Episode 08 ใจอ่อน
หลังจากทานมื้อเช้าที่ห้องทำงานรามิลเสร็จแล้วอลิชาก็ขอตัวแยกมาทำงานที่แผนกตัวเองตามเวลางานเพื่อไม่ให้เกิดคำครหาเสียๆ หายๆ ไปถึงรามิลได้ เดิมทีการเข้ามาทำงานที่นี่เธอก็ใช้เส้นสายเข้ามาจริงๆ จึงไม่อยากทำตัวแปลกแยกไปมากกว่านี้เธอพยายามทำตามกฎของบริษัทอย่างเคร่งครัด
ที่สำคัญเธอเองก็ตั้งใตเรียนรู้หาประสบการณ์จากการทำงานในครั้งนี้มากๆ เพราะถึงแผนกของเธอจะมีคนน้อย และทีมของเธอก็มีเพียงแค่ห้าที่รวมตัวเธอ แต่ทุกคนกลับมีความสามรถและทุ่มเทในการทำงานกันทุกคนจึงทำให้เธอมีความ และสนุกที่จะได้เรียนรู้ไปในตัว
"นี้เมื่อวานเห็นหนีไปกินชาบูกับพี่ชินไม่ชวนเลย" ฟ้าใสที่เห็นอลิชาโพสต์รูปที่ไปเธอไปทานชาบูมาเมื่อวานเอ่ยขึ้นขณะกำลังเตรียมอุปกรณ์สำหรับวิจัยกลิ่นน้ำหอม
"อ๋อ ไปได้แอบนะบังเอิญเจอพี่ชินเมื่อวานเลยได้มีโอกาสไปด้วยกัน"
"งั้นวันนี้ไปกินกันอีกไหม"
"ชาบูเหรอ"
"อือ หรือลิชาอยากกินอะไรปิ้งย่างไหม" เพราะรุ่นราวไล่เลี่ยกันจึงสนิทสนมกันง่ายสรรพนามที่ใช้พูดคุยจึงเปลี่ยนไปอย่างเป็นธรรมชาติ
"ฉันกินอะไรก็ได้ แต่ว่ายังรับปากไม่ได้นะว่าจะไปได้ไหมต้องบอกพี่รามก่อน"
"พี่ราม อ๋อ…ท่านประธาน"
"อือ เมื่อวานแอบโดนดุนิดหน่อยที่ไปไม่ได้บอก"
"พวกเธออยู่บ้านเดียวกันเหรอ เมื่อเช้าก็เห็นนั่งรถมาด้วยกัน"
"ก็ไม่เชิงน่ะ" อลิชาตอบแบบขอไปทีเธอไม่อยากลงรายละเอียดเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่นัก
"โอเคๆ งั้นเดี๋ยวค่อยว่ากัน" ฟ้าใสพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะเริ่มทำงานกันต่อจนกระทั่งถึงเวลาพักเที่ยง
"ลิชาไปกินข้าวเที่ยงกัน"
"ไปกันก่อนเลยว่าจะแวะไปหาพี่รามน่ะ ขอไปเที่ยวตอนเย็น" อลิชาบอกปัดคำชวนของฟ้าใสด้วยความเสียดาย
"โอเคๆ ไว้เจอกัน"
อลิชาแยกกับฟ้าใสและคนอื่นๆ ขึ้นลิฟต์มายังชั้นบนสุด เธอมองหน้าพนักงานประชาสัมพันธ์ที่เคยเจอเมื่อวานก่อนพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ไปให้ก่อนจะเดินตามนาวาเข้าไปที่ห้องทำงานของรามิล เพราะระหว่างที่กำลังขึ้นลิฟต์มาเธอได้โทรบอกนาวาเอาไว้ก่อนแล้ว
อลิชามองอาหารที่เตรียมเอาไว้บนโต๊ะทำงานของรามิลโดยมีรามิลนั่งประจำตำแหน่งอยู่ด้วยความแปลกใจที่อาหารบนโต๊ะค่อนข้างเยอะ
"มีอะไรรึเปล่า"
"อ๋อ หนูมีเรื่องจะมาคุยกับพี่รามค่ะ" น้ำเสียงทักของรามิลทำให้อลิชารู้สึกตัวละสายตาจากอาหารไปตอบคำถามเขา
"นั่งกินข้าวก่อนสิแล้วค่อยพูด"
"ให้หนูกินด้วยเหรอคะ"
"อืม"
"ไม่ใช่ว่าพี่รามอยากกินคนเดียวเหรอ" อลิชาถามด้วยความสงสัย เพราะหลังๆ เขาไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับใครรวมถึงตัวเธอด้วย
"พี่สั่งอาหารมาเยอะเกินน่ะ รีบกินเถอะเดี๋ยวเย็นหมด"
"ขอบคุณค่ะ" อลิชานั่งลงฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานของเขาพร้อมกับเปิดกล่องข้าวตรงหน้าเพื่อเริ่มทาน "อ๋อ ลืมเลยว่ามีเรื่องจะมาบอกพี่ราม" เธอตักข้าวทานไปได้สองสามคำก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเรื่องที่ตั้งใจมาคุยกับเขาเสียสนิท
"ค่อยๆ กิน มีเวลาพูดอีกตั้งเยอะ"
"ไม่ได้ค่ะเดี๋ยวหนูลืมอีก แค่กๆๆ!" รามิลเตือนไม่ทันขาดคำคนตัวเล็กก็สำลักน้ำตามในทันที
ด้วยความตกใจ และเป็นห่วงทำให้รามิลลุกขึ้นจากเก้าอี้ยื่นมือไปตรงหน้าด้วยความร้อนรนทำให้มือที่ยื่นไปโดยไม่รู้ทิศทางสัมผัสเข้ากับเรือนแก้มใส จากนั้นเขาจึงพยายามคล่ำต่อไปโดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
"เป็นอะไรไหม"
"อะ…เออ ไม่เป็นแล้วค่ะสงสัยรีบกลืนน้ำไปหน่อยเลยสำลัก" อลิชาตอบกลับประโยคคำถามที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของรามิลด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
บางทีเธอก็แอบคิดว่าโชคดีเหมือนกันที่เขามองไม่เห็นจะได้ไม่เห็นสีหน้าของเธอตอนนี้คงจะแดงก่ำเป็นลูกตำลึงแล้ว
"พี่บอกว่าค่อยๆ กินไง"
"ขอโทษค่ะ จะไม่รีบกินแล้ว" อลิชาบอกพร้อมกับจับมือรามิลออกจากหน้าของตัวเอง ส่วนเธอก็ลุกขึ้นยืนเพื่อประคองมือเขากลับไปไว้ที่เดิมจะได้ไม่ชนอาหารบนโต๊ะ รามิลเองเพราะรีบลุกเกินไปในตอนแรกทำให้ตำแหน่งเก่าอี้ทำงานไหลไปทางด้านหลังจนควานหาเก้าอี้นั่งไม่เจอ "พี่รามอยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ เก้าอี้มันไหลไปเดี๋ยวหนูไปเอามาให้" อลิชาบอกให้เขายืนอยู่กับที่ก่อนจะรีบวิ่งอ้อมไปทางด้านหลังไปดันเก้าอี้กลับมาให้เขาพร้อมกับประคองเขานั่งลงช้าๆ ก่อนไปก็ไม่ลืมจัดตำแหน่งช้อนส้อมเอาไว้ที่เดิม
"แล้วเรามีเรื่องอะไรจะบอกพี่สำคัญมากเลยเหรอ"
"ก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอกค่ะ พอดีว่าเย็นนี้หนูขอพี่รามไปกินปิ้งย่างกับเพื่อนที่แผนกได้ไหมคะ"
"กับคนที่มาส่งเมื่อวานเหรอ"
"ก็ใช่ค่ะ แต่ว่าไม่ได้ไปกับพี่ชินสองคนนะคะคนอื่นก็ไปด้วยอาจจะกลับดึกหน่อยเลยมาขอพี่รามก่อน"
"อืม เข้าใจแล้ว" รามิลตอบกลับสั้นๆ ทำให้อลิชาไม่แน่ใจว่าคำว่าเข้าใจแล้วของเขาหมายความว่าอนุญาตให้เธอไปหรือไม่
"หนูไปได้ใช่ไหมคะ" อลิชาเอ่ยถามอีกครั้ง แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาเต็มเสียงเท่าไหร่นัก
"อย่ากลับดึกมากนะ" รามิลตอบกลับเสียงเรียบ
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานเมื่อได้รับอนุญาตจากเขา เธอก้มหน้าทานข้าวต่อเงียบๆ พรางเหลือบมองรามิลที่ทานอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นระยะ
ใบหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากนักถึงแม้อายุจะใกล้เลขสามเข้ามาทุกที แต่หน้าตาของเขาก็ยังดูมีเสน่ห์ไม่เปลี่ยนน่าเสียดายที่เธอไม่ได้มองเห็นแววตาที่มีเสน่ห์ของเขาด้วย
"เออพี่รามคะ" อลิชาที่จู่ๆ ก็อยากถามคำถามที่ไม่ควรถามทำให้เธอลังเลว่าจะพูดมันออกไปดีไหม
"มีอะไรเหรอ"
"เออ…เรื่องเปลี่นนกระจกตายังไม่มีคนบริจาคเข้ามาอีกเหรอคะ"
"…"
"ถะ…ถ้าไม่อยากตอบไม่ต้องตอบก็ได้นะคะ หนูถามไม่คิดเองพี่รามอย่าเก็บไปใส่ใจเลยค่ะ"
"ทำไมถึงถามละ"
"มะ…ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"
"เพราะว่าพี่ต้องแต่งงานกับเราเหรอเลยอยากให้พี่ผ่าตัดไว้ๆ"
"ทำไมพี่รามถึงคิดแบบนั้นอยู่เรื่อยเลยคะ ทำไมไม่คิดว่าหนูเป็นห่วงพี่รามบ้าง"
"ไม่ต้องเป็นห่วงพี่ พี่ดูแลตัวเองได้"
…แต่ก็ได้แค่ดูแลตัวเอง
รามิลคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมาให้คนตัวเล็กได้ยินถึงถ้อยคำตัดพ้อที่เขาใช้เตือนตัวเองอยู่เสมอเวลาที่หวั่นไหวกับเธอ
"หนูผิดเองที่พูดถึงเรื่องนี้ จริงๆ แล้วหนูไม่ควรพูดถึง แต่หนูแค่อยากให้พี่รามกลับมามองเห็นอีกครั้งมองให้ชัดว่าตอนนี้หนูมองพี่รามด้วยสายตาแบบไหน หรือต่อให้พี่รามจะกลับมามองเห็นไม่ได้อีกหนูก็ขอแค่ให้พี่รามมองหนูด้วยใจดูสักครั้ง เรื่องงานแต่งงานของเราหนูเป็นคนเต็มใจที่จะแต่งเองไม่มีใครบังคับหนูทั้งนั้น" อลิชาพยายามอธิบายอย่างใจเย็น ก่อนจะตักอาหารให้กล่องข้าวตัวเองไปให้รามิล "กินข้าวต่อเถอะค่ะ"
เพราะไม่อยากให้จบลงด้วยการทะเลาะกันเหมือนที่ผ่านมาอลิชาจึงเลือกที่จะคลี่คลายบรรยากาศด้วยการทำตัวให้เป็นปกติราวกับไม่เคยคุยเรื่องดวงตาของเขามาก่อน
"จำได้ไหมว่าตอนเด็กๆ เราเคยบอกกับพี่ว่าอะไร"
"หนูบอกพี่รามเป็นร้อยประโยคได้มั้งคะ หนูจะไปรู้เหรอว่าพี่รามหมายถึงตอนไหน"
"เราเคยบอกกับพี่ว่าอยากใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ เหมือนกับเจ้าหญิงในนิทานที่พี่อ่านให้ฟัง อยากมีเจ้าบ่าวหล่อๆ เหมือนกับเจ้าชายที่แสนดี อยากเดินคล้องแขนขึ้นไปบนเวทีทะเลดอกไม้พร้อมกัน แต่ตอนนี้พี่พาเราเดินไปบนเวทีทะเลดอกไม้ไม่ได้แล้ว"
"พี่รามไม่ได้ขาพิการสักหน่อยทำไมจะเดินไม่ได้"
"พี่…"
"ถึงหนูจะจำเรื่องราวที่พี่รามเล่ามาไม่ได้ แต่เมื่อก่อนพี่รามเคยใช้ดวงตาคู่นี้มองดูอันตรายรอบๆ ตัวปกป้องหนูอยู่ตลอดเวลา ถ้าเกิดเราสองคนจะแต่งงานกันจริงๆ หนูก็ยินดี และเต็มใจมากๆ ที่วันนี้จะได้เป็นฝ่ายปกป้องพี่รามบ้าง พี่รามแค่เดินข้างๆ หนูขึ้นไปบนเวทีทะเลดอกไม้ก็พอ"
น้ำเสียงเล็กเงียบหายไปถูกแทนที่ด้วยเสียงฝีเท้าเล็กๆ ที่เดินอ้อมมาทางเขาพร้อมกับไออุ่นจากฝ่ามือเล็กๆ ที่ดึงมือเขามาจับเอาไว้
"หนูจะคอยเป็นตาคอยมองทิศทางให้พี่ราม ส่วนพี่รามก็ใช้มือทั้งสองข้างประคองหนูไว้ไม่ให้ล้มได้ไหมคะ"
ถ้าการเหตุผลที่เขาไม่ต้องการแต่งงานกับเธอเป็นเพราะเรื่องนี้ เธอก็จะแสดงให้เขาได้เห็นว่ามันไม่ใช่อุปสรรคใดๆ ระหว่างเขากับเธอเลย