Chereads / แม่สื่อกำมะลอ / Chapter 4 - 2 ชีวิตใหม่ยามอรุณรุ่ง

Chapter 4 - 2 ชีวิตใหม่ยามอรุณรุ่ง

ทว่าแทนที่เฉินเจียหลิงจะได้พบชายหนุ่มสุดหล่อตามแบบฉบับพระเอกในนิยาย คนที่ประคองเธอไว้กลับเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีอายุเล็กน้อยในชุดแดงสีหม่น ใบหน้ากลมเรียบไร้การแต่งแต้มแต่ยังดูออกว่าพอมีเค้าความงามอยู่ไม่น้อย

อย่างน้อยก็ดูสวยและใจดีกว่าป้ามหาภัยนั่นแน่นอน

เธอจ้องมองคนมาใหม่ปริบ ๆ เมื่อเฉินเจียหลิงทรงตัวได้มั่นคงแล้วอีกฝ่ายก็ปล่อยมือทันควัน

"เอ่อ...ข้าเพียงแต่เห็นเจ้าจะสะดุดล้มจึงเข้ามาพยุงเท่านั้น ถ้าเช่นนั้น...ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อน"

เสียงพึมพำนั่นแผ่วเบาแทบจะกลืนหายไปกับเสียงลม ซ้ำอีกฝ่ายยังทำท่าเหมือนอยากจะรีบหนีมุดหายลงดินไป เฉินเจียหลิงจึงผวาเข้าไปคว้าแขนของคุณน้าใจดีขี้อายเอาไว้แน่น

"เดี๋ยวก่อนท่านน้า ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าเอาไว้ ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครหรือ อยู่แถวนี้หรือไม่"

เฉินเจียหลิงยิ้มแฉ่ง สบสายตาฝ่ายตรงข้ามที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ ท่าทางประดักประเดิดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นสีหน้างุนงงทันทีที่ได้ยินคำถามของเธอ

หลังจากอ้าปากแล้วหุบปากหลายทีจนเฉินเจียหลิงเริ่มสงสัยว่าคุณน้าคนนี้เป็นปลาหรือเปล่า เธอก็ได้ยินเสียงนุ่มนวลตอบกลับมา

"เจ้าไม่รู้จักข้าหรือ"

สงสัยจะเป็นคนรู้จักมักคุ้นของเฉินเจียหลิงคนก่อน เด็กสาวส่ายหน้า

"แต่ข้าเป็น...เอ่อ....เพื่อนบ้านของเจ้า"

เฉินเจียหลิงกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง หัวสมองแล่นแต่งเรื่องราวเหตุการณ์สุดรันทดด้วยความเร็วแสง "ท่านน้า อย่าหาว่าข้าอย่างงั้นอย่างงี้เลย ท่านคงจะรู้อยู่แล้วว่าพ่อกับแม่เลี้ยงของข้าเป็นยังไง เมื่อสองสามวันก่อนข้าก็โดนใช้งานจนหัวไปกระแทกขอบโต๊ะเป็นลมไปเลย จนตอนนี้ความจำข้าก็ขาด ๆ หาย ๆ ไปหลายอย่าง ท่านอย่าโกรธข้าเลยนะ"

"ตายจริง" คุณน้าชุดแดงขมวดคิ้ว อุทานเสียงแผ่วพลางสอดส่ายสายตาไปตามใบหน้าของเธอ "ถึงกับหัวกระแทกเชียวหรือ แผลอยู่ที่ใดกัน"

แผลจะไปมีได้ยังไงเล่า ก็เธอกุขึ้นมาล้วน ๆ

"ตรงนี้" เฉินเจียหลิงชี้ไปที่หัวของตนเองตรงตำแหน่งที่คิดว่ามีเส้นผมดกดำหนาสวยขึ้นอยู่เยอะที่สุด "แต่แผลอยู่ใต้ผม ท่านน้าไม่น่าเห็นได้"

อีกฝ่ายขมวดคิ้ว ดวงตาฉายแวววิตกกังวล "มียาหรือไม่ หากไม่รังเกียจข้ายังพอมียาแก้ฟกช้ำเหลืออยู่"

ความใจดีของคุณน้าคนนี้ทำเอาเฉินเจียหลิงซาบซึ้งจนแทบน้ำตาไหล ถึงแผลที่หัวจะเป็นของปลอม แต่แผลบนตัวจากไม้กวาดมรณะเป็นของจริงแน่นอน

"ข้าจะรังเกียจท่านได้ยังไงล่ะเจ้าคะ กลับรู้สึกขอบคุณเสียอีก แม้แต่คนในบ้านข้ายังไม่ดีต่อข้าเท่ากับท่านเลย ทั้งด่าทอทุบตีแถมวันนี้ยังให้ข้าอดอาหารอีก"

"อะไรกัน เจ้าบาดเจ็บอยู่ยังให้อดอาหารอีกหรือ"

"ใช่มั้ยเจ้าคะ" เฉินเจียหลิงยื่นปาก คิ้วโค้งลงดูคล้ายเลขแปด "มีแต่ท่านน้าที่สงสารข้า ข้าจะรังเกียจท่านได้ยังไง อย่างเมื่อครู่ถ้าท่านไม่ช่วยข้าคงล้มหน้าทิ่มไปแล้ว"

"เจ้าจำข้าไม่ได้ คงลืมเลือนไปแล้วกระมังว่าข้าคือผู้ใด"

เฉินเจียหลิงส่ายหน้าอมยิ้ม มองคนพูดตาแป๋ว

"ข้าแซ่ฉิง นามซี เป็นม่าย อาศัยอยู่บ้านหลังนั้น" นางชี้นิ้วไปยังกระท่อมหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปใกล้บริเวณป่า มิน่าถึงบอกว่าเป็นเพื่อนบ้านของเธอ ถึงบ้านจะอยู่ค่อนข้างไกลกัน แต่บ้านของเฉินเจียหลิงก็นับว่าอยู่ใกล้ฉิงซีที่สุดแล้ว

ยังไม่ทันจะเอ่ยตอบ เสียงของเนี่ยนซื่อก็ดังออกมา "เฉินเจียหลิง นางตัวดี หายไปซักผ้าถึงในอำเภอหรืออย่างไร ยังไม่รีบไสหัวกลับมาอีก!"

เฉินเจียหลิงพะวักพะวน ใจหนึ่งก็ยังอยากอยู่กับฉิงซีที่ดูทั้งนุ่มนิ่มทั้งใจดี แต่ถ้าไม่กลับไปตอนนี้ไม่รู้จะโดนฟาดอีกรอบหรือเปล่า

ฉิงซีล้วงเข้าไปในอกเสื้อแล้วยัดขวดหยกขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือใส่มือเธอ กล่าวเสียงแผ่วราวกระซิบ "นี่เป็นยาแก้ฟกช้ำชั้นดีที่ข้ายังพอมีเหลืออยู่ เจ้าเก็บไว้ใช้เสียแล้วรีบกลับเข้าบ้าน หากมารดาเจ้ามาเห็นเจ้าอยู่กับข้าอาจโดนอบรมมากกว่านี้"

เอ่ยจบร่างบางก็ผละออกไป จ้ำเท้าเร็ว ๆ ไปทางกระท่อมท้ายหมู่บ้านจนเฉินเจียหลิงเห็นเป็นเพียงจุดสีแดงเล็ก ๆ หายลับไป

แรงกระชากทำให้ประตูไม้ไผ่เหวี่ยงไปกระทบกับตัวบ้านเสียงดังลั่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่เปิดประตูออกมา

"เฉินเจียหลิง! มัวทำอะไรอยู่ ผู้ใหญ่เรียกหากลับไม่ขานตอบ ไม่เห็นหัวข้าผู้เป็นมารดาแล้วใช่หรือไม่"

เนี่ยนซื่อป้องปากตะโกนพลางตวัดไม้กวาดในมือไปมา เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาเมียงมอง เฉินเจียหลิงกลอกตาขึ้นฟ้าสามร้อยหกสิบองศาก่อนจะก้มลงหอบเอากะละมังคร่ำคร่าขึ้นมา

ขณะที่จ้ำเท้ากลับไป แม่เลี้ยงจอมโหดก็ยังสาธยายไม่หยุดปาก "ข้าเห็นเมื่อครู่เจ้าสนทนากับฉิงซี ไม่กลัวเสนียดติดมาหรือไร ม่ายสามีหย่าเช่นนั้นยังไปสมาคมด้วย หากไม่กลัวเสนียดติดตนเองก็นึกถึงจวงเอ๋อร์ไว้บ้าง ไปคบค้าสตรีเช่นนั้นระวังจะขายไม่ออก แล้วนี่อะไรผ้าเพิ่งซักเสร็จยังไม่ได้ตากอีกจะเป็นตัวไร้ประโยชน์ไปถึงเมื่อใด"

เสียงพูดฉอด ๆ นี่ก็น่ารำคาญเหลือเกิน แต่เฉินเจียหลิงสงสัยมากกว่า ทั้งเนี่ยนซื่อทั้งฉิงซีล้วนแต่คิดว่าการเป็นแม่ม่ายน่ารังเกียจ แต่พ่อม่ายแม่ม่ายหรือคู่ที่หย่ากันก็มีมาตั้งแต่สมัยก่อนไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องตั้งแง่ขนาดนั้น

"อีกครึ่งชั่วยามหากข้าออกมาดูแล้วยังตากผ้าไม่เสร็จเจ้าโดนดีแน่" พูดจบก็กระแทกประตูปิดอีกรอบ ไม่มีใครสั่งสอนหรือไงว่าผู้ดีเขาไม่กระแทกประตูกัน

เฉินเจียหลิงขมุบขมิบปากด่าเนี่ยนซื่อในใจ ถ้าเป็นแม่เลี้ยงของเธอจริง ๆ เธอก็อาจรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่นี่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอแถมเปิดมาก็ลงมือฟาดเลย เธอไม่มีความรู้สึกเคารพอะไรยายป้ามหาภัยคนนี้เลยแม้แต่น้อย