Download Chereads APP
Chereads App StoreGoogle Play
Chereads

The Oracle Chronicle

🇹🇭talkzipstory
--
chs / week
--
NOT RATINGS
1.4k
Views
Synopsis
ย้อนกลับไปเมื่อนานแสนนานมาแล้ว จักรวาลที่กว้างใหญ่ของเรานั้นประกอบไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่มากมาย สิ่งมีชีวิตหลากหลายเชื้อชาติและหลากหลายสายพันธ์อาศัยอยู่กันอย่างสงบสุข แต่ถึงจักรวาลจะสงบสุขและกว้างใหญ่เพียงไหน มันก็ยังไม่กว้างพอต่อความละโมบ ของจอมมารเซอร์เทอร์ จึงเกตุเป็นมหาสงครามครั้งใหญ่
VIEW MORE

Chapter 1 - The Oracle ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของโชคชะตา

ย้อนกลับไปเมื่อนานแสนนานมาแล้ว จักรวาลที่กว้างใหญ่ของเรานั้นประกอบไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่มากมาย สิ่งมีชีวิตหลากหลายเชื้อชาติและหลากหลายสายพันธ์อาศัยอยู่กันอย่างสงบสุข แต่ถึงจักรวาลจะสงบสุขและกว้างใหญ่เพียงไหน มันก็ยังไม่กว้างพอต่อความละโมบ ของจอมมารเซอร์เทอร์ (Surtur) จอมมารผู้กลืนกินทุกสรรพสิ่ง ยักษ์ไฟลำตัวสูงใหญ่ถึง4เมตร เปลวไฟที่ร้อนแรงสามารถแผดเผาสิ่งรอบตัวในระ100เมตรได้ในพริบตาเดียว

เมื่อกองทัพจอมมารเคออส (Chaos) ย่ำเท้าลงดินแดนใดนั้นหมายถึงดวงดาวนั้นได้ถึงกาลอวสานแล้ว ทุกดวงดาวที่ล่มสลายไปนั้นดวงดาวดวงนั้น จะหลงเหลือเป็นผลึกแกนพลังเวทย์ หากผู้ใดได้ครองครองมันจะเสริมพลังให้แก่ผู้นั้นอย่างมหาศาล

เทพโครนอส (Chronos) ผู้อยู่เหนือเทพใดๆทั้งปวงบนจักรวาล พร้อมทั้งเทพผู้คุมกฎทั้ง4และกองทัพพันธมิตรหลากหลายเผ่าพันธ์ กรีธาทัพร่วมกันนับแสนชีวิตมุ่งหน้าเตรียมเข้าฟาดฟันกับกองทัพเพลิงเคออส ที่ตั้งรับรอประจันบานกับทัพพันธมิตรอยู่ก่อนแล้ว

เทพผู้คุมกฎทั้ง4นำทัพพันธมิตรเข้าตะลุมบอนฟาดฟันกองทัพเพลิงเคออสตรงใจกลางของแกนจักรวาล สงครามดำเนินไปอย่างดุเดือด กองทัพเพลิงเคออสพลาดท่าแตกพ่าย กองทัพพันธมิตรได้ชัยชนะอย่างไม่ยากเย็นนัก

เทพโครนอสเข้าปะทะกับจอมมารเซอร์เทอร์ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งจักรวาล การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสี ต่างฝ่ายต่างใช้ทั้งพลังกายและพลังเวทย์เข้าใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร

หลังจากที่กองทัพพันธมิตรได้รับชัยชนะ ก็รีบเตรียมจัดกำลังตั้งแนวรบใหม่เพื่อจะได้เข้าต่อสู้สนับสนุนเทพโครนอส

เมื่อกองทัพพันธมิตรที่เหลืออีกหลายหมื่นนาย เรียงแถวเข้าจู่โจมจอมมารเซอร์เทอร์ ก็ไม่ต่างจากแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เมื่อพวกเขาบินเข้าไปในระยะกำแพงไฟเวทย์มนต์ของจอมมาร ไฟนั้นก็แผดเผานักรบพันธมิตรหลายร้อยคนกลายเป็นฝุ่นผงในพริบตา จอมมารเซอร์เทอร์ฟาดฟันเพียง 1 ครั้ง ทหารฝ่ายพันธมิตรตายอีกนับหลายร้อยคน

*เทพโครนอส : (ตะโกน) ทุกคนถอยออกมาเดี๋ยวนี้ !!!

*จอมมารเซอร์เทอร์ : เจ้าพวกฝุ่นผงเข้ามารับความตายของเจ้าซะดีๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า !

(จอมมารหัวเราะด้วยความสะใจ)

จอมมารเซอร์เทอร์ ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกองทัพพันธมิตร จอมมารจ้องมองดาบเพลิงยักษ์ของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง โดยสายตาเขาไม่ได้สนใจกองทัพพันธมิตรเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะพูดกับดาบเพลิงยักษ์ของเขาว่า

*จอมมารเซอร์เทอร์ : ถ้าข้าจะฟาดฟันพวกเจ้าทั้งหมดนี่ คงใช้เวลานานน่าดูเลย เอายังไงดีล่ะ?

*จอมมารเซอร์เทอร์ : อาา ใช่ ข้าคิดออกแล้ว

หลังจากที่พูดจบ ก็มีกำแพงไฟขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง 10เท่า เปลวไฟสูงกว่า500เมตร ไม่มีใครที่จะกล้า หรือ จะสามารถเหาะเข้ามาได้ เปลวไฟขนาดมหึมาได้ล้อมจอมมารและกองซากศพของอสูรรับใช้ ดวงไฟที่ร้อนแรงกว่าพระอาทิตย์ถึง10เท่า ชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดของทางฝั่งพันธมิตรก็เริ่มละลายจนทำให้ทหารฝั่งพันธมิตรบางส่วนที่มีพลังเวทย์อ่อนแอ ก็เริ่มที่จะถอยห่างออกไปจากรัศมีเปลวไฟ

จอมมารเซอร์เทอร์เริ่มร่ายคาถาเวทย์แล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว

*จอมมารเซอร์เทอร์ : ท่านมหาเทพ ท่านคงสงสัยใช่ไหมว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในกองซากศพของอสูรรับใช้ของข้า ... เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าได้เห็นเดี๋ยวนี้แหละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ! (จอมมารหัวเราะด้วยความสะใจ) ทันใดนั้นลำแสงสีแดงจากคทาเวทมนต์ของจอมมารก็พุ่งเข้าสู่กองซากศพของกองทัพเพลิงเคออส

เผยให้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในนั้น เมื่อเทพโครนอสคิดออกแล้วว่ามันคืออะไร เขาและ4เทพผู้คุมกฎจึงพุ่งเข้าไปหวังทำลายกำแพงไฟนรกนั้น เพื่อจะหยุดยั้งการร่ายคาถาของจอมมาร แต่ว่า กำแพงไฟที่มีพลังหนาแน่นกว่าพระอาทิตย์10ดวงนั้นแข็งแกร่งมาก พวกเขาทุ่มพลังแทบทั้งหมดเพื่อหวังจะทำลายกำแพงไฟนั้น ต่อให้รวมกองทัพพันธมิตรทั้งหมดก็ไม่สามารถทำลายมันได้ แม้แต่ตัวเทพโครนอสเองก็ไม่สามารถทำได้

*เทพโครนอส : ข้าพลาด พลาด

สิ่งที่เผยออกจากกองซากศพของเหล่าอสูรผู้รับใช้มันคือผลึกแกนพลังเวทย์จำนวนมากมาย จากดวงดาวนับร้อยดวง แสงสีแดงจากคทาเวทมนต์ได้นำผลึกลอยเข้าปากจอมมาร ผลึกแกนพลังเวทย์ทั้งหมดจากดวงดาวที่ถูกทำลาย ได้ถูกจอมมารกลืนกินเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้จอมมารมีพลังที่ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้อีกต่อไปแล้ว เทพทุกองค์ พันธมิตรทุกสายตา จับจ้องไปที่การเปลี่ยนแปลงของจอรมารเซอร์เทอร์ ขนาดตัวของจอมมารกำลังขยายขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายนั้นใหญ่พอๆกับดวงดาว 1 ดวง สายตาสีแดงที่กองทัพพันธมิตรมองเข้าไปแล้วพบแต่ความสิ้นหวังในจิตใจของตัวเอง พวกเขาสั่นกลัว และ หมดกำลังใจที่จะสู้ต่อไปแล้ว

ด้วยร่างกายขนาดใหญ่เท่าดวงดาวของเซอร์เทอร์ เมื่อมันได้กินผลึกแกนพลังเวทย์ดวงดาวกว่าร้อยดวง มันจึงหยุดนิ่งไปสักพัก

*เทพโครนอส : (ตะโกน) ฟังข้าา !!!

*เทพโครนอส : (ตะโกน) พวกเจ้าที่เหลือทั้งหมดจงหนีไปให้ไกลที่สุดจากที่นี้ !!!

*เทพโครนอส : ภารกิจสุดท้ายของพวกเจ้าทั้ง4 จงรับสิ่งนี้ไป มันคือ กล่องแสงแห่งความหวังแพนโดร่า ความหวังสุดท้ายของสิ่งมีชีวิต ตั้งแต่ที่กำเนิดสิ่งมีชีวิต ก็ยังไม่มีใครสามารถเปิดมันได้เลย พวกเจ้าจงไปตามหาผู้ที่จะเปิดกล่องนี้ให้เจอ นำแสงสว่างกลับมาสู่กล่องใบนี้อีกครั้ง และจงจำไว้ว่า อย่าใช้พลังที่มาจากผลึกแกนพลังเวทย์เด็ดขาด เพราะเจ้าพวกนั้นจะหาเจอ รีบไปซะ !!!

เทพผู้คุมกฎในชุดผ้าคลุมทั้ง4 เมื่อได้รับภารกิจแล้วพวกเขา และกลุ่มพันธมิตรจึงแตกทัพหนีตาย รีบพุ่งวาปข้ามเส้นแบ่งเวลาออกไปไกลขึ้นจากแกนกลางจักรวาล

หลังจากนั้นไม่นานเสียงระเบิดขนาดมหึมาจากแกนกลางโลกก็ได้ระเบิดขึ้น สะเก็ดหลากหลายสี ขนาดเล็กเท่าอตอม เศษมากมายกระจายไปทั่วทั้งจักรวาล

ในระหว่างที่เทพผู้คุมกฎทั้ง4กำลังวาปข้ามเส้นแบ่งเวลาอยู่นั้น พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงการสลายไปเทพโครนอส และจอมมารเซอร์เทอร์ ที่สลายหายไป

1 ใน 4 เทพผู้คุมกฎ พูดขึ้นมาว่า "ท่านมหาเทพได้จากเราไปแล้ว แต่ข้ายังสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวเล็กๆของจอมมารที่หลงเหลืออยู่ พวกมันยังไม่ตาย

พวกเขาทั้ง4 พุ่งผ่านเส้นแบ่งเวลาครั้งแล้วครั้งเล่าก็พบแต่ความว่างเปล่า จนกะทั่งพวกเขาข้ามเส้นแบ่งเวลามาเจอกับหินที่ถูกระเบิดกระจัดกระจายจากแกนกลาง มันมี4สี ที่รวมกันอยู่ สีเขียว สีแดง สีฟ้า สีน้ำตาล และมีสะเก็ดดวงดาวอีกหลากหลายสีอยู่ในบริเวณนั้นรวมถึงสะเก็ดไฟด้วย เหมือนว่าพวกมันกำลังรอการมาถึงของเทพผู้คุมกฎทั้ง4อยู่

ทุกคนเห็นพร้องต้องกันว่าพวกเขาจะเดิมพันทุกอย่างไว้กับสิ่งนี้ จึงแบ่งหน้ารับผิดชอบของแต่ส่วน ในการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมา

โลกของเราถูกประกอบด้วยผลึกธาตุทั้ง4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ โดยมี4ผู้ควบคุมกฎได้แก่

เทพแห่งปฐพี ไกอา(Gaia) เทพผู้สร้างโลก

เทพแห่งวายุ เฟร์ย่า (Goddess of Life) เทพแห่งชีวิต

เทพแห่งอัคคี เดอะออราเคิล (The Oracle) เทพผู้คุมกงล้อเวลา

เทพแห่งวารี เกตคีปเปอร์ (Gatekeepers) เทพผู้ถือกุญแจกงล้อเวลา

เทพทั้ง4ได้เฝ้ามองดูความเคลื่อนไหวนานนับปี ร้อยปี จนกระทั่งเป็นล้านปี เหล่าเทพทั้ง4 ก็ยังคงเฝ้ามอง และรอคอยแสงสว่างในกล่องแพนโดร่านั้นจะส่องแสงสว่างอีกครั้ง...โปรดติดตามตอนต่อไป