วันจันทร์ ที่ 29 สิงหาคม พุทธศักราช 2542 (คริสต์ศักราช 1999) เวลา 04.00 นาฬิกา
= ดินแดนท้องฟ้า =
"ใครจะหมดหวังในชีวิต ถึงขั้นรับอาสาไปทำธุระรนหาที่ตาย"
"มีบางเรื่องที่มีบางคนทำได้เท่านั้น"
= เรือนไทย =
เท้าปริศนาเดินเข้ามาภายในอาณาเขตบ้าน แต่ไม่คิดบุกรุกขึ้นบันไดเรือนไทย มุ่งตรงไปที่ ศาลพระภูมิ
(บ้านหลังเล็ก พื้นสูงขึ้นจากพื้นดินประมาณ 1 คืบ ความสูงอยู่เหนือระดับสายตา)
เป็นที่อยู่ของเทวดาอารักษ์ผู้คอยปกปักรักษาคนในบ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง
ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง
มองแวบเดียวก็รู้ว่าคนอยู่อาศัยรักความสะอาด สิ่งของจัดวางเป็นระเบียบ ไม่มีมุมที่สายตามองไม่เห็นถ้ามี
สัตว์มีพิษจ้องโจมตี
มีกระดาษปรากฏข้อความ เจ้าของที่ดินไม่อยู่นอกเวลาทำการ หากมีธุระด่วนโปรดติดต่อ
เบอร์ XXX-XXX-XXXX อารักษ์ โยธินเกรียงไกร
= ไนต์คลับ =
แสง สี เสียงครบ บนเวทีมีนักเต้นเปลื้องผ้า สลับนักแสดงตลก และนักเต้น
"กรี๊ดกร๊าดอะไรกัน" หญิงวัยกลางคน แต่งหน้าจัด เธอดันสาวๆ ซึ่งรุมล้อมจนบังผู้มาเยือนออกไป
"ขอดูหน่อยสิว่าผู้มาเป็นใคร" เมื่อหลุดออกมาจากกลุ่มคน สีหน้ารำคาญหายไป กลายเป็นยิ้มกว้าง
"ยินดีต้อนรับค่ะ ปู่ทวดเจ้าบ้านเจ้าเรือน"
ชายชรา แต่กระนั้นก็ยังดูหล่อเหลามาก ร่างสูงผอมแต่งกายสีฉูดฉาด สวมเสื้อคอปกเปิดเห็นแผงอก กางเกงขาบาน สร้อยทอง นาฬิกาทอง เข็มขัดเส้นโต รองเท้าบูทขัดเงา แว่นตาดำคาดผม
"ปู่ท่งปู่ปวดอะไรกัน เรียกพี่ก็พอ"
"ถ้าดื่มแก้วนี้ลงคอ ก็นับว่าพี่ชายให้อภัยน้องสาวแล้ว"
"วันนี้ตับของพี่ขับแอลกอฮอล์ออกไม่ทันแล้ว"
"ฉันเห็นนะ พี่ดื่มไป 1 ดื่มมาตรฐานแค่นั้น"
"บอกก่อนนะ พี่รู้มาว่าคนที่ตายตอนพักร้อน ส่วนมากตายเพราะโดนแดดมากเกินไป ใช้กำลังมากเกินไป
กินอาหาร และดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป"
ชายชราคว้าเอวหญิงสาวข้างละคนเข้ามาใกล้
"หรือที่กล่าวมาทั้งหมดรวมกัน 99.4% ของคนตายตอนพักร้อนทั้งหมด"
"พี่รู้ได้ยังไงคะ" หญิงสาวข้างซ้ายหัวเราะคิกคัก
"พี่เป็นนักทำสถิติประกันภัยน่ะ งานพี่คือคำนวณเบี้ยประกัน โดยอ้างอิงจากความเสี่ยงของแต่ละบุคคล"
สำหรับคนทั่วไป เมื่อมีแขกมากดกริ่ง เสียงที่ได้ยินก็คือเสียงกระดิ่งดังกังวานใส
แต่สำหรับเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณอารักษ์ที่ได้ยินก็คือเสียงเตือนภัยดังสนั่น พื้นร้อนดั่งไฟสุม ถ้านั่งต้องลุกขึ้นยืน ถ้ายืนต้องวิ่ง ไวเท่ากับการได้ยิน ก่อนที่แก้วหูของเขาจะแตก ชายชราแวบมาถึงศาลพระภูมิแล้ว
เขาหายมาก่อนที่หญิงสาวจะหันมาพบกับความว่างเปล่าซะอีก