Chereads / ONMYOJI องเมียวจิ / Chapter 22 - 19(2) - พลังวิญญาณ

Chapter 22 - 19(2) - พลังวิญญาณ

"....."

เสียงบทสนทนาที่เบามากจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์สำหรับคนทั่วไป กลับดังชัดเจนสำหรับภูตชั้นสูงที่ประสาทสัมผัสดีกว่าคนปกติหลายเท่า ร่างกึ่งภูตของอินุงามิหลบอยู่บนกิ่งไม้สูง ขณะที่ดวงตาจดจ้องอยู่ที่มนุษย์สามคน ที่กระจายตัวกันอยู่ตามที่ต่าง ๆ ข้างแม่น้ำ

กำลังช่วยกันหาอะไรบางอย่างอยู่สินะ

หลังจากตั้งใจฟังอยู่นานแต่กลับไม่ได้มีเนื้อความสำคัญอยู่ในบทสนทนาสักเท่าไร ที่แบล็คพอจะสรุปได้ก็คือ คนพวกนี้กำลังหาอะไรบางอย่างอยู่

".....?!"

ดวงตาสีดำสนิทวาวโรจน์ขึ้นชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าหนึ่งในสามคนนั้นกำลังรังแกภูตระดับล่างตนหนึ่ง ภูตตนนั้นกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ดี ๆ พอคนพวกนี้หันไปเห็นก็ซัดยันต์ใส่ทันทีทั้งที่มันยังไม่ทันได้ทำอะไรด้วยซ้ำ

ต้องตายไปทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

เจ้าพวกเลว!

แบล็กเก็บรูปลักษณ์กึ่งภูตของตน แล้วกระโดดวูบเดียวลงไปยืนอยู่เบื้องหน้าสามคนนั้นทันที

ผู้มาใหม่ที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ทั้งสามหันขวับมามอง ก่อนจะพากันชะงักกึก หน้าเปลี่ยนสีเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แม้ตอนนี้จะอยู่ในร่างเด็กมัธยมปลายธรรมดา หากแต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาอย่างจงใจ ก็ทำให้คนเห็นรู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมาได้ไม่ยาก

ก่อนจะมาที่นี่พวกเขาทั้งสามถูกเตือนมาแล้ว ว่าจะทำอะไรก็ให้ระวังไว้ อย่าเอาตัวเข้ามาเจอกับตอชิ้นใหญ่อย่างภูตพิทักษ์ของตระกูลอาคาวะ

อินุงามิที่ได้ชื่อว่าทรงพลังที่สุด เจ้าของฉายา 'ท่านสีดำ'

ทั้งที่แอบเข้ามาเงียบ ๆ แบบไม่เอิกเกริกแล้วแท้ ๆ ทั้งที่ให้อีกกลุ่มไปสร้างความวุ่นวายเพื่อดึงความสนใจ พวกตนจะได้ออกตามหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น แล้วทำไมตอชิ้นใหญ่ถึงไม่ไปจัดการทางนั้นแต่กลับมายืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ว่าผู้นำตระกูลและอดีตผู้นำตระกูลของอาคาวะไม่อยู่ แล้วกำลังหลักของตระกูลจะลดลงหรือไง ตอนนี้คนที่เหลือน่าจะมีแค่อินุงามิและทายาทเท่านั้นสิ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นยังไงสองคนที่เหลืออยู่ก็ต้องออกไปจัดการเองอยู่แล้ว แต่นี่ทำไม...

หรือจะให้ทายาทคนนั้นไปจัดการคนเดียว?

ไม่สิ ไม่เคยได้ยินว่าภูตพิทักษ์ของตระกูลจะปล่อยให้เด็กคนนั้นออกไปทำภารกิจคนเดียวมาก่อน...

งั้นทำไม?

"หาอะไรกันอยู่เหรอ"

เห็นทั้งสามคนมีสีหน้าเคร่งเครียดจนเส้นเลือดที่ขมับแทบจะปูดขึ้นมา แบล็กจึงถามขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะเป็นห่วง ภูตระดับสูงในร่างเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินเข้าไปหาคนแปลกหน้าทั้งสามด้วยท่าทีสบาย ๆ ผิดกับบรรยากาศโดยรอบอย่างสิ้นเชิง ยิ่งเห็นว่าพวกนั้นมีท่าทีระแวดระวัง เจ้าตัวก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างขึ้น เสียงหัวเราะดังขึ้นในลำคอเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงใจดีผิดกับแววตาคมกริบที่กวาดมองสำรวจทีละคนอย่างจงใจ

"ฉันรู้จักที่ทางแถวนี้ดีเลยนะ"

เสียงกระดูกลั่นที่ดังขึ้นจากมือทั้งสองข้างของเจ้าตัว ยิ่งทำให้บรรยากาศกดดันขึ้นอีกหลายเท่า เหงื่อเย็น ๆ ซึมออกตามข้างขมับของคนแปลกหน้าทั้งสาม ในขณะที่เจ้าของบรรยากาศอันตึงเครียดนั้น ยังคงยิ้มออกมาได้อย่างไม่เข้ากับสถานการณ์เลยสักนิด

แบล็กใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเล่นอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ก่อนจะยกมือขึ้นมากอดอกแล้วฉีกยิ้มกว้างออกมาเหมือนเดิม

จะจัดการยังไงดีนะ?

ตอนนี้โนบุจังไม่อยู่ด้วย ไม่มีใครบ่นเรื่องเลอะให้ฟังก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร

"หึ ๆ"

เสียงหัวเราะที่ดังขึ้น พร้อมแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างตรงหน้ายิ่งขึ้น ทำให้ทั้งสามคนเผลอถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว แต่ยังถอยกันได้ไม่ทันถึงสองก้าวก็ต้องชะงักกึก ตัวแข็งทื่อ เมื่ออยู่ ๆ คนที่เคยยืนตรงหน้ากลับหายไป เห็นเป็นเพียงเงาลาง ๆ วูบเดียวมาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสามคน

กลิ่นอายน่าขนลุกแผ่ออกมาจากร่างกายของเจ้าตัว พร้อมไอพลังสีดำที่ค่อย ๆ กระจายไปทั่ว ดวงตาทั้งสองข้างในตอนนี้เป็นสีดำสนิทไม่หลงเหลือตาขาวคล้ายกับตอนอยู่ในร่างเดิม การเคลื่อนไหวยังคงรวดเร็วจนยากที่จะมองตาม เพียงพริบตาเดียวก็ไปหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ คนที่ดูท่าจะมีอำนาจมากที่สุด

มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาวางบนไหล่ของอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม...

แสยะ

"มีอะไรให้ช่วยไหม"

tbc...