จานต่อไปคือซุป ผมเองไม่ได้สนใจเรื่องของความเข้ากันของแต่ละเมนูนัก สิ่งที่เลือกมาเป็นแค่สิ่งที่ผมหรือไม่ก็แอนอยากกิน
ผมทำซุปครีมหอยลายสำหรับสี่ที่ คุณแม่ของผมเคยบอกว่านี่คือซุปที่พ่อผู้ซึ่งผมไม่เคยเจอหน้าสักครั้งชอบเหมือนกัน
นึกถึงชายคนนั้นแล้วรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ตั้งแต่เด็ก พอผมถามเรื่องเกี่ยวกับพ่อ คุณแม่ก็จะเล่าเรื่องพิสดารเหลือเชื่อให้ฟัง บอกว่าพ่อเป็นนักเดินทางข้ามเวลาบ้างละ บอกว่าเดินทางมาจากโลกที่อยู่ไกลแสนไกลบ้างละ เป็นมนุษย์ที่ถูกดัดแปลงบ้างละ
น่าจะเป็นแค่เรื่องโกหกไร้สาระที่คุณแม่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกไม่ให้ผมเศร้าที่ถูกเขาทอดทิ้ง คิดแบบนั้นมาตลอด ทว่าในตอนนี้เมื่อตนเองมาอยู่ในโลกอื่น แถมยังมีพลังพิเศษที่ได้จากระบบ มันอดคิดไม่ได้ว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ้าบอแค่ไหนก็อาจเป็นจริงได้
ระหว่างที่คิดนอกเรื่อง ซุปที่ผม แอน และเมย์ช่วยกันทำก็เสร็จพอดี พวกเราจัดที่เพิ่มขึ้นอีกที่
"ฉันไม่กินของที่ไม่น่าไว้ใจหรอกนะ" เธอตัดสินใจออกมาข้างนอก แล้วมาพูดแบบนั้นต่อหน้าเรา
ผมเพิ่งได้เห็นหน้าตาเธอชัด ๆ เป็นครั้งแรก หญิงสาวคนนี้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแอน นอกจากนั้นเธอยังดูดีไม่น้อยไปกว่ากัน ผมบ็อบสีดำของเธอยาวประบ่า ใบหน้าดูมีเสน่ห์เย้ายวนแบบผู้ใหญ่ในขณะเดียวกันก็มีดวงตาซุกซนชวนให้คิดถึงตาแมว รูปร่างเองก็มีส่วนโค้งส่วนเว้าที่ลงตัวไม่ผอมหรือหนาจนเกินไป
สวยดูดีจนเกือบจะเท่ากับแอน แต่ที่แพ้ไปฉิวเฉียดก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย ว่ากันตามตรงผมคิดว่าแอนนั้นดูสมบูรณ์แบบจนเกินไปต่างหาก
ชื่อของเธอคือ 'แคทเธอรีน เคน' หลังจากหญิงสาวยอมออกมาจากบ้าน ไม่นานนักเธอก็เริ่มเปิดปากเรื่องของตนเอง
[มิชชัน: ตามหาคน (2/4)]
[1. แอนนาเบลลา โฮปส์]
[2. แคทเธอรีน เคน]
มิชชันคืบหน้าไปอีกนิด นอกจากนั้นผมได้ข้อสรุปมาเพิ่มคือมิชชันนี้ต้องให้ผมเป็นผู้เจอกับเป้าหมายเท่านั้น เหตุผลที่ผมรู้ก็เพราะว่าจอนเคยเผชิญหน้ากับแคทเธอรีนระหว่างที่เขาแยกออกมาสืบค้น
จอนเคยถึงกับสะกดรอยตามเธอในระยะใกล้มาแล้ว ตอนนั้นความคืบหน้าของมิชชันไม่เปลี่ยนแปลง
เรื่องนี้ทำให้ผมหวั่นใจ สมมติว่าคอลเลคเตอร์อื่นได้รับมิชชันแบบเดียวกันจริง การจะจบมิชชันนี้ได้คอลเลคเตอร์จะต้องอยู่ในเมืองนี้ด้วยเช่นเดียวกับผม
อยากมองโลกในแง่ดีว่าคอลเลคเตอร์อีกคนอาจไม่คิดแบบนั้นหรือรู้ข้อเท็จจริงของมิชชันมาก่อน แต่การได้เห็นคาแรคเตอร์ที่เคยจัดการไปแล้วปรากฏตัวขึ้นได้ และยังลาดตระเวนอยู่ในเมือง ก็ทำให้ฉุกใจคิดว่าคอลเลคเตอร์อีกคนน่าจะอยู่ในเมืองนี้เช่นกัน
"ขอเรียกคุณแคทเธอรีนว่าแคทได้ไหมคะ"
"อื้มม งั้นฉันจะเรียกเธอว่าแอนก็แล้วกัน ได้ใช่ไหม"
"ส่วนผม คามิล เรียกคามิลนั่นแหละ"
แคทเธอรีนยังดูไม่ไว้ใจพวกเรา นอกจากยังไม่ยอมกินซุปที่พวกเราทำเสร็จและเริ่มกินไปก่อน เธอเริ่มยิ่งคำถามมากมายใส่ พวกเราตัดสินใจแล้วว่าจะตอบทุกอย่างอย่างไม่ปิดบังก่อนเธอจะออกมา ไม่ว่าจะเรื่องเกี่ยวกับระบบ เรื่องเกี่ยวกับการ์ดต่าง ๆ รวมทั้งมิชชันที่ให้ตามหาคนซึ่งคืบหน้าไปแล้ว พวกเราบอกกับเธอไปตามตรง
เหตุผลสำคัญที่ผมคิดว่าควรอธิบายก็เพราะแคทเธอรีนมองเห็นหน้าต่างสีน้ำเงินโปร่งใสที่ลอยอยู่กลางอากาศเช่นเดียวกับแอน การอธิบายกับเธออย่างตรงไปตรงมาน่าจะทำให้เธอเชื่อใจมากขึ้น
แล้วสุดท้าย แคทเธอรีนหรือ 'แคท' ที่ผมถือวิสาสะเรียกทั้งที่เธอยังไม่อนุญาตก็นั่งร่วมโต๊ะกับพวกเราในตอนที่เมนูเมนดิชเสร็จเรียบร้อยเป็นจานถัดไป
"ฉันอธิบายเร็วไปรึเปล่าคะ" แอนแสดงความใส่ใจสมาชิกใหม่ของทีม
"ไม่นะ ชัดเจนดี ถึงจะฟังดูเหลือเชื่อไปหน่อยก็เถอะ ระบบเอย การ์ดเอย คาแรคเตอร์เอย ขนาดเห็นกับตาแล้วก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเป็นจริงเลยแหละ อ้อ แต่ยังมีเรื่องที่สงสัยอีกอย่าง"
"ถามมาได้เลย"
"มิชชันของนายคนนั้นเสร็จสิ้นตั้งแต่เจอหน้าฉันแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเธอถึงยังอยากชวนคุยต่อล่ะ"
"จริงด้วย" แอนสะดุ้งเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
[แฝดสาม #1: สาวซามูไรหลุดขำดังก๊าก]
[บอดีการ์ดสุดเซ็กซี่อมยิ้มให้กับความเปิ่นของแอน]
"นี่เธอลืมจริง ๆ เหรอเนี่ย"
"ลืมจริง ๆ ค่ะ ไม่ทันนึกเลย แต่ก็คิดว่าโชคดีแล้วที่ได้มาเปิดอกคุยกับคุณแคท พวกเราเลยได้เป็นเพื่อนกันยังไงล่ะคะ"
"เพื่อน…" แคทหัวเราะเบา ๆ
"ฉะ ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอคะ" แอนเหลือบตามามองผม "เราจะเดินทางไปด้วยกันต่อ ถ้าคุณไม่ติดขัดอะไรค่ะ"
แคทไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับคำชวนของแอน พวกเราคุยกันอีกหลายเรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องชีวิตก่อนหน้าที่ต้องมาอยู่ในโลกนี้ กับความยากลำบากของเธอในการเอาตัวรอดในแรทฟอร์ตที่มีสภาพไม่ต่างจากเมืองที่ตายไปแล้ว
"ตอนออกไปได้ ทำไมถึงไม่ออกไปล่ะคะ"
"ฉันไม่รู้จะไปที่ไหนน่ะสิ แรทฟอร์ตคือที่แรกที่ฉันมาถึง ฉันเคยมีเพื่อนที่นี่ ตอนนั้นเมืองยังไม่ย่ำแย่ขนาดนี้"
"ตอนนี้มันไม่เหมือนตอนนั้นแล้วนี่"
"อืมม"
"อย่าหาว่าก้าวก่ายเลย เธออยู่ได้ด้วยอาหารกระป๋องใช่ไหมล่ะ เหลือไม่เยอะแล้วใช่ไหม"
"ไม่ต้องมายุ่งเลย ถ้าจะอยู่ต่อแล้วอาหารพวกนั้นหมด อย่างมากฉันก็จะไปค้นเอาที่เมือง"
ผมและแอนมองหน้ากัน เราต่างรู้อยู่แก่ใจว่าร้านค้าในเมืองถูกปล้นชิงของไปแทบจะหมดแล้ว ต่อให้ค้นทุกซอกทุกมุม ผมก็คิดว่าเธอน่าจะหาเสบียงเพิ่มได้ไม่มาก ยังไม่นับเรื่องที่ว่าเมืองนี้ยังเหลือซอมบีเดินเพ่นพ่านอยู่อีกพอสมควร
"ไปกับเราเถอะนะคะ" แอนชวนอย่างตรงไปตรงมา "อย่างน้อยเรื่องอาหารการกินก็ไม่ขาดแน่ แล้วคุณคามิลก็แข็งแกร่งมาก ๆ ด้วย พวกเราสามารถช่วยดูแลกันและกันได้นะ"
"นายน่ะเก่งแน่ใช่ไหม"
แคทมองชุดที่ผมใส่แบบไม่ค่อยไว้ใจ คงมองชุดสูทสีขาวแบบนี้แล้วคิดว่าผมพิลึกสินะ
"พอ ๆ กับทหารสักกองร้อยนึงได้ล่ะมั้ง ไม่สิ นั่นมากไปหน่อย สักครึ่งกองร้อยน่าจะไหว"
[บอดีการ์ดสุดเซ็กซี่ปลื้มในความอวดดีของคุณ]
[ลุงยามวัยดึกสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง]
[ช่างประปาร่างใหญ่กลัวว่าคุณเชื่อมั่นในตัวเขามากเกินไป]
เธอได้ยินคำพูดและเห็นข้อความก็หลุดหัวเราะออกมา "โห สุดยอดเลยนะเนี่ย"
"จะถามครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคำตอบยังคงเป็น 'ไม่' พวกเราก็จะไม่มากวนใจอีก อยากจะมากับพวกเราไหม"
เธอหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองบ้านและเมืองที่มีทิวทัศน์ไม่น่ามองซะเลย "ขอบอกไว้ก่อน ฉันน่ะเอาแต่ใจใช้ได้เลยนะ"
"ถ้ามันไม่มากไปก็จะพยายามตามใจก็แล้วกัน"
"เอ๋ ทำไมทีกับฉันไม่เห็นคุณคามิลพูดแบบนี้บ้างล่ะ" แอนส่งเสียงแหลมเพราะความคาดไม่ถึงแบบใสซื่อ ผมหัวเราะขำในใจแต่ไม่ได้พูดให้มากความกับเธอ