู้ชายหนึ่งคน เดินออกมาข้างหน้า และเริ่มดำเนินการท่องมนต์ จากที่วินเคยบอกว่าหากเป็นเวทขั้นสามขึ้นไป

จะร่ายแบบควิกสเปลไม่ได้ จำเป็นต้องมีการท่องมนต์เพื่อปลดปล่อยมันออกมา และเวทขนาดใหญ่แบบนั้น อัดใส่โถงทางเดินแบบนี้ ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะไปหลบตรงไหนดี

"หลบหลังโซฟาได้เปล่าหว่า...?"

ผมหันไปมองว่าไนท์ฮอว์กเป็นอย่างไรบ้าง และเห็นเขากำลังดื่มโพชั่นและอีเทอร์อยู่ ผมจึงคิดจะหยิบออกจากคลังมาดื่มบ้าง แต่ก็ได้แค่คิด เพราะผมยกแขนไม่ขึ้นเลย แค่จะกระดิกนิ้วยังเจ็บ ร่างกายมันไม่ยอมทำตามคำสั่งแล้วตอนนี้…

"...ขอวิงวอนต่อวิหคแห่งเปลวไฟอมตะ ฟินิกซ์! ขอพลังเพลิงอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านจงเผาพลาญศัตรูให้กลายเป็นเถ้าถ่านผุยผงตลอดกาล"

เมื่อจอมเวทร่ายเวทสำเร็จ มานาสีเหลืองแดงหมุนวนอยู่กลางอากาศก่อเกิดเป็นลูกบอลไฟยักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 5 เมตร กินรัศมีเกินครึ่งของโถงทางเดิน ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อจอมเวทอีกคนเริ่มร่ายเวทเช่นเดียวกัน

"...ขอพลังอำนาจจากเทพแห่งสายลมเซเฟอร์ โปรดดลบันดาลสายลมอันรุนแรง เชือดเฉือน! โหมกระหน่ำ! ทำลายศัตรูของข้าให้สิ้นไปด้วยเถิด"

สายลมก่อตัววนเวียนรอบลูกบอลไฟยักษ์ เป็นการร่ายเวทผสานของไฟกับลมได้อย่างน่าทึ่ง สายลมช่วยเกื้อหนุนให้เปลวไฟยิ่งโหมกระหน่ำ ตอนนี้ขนาดของลูกไฟยักษ์ที่มีเปลวเพลิงลุกไหม้อัดแน่นอยู่นั้น กินรัศมีพื้นที่ทั้งหมดของโถงทางเดินห่างจากพวกเราไปประมาณ 50 เมตร

"แจ็ก! เผ่นว้อย! ยืนนิ่งเป็นซากกะเบือกอยู่ได้!" ไนท์ฮอว์กตะโกนบอกผม ขณะที่เขาเริ่มกระโผลกกระเผลกเดินย้อนกลับไปข้างหลัง ผมเอี้ยวตัวจะเดินบ้าง แต่นั่นกลับทำให้ผมล้มลงกับพื้น ผมล้มลงอย่างหมดเรี่ยวแรง ขยับตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

"ลุงไปเถอะ! รีบหนีเข้าห้องหินกิลด์ก่อน ผมลุกไม่ไหวแล้ว ทิ้งผมไว้ได้เลย!" ผมพยายามตะโกนทั้งๆ ที่นอนคว่ำหน้าอยู่

"ตายซะเถอะ ไอ้พวกงี่เง่า!! เวทประสาน [มหาลูกบอลไฟยักษ์!]"

ซูมมมมมม!!

ลูกบอลไฟยักษ์เริ่มพุ่งมาตามทางเดินแล้ว มันเผาพลาญทุกสิ่งที่เคลื่อนตัวผ่านให้ลุกไหม้เกรียมในพริบตา ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเล็ก เก้าอี้ โซฟา หรือรูปภาพศิลปะในกรอบทองที่ติดกำแพง และในไม่ช้ามันจะต้องถึงคราวของผม แต่จู่ๆ ร่างกายผมก็ลอยขึ้น… มันเริ่มลอยถอยหลังเรื่อยๆ อย่างโยกเยกและเชื่องช้า ไนท์ฮอว์กนั่นเองที่เป็นคนแบกตัวผมพาดไหล่ของเขาอยู่

"ทำอะไรของลุง?! แบบนี้เดี๋ยวก็ตายทั้งคู่หรอก!"

"หุบปากเน่าๆ ของแกซะ!! ข้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของข้าว้อย!!"

ผมซึ้งน้ำใจของไนท์ฮอว์กจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเป็นคนดีแบบนี้ ถึงจะปากสุนัขไปหน่อยก็เถอะ ผมผงกหัวขึ้นมองไปที่ทางเดิน และรู้เลยว่าพวกเราหนีไปถึงห้องหินกิลด์ไม่ทันแหง พวกเราช้าเกินไป ลูกบอลไฟยักษ์พุ่งเข้ามาเร็วกว่ามาก แต่ก่อนหน้านั้นมีสิ่งที่ผมลืมนึกถึงไปเลยก็คือ

"อ๊า~ก! อ๊าาา!"

"ทำไมทำแบบนี้วะ?! อ๊าก!"

"อ๊ากกกก! ไอ้พวกชาติชั่ว!"

"คอยดูนะข้าฟื้นกลับมาเมื่อไร ข้าจะฟ้องพวกแก!!"

"อ๊าาาา!! ร้อนนนน!!"

"ได้โปรดชุบชีวิตข้าด้วย พรุ่งนี้วันเกิดลูกชายข้า ถ้าข้าไม่อยู่ละก็…! อ๊ากกก~!"

การ์ดอัศวินเกือบ 20 คน ที่นอนอยู่ตรงนั้น พวกเขาบางคนก็ยังมีชีวิตอยู่ แค่บาดเจ็บเท่านั้น แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะฝีมือพวกเดียวกันเอง คิดแล้วรู้สึกเศร้าใจแท้ โดยเฉพาะคนสุดท้ายที่ตะโกนเรื่องวันเกิดลูกชาย ผมจำเขาได้อย่างแม่นยำ เขาคือคนที่ถูกผมเตะก้านคอสองทีซ้อน

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสงสารคนอื่นแล้ว เพราะลูกไฟยักษ์กำลังจะไล่พวกเราทันแล้ว อีกไม่กี่อึดใจเท่านั้น

"ลุงไนท์ฮอว์กปล่อยผมลง แล้วรีบวิ่งไปคนเดียวเถอะครับ"

"บอกให้… แฮ่ก! หุบ... ปาก... แฮ่ก! ไง… แกต้อง... แฮ่ก! เชื่อใจ…!"

"ห๊า เชื่อใจ...? เชื่อใจใครล่ะครับ อีกไม่เกิน 3 เมตร ไฟจะเผาหัวพวกเราอยู่แล้วเนี่ย?!"

วินาทีที่ความร้อนระอุดั่งไฟนรกกำลังจะเข้ากลืนกินพวกเราทั้งคู่นั้น ผมคิดในใจว่า 'วิน… ขอโทษด้วยว่ะ ฉันคงต้องผิดสัญญากับนายซะแล้ว งานนี้เกมโอเวอร์แน่นอน'

"เชื่อใจ… 'พวกพ้อง' สิว้อย!" ไนท์ฮอว์กตะโกนออกมาด้วยอารมณ์แห่งความไม่ยอมแพ้ และทันใดนั้นก็มีเสียงเด็กสาวตะโกนกลับมาเป็นการตอบรับ

"ปลดปล่อยสกิล [อาณาเขตคืนเดือนมืด!]"

ออร่าแสงสีดำขนาดมหึมาพุ่งวาบมาจากทางห้องหินกิลด์ครอบคลุมโถงทางเดินทั้งหมด ความมืดนั้นเคลื่อนผ่านพวกเราไปอย่างรวดเร็ว และเป็นฝ่ายที่กลืนลูกบอลไฟยักษ์ไปอย่างเงียบเชียบ ได้ยินเพียงเสียงเหมือนใครเป่าเทียนดับพรึ่บแบบนั้นเลย เปลวไฟสลัวจากโคมไฟเล็กก็ดับไปด้วยเช่นกัน สิ่งที่หลงเหลือมีแค่โถงทางเดินที่มืดสนิท กับแสงจันทร์เบาบางจากหน้าต่างเท่านั้น ราวกับที่นี่กลายเป็น 'คืนเดือนมืด' อย่างแท้จริง

ขณะที่ผมกำลังงุนงงอยู่ ไนท์ฮอว์กก็วางผมลงและประคองไหล่แทน จากนั้นผมก็ได้เห็นวิสเปอร์ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเรา กวักมือให้ก้มหัวลงมาฟังเธอพูด ผมโน้มหัวลงไป ไนท์ฮอว์กส่งเสียงรำคาญนิดหน่อยแต่ก็ก้มตามลงมาด้วย

"พวกเจ้าทำได้ดีมาก จากนี้ไปเป็นหน้าที่ข้าเอง ไฟท์ติ้ง!"

เมื่อวิสเปอร์พูดจบ เธอก็วิ่งหายเข้าไปในโถงทางเดินที่มืดมิด...