ผมเป็นคนไม่คิดอะไรซับซ้อน ผมคิดง่ายๆว่าถ้าผมยกทุกอย่างคืนให้ท่านไนท์ เขาและคนอื่นๆจะได้มีชีวิตที่ปกติกลับคืนมา แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด เพราะท่านไนท์นั้นสุดยอดกว่าที่ผมคิดไว้มากนัก
"ท่านไนท์!"
ผมถลาเข้าไปหา ไม่ลังเลเลยที่จะกอดเอวคนตรงหน้าแน่น เพราะกลัวว่าเขาจะหายไปอีกครั้ง และเพราะส่วนสูงผมทำได้เท่านี้
"ท่านกลับมาแล้ว"
ผมเชื่อว่าท่านไนท์จะกลับมาได้ แต่เขาก็ทำให้ผมประหลาดใจยิ่งกว่าด้วยการกลับมาครบสามสิบสองและทรงพลังมาก
ท่านไนท์ยิ้มกว้าง บรรจงถอนหน้ากากออกให้ผมแล้วเช็ดเลือดที่ซึมจากมุมปากให้ด้วยความอ่อนโยน
"ขอโทษด้วยที่ทำให้ลำบาก"
"ผมไม่ได้ลำบากอะไรเลย" ตอนนี้ผมทั้งดีใจ และแปลกใจที่รอบตัวท่านไนท์ไม่มีพลังของอัลฟ่าอยู่แม้แต่น้อยเช่นเดียวกับที่ผมไม่มี เส้นด้ายนั่นหายไปไหนแล้ว?
"เกิดอะไรขึ้นเรอะครับท่านไนท์"
"ผมขอโทษนะเมเรส ตอนนี้นายเองก็ไม่มีพลังอัลฟ่าแล้ว ผมสละสิทธิ์นั้นทิ้งอย่างถาวรไปแล้ว ดาวดวงนี้อยู่เหนือการควบคุมของอัลฟ่า มันจะเป็นไปตามอายุขัยของมัน และเหตุปัจจัยในจักรวาลโดยที่ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป เช่นเดียวกับพวกเราและชาวดาวเฟลม่าทั้งหมด"
ท่านไนท์ลูบหัวผมเบาๆราวกับปลอบประโลมระหว่างที่เขาเอ่ยต่อไป ผมชอบที่ท่านทำแบบนี้ และคิดถึงมันมาก จนเผลอหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้ม
"ขอโทษนะที่ผมเอาแต่ใจ"
ผมลืมตามองสีหน้าเสียใจของท่าน และค้นพบว่าผมไม่โกรธเลย ท่านไนท์ไม่จำเป็นต้องขอโทษผม ผมเข้าใจถึงสิ่งที่ท่านต้องการดี ไม่ว่าเมื่อไรท่านก็หวังสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนของท่าน แต่คนที่ไม่เข้าใจน่าจะเป็นกลุ่มคนข้างหลังที่กำลังรอคำอธิบายจากท่านอย่างใจจดใจจ่อนี่แหละ
…
"ไนท์?"
ชาร์ลมองกลับไปกลับมาระหว่างไนท์คนใหม่กับไนท์คนเก่า ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีพลังของอัลฟ่าดาวเฟลม่าอีกแล้ว และก็ดูไม่ใช่ภัยคุกคามทั้งคู่ ตกลงใครคือไนท์ ใครคือสัตว์ประหลาดกันแน่ ชาร์ลเกาหัวงุนงง
"ครับชาร์ล"
ไนท์หันไปยิ้มละไมให้พลางเดินเข้าไปหาพร้อมยื่นมือไปเชยคางเพื่อนสนิท
"คิดถึงผมเรอะครับ ชาร์เลส"
ถุย
แค่เจอหน้ากันครั้งแรกก็ชวนให้ชาร์ลอยากขากเสล็ดใส่ และรู้ได้ทันทีว่าใครคือตัวจริง อิกไนท์ที่น่าเตะคนนั้นคงมีได้แค่คนเดียว
"เอ็งนี่มัน ข้าบอกกี่รอบแล้วว่าอย่าทำข้าซวยไปด้วย" ชาร์ลรีบปัดมือเจ้าเพื่อนตัวดี แล้วถอยหนีไปห่างๆ เพราะเขาเริ่มรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่มาจากข้างหลัง ทำให้หนาวจนแทบสั่นไปถึงกระดูก
"ไนท์ตัวจริงสินะ" คราวนี้เป็นเวอร์ชูวผู้ไม่สะทกสะท้านกับคลื่นลมก้าวเข้ามาแทรก และถือวิสาสะดึงเพื่อนสนิทไปกอดโดยไม่มีการขออนุญาตเจ้าตัวหรือเจ้าของ?
"นึกไม่ออกเลยว่า ถ้าไม่มีนายจะเป็นยังไง ดีใจที่นายกลับมานะ ไนท์"
"…" ผมแอบเห็นคิ้วของท่านไนท์กระตุกเล็กน้อย ก่อนเจ้าตัวจะสะกิดหลังเพื่อนแล้วเอ่ยว่า
"ผมคลื่นไส้น่ะ เวอร์"
เทพบุตรหัวเราะ คลายอ้อมกอดแล้วชี้ไปที่อาวุธด้านหลังไนท์
"ดาบเล่มนั้นน่าสนใจไม่เลว"
แต่ไนท์ไม่คิดจะอธิบาย เขายังคงจ้องเพื่อนคนแรกด้วยสายตาคาดโทษ
"นายแอบดูความทรงจำของผม เวอร์ และใช้กำลังทำร้ายคนที่ผมรัก ผมโกรธนายอยู่ ผมจะไม่พูดกับนายจนกว่านายจะขอโทษ"
โอ้ ท่านไนท์มีเล่นมุกงอนกับเขาด้วยเรอะ แต่เทพบุตรอย่างเวอร์ชูวมีหรือจะสะเทือน เขาเลิกคิ้วแล้วหัวเราะลั่น
"นายโกรธ?"
เวอร์ชูวหัวเราะไม่หยุดกับท่าทางโกรธเคืองของไนท์ แล้วแสยะยิ้ม
"นายสบายดีก็ไม่มีปัญหาแล้วล่ะ แต่ว่าผมไม่คิดจะขอโทษหรอกนะ..."
เขาถอยออกไปเล็กน้อยแล้วเลียนแบบท่าไนท์ที่เชยคางชาร์ล
"เพราะผมชอบเวลานายโกรธมากเป็นพิเศษ"
อุ๊ก ทำไมผมรู้สึกว่าอากาศที่กำลังเย็นจัดจนหิมะจะตกได้เปลี่ยนเป็นมรสุมลมร้อนจนเหงื่อกาฬไหลโชกขนาดนี้ ชาร์ลหลบออกข้างๆไปแล้วอย่างรู้งาน
"โทษทีนะเวอร์ ผมมีเจ้าของแล้ว นายก็รู้"
ไนท์หยอกกลับแล้วแสร้งส่ายหน้าปฏิเสธ ค่อยๆดันมือที่เชยคางเขาออกอย่างสุภาพ
"ผมรู้ แต่นายก็รู้ว่าผมนิสัยเสีย ชอบแย่งคนที่มีเจ้าของ"
อืม ชักร้อนขึ้นเรื่อยๆแล้วแฮะ แบบนี้ผมเองก็ต้องหาที่หลบบ้างแล้วล่ะ สองคนนี้แสดงว่าแต่ก่อนก็หยอกกันไปมาแบบนี้ตลอดสินะ ท่านไนท์ถึงได้นิสัยเสียเที่ยวไปละลานคนอื่น
"งั้นนายก็หันไปถามเจ้าของผมก่อนดีมั้ย ว่าเขาจะปล่อยให้นายแย่งผมไปหรือเปล่า?" ไนท์พยักเพยิดไปด้านหลัง เทพบุตรยังคงยิ้มกว้างอย่างมั่นใจ
"ไม่รู้จักคำว่าปล้นเรอะ ไนท์ ขโมยที่ไหนขออนุญาตเจ้าของบ้านบ้างกัน เผอิญผมเป็นขโมยที่ชอบเข้าข้างหลังบ้านด้วยสิ ผมค่อนข้างมั่นใจฝีมือตัวเองนะ"
"…"
เอิ่ม สองคนนี้จะหยอกกันเล่นก็ช่วยหันไปมองคนที่ถูกเมินให้ยืนอยู่ด้านหลังก่อนสิ ผมและชาร์ลเริ่มมีสีหน้าคล้ายๆกัน คือมองบนแล้วทำหน้าเพลีย
เวอร์ชูวยอมสงบปากในที่สุด แล้วหลีกทางให้ไนท์ก้าวเข้าไปหาจักรพรรดิที่เพิ่งทุ่มพลังไปจนแทบหมดตัวเพื่อแก้แค้นให้เขา แต่ตอนนี้กำลังถูกทุกคนเมินจนเส้นเลือดเริ่มปูดโปนเต็มใบหน้า
ไนท์ฉีกยิ้ม แล้วกางแขน เหมือนจะบอกว่า 'ผมกลับมาแล้ว วิ่งมาซบอกผมได้นะ'
แต่อาเบลยังยืนนิ่ง ในกระแสพลังจิตอันแข็งกร้าวส่งสัญญาณที่แปลได้อย่างเดียวว่า 'อธิบายมาซะ ไม่งั้น...ตาย' ออกมาเป็นระยะ
ไนท์จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วเริ่มต้นอธิบายตัวเอง ราวกับบุรุษที่หนีออกจากบ้านไปเที่ยวแล้วถูกจับได้ยังไงยังงั้นเลย
"นี่คือเมเรสโอเมก้าของผม ก่อนหน้านี้ผมยกพลังอัลฟ่าให้เขาขึ้นเป็นไนท์คนใหม่น่ะ"
สีหน้าอาเบลกับชาร์ลแข็งเป็นหินไปทันที ส่วนเวอร์ชูวก็หันมามองผมเหมือนจะสำรวจสินค้าแล้วพยักหน้า เขาดูจะจำโอ-เมก้าที่ตัวเองสร้างขึ้นมาได้อยู่บ้าง
แต่ท่านไนท์ ท่านก็ตรงเกินไปแล้วนะ
"ทำไมแกถึงทำแบบนั้น" อาเบลถามอย่างกดดัน ไนท์กลับยิ่งเริงร่าที่อาเบลพูดกับเขาแล้ว
"เรื่องมันมีอยู่ว่าผมเบื่อพลังอัลฟ่าแล้วเลยอยากยกให้คนอื่นน่ะ อาเบล ผมแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปพักร้อนบ้าง"
นี่ก็เป็นเหตุผลที่แถเอามากๆ จะมีใครเชื่อท่านเรอะ
"แล้วเมเรสก็เลยขาดการควบคุมออกไปอาระวาด และพอพระเจ้ารู้ก็เลยยึดพลังอัลฟ่าของดาวเฟลม่ากลับไปเลย ทำให้ต่อจากนี้จะไม่มีพลังอัลฟ่าประจำดาวอีกแล้ว พวกนายน่ะต่อให้เบื่อแค่ไหนก็ซี้ซั้วทำแบบผมล่ะ เดี๋ยวจะโดนพระเจ้าลงโทษได้"
ท่านก็ไถไปได้นะ ท่านไนท์
"เหลวไหล อิกไนท์ คลอร์ว เจ้าบังอาจเล่นตลกกับพวกเรางั้นเรอะ" เสียงด่าทอออกมาจากภาพฉายจากดาวต่างๆที่ดูการต่อสู้นี้อยู่ไกลๆ
พวกคนขี้ขลาดที่สอดส่องเรื่องราวของคนอื่น แต่ไม่คิดจะลงมือทำอะไร
ไนท์แจกรอยยิ้มให้กับทุกคนแล้วสะบัดดาบสีทองออกมา คลื่นกระแทกตัดผ่านนภาสะเทือนไปถึงดวงดาวของคนพวกนั้น ข้ามผ่านจักรวาลไปได้ด้วยความเร็วยิ่งกว่า 'เอซิสอาย' เพราะมันคือมวลพลังของจักรวาลที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ และไม่อาจขวางกั้น
"แล้วใครมีปัญหาเรอะ?"
ไนท์ถามพลางควงดาบสีทองเป็นวงแล้วเก็บเข้าฝักด้านหลังอย่างสง่างาม
เงียบ...
อืม ส่วนแบบนี้เขาเรียกว่าเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ จะชี้นกเป็นไม้หรือชี้หลุมดำเป็นดวงดาวก็ทำได้ เข้าข่ายทรราชไปทุกทีแล้วท่านไนท์ของผม
"อย่ามาล้อเล่น อิกไนท์" ใบหน้างดงามของจักรพรรดิอาเบลเริ่มบิดเบี้ยว น้ำเสียงกดต่ำจนน่าขนลุก
"แล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด แกจะอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุหรือไง" เขาคำราม หลายเสียงจากช่องสื่อสารก็พยักหน้าเห็นด้วยว่าให้ท่านไนท์อธิบาย แต่ท่านก็ยังยิ้มอย่างมีเลศนัย
"ผมเห็นว่าผมไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายตัวเองกับคนทุกคนในจักรวาล โดยเฉพาะหลายฝ่ายที่ไม่ได้ลงทุนลงแรงกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะงั้นเอาแบบนี้มั้ย ผมจะไปขอโทษและชี้แจงตัวเองกับท่านผู้นำเป็นการส่วนตัว คืนนี้..."
"..." สีหน้าของอาเบลคล้ำเขียวยิ่งกว่าเดิม มีความมืดกลืนเสี้ยวหน้าของเขาไปกว่าครึ่ง
นี่คือไนท์คนเดิมจริงๆ ไนท์ที่...น่าฆ่าให้ตาย
จริงๆอาเบลมีเรื่องที่อยากถามให้แน่ใจ แต่ตอนนี้ต่อหน้าคนมากมาย เขาก็พูดออกไปไม่ได้ จึงได้แต่เลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดเพื่อยุติปัญหาเฉพาะหน้าตรงนี้
"พรุ่งนี้ตัวแทนจากภาคีจะมาขอคำอธิบายจากแก เพื่อพิจารณาโทษทัณฑ์ ระหว่างนี้แกถูกกักบริเวณ ห้ามออกจากอาณาเขตดาวเฟลม่า ไม่งั้นคงรู้นะว่าจะเจอกับอะไร"
ไนท์ก้มหัวแสดงละครตอบโต้อย่างนอบน้อม
"ขอบคุณในความกรุณาที่ให้ผมจัดการกับปัญหาในดวงดาวเฟลม่าที่กำลังสับสนก่อน"
จักรพรรดิจึงแค่นเสียงเฮอะ แล้วเปิดสะพานข้ามดาราจากไป ทิ้งแววตาสุดท้ายที่เดือดดาลเป็นคำเตือนให้ท่านไนท์เตรียมคำอธิบายดีๆไว้สำหรับพรุ่งนี้
เมื่ออาเบลไปแล้ว คนอื่นๆก็ทยอยกลับไปก่อน เพราะสถานการณ์ของดาวเฟลม่าตอนนี้วุ่นวายมาก ทั้งประชาชนที่แตกตื่น ทั้งดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลง
"ไปกันเถอะ ลงไปดูประชาชนของเรากัน"
ท่านไนท์มองไปข้างล่างด้วยความเป็นห่วง เขาอุ้มผมขึ้น แล้วทิ้งตัวลงจากท้องฟ้า ส่วนผมยังอดทึ่งไม่ได้ ดาบสีทองที่ทรงพลังนั้นเหลือเชื่อจริงๆ
"ท่านไนท์ ท่านทำได้ยังไง"
ท่านไนท์ยิ้มกว้าง
"เพราะใครบางคนแผนสูงกว่าผม และไม่คิดยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรืออะไรทั้งนั้น เลยทำให้พวกเรามีวันนี้ และวันข้างหน้า"
ผมไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก
"แล้วตำแหน่งอัลฟ่าล่ะท่านไนท์?"
"ดาวดวงนี้ไม่มีอัลฟ่าแล้ว มันจะเป็นยังไงต่อไปผมเองก็บอกไม่ได้หรอก เราอาจจะกลายเป็นศัตรูกับทั้งจักรวาลที่ไม่เห็นด้วยก็ได้ แต่ว่าผมไม่ยอมให้ดวงดาวของเรา และประชาชนทุกคนเป็นอะไรไปแน่นอน รวมทั้งเมเรสด้วย"
เขามองตรงไปข้างหน้า หยักยิ้มที่มุมปากเลียนแบบใครบางคน
"ผมมีดาบเล่มนี้แล้ว ต่อให้ไม่มีพลังอัลฟ่าก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก ผมจะสร้างเส้นทางที่แตกต่างให้ดู เมเรส"
และผมเชื่อว่าท่านทำได้ เพราะผมรู้เสมอว่าท่านไนท์น่ะ...ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว