มีนักปราชญ์ท่านหนึ่งถามว่า เราเป็นมนุษย์เพราะมองฟ้า มองดวงดาว หรือว่าที่เรามองดวงดาวเพราะเราเป็นมนุษย์กันแน่ มันไร้ความหมาย ดาวมองเราตอบงั้นเหรอ? นั่นคือคำถาม ที่ไร้คำตอบ เรื่องราวของธีโอ มันจึงเริ่มต้นขึ้น
ในปี ค.ศ. 2032 บนโลกที่พังทลาย เมื่อดาวเคราะห์น้อย ที่ภายหลังถูกตั้งชื่อว่า เอโอซิกส์ 11 มันพุ่งตรงมายังโลกและระเบิดออก สารประกอบมากมายที่อัดแน่นอยู่ในอุกกาบาตกระจายออกไปทั่วโลก และทำปฏิกิริยากับสัตว์เลือดอุ่นและสัตว์เลือดเย็นที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำบังของหลังคา หรืออะไรก็ตามที่มันใช้ป้องกันสิ่งที่ตกลงมาจากท้องฟ้าได้
สัตว์พวกนั้นกลายพันธุ์กลายเป็นอสุรกายแสนน่าเกลียด และกินพวกเดียวกันเอง มีบ้างที่มันเลือกที่จะเปลี่ยนมื้อค่ำจากพวกเดียวกันเองเป็นหัวมนุษย์ที่ยังรอดชีวิต หรือผ่านมาแถวรังของพวกมันพอดี พวกมันพัฒนาตัวเองและปรับตัว กลายเป็นนักล่า ตอนนั้นแหละที่วันสิ้นโลกมาถึง..รัฐบาลที่เหลือรอด พวกเขาจับมือกันอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน พัฒนาจรวดขึ้นมา และบินขึ้นไปเพื่อหาดาวเคราะห์ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย นั่นคือจุดเริ่มต้นของโครงการ สกายเทียร์ พวกเขาส่งนักวิจัยชั้นนำของโลกที่ยังเหลือรอดขึ้นไปวิจัยบนนั้น เพื่อศึกษาหาข้อมูลว่ามนุษย์สามารถขึ้นไปอยู่บนนั้นได้หรือไม่
แน่นอนว่ามันไม่ได้สำเร็จง่ายๆ พวกเขารู้ดี พวกที่อยู่บนโลกจึงสร้างเมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงขนาดใหญ่สูงกว่า 100 เมตร เพื่อป้องกันอสูรกลาย บนกำแพงที่มีโดมคลุมทั้งเมือง มีทหารคอยเฝ้าตลอดเวลา และมันปลอดภัยมากที่สุดบนโลก...ไม่สิ แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ
อารยธรรมของมนุษย์กำลังล่มสลาย และโลกกำลังพังทลาย มันถูกกัดกินช้าๆ และคงสูญสลายในสักวัน
คืนนี้สีดำสนิทย้อมปิดทุกอย่างบนท้องฟ้าให้ถูกกลืนตามไปด้วย ราวกับว่าสีดำนั้นจะดูดกลืนทุกสิ่ง แม้แต่พระจันทร์ที่สมควรจะเด่นท่ามกลางราตรีแห่งนี้ก็แลดูมืดมิดตามไปทันที เมื่อแสงสีขาวเหลือบฟ้า กำลังพุ่งตรงมายังโลกด้วยความเร็ว 70 กิโลเมตร ต่อวินาที ประกายแสงสีขาวลากเป็นเส้นตรงต่อท้าย ส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้าสีดำ
ธีโอ ได้ยินเสียงแหวกอากาศบนท้องฟ้า เขาดึงผ้าปิดหน้าที่ปิดแค่ครึ่งล่างลง หัวใจเต้นแรง ยามเมื่อเห็นดาวตก กระแสไฟฟ้าในร่างกายส่งผลให้มุมปากเขากระตุกยิ้มเบาๆ ต่อให้ใบหน้าเปื้อนฝุ่นก็ไม่อาจบดบังเครื่องหน้าหมดจดหล่อเหลาของชายหนุ่มเอาไว้ได้เลย ความคมคายเด่นชัดออกมาจากใบหน้าที่มีคิ้วเข้ม ตาเป็นประกาย จมูกโด่งเป็นสัน ตั้งแต่คางถึงลำคอล้วนมีลายเส้นที่สวยงาม
ดาวตกเหรอ? ในรอบสิบปีเนี่ยนะ?
"นั่นดาวตกใช่ไหม?" เสียงของคีย์ ดังขึ้นข้างๆ ชายหนุ่ม หนุ่มหน้าหวาน เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ไม่มีดาวตกมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่อุกกาบาตพุ่งชนโลกเมื่อราวๆสิบห้าปีก่อน นี่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์เลยก็ว่าได้ แน่นอน ในโลกที่แสนผุพังนี้ การมีของแปลกไว้ในครอบครอง นับเป็นเรื่องที่ดี มันสามารถใช้แลกอาหาร หรือว่าน้ำ หรือของใช้ที่หายาก อย่างเช่น ดินสอหรือกระดาษ หรืออาจจะเป็นต้นไม้ ดีหน่อยก็อาจจะเป็นน้ำมันเครื่อง
"ใช่...ไม่เห็นมาหลายปีแล้วแฮะ" ธีโอตอบกลับ เขาจ้องแสงสีขาวที่อยู่บนท้องฟ้าไม่วางตา มันสว่างจนเขาเห็นฉากหลังเป็นก้อนเมฆ ในใจลิงโลดอยากจะครอบครองดาวตก เขาคิดไม่ออกเลยว่า เศษดาวตกแค่หนึ่งกิโล จะแลกอาหารกับน้ำได้มากขนาดไหน?
"นายคิดเหมือนฉันใช่ไหม?" คีย์หันไปถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ธีโอหัวเราะเบาๆ สองหนุ่มก้าวยาวๆ ถอยหลังหันกลับไปที่เต็นท์ของพวกเขาที่ตั้งอยู่กลางผืนดินที่แห้งแล้ง มีลมฝุ่นพัดผ่านไป ลมกระโชกแรงทำให้พวกเขาต้องสวมเสื้อผ้าที่มิดชิดแม้แต่ใบหน้าก็ยังต้องเอาผ้ามาปิด
"ทริสตัน เคท เจอร์รี่ เราต้องไปกันแล้ว" ธีโอพูดเสียงดังหลังจากเข้ามาในเต็นท์ เพื่อนรักสองคนอย่างทริสตันกับเจอร์รี่ที่กำลังถกเถียงกันเรื่องความอร่อยของอาหารกระป๋องที่พวกเขาได้มาจากการล่าเต็นท์ยักษ์ หลังจัดการหั่นมันให้เป็นซาชิมิสูตรพิเศษแล้วนำไปแลกกับพวกวิลทาร์ กลุ่มคนที่ชอบสะสมคอลเลคชั่นเป็นซากอสุรกาย รอให้เห็นตู้โชว์ของสะสมของพวกเขาก่อนเถอะ ไม่มีอะไรจะบรรยายความประหลาดได้เท่านี้อีกแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกนะ! ทริสตันบอกว่า รสชาติไม่เลว แต่เจอร์รี่คิดว่ารสชาติเหมือนอ้วก ทำอย่างกับเขาเคยกินอ้วกอย่างงั้นแหละ.... โอเค นี่ก็ไม่ใช่ประเด็นอีกนั่นแหละ
เคท ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มกำลังนั่งลับคมมีดพกของเธอ เสียงถอนหายใจของเธอถูกกลบด้วยเสียงโต้เถียงกันเรื่องไร้สาระของเพื่อนอีกสองคนไปหมด "เราจะไปไหน?" เธอเงยหน้าขึ้นมาถามธีโอ ชายหนุ่มเดินมาตรงมุมเต็นท์ เขาเก็บของทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่ เหน็บมีดพกไว้ที่เข็มขัด มือแกร่งหยิบปืนสั้นสองกระบอกใส่ปลอกปืนที่รัดอยู่ตรงหน้าอก ก่อนจะสวมแจ็กเกตหนังสีดำ
"มีดาวตกห่างออกไป 20 ไมล์" คีย์ตอบแทน ชายหนุ่มทำเช่นเดียวกันกับธีโอ
"ดาวตกเหรอ ล้อเล่นรึเปล่า?" เคทขมวดคิ้ว ไม่อยากจะเชื่อ "ไม่มีใครเห็นดาวตกมาหลายปีแล้ว" ทริสตันเสริม เขาลุกขึ้นยืน เดินมาใกล้ธีโอที่เตรียมตัวอยู่
"ฉันนี่ไง เห็นแล้ว และเราต้องไปเอามันมา"
"เราจะเอาดาวตกไปทำไม?" เจอร์รี่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาถาม เขากระทุ้งศอกใส่ทริสตันด้วยความหมั่นไส้ไปหนึ่งที ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับธีโอและคีย์ "มันก็แค่ก้อนดิน....ใช่ไหม?" เขาหันไปส่งสายตาหยั่งเชิงถามทริสตันที่ยืนอยู่ข้างๆ
"มันไม่ใช่ก้อนดินเจ้าโง่!" คีย์ตอบ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วโยนใส่ทั้งสองคนทันที
"ย้ายก้นเน่าๆ ของนายไปขึ้นรถ เราจะไปเก็บดาวตกกัน" เขาย้ำอีกครั้ง แล้วเดินหนีไป
"ไม่เห็นต้องรุนแรงกันเลย" ทริสตันบ่นงึมงำ แต่ก็ยอมสะพายกระเป๋าแล้วเดินตามออกไปอยู่ดี
"แน่ใจว่าไม่ใช่ระเบิดเครื่องบินของพวกรัฐบาล ได้ข่าวว่าช่วงนี้ฝูงแมลงยักษ์มันชอบบินล่าเหยื่อบ่อยๆ" เคทถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะมัดผมสีดำขลับเป็นหางม้ายาว ธีโอส่ายหัว "นั่นไม่ใช่แมลงแน่ๆ ถ้าเราโชคดีไปถึงที่นั่นก่อนคนอื่น เราจะเอามันไปแลกรถแล้วไปที่กำแพง มันอาจจะพลิกชีวิตเราเคท"
เคทถอนหายใจ เธอเลือกที่จะยอมเชื่อธีโอเหมือนทุกครั้ง หญิงสาวสวมเสื้อคลุม แล้วเดินออกไปทันที พวกเขาขึ้นไปนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์คนละคัน หลังจากคีย์เก็บเต็นท์เรียบร้อยแล้ว เคทหยิบบุหรี่เยินๆ ที่เหลือจากการสูบครั้งที่แล้ว ขึ้นมาจุดสูบอีกครั้ง เธอพ่นควันสีเทาลอยละล่องไป ธีโอหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู เขามองสมาชิกในกลุ่ม ทุกคนดูจะพร้อมแล้ว ชายหนุ่มสตาร์ทเครื่อง ก่อนที่รถของพวกเขาจะพุ่งทะยานออกไปในความมืด
พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่า การออกไปตามหาสะเก็ดดาวครั้งนี้ มันจะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล....
ณ.พื้นที่หลุมขนาดใหญ่ บริเวณพื้นดินถูกอุกกาบาตตกใส่อย่างรุนแรง แรงระเบิดกระจายออกไปทำให้ พื้นดินตรงนั้นปลิวออกไปเป็นวงกลมขนาดใหญ่ มีกองไฟเล็กๆ ที่ยังไม่ดับอยู่โดยรอบ มีซากสัตว์ไหม้เกรียมทันทีที่สะเก็ดดาวตก ตกถึงพื้นโลก กลิ่นเขม่าจากระเบิดกระจายไปทั่ว หมอกสีเทาเคลื่อนตัวกระจายอยู่โดยรอบ ปิดกั้นทัศนียภาพด้านในวงกลมจนมองไม่เห็นอะไร ตอนนั้นที่พวกธีโอเดินทางมาถึงแล้ว
"มองไม่เห็นอะไรเลย" ทริสตันเปรยขึ้น พวกเขาจอดมอเตอร์ไซค์ ธีโอจ้องเครื่องจีพีเอสของตัวเอง เขามาถึงแล้ว และอีกไม่กี่ก้าวในม่านหมอก เขาก็จะได้ครอบครองสะเก็ดดาว ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะเข้าไป โดยไม่สนว่าหมอกสีเทาจะเป็นอุปสรรคมากแค่ไหน เขาหยิบหน้ากากกรองอากาศชนิดเดียวกับที่ใช้กรองรังสีออกมา แล้วสวมทันที
"เราจะเข้าไปข้างใน" เขาหันไปบอกคนอื่น ทริสตันขมวดคิ้วไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องนี้เท่าไหร่
"เราควรรอให้เช้า แล้วค่อยเข้าไปไม่ดีกว่าเหรอ" เขาออกความเห็น
"ไม่ เราจะไม่รอจนเช้า" ธีโอปฏิเสธ มือแกร่งที่สวมถุงมือสีดำขาดเล็กน้อยหยิบปืนขึ้นมาแล้วตั้งลำ เตรียมตัว ก่อนจะเดินเข้าไปทันที คีย์กับเคทรีบเดินตามเข้าไป ทริสตันกลอกตา หันไปมองเจอร์รี่ที่ยักไหล่ ก่อนจะเดินตามเข้าไปอีกคน
"เกาะกลุ่มกันเข้าไว้" เคทพูด ดวงตาสีน้ำตาลของเธอกวาดมองผ่านช่องสองช่องอย่างหวาดระแวง หมอกสีเทาขมุกขมัวไปหมด จนมองไม่เห็นอะไร ถ้าเกิดมีสัตว์ร้าย พวกมันอาจจะโจมตีพวกเขาได้ทุกเมื่อ ยังไงก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน เธอหันปลายกระบอกปืนที่มีไฟฉายติดอยู่ด้านบน ไปทั่วจนดูเหมือนลำแสงจะส่องผ่านม่านหมอก
"ดูนี่สิ" คีย์เอ่ยขึ้น ก่อนจะเรียกให้ทุกคนให้มาดูสิ่งที่เขาเจอ ร่องรอยของสะเก็ดดาวตกที่พุ่งลงมา รอยสไลด์พื้นดินมาสุดตรงที่พวกเขายืนทันที "ไม่เห็นมีเศษอุกกาบาตเลย" เจอร์รี่บอก "ดาวต่างหาก" ธีโอเถียง เขากลอกตาเล็กน้อยแล้วก้มลงไปมองหาสิ่งแปลกปลอม แต่ไม่พบอะไรเลยนอกจากพื้นดินที่เป็นหลุมยุบลากยาว
"ปกติอุกกาบาตเข้าชั้นบรรยากาศมันต้องระเบิดออกสิ" ทริสตันหันไปหาธีโอที่คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน รู้สึกไม่ค่อยสู้ดีนัก
"มันอาจจะระเบิดออกก่อนตกลงพื้น" เคทว่า
"มีแต่รอยไหม้" เจอร์รี่พูดต่อ เขาสัมผัสกับพื้นดิน ยังมีความร้อนหลงเหลืออยู่
"หรือว่ามันจะไม่ใช่สะเก็ดดาวตกล่ะ?" ทริสตันออกความเห็น ทุกคนมองหน้ากัน "อาจจะเป็นซากของดาวเทียมรัฐบาลที่เผอิญโคจรมาใกล้กับโลก เลยตกลงมา แล้วก็...ตู้ม!" เขาทำมือกระจายออกเป็นระเบิด เจอร์รี่ส่ายหัวในความคิดเหลวไหลของเพื่อน
"มาเถอะ ไปดูให้เห็นกับตา" ธีโอพยักหน้าไปอีกทาง ก่อนจะเดินนำต่อ พวกเขาเดินย่ำกรายด้วยหัวใจที่เต้นระทึก รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ที่มืดสนิท จนสุดท้ายที่พวกเขาเห็นแสงลอดผ่านมา นั่นคือปลายทาง ธีโอก้าวเร็วออกจากหมอกสีหม่น เขาพบว่าบรรยากาศในนี้ มันช่างปลอดโปร่ง ไร้หมอก ไม่มีอะไรแปลกประหลาดอีก เพียงแต่มันดูสวยงามเมื่อมองจากมุมนี้ ที่เห็นทุกอย่างในมุมกว้าง
"ไม่พบรังสี หรือสารแปลกปลอมอะไรเลย" เคทพึมพำ เธอจ้องหน้าจอเครื่องวัดรังสีในมือแล้วอดทึ่งไม่ได้
"นั่นอะไรน่ะ…." ทริสตันชี้ไปอีกทาง ทุกคนหันไปมองอย่างรวดเร็ว ธีโอเบิกตากว่าง มองออกไปท่ามกลางพื้นที่โล่ง เขาเห็นใครบางคนนอนอยู่ไกลๆ ในอากาศคล้ายกับมีกลิ่นหอมจางๆ
เดี๋ยวนะ? ใครบางคน?
โอเค ธีโอเริ่มเข้าใจว่านี่คือสถานการณ์ที่ผิดปกติอย่างแรงตั้งแต่ ดาวตกลงมาจากท้องฟ้า และม่านหมอกประหลาดที่ปกคลุมราวกับปกป้องอาณาเขตนี้เอาไว้ แล้วไหนจะร่างของใครก็ไม่รู้ที่กำลังอยู่ตรงใจกลางหลุมนั่นอีกล่ะ บางทีมันอาจจะเป็นกับดักของพวกโจรดักปล้นของก็ได้...
ธีโอว่ามันก็เจ๋งอยู่หรอกที่พวกเขาเป็นกลุ่มคนแรกที่ได้พบกับ ดาว ถ้าเรียกชื่อแบบหรูหราหน่อยก็สะเก็ดดาวตก หรือดาวตก ตามแล้วแต่ที่ทุกคนอยากจะเรียก แต่เรื่องเศร้าที่สุดนอกจากเขาจะไม่พบดาวแล้ว ยังมาพบกับผู้หญิง ไม่สิ ผู้ชาย (ถ้าวัดเอาจากสายตาอันเฉียบแหลมของเขา) นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงกลางนั่นแทน...แล้วดาวล่ะ ดาวของธีโออยู่ไหน?
"พระเจ้า ฉันรู้สึกคลื่นไส้ชะมัด!" ทริสตันเริ่มพึมพำเกี่ยวกับปัญหาจิตตกของเขา ซึ่งเขาเป็นมาสักพักใหญ่ๆ แล้วล่ะ "หยุดเลยนะ ถ้านายอ้วก ฉันจะตัดหัวนายแล้วยัดหัวนายลงดินซะ" เคทหันไปบอก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคำสั่งมากกว่า
"ธีโอ นายจะทำอะไรน่ะ!" คีย์ตะโกนเรียกธีโอเสียงดัง เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักกำลังเดินตรงไปยังร่างของชายคนนั้น
"มันอาจจะเป็นกับดักก็ได้" เจอร์รี่เสริม แต่คนอย่างธีโอน่ะเหรอจะฟังเขา ชายหนุ่มก้าวช้า อย่างระแวง เขาถือปืนกระชับมันแน่นราวกับเป็นลูกของตัวเอง มองไปรอบข้างระหว่างเดินอย่างระมัดระวัง
"ฉันอยากจะอ้วก" ทริสตันเริ่มงอแง เคทหันไปชี้หน้าสั่งให้เขาหยุด ก่อนที่เธอจะเดินตามธีโอพร้อมกับคีย์
ธีโอเดินไปได้ครึ่งทางเขาก็เหลือบกลับมามองเคทกับคีย์ ทั้งสองหน้าซีดพร้อมทั้งมองตัวเขาสลับกับเจอร์รี่ที่หมกมุ่นอยู่กับการเถียงกับทริสตัน ธีโอหันกลับมามองตรงหน้าอีกครั้ง เหมือนเขาจะเห็นประกายบางอย่างอยู่รอบตัวของชายหนุ่มคนนั้น แต่กะพริบตาเดียว ประกายพวกนั้นก็หายไปแล้ว
"ผู้ชายเหรอ?" เคทถาม ธีโอพยักหน้าแล้วเพ่งพินิจมองใบหน้าของชายคนนั้น เรือนผมสีดำสนิทเหมือนสีของท้องฟ้ายามค่ำคืน ล้อมรอบกรอบหน้าที่ธีโอ เคท และคีย์ลงความเห็นว่าหน้าตาดี
"ตายรึยัง?" เคทถาม ธีโอค่อยๆ ก้มลงไปใกล้ชายหนุ่มที่นอนอยู่ ซึ่งดูจากใบหน้าก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา มือแกร่งยื่นไปจับชีพจรที่ลำคอ ก็พบว่ายังไม่ตาย "ยัง...แต่ใกล้ละ" ธีโอตอบ เคทผ่อนใจ เธอลดปืนลง
"หมอนี่มานอนอยู่นี่ได้ไง?" เธอเอ่ยถาม "ไม่มีเศษดาวตกเลย ให้ตายสิ!" คีย์ที่เดินสำรวจรอบๆ เขาพึมพำรู้สึกเซ็ง ธีโอขมวดคิ้ว ก่อนจะหันมามองชายหนุ่มนิทราอีกครั้ง เขาเห็นบางอย่างที่สะท้อนแสงโดนดวงตาของเขา มันคือป้ายชื่อที่ห้อยอยู่ที่ลำคอ ชายหนุ่มเอื้อมไปจับมันแล้วอ่านตัวอักษรบนป้ายชื่อ
"โนอา คอร์สัน"
"ชื่อคนเหรอ?" เคทถาม ธีโอพยักหน้า "อาจจะใช่"
แต่ไม่ทันไร มือเล็กของคนที่นอนแน่นิ่งก็จับมือของธีโอแล้วกำแน่นจนทุกคนตกใจ ชายหนุ่มสะบัดมือเล็กนั่นออกแล้วจ่อปืนมาที่เขา ดวงตาสีฟ้าสว่างลืมตาขึ้นจ้องตากับธีโอเต็มๆ เสียงหอบหายใจดังเฮือก พร้อมกับลมหายใจที่พรั่งพรูออกมา
"นายเป็นใคร?" ธีโอถาม นิ้วอยู่ที่ไกปืนพร้อมยิงหัวหมอนี่ให้กระจุย เคทก็เช่นกัน
"ช่วย...ช่วยด้วย..." ชายหนุ่มเปล่งเสียงออกมาด้วยอาการตกใจ เขาค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นมานั่ง รู้สึกเหมือนกับมีแมงป่องมาทำรังอยู่ข้างในตัวของเขา รู้สึกปวดร้าวระบมไปหมด ขณะเดียวกันธีโอกับเพื่อนก็เล็งปืนมาที่เขาอย่างระแวง "อย่าขยับ!" เคทสั่ง
"ช่วยผมด้วย" ชายหนุ่มปริศนาอ้อนวอน คีย์เดินมาจากด้านหลังจ่อปลายกระบอกปืนที่หัวของเขา ชายหนุ่มนั่งตัวเกร็ง "ถ้านายขยับอีกนิดเดียว ฉันยิงหัวนายกระจุยเหมือนก้อนขี้แน่!" คีย์ไม่ได้ขู่ เขาพร้อมที่จะทำมันทุกเมื่อถ้าหากว่าผู้ชายคนนี้เล่นตุกติกอะไร
"คุณต้องช่วยผม เราไม่ปลอดภัย" ชายหนุ่มพูดต่อ เขายกมือขึ้นมาเพื่อยอมแพ้
"หมายความว่ายังไง?" เคทถาม
"พวกมันอยู่แถวนี้ เราไม่ปลอดภัย!" เขาพูดย้ำอีกครั้ง ก่อนจะสอดส่องสายตามองไปรอบๆ ธีโอเห็นปฏิกิริยานั้นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย "ใคร หรืออะไรอยู่แถวนี้?" เขาถามเสียงเข้ม
"พวกคิลสกาย"
"ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย" คีย์บอก "เกิดอะไรขึ้นน่ะ?" ทริสตันกับเจอร์รี่ตามมาทีหลัง ชายหนุ่มขี้กลัวประจำกลุ่มเบิกตากว้างมองชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ "นายเป็นใคร แล้วไปนั่งทำบ้าอะไรตรงนั้น?" ทริสตันถาม
"ไหนล่ะอุกกาบาต?" เจอร์รี่ถามธีโอที่ยืนอยู่
"ไม่มี"
"ว่าไงนะ นี่เราเดินทางมาไกลขนาดนี้ แต่ไม่เจออุกกาบาตงั้นเหรอ"
"ดาวต่างหาก!" ธีโอหันไปเถียง เจอร์รี่คุ้นเคยกับสถานการณ์ประหลาดอย่างดี แต่ไม่มีอะไรน่าโมโหเท่ากับการที่เขาสละเวลานอน แล้วขี่รถมากว่ายี่สิบไมล์เพื่อตามหาดาว (ตามที่ธีโอเรียก) ซึ่งมันไม่มี แม้แต่เศษก็ไม่เห็น เขาเริ่มหงุดหงิดและคิดผิดที่ตามธีโอมา
"นายเห็นอุกกาบาตรึเปล่า?" ทริสตันหันไปถามชายหนุ่มปริศนาที่นั่งอยู่
"อะ อุกกาบาตเหรอ?" เขาเอียงคอถามกลับอย่างไม่เข้าใจ "อย่าไปฟัง เขาหมายถึงดาวต่างหาก สะเก็ดดาวที่ตกลงมาจากฟ้า" เคทพูดเสียงเรียบ
"ผมนี่ไง ดาว"
"....." ทุกคนเงียบกริบทันทีที่ประโยคนั้นถูกพูดออกมาจากปากคนแปลกหน้า ธีโอขมวดคิ้วกันแทบจะเป็นปมที่ไม่สามารถมีใครคลายได้ ทริสตันหน้างง "เขาหมายถึงอะไร?" เขาชี้ไปที่หนุ่มคนนี้
"เขาบอกว่าตัวเองเป็นดาวเหรอ?" เจอร์รี่งงหนักกว่าเดิม
"เขาหมายถึงสร้อยรูปดาวรึเปล่า?" คีย์ออกความเห็น มองหน้าเพื่อนๆ "ไม่ เขาไม่ได้หมายถึงแบบนั้น" ธีโอตอบ
"โอเคงั้น นายเห็นดาวตกบ้างไหม เพราะฉันไม่เห็นแม้แต่เศษ" ทริสตันถามอีกครั้ง
"คือผม..."
"ไม่ได้ยินรึไง เขาบอกว่าตัวเองเป็นดาว" ธีโอค้าน "ก็เห็นๆ อยู่ว่าเขาเป็นคน" เคทบอก
หลังจากนั้น บทสนทนาก็ดูจะไร้สาระมากขึ้นไปทุกที ตอนนั้นมันดูเหมือนเรื่องเล็ก พวกเขาเอาแต่เถียงกันถึงประโยคที่ดูกำกวมของหนุ่มปริศนา จนไม่ได้สังเกตเลยว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่รอบพวกเขา หลังม่านหมอก มันกำลังดูลาดเลาอยู่
"พอได้แล้ว!" ธีโอตะโกนยุติบทสนทนา ก่อนจะหันมาหาหนุ่มปริศนาอีกครั้ง "นายเป็นใคร" เขายกปืนจ่อหน้าผากมนด้วยความหงุดหงิด "ห้ามโกหก!" เขากดปลายกระบอกปืนเล็กน้อย ชายหนุ่มตรงหน้ากลืนน้ำลาย ก่อนจะตอบคำถามท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองเขา
"ผมชื่อไมอา มาตามหาพ่อ..."
"พ่อเหรอ..."
"สาบานได้ ผมจะเล่าทุกเรื่องให้พวกคุณฟัง แต่ตอนนี้เราต้องหนีก่อน"
"หนีอะไร?" เคทถาม
"พวกคิลสกาย....ตัวเขมือบดาว มันตามล่าผมอยู่" เขาบอกอย่างตื่นตระหนกมองไปรอบๆ รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างอยู่รอบๆ พวกเขา "นายจะบอกว่าตัวเองเป็นดวงดาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้าเหรอ หึหึ" ธีโอหัวเราะเบาๆ เขามองไปตรงกลางหลุม หรือบริเวณรอบๆ มันไม่มีแม้แต่เศษซากของสะเก็ดดาว ทั้งที่มันควรจะมีร่องรอยหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ไม่เลย ที่นี่ว่างเปล่า
แล้วไอหนุ่มคนนี้ก็นอนอยู่ตรงกลางพอดิบพอดี
"นาย..." ธีโอพูดไม่ออก เขาพยายามหาเหตุผลมากมายมารองรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีอะไรมาลบล้างสิ่งที่ว่า ชายคนนี้ บอกว่าตัวเองเป็นดวงดาวได้เลย...
บ้าน่า...! ดวงดาวต้องเป็นก้อนดิน ไม่ก็สสารแปลกๆสิ ไม่ใช่ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้
"ไม่จริ-" ยังไม่ทันจะพูดจบ สัตว์ประหลาดก็ปรากฏตัวออกมาจากหมอกสีเทาที่ค่อยๆ จางลง ดวงตาของมันลุกโชนราวกับถ่านในเตาเนื้อย่าง มันดูคล้ายกับตุ๊กแกยักษ์ที่มีพังผืดรอบลำคอสั่นกระพือไปมา กรงเล็ก และปากซึ่งเต็มไปด้วยเขี้ยวสีเหลืองอ๋อย และมันกำลังจะฉีกทุกคนเป็นชิ้นๆ
"แบบนี้อ้วกได้รึยัง" ทริสตันหยอดมุกในเวลาที่ไม่สมควร
"ยิงมัน!" ธีโอตะโกนบอกทุกคน
จากนั้นอะไรๆ ก็ดูจะพิสดารมากกว่าเดิม
ทุกคนพร้อมใจกันยกปืนแล้วเล็งไปที่มัน "นั่นมันตัวเชี้ยอะไรวะเนี่ย!" คีย์ตะโกน เขารัวปืนตัวเองใส่มันไม่หยุด แต่ผิวหนังของมันหนากว่าที่คิดเอาไว้ ยามเมื่อลูกกระสุนยิงใส่ผิวหนังมันเรืองแสงตอนโดนกระทบแล้วหายไปในเวลาไม่กี่วินาทีทันที ทุกคนรีบวิ่งหนี แต่มันเหวี่ยงหางของตัวเองฟาดใส่เจอร์รี่ที่อยู่ใกล้สุดอย่างจังจนอีกฝ่ายกระเด็นไป
"เจอร์รี่!!!" คีย์ตะโกน แล้วรีบวิ่งไปช่วยเพื่อนที่บาดเจ็บ ธีโอรัวปืนใส่มันไม่หยุด ชายหนุ่มดึงความสนใจจากกิ้งก่ายักษ์มาได้ เขายกปืนขึ้นมาแล้วเล็งที่หัวของมันเป็นหลัก เขายิงรัวหวังปลิดชีพ แต่ช้าเกินไปที่กระสุนจะเจาะเข้าทัน มันวิ่งกรูเข้ามา และหวังว่าจะฆ่าเขา ธีโอเบิกตากว้าง แต่แล้วตัวของเขาก็ถูกเด็กหนุ่มปริศนาวิ่งมาขวางไว้
"หลับตา!" เขาตะโกนเสียงดัง ก่อนที่ตัวของเขาจะเปล่งแสงออกมาจนมันสว่างจ้าไปหมด พวกของธีโอต้องรีบหลับตาแล้วก้มหลบแสงสีขาวที่กระจายไปทั่ว ก่อนที่มันจะสลายหายไป ธีโอค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เขาเห็นซากกิ้งก่ายักษ์ไหม้เกรียมเป็นตอตะโก กับร่างของเด็กหนุ่มที่ยืนหันหลังให้เขา
เขากำลังอึ้ง และตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ชายหนุ่ม ลดมือลง เขารู้สึกราวกับมีของเหลวท่วมปากจนพูดไม่ออกอยู่ จดจ้องใบหน้านั้นไม่วางตา จนเมื่อแสงดับลงสนิท เด็กหนุ่มคนนั้นก็หันมาช้าๆ พร้อมกับพูดบางอย่าง
"บอกแล้ว..." เขาเงียบไปอึดใจ จ้องมองธีโอไม่วางตาเช่นเดียวกัน
"ผมนี่แหละ ดาวที่ตกลงมาจากฟ้า"