ช่วงเวลายามเย็นของเมืองใหญ่ในเกาะอังกฤษ ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายไม่ขาดสาย สองข้างทางเต็มไปด้วยผู้คนเดินถือร่มสวนกันไปมา ตามตรอกซอกซอยร้านค้าหลายร้านยกร่มคันใหญ่ออกมากางหน้าร้าน บางคนเข้าหลบฝนภายในร้านค้าที่เปิดให้บริการ โชคดีของเจคหรือยังไง ที่พี่ชายของเขายัดร่มใส่มือเมื่อเช้าก่อนพ้นประตูบ้าน ไม่งั้นเจคคงเดินตัวชุ่มกลับบ้านให้จูโน่บ่นเล่น
ใช้เวลาเดินไม่นานเจคก็ถึงหน้าอพาร์ตเมนต์ 2 ชั้นสีขาว เลขที่63 ในย่านใกล้ๆ มหาวิทยาลัยที่เขาเรียน ก่อนที่มือของเจคจะยื่นไปจับลูกบิดประตู ประตูก็เปิดออกก่อนด้วยฝีมือของจูโน่ เจ้าของเรือนผมสีสว่างโทนธรรมชาติ
"อ้าว เจค กลับมาแล้วหรอ"
"พี่จะไปไหนจูโน่" ร่างสูงมองพี่ชายของตนอย่างสงสัย
"พี่จะไปที่ร้านหน่ะ ป้าธาเนียโทรมาบอกว่าเจอนกบินเข้าไปในร้าน สงสัยพี่คงลืมปิดประตู"
"อืม ขับรถดีๆ นี่เดี๋ยววันนี้ไปปาร์ตี้ที่บาร์แถวสตรีทนะ น่าจะกลับสักตี 1"
"กลับมาดีๆละน้องชาย ไปนะ"
ว่าจบเจคก็แทรกตัวเข้าบ้านแล้วหันมายัดร่มใส่มือของจูโน่ เขาแล้วถอดรองเท้าบนชั้นวาง ถอดฮู้ดสีดำตัวนอกที่ใส่อยู่แล้วเดินขึ้นห้องไป ทิ้งให้จูโน่ยืนมองอยู่หน้าประตูอย่างงุนงงที่เจคยัดร่มใส่มือตน ก่อนพูดตามหลังน้องชายแล้วไปที่รถเพื่อออกไปร้านทันที
เจคขึ้นมาบนห้องนอนของเขาแล้ววางกระเป๋าบนโต๊ะหนังสือขนาดพอดีตรงข้ามเตียง ถอดถุงเท้าแล้วโยนส่งๆไปที่ตะกร้าผ้าใกล้ๆประตูห้องน้ำ ก็นะ ถึงเวลาก็ค่อยเก็บลงไปซักอยู่ดี ร่างสูงพุ่งตัวลงที่เตียงสีเทาขนาดพอดีทันที การได้เอนหลังนอนหลังจากที่นั่งสอบครึ่งค่อนวันมันช่วยให้เจครู้สึกผ่อนคลายอย่างที่สุด
เจคนอนอยู่บนเตียงนอนจนเกือบจะหลับ แต่นึกได้ว่าไม่นานเจคต้องออกไปที่บาร์ตามนัดของเพื่อน ถ้าหลับเจคพูดได้เลยว่าหลับยาวแน่นอน เพื่อฆ่าเวลาจึงได้หยิบมือถือขึ้นมาเล่น
ติ๊งง
- ข้อความจาก คนน่ารำคาญ -
[เจค นายอย่าลืมนะ เรานัดกัน1ทุ่ม ถ้ามาสายฉันจะให้นายกินทั้งขวด]
ก็ไม่รู้ว่าเขาเองคบกับหมอนี่ได้ไง อย่างน้อยก็คงเพราะชีวิตไม่เหงาละมั้งนะ ตั้งแต่ปี1จนตอนนี้ไม่มีวันไหนเลยที่เพื่อนของเขาคนนี้จะไม่พูดมาก และอยู่นิ่งๆ แต่ถึงหมอนี่จะดูเลอะเทอะ ไม่ได้สาระอะไร แต่เรื่องสมองไม่แพ้ใครเลย ต่อให้จะชอบโอดครวญทุกครัั้งที่ต้องสอบก็เถอะ เรื่องความฝันของเขานอกจากจูโน่ก็เป็นเกรย์นี่แหละที่เขาเล่าให้ฟัง นี่ก็สอบเสร็จแล้ว เขาคงมีเวลามาหาว่าสิ่งที่ฝันมันคืออะไร นับวันเขายิ่งฝันบ่อยขึ้นและแปลกชึ้น ไม่ใช่เขาป่วยหรอกใช่มั้ย ถ้าแบบนั้นคงน่ากลัวใช่เล่น
เวลาเกือบทุ่มเจคลุกขึ้นมาแต่งตัวก่อนออกจากบ้านด้วยเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนฟอกสีซีดตัวเก่ง ใบหูถูกเพิ่มด้วยต่างหูหลายขนาด ผมสีช็อกโกแลตถูกมือหนาขยี้จนพองขึ้นมาเล็กน้อย ถือว่าดูดีเลยทีเดียว ก่อนเจคเดินออกจากบ้านเขาไม่ลืมหยิบแจ็คเก็ตสีดำตัวโปรดติดมือมาด้วย เผื่ออากาศจะเย็นลง เจคเลือกที่จะไม่ขับรถไปเองเพราะที่แถวนั้นหาที่จอดรถยากยิ่งกว่าอะไร ถ้าเอารถไปไม่วายวนหาที่จอดเป็นชั่วโมงเห็นจะได้ เขาจึงใช้วิธีนั่งรถไฟฟ้าไปแทน ตอนกลับค่อยกลับกับเพื่อนแล้วกัน
ร้านค้าและสถานบันเทิงในเมืองใหญ่ในช่วงนี้ถือว่าครึกครื้นเป็นพิเศษ มีผู้คนเดินเข้าออกมากมาย ป้ายหน้าร้านเปิดไฟแสดงชื่อร้านทั้งสองข้างทาง เสียงผู้คนมากมายต่างพูดคุยกันอย่างสนุกนาน ในเวลานี้เป็นเวลาปลดปล่อยความตึงเครียดที่เจอมาตลอดทั้งวัน ไม่แปลกเลยที่บาร์แทบจะเต็มทุกร้าน
ร้านที่เจคนัดกับเพื่อนเป็นบาร์เล็กๆ ตรงมุมถนนสามแยกตรงตัวอาคารพาณิชย์ 3ชั้น ซึ่งหน้าร้านเป็นประตูเหล็กสีน้ำเงินเข้มมีสนิมเกาะช่วงล่างของบานประตูดูเก่าและลึกลับ ข้างๆประตูบานเก่ามีแผ่นไม้ขนาดกลางเขียนด้วยตัวเขียนภาษาอังกฤษแบบเก่าๆว่า 'The God bar' ด้านในเป็นบาร์เล็กๆ มีโต๊ะสำหรับลูกค้าไม่มากนัก เมื่อเทียบกับร้านอื่นๆในตรอกนี้ หน้าบาร์เครื่องดื่นสามารถนั่งได้ประมาณ 4-5 คนเท่านั้น ทุกอย่างในร้านถูกตกแต่งให้ดูเก่า ด้วยพวกเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้ ผ้าสีทึบ มีกลิ่นหอมอ่อนๆที่แทรกอยู่ทั่วร้านคงเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ มันถูกตากแห้ง ผสมกับกลิ่นแอปเปิลหอมหวาน เป็นกลิ่นที่แปลก แต่ลงตัวอย่างน่าประหลาด
"เฮ้ เจค ทางนี้"
เสียงจากมุมหนึ่งของร้านเรียกชื่อของเจคดังลั่นโดยชายหนุ่มร่างสูงแบบชาวยุโรปผมสีบลอนด์ ในโต๊ะมีเพื่อนของเขาอยู่ทั้งสิ้น แต่ละคนคงดื่มกันไปก่อนที่เขาจะมาถึงแน่นอน เพราะดูพูดคุยกันออกรสกัน โดยเฉพาะเกรย์
"โว้วๆ ดูเจคสิ วันนี้นายดูดีเกินไปมั้ย"
ปีเตอร์ เพร็ท หนุ่มผมส้มร่างกายสันทัดพูดแซวก่อนที่จะโดนเจคยกนิ้วกลางให้เป็นการทักทาย
"หยาบคายนะคุณชาย"
"หมอนี่แค่ใส่เสื้อยืดยังหล่อ น่าน้อยใจจริงๆ"
เกรย์ทำหน้าตาล้อเลียนเจค
"ใครจะเหมือนนายล่ะคุณชาย เลือกสักคนก่อนที่พวกหล่อนจะบุกมาขย้ำนายเถอะ"
"มาจริงก็ช่วยรับหน้าแทนหน่อยละกันนะที่รัก"
แล้วทั้งโต๊ะก็หัวเราะครืดกันทันที เจคไม่ยอมให้โดนแซวคนเดียวแน่นอน แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะมันคือเรื่องจริง เพื่อนเขาเพลย์บอยตัวพ่อของคณะเชียวล่ะ
.
.
เวลาจาก 1 ทุ่มล่วงเลยจนถึงเที่ยงคืน เป็นเวลาที่ร้านค้าและสถานบันเทิงต่างๆต้องปิดให้บริการตามเวลาที่ถูกกำหนด แสงไฟจากที่สาดสีแข่งกันต่างก็ค่อยๆหรี่แสงจนเกือบหมด ในคืนพระจันทร์เริ่มสาดแสงเหลืองนวลอาบทั่วแนวตึกปูน กลุ่มของเจคในตอนนี้ต่างพากันเมาจนแทบจะกองกันที่พื้นข้างล่างแล้ว เจคเองก็มึนๆได้ที่ แต่ก็ยังมีสติพอจะลากเพื่อนออกจากร้านได้ อย่างที่ว่านั่นแหละ ผู้ที่รอดชีวิตจากน้ำเมาก็คือผู้ที่ต้องส่งเพื่อนกลับ แน่นอนว่าเจคต้องเก็บเกรย์ หมอนี่หลับคาโต๊ะไปแล้ว แต่มือยังกำคอขวดแก้วสีเขียวอยู่
อะไรจะรักปานนั้นพ่อคุณ
"เกรย์ ลุกก่อน เอากุญแจรถมา"
"กางเกง"
"เฮ้อ" สุดท้ายเจคต้องถอนหายใจแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงข้างขวาเพื่อหยิบกุญแจรถ จากนั้นก็หิ้วปีกเกรย์ออกจากร้านไปพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ
ไฟนอกร้านแทบจะปิดหมด ดีที่รถไม่ได้จอดอยู่ไกล เดินไปเพียง 2 อาคารก็เจอรถยนต์สีดำจอดเลียบข้างฟุตบาทอยู่ เจคเปิดประตูแล้วยัดตัวเพื่อนของเขานั่งฝั่งขวามือข้างคนขับ ส่วนเจคเดินอ้อมทางด้านหน้าเพื่อไปฝั่งคนขับ ตอนนั้นเองที่หางตาของเจคเห็นเงาตะคุ่มอยู่ตรงตรอกแคบๆฝั่งตรงข้าม เงาสลัวดูคล้ายเงาคน ทว่าเงานั้นกลับค่อยๆย่อลงจนขนาดคล้ายสุนัขตัวใหญ่ ก่อนที่เจคจะคลายความสงสัย เงานั้นก็หายวับต่อหน้าต่อตาเขาไปแล้ว ไฟในตรอกนั้นก็สว่างวาบขึ้นราวกับใครเปิดสวิตช์
"เมื่อกี้มันอะไร.."
จู่ๆก็มีลมพัดมาหอบหนึ่งพัดเอาละอองฝนกระเซ็นมาโดนเจค ดีที่เจคใช้แขนยกขึ้นมาบังหน้าเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงโดนหน้า
มันหายไปแล้ว เงานั่น....มันคืออะไรกัน
เมื่อลมหยุด ความเงียบก็โรยตัวลง เสียงมือถือจากกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น จนเจคสะดุ้ง เสียงนั้นดึงให้เจคเลิกสนใจเหตุการณ์เมื่อครู่ และคนที่โทรเข้ามาคงเป็นจูโน่แน่ๆ
"ไง"
" เจคเมื่อไหร่จะกลับ"
น้ำเสียงของจูโน่ดูกังวลที่เจคยังไม่กลับ อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกมั้ง พี่ชายเขาเป็นห่วงเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเจคเลยตอบกลับพร้อมสตาร์ทรถเพื่อนไปส่งเกรย์ที่อยู่ไม่ไกลจากเขานัก
"จะกลับแล้ว เดี๋ยวไปส่งเกรย์ก่อน หรือจะมารับที่บ้านเกรย์ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเอารถไปส่ง"
"ได้เจค พวกนายรีบกลับมากันได้แล้ว"
"อืม เจอกัน"
เจควางสายแล้วออกรถทันที โชคดีที่มันดึกแล้วทำให้รถไม่เยอะ ถนนโล่ง ทำให้ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านของคนที่หลับคอพับอยู่ข้างๆ ข้างหน้ามีรถยนต์ยุโรปสีดำเงาจอดอยู่ไม่ไกล ใช่ นั่นรถจูโน่ เจคนำรถเข้ามาจอดตรงที่จอดรถหน้ารั้วบ้าน ร่างสูงหิ้วปีกเพื่อนเข้าที่พักอย่างทุลักทุเล ไม่นานเขาเดินกลับออกมาเพื่อกลับบ้านกับพี่ชายที่จอดคอยท่าอยู่ เจคเข้ามาในรถแล้วจึงได้เอ่ยปากกับจูโน่
"จริงๆพี่นอนก่อนก็ได้นะจูโน่ พี่ต้องตื่นเช้านี่"
"นอนดึกสักวันเถอะน่า ไหนๆก็ยังไม่นอนเลยมารับ"
รถคันหรูจึงได้ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย เจคเองก็กลัวพี่ชายง่วงจึงพยายามชวนคุยต่อเรื่อยๆจนถึงบ้านของพวกเขา
เจคกำลังนึกถึงเรื่องที่เจอตอนออกจากบาร์ แต่ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับจูโน่ เจคคิดว่าตัวเองคงมึนจากแอลกอฮอล์ที่กินเข้าไปถึงได้มองอะไรผิดแปลกไป จังหวะที่เจคกำลังจะก้าวขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องของเขา เสียงเรียกของจูโน่ก็ดังขึ้น
"เจค ช่วงนี้ยังฝันแปลกๆอยู่รึเปล่า"
ทำไมจู่ๆจูโน่ถึงได้ถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ อย่างกับพี่ชายเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่นานนี้
"อืม ก็เป็นเหมือนเดิม พี่ก็คิดว่ามันแปลกใช่มั้ย มันรำคาญใจนะจูโน่"
"ใช่เจค วันนี้พี่ออกไปดูที่ร้าน มีนกเข้ามาจริงๆ แต่.....เป็นอีกานะเจค"
อีกาหรอ?
"แล้วมันเกี่ยวกับที่ฝันยังไง"
จูโน่ขมวดคิ้วอย่าคนคิดมาก ซึ่งไม่บ่อยเลยที่พี่ชายคนที่ร่าเริ่งของเขาจะเป็นแบบนี้ แสดงว่าจูโน่คงต้องมีเรื่องเครียดอยู่ในหัวอย่างไม่ต้องสงสัย
"เฮ้อ พี่ไม่รู้เหมือนกันเจค เห็นมันมีกระดาษเล็กๆตกอยู่ พอเปิดดู ข้างในมันก็มีคำว่า Dream พี่ก็นึกถึงนาย เพราะนายบอกว่าฝันอะไรซ้ำๆนั่นบ่อย เจคหรือว่าพี่คิดมากไป"
"ไม่รู้สิจูโน่ เพราะมันก็แปลกที่ผมฝันแต่เรื่องนี้แล้ว ยังมีอะไรที่ปกติอยู่งั้นหรอ"
"แล้วมันมีอะไรเพิ่มมั้ย ที่นายฝัน อะไรที่แปลกไป"
"จะมีมั้ย มันก็มี แต่ผมยังวนอยู่แต่ในป่านั่นตลอด แต่สถานที่ในฝันมันเปลี่ยนจุดไป บางทีก็บนทางเดิน บางทีก็ตรงหญ้าสูง บนหน้าผา แต่ก็ยังเป็นป่าเดิมจู่โน่"
"นายไม่คิดจะลองหาสาเหตุบ้างหรอเจค"
จูโน่มองหน้าเจคอย่างนิ่งงัน สีหน้าราบเรียบที่เป็นครั้งแรกที่เจคได้เห็น
"มันก็ต้องหาสิ ผมเบื่อที่จะต้องวนเวียนอยู่กับฝันนี่แล้ว"
"เจค เมื่อถึงเวลา นายจะต้องได้รู้มัน "
คำพูดของจูโน่เมื่อครู่ทำให้เจคนึกว่าคำพูดในฝันที่ได้ยินมันบ่อยๆ หรือว่ามันจะถึงเวลาที่เขาต้องสืบหาสาเหตุจริงๆเสียที
"อืม ผมไปนอนแล้ว พี่ก็ขึ้นมานอนด้วยล่ะจูโน่ บาย"
"เดี๋ยวปิดไฟ แล้วขึ้นไปพร้อมกันเลย พี่กลัวผี"
"แก่แล้วนะจูโน่ เลอะเทอะ"
"ให้ตายสิเจค ฉันพี่นายนะ!"
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเย็นของวัน หลังจากที่จูโน่ได้รับโทรศัพท์จากป้าธาเนียว่ามีนกบินเข้ามาในร้านก็รีบออกจากบ้านตรงมาร้านทันที เขาแน่ใจแล้วว่าก่อนออกมาเขาปิดประตูจนหมดแล้ว จะมีนกที่ไหนบินเข้าไปได้ แต่ในเมื่อป้าธาเนียบอกอย่างนั้นนี้ก็คงต้องออกไปดู
ย่านการค้าในถนน oxford street ในช่วงเวลาห้าโมงเย็นเริ่มครึกครื้นเป็นพิเศษ แสงไฟสีนวลถูกเปิดเชื้อเชิญลูกค้าให้เข้ามาในร้าน กลิ่นหอมของเบเกอรี่ลอยมาตามลมดึงดูดคนรักขนมปังให้หันมอง ร้านค้าส่วนใหญ่ในช่วงเวลานี้เป็นร้านอาหาร และร้านหนังสือ ร้านเสื้อผ้าช็อปปิ้งโดยทั่วไปปิดในช่วงเวลาสี่โมงเย็น ร้านของจูโน่เองก็เช่นกัน
ถนนแหล่งการค้าเต็มไปด้วยตรอกซอยหลายสาย แต่ละตรอกขายของแตกต่างกันไป ในตรอกเล็กๆใกล้ถนนอีกฝั่งของย่านการค้าหลัก ตรอกนี้ส่วนใหญ่เปิดเป็นร้านขายหนังสือและอุปกรณ์งานศิลปะทั้งสิ้น มีเพียงร้านตรงกลางที่เปิดขายต่างจากร้านอื่น ร้านขายพันธุ์ไม้ขนาดเล็กและดอกไม้สด กรอบประตูไม้สีเขียวขี้ม้าโดดเด่นท่ามกลางประตูสีน้ำตาลตลอดแนวฝั่งร้านค้า กั้นกรอบหน้าต่างกระจกบานใสที่มองเข้ามาด้านในให้เห็นชั้นแจกันประดับด้านหลัง ม่านสีขาวโปร่งในเวลานี้ถูกกางออกมาเพื่อปิดให้ผู้คนมองเห็นภายในร้าน หน้าร้านชั้นวางกระถางดอกไม้เตี้ยๆสองฝั่งของทางเข้า และร่มผ้าใบคันใหญ่สำหรับบังแดดและฝน
รถยยนต์ของจูโน่แล่นเข้ามาจอดที่หน้าร้านที่ตอนนี้เปิดเพียงไฟดวงเล็กๆไว้เท่านั้น เมื่อชายหนุ่มก้าวลงจากรถ หญิงวัยกลางคนผมสีน้ำตาลอ่อนตัดสั้น และสวมโค้ชสีเบจก็ก้าวเข้ามาหาจูโน่ เธอคือป้าธาเนีย เจ้าของร้านขายหนังสือเก่าแก่ในย่านนี้ ซึ่งร้านของเธออยู่ติดกันกับร้านของจูโน่
"โอ้ มาพอดีที่รัก เข้าไปดูในร้านเถอะ"
"ผมแน่ใจว่าก่อนออกไป ปิดประตูแล้วแท้ๆ ทำไมมันมีนกนะ" จูโน่ยังยืนกรานกับหญิงสูงวัยอย่างหนักแน่นว่าตนเช็กแล้ว
"ฉันเห็นมันบินผ่านหน้าประตูอยู่ข้างในจริงๆนะที่รัก" เธอพูดอย่างหนักแน่นเช่นกัน เมื่อช่วงเย็นธาเนียเดินไปทิ้งขยะในบริเวณใกล้ๆ เสียงพรึบพับดังออกจากร้านดอกไม้ของหนุ่มน้อยตรงหน้า ทำให้เธอหันไปมอง หญิงสูงวัยจึงพบว่ามีนกตัวใหญ่บินอยู่ เธอจึงไม่รีรอที่จะโทรบอกเจ้าของร้านให้มาดู
"ถ้าอย่างนั้นผมขอเข้าไปดูข้างในก่อนนะครับ ขอบคุณที่โทรบอกนะครับธาเนีย"
"ไปเถอะจ้ะ"
แม่กุญแจดอกเล็กถูกเสียบเข้าไปกับช่องไข ประตูกรอบไม้สีเขียวขี้ม้าด้านบนเป็นกระจกใสถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเจ้าของร้าน เขาเอื้อมมือไปที่สวิตช์ไฟ กดมันเบาๆ แสงสีขาวนวลก็สว่างวาบทันที ทว่ายังไม่ทันที่จูโน่จะได้ก้าวเข้าไปสำรวจร้าน เสียงพรึบพับก็ดังขึ้น ก่อนที่ต้นตอของเสียงจะพุ่งออกมาจากมุมหนึ่งของร้านอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีแดงฉานเป็นสิ่งเดียวที่จูโน่จำได้ ก่อนที่เขาจะต้องรีบเบี่ยงตัวหลบอีกาตัวใหญ่ที่โฉบออกไปทางประตูร้าน
"เข้ามาได้ไงกัน"
ก่อนจะก้าวเข้าไปสำรวจในร้านสายตาของจูโน่ถูกดึงไว้ที่แผ่นกระดาษสีเหลืองหม่นบนพื้น หน้าโต๊ะจัดดอกไม้ ร่างโปร่งย่อตัวลงไปหยิบเจ้ากระดาษใบเล็กนั่นขึ้นมา มันถูกพับอย่างลวกๆดูไม่ตั้งใจ จูโน่ใช้มือค่อยๆกางมันออกอย่างใจจด เข้าไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนี้คือออะไร ทำไมมันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้
หรืออีกาตัวนั้น
"Dream?"
ข้อความบนกระดาษทำเอาเขางุนงง ความฝันอย่างงั้นหรอ มันหมายถึงอะไรกัน ทำไมจู่ๆมันถึงมาอยู่ที่ร้านของเขา ความประหลาดใจทำให้จูโน่คิดหาเหตุผลมากมาย ใบหน้าอ่อนเยาว์ กำลังฉายความเครียดขึ้นจนคิ้วขมวดจนเป็นปม
ความฝัน เจคหรอ คนที่มีปัญหากับความฝันมีเพียงน้องชายของเขา แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจนี่สิ หากเกี่ยวข้องจริง จูโน่คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างที่คิดแล้ว