ร่างโปร่งในชุดเครื่องแบบเต็มยศเหม่อมองใบหน้าตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ เขาละสายตาไปมองรอบห้องเพื่อซึมซับบรรยากาศเก่าๆ ภายในห้อง ความทรงจำในช่วงวัยต่างๆ ไหลย้อนกลับมาดังสายน้ำ ความทรงจำที่เจือปนไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ ก่อนจะตัดสินใจจะลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องแล้วลงไปด้านล่าง
"ไปอยู่ที่โน่นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก" เสียงของหญิงวัยกลางคนกล่าวล่ำลาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ในสายตาของเธอ ร่างโปร่งก็เป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งร้องไห้เข้าบ้านเมื่อกลับจากโรงเรียน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้วจะมีก็แต่ชายหนุ่มที่ใบหน้าสะท้อนถึงความกล้าหาญและรักความยุติธรรม
"ครับ มัมก็ดูแลตัวเองดีๆ อย่าลืมไปตามหมอนัดด้วยนะ" ร่างโปร่งโผเข้ากอดมารดาของตน ซึมซับความอบอุ่น ความรักและความห่วงใย จากหญิงในอ้อมกอดให้นานและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผลักตัวออกจากอ้อมกอดมารดาอย่างอ้อยอิ่งพลางใช้นิ้วมือเช็ดหยดน้ำตาบนใบหน้าของมารดา ก่อนจะกล่าวล่ำลากับมารดา "ผมไปแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะโทรมาหาบ่อยๆ"
"เดินทางปลอดภัยนะลูก" ร่างบางพยักหน้ารับ ยกมือขึ้นไหว้มารดาแล้วลากกระเป๋าเดินทางขึ้นรถเพื่อตรงไปสนามบิน
นี่คือจุดเริ่มต้นที่ร่างโปร่งจะต้องก้าวเดินด้วยตัวเอง เพื่อตามหาบ้างสิ่งที่หายไป บางสิ่งที่อยู่ในความทรงจำอันแสนเรือนรางในวัยเด็ก....
.
.
.
.
.
.
อากาศเย็นกระทบใบหน้าหลังจากเดินออกจากสนามบิน เหมือนเป็นสัญญาณบอกว่าก้าวแรกของการเริ่มต้นชีวิตใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น ที่นี่เป็นเกาะแห่งหนึ่งที่ถูกรอบล้อมด้วยน้ำทะเล หาดทรายขาวสะอาด และธรรมชาติที่สวยงาม แต่เบื้องหลังใครจะรู้ว่าในเกาะแห่งนี้ เป็นเกาะที่มีอัตราการเกิดคดีสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และที่นี่เป็นที่ตั้งขององค์กรที่เกี่ยวกับการจัดการอาชญากรรมข้ามชาติ และในทุกๆ ปีจะมีการส่งตัวแทนจากหลายๆ ประเทศเพื่อฝึกและคัดเลือกเข้าทำภารกิจต่างๆ ในองค์กร
ร่างโปร่งเดินออกจากสนามบินเพื่อหารถที่จะพาตนเองและสัมภาระไปที่บ้านพักของตนเอง แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายคนนั้นใส่ชุดคล้ายบอดี้การ์ด สวมชุดสูทสีดำ สวมแว่นตาสีดำ เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ARCC-13 แอล"
"...ครับ คุณคือ?" เขาหยุดนิ่งมองอยู่พักใหญ่ คล้ายกำลังประเมินคนตรงหน้า
จงรัก นายเจตนิพันธ์ อัศวภัชรกุล หรือ ARCC-13 แอล ตัวแทนขององค์กรระหว่างประเทศที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมกับองค์กร ถ้าจะให้พูดเรื่องฝีมือ เขาก็แค่ตำรวจยศน้อยไฟแรงที่โชคร้ายที่ได้รับคัดเลือกเนื่องมาจากคดีที่รับมอบหมายดันไปเกี่ยวพันกับบุคคลที่สำคัญและมากด้วยอำนาจ ใช่ว่าการเข้าร่วมองค์กรแห่งนี้จะเป็นเรื่องที่ดี หากให้พูดองค์กรแห่งนี้เบื้องหน้าคล้ายนักบุญคอยช่วยเหลือและให้ความร่วมมือกับประเทศต่างๆ แต่เบื้องหลังกลับดำมืดและเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจมากมาย การส่งตัวแทนของประเทศต่างๆ มันก็คือการทำให้คนคนนั้นหายไปเพราะอาจทำให้อำนาจของบุคคลหนึ่งสั่นคลอนได้
"เชิญครับ ทางองค์กรได้จัดเตรียมรถเพื่อรับคุณไปที่องค์กรไว้เรียบร้อยแล้ว" เขาเดินนำผมไปที่รถสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่ด้านหน้าสนามบิน เขาเดินมาเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งเบาะหลังคนขับ ซึ่งมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่แล้ว
ร่างสูงใส่ฮูดสีดำคลุมหัว กางเกงยีนสีซีดขาดๆ รองเท้าผ้าใบสีดำ ใส่แมสปิดครึ่งหน้า ถ้าจะพูดให้ถูกแทบจะมองไม่ออกเลยว่าคนตรงหน้านี้เป็นชายหรือหญิงแต่จากการคาดคะเนโดยภาพรวมของร่างกาย ก็คงเป็นผู้ชายนั่นแหละ ผมมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจ ภายในรถดูสะอาดตรงเบาะข้างคนขับมีเอกสารข้อมูลของบุคคลต่างๆ วางอยู่ ตรงเบาะที่ฉันนั่งอยู่เป็นเบาะหนังสีดำซึ่งพอนำนิ้วรูดไปตามซอกมุมต่างๆ กลับไม่พบแม้แต่เศษฝุ่นติดขึ้นมาเลย แสดงถึงความรักสะอาดและการดูแลรถเป็นอย่างดี
ทั้งๆ ที่หน้ารถรกมากแท้ๆ แต่สะอาดกว่าที่คิดแฮะ….
สักพักคนขับรถที่นำกระเป๋าของฉันไปเก็บด้านหลังก็ขึ้นมา เขาทำการเอื้อมมือไปปรับเบาะให้เลื่อนออกและปรับกระจกมองหลัง เขากับฉันจ้องตากันผ่านกระจกมองหลังอยู่พักใหญ่ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่ดูจะเงียบขึ้นเรื่อยๆ
".....มีอะไรหรือครับ" ชายคนนั้นมองฉันผ่านกระจก ก่อนจะถามขึ้น
".....องค์กรส่งคุณมาหรอ"
"ครับ ทางองค์กรส่งผมให้มารับพวกคุณไปส่งที่กองบัญชาการครับ" เขาตอบออกมาเสียงราบเรียบ
".........."
".........."
"ช่วยบอกหน่อยเถอะ ว่าคุณคิดจะทำอะไรกันแน่" ชายคนนั้นยังคงนิ่ง และสบตาผมผ่านกระจกมองหลัง เขายกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
"........"
"คุณน่ะ ไม่ได้ขับมาใช่ไหมล่ะรถคันนี้น่ะ" ใช่แล้ว การกระทำแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่คนปกติเขาทำกัน ถ้าหากการออกรถครั้งแรกมันไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร แต่นี่เขากลับบอกว่าเขาเป็นคนที่ขับมาเอง ซึ่งหากขับมาเองตั้งแต่แรกมันเป็นได้ยากกับการที่คนคนหนึ่งนั่งขับรถที่เบาะคนขับเคลื่อนไปข้างหน้าจนแทบชิดพวงมาลัยขนาดนั้น "........"
"ปีนี้มีแต่คนน่าสนใจ หึ"
.
.
.
.
.
.
.
.
รถสีดำกำลังแล่นอยู่บนถนนใหญ่ มุ่งหน้าไปที่แถบชานเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งขององค์กรแห่งหนึ่งของภาครัฐ ความเงียบภายในรถเกิดตั้งแต่ออกจากสนามบิน ฉันทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง แต่หางตาก็เหลือบมองทางร่างสูงข้างๆ เป็นระยะ
"ฉันก็เหมือนนาย...."
"..."
"หนึ่งในตัวแทนขององค์กรระหว่างประเทศที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมกับองค์กรแห่งนี้...." ชายร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ อาจจะเพราะเห็นสายตาที่มองไปที่เขาบ่อยครั้ง
"..."
"..."
"..."
บรรยายที่น่าอึดอัดก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ภายใต้รถที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ มันเงียบกระทั่งได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ จะมองออกไปด้านนอกก็มีเพียงป่าที่รายล้อมอยู่ ถ้าหากบอกว่าจะพาเราทั้งสองไปฆ่าทิ้งคงสามารถเชื่อได้ในทันที แถมหากโดนฆ่าจริงคงไม่สามารถหาเจอแม่แต่ศพเลยทีเดียว
รถเคลื่อนเข้าไปยังรั้วสูงสีขาว ตึกต่างๆ กระจายอยู่โดยรอบ โดยมีตึกรูปร่างครึ่งวงกลมเป็นจุดศูนย์กลาง เมื่อเดินเข้ามาภายในนั้นกว้างใหญ่มากและประตูต่างๆ แยกออกเป็นสัดส่วน เราเดินเข้ามายังประตูที่ที่ใหญ่ที่สุด เมื่อประตูเปิดออก มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งยืนรวมกันอยู่กลางห้อง ผมและร่างสูงเดินเข้าไปร่วมกลุ่มกับพวกนั้น จากที่ดูคนในกลุ่มเป็นคนจากหลายเชื้อชาติ
แอ๊ดดด!!! ตึก ตึก ตึก
เสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ชายคนเดิมที่เคยเห็นที่สนามบินเดินใกล้เข้ามายืนอยู่ตรงด้านหน้าของพวกเรา เขาไล่มองพวกเราที่ยืนเรียงกลุ่มกันอยู่แล้วยกยิ้มที่มุมปาก
"ฉันบอกก่อนนะว่าฉันไม่ยินดีที่พวกนายมาที่นี่ ฉัน 'ไซมอน' หัวหน้าหน่วยอาชญากรรมขององค์กร"
ไซมอน ชายวัยกลางคน ผิวขาว ผมทอง นัยน์ตาสีฟ้าเหมือนคนที่อยู่ในแถบยุโรป กลิ่นอายรอบแผ่รังสีกดดันคนที่อยู่โดยรอบ ถ้าจะให้พูดคนๆ เหมือนคนที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากและมีฝีมือมาเลยทีเดียว
"ตัวแทนขององค์กรระหว่างประเทศที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมกับองค์กร…..ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าทางองค์กรของเราไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนายได้ยินมา"
"..."
"แต่ในระหว่างที่อยู่ที่นี่ ฉันไม่ขอรับประกันชีวิตพวกนาย มีฝีมือก็อยู่รอด....."
"..."
"อยู่ที่นี่พวกนายจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบคดีและต้องทำให้ได้ภายในเวลาที่พวกเรากำหนด"
"..."
"การที่พวกนายถูกส่งเข้ามาอยู่ที่นี่ก็เหมือนกับการที่นายก้าวขาข้างหนึ่งออกไปนอกผาแล้ว มันก็ไม่ผิดอะไรที่องค์กรจะผลักคนที่ไร้ประโยชน์ออกไปเพื่อแย่งชิงพื้นที่ในการยืนให้มากขึ้นหรอกนะ"
ในตอนนี้พวกเราก็คือคนที่มีชะตาเดียวกัน นี่แหละคือระบบที่อยู่เบื้องหลังขององค์กรที่เบื้องหน้าคือนักบุญที่สูงศักดิ์ทำงานเพื่อการกุศล แต่เบื้องหลังกลับเน่าเฟะคล้ายกับระบบฟิวดัลในอดีต มีแต่การแสวงหาอำนาจหาผลประโยชน์
"ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับพวกผมเท่าไหร่" เสียงหนึ่งเอยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เรียกสายตาทุกคู่ที่อยู่ในห้องให้หันไปสนใจที่จุดจุดหนึ่งได้ ชายคนนั้นมีสำเนียงการพูดของเขาเหมือนคนเอเชียด้วยการพูดภาษาอังกฤษที่มีสำเนียงออกจีนเล็กน้อย แม้จะไม่เห็นใบหน้าว่าเขาแสดงสีหน้าอย่างไรแต่สายตาของเขาบ่งบอกถึงความเด็ดเดี่ยวและมั่นคง
"ว่าไงนะ….."
"ผมบอกว่ามันไม่แฟร์ คดีที่พวกคุณทำไม่ได้มาหลายปี กลับจำกัดเวลาพวกผม"
"แล้วพวกนายลองทำหรือยัง การที่พวกนายจะมาบอกว่าทำไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ลองทำดู นี่หรอตัวแทนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมกับองค์กร"
"......"
"ไม่รู้ว่าเข้ามาได้เพราะฝีมือหรือปากกันแน่" ไซมอนมาหยุดตรงหน้าและจ้องมองเข้ามาในสายตาที่ความเด็ดเดี่ยวและมั่นคงคู่นั้นไม่ลดละ ราวกับว่าใครเป็นฝ่ายที่หลบสายตาก่อนคนนั้นแพ้
"แล้วหลักฐานและการให้ปากคำของบุคคลต่างๆ พวกผมจะไปหาได้จากที่ไหน" เขาทั้งสองคนล่ะสายตาแล้วหันมามองหน้าผม
"ฝ่ายข้อมูลพวกเรารวบข้อมูลทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว ต้องการอะไรก็ไปติดต่อที่ฝ่าย หรือจะออกไปสำรวจที่เกิดเหตุข้างนอกก็ได้"
"แล้วพวกเรามีสิทธิ์ขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาให้ปากคำอีกครั้งได้ไหม" ชายที่นั่งรถมากับผมถามขึ้น
"พวกคุณยังไม่มีสิทธิ์ในการทำเรื่องขอ"
"....."
"คดีที่พวกคุณรับผิดชอบ จะวางอยู่ที่โต๊ะภายในห้องที่พวกคุณพัก คนที่พักอยู่ห้องเดียวกันเป็นกลุ่มที่ต้องคอยช่วยเหลือกันทำคดีและเมื่อทำคดีเสร็จแล้วนำผลของคดีที่ได้ใส่ไว้ในซองใส่เอกสารและใส่วางที่โต๊ะภายในห้องเหมือนเดิม"
"...."
"ไม่มีคำถามงั้นแยกย้ายกันได้ อ๋อ แล้วเรื่องหนีออกจากเกาะ เลิกคิดซะเพราะคนในองค์กรจับตาดูพวกนายอยู่ตลอดเวลา"