Chereads / A Perfect System for a Perfectionist in the Post-Apocalypse World / Chapter 60 - ปาร์ตีมิชชัน (2)

Chapter 60 - ปาร์ตีมิชชัน (2)

มายาเติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ จากเด็กมัธยมต้นผู้ติดนิสัยแปลก ๆ จากการอ่านมังงะ ดูอนิเมะและเล่นเกมแนวซามูไรมากเกินไป ตอนนี้เธอกลายเป็นหญิงสาววัยยี่สิบผู้มีสกิลสายต่อสู้อย่างเพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็น 'เคนโด' และ 'เฟนซิง' สกิลสายดาบที่น่าจะมีมาตั้งแต่แรกแต่ดันเพิ่งมี 'ซอร์ดมาสเตอรี' ที่ยิ่งช่วยเสริมการใช้ดาบให้มีประสิทธิภาพขึ้นไปอีกและสกิลโจมตี 'ลาสต์เบลด'

"เจ้าพวกซากเน่าที่น่าสงสารเอ่ย ข้าผู้นี้จะปลดปล่อยพวกเจ้าจากความทุกข์ทรมานเอง จงลิ้มรสพลังของจอมดาบที่แท้จริงเถิด"

รู้สึกอยากเอาคำชมที่บอกว่าโตขึ้นเมื่อครู่กลับคืน มายาโตขึ้นแต่ตัว นิสัยจูนิเบียวของเธอไม่ได้หายไปเลยสักนิด ดีไม่ดีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

หลายชั่วโมงต่อมา…

[มิชชัน: ฝูงซอมบีบุก (1/1)]

[คุณทำมิชชันสำเร็จ]

[คุณได้รับ 25000 คะแนน]

[ระบบกำลังสุ่มไอเท็มระดับ MR (มิทธิคอลแรร์)...]

"ไม่อยากเชื่อเลย พวกเรารอดมาได้ยังไงเนี่ย"

เบนจามินขยี้ตา เขามองไปรอบ ๆ พื้นที่ทั้งลานกว้างเต็มไปด้วยซากศพซอมบี ทั้งตัวที่ถูกเล่นงานจนหมดสภาพไปโดยสมบูรณ์หรือตัวที่ยังขยับได้แค่เพียงเล็กน้อย แต่ไม่มีตัวไหนสามารถลุกขึ้นมาโจมตีใครได้อีก

"โชคดีที่ไม่ต้องใช้มัน" หนุ่มกล้ามใหญ่พึมพำพร้อมกับมองปืนพกที่ถืออยู่ในมือ เบนจามินเหลือกระสุนไว้หนึ่งนัดสำหรับตัวเขาเอง ถ้าซอมบียังเพิ่มขึ้นอีกนิดเขาอาจจำเป็นต้องใช้มัน

"ถ้าไม่ฝืนสู้แต่เลือกหนีคงไม่ลำบากขนาดนี้" จิมมีพูดจบก็หันไปมองทางเจนนา

เจนนา จิมมี และเบนจามินต่างก็คิดตรงกัน ทั้งสามเลือกติดตามผมมาที่ซานเชวิลล์เพราะเชื่อว่าการอยู่ใกล้กับคนที่มี 'พลังของระบบ' จะช่วยให้ชีวิตปลอดภัยขึ้น แต่เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้พวกเขาต้องพิจารณาใหม่ว่ามันเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามหรือไม่

ผมไม่โทษหากพวกเขาจะขอออกจากกลุ่ม ผมรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้เสี่ยงแค่ไหนแต่ก็ยังฝืนสู้ แม้พวกเราจะชนะโดยที่ไม่มีมนุษย์จริง ๆ ตายเลยแม้แต่คนเดียว แต่ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเรื่องของโชค ศึกครั้งนี้ผมเสียคาแรคเตอร์ไปเกือบครึ่ง นอกจากนั้นพวกเราก็ใช้อาวุธไปจนเกือบเกลี้ยง

แอนอ่านสีหน้าของพวกเจนนาออก แต่เธอไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมทั้งสาม จนถึงเมื่อครู่ทั้งสามก็ยังไม่เห็นหน้าต่างแสดงผลของระบบ บางทีต่อให้อยู่กับผมและแคทนานกว่านี้พลังของพวกเขาก็คงไม่ตื่นขึ้นมา

รู้ทั้งรู้ว่ารั้งไว้ไม่ได้และไม่ควรพยายาม แต่พอแน่ใจว่าพวกเขาจะไปก็รู้สึกใจหาย

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมแทบไม่รู้จักทั้งสามเลย ยิ่งเปรียบเทียบกับพวกคาแรคเตอร์แล้ว พวกนั้นผมยังรู้ที่มาที่ไปและนิสัยใจคอละเอียดกว่า

คุณเจนนา… ผมรู้แค่ว่าเธอเคยทำงานอยู่ที่เดียวกับแอน เธอเป็นคนช่างสังเกตและมักจะรู้ทุกอย่างก่อนคนอื่นแต่กลับไม่ค่อยพูด

แอนเล่าให้ผมฟังภายหลังว่าครอบครัวของคุณเจนนาเคยเปิดร้านเบเกอรีซึ่งตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งที่เป็นร้านที่ดีและผู้คนในละแวกนั้นชื่นชอบมากแต่มันกลับทำกำไรไม่ได้มาก พอวันที่เศรษฐกิจถดถอย พ่อของเธอตัดสินใจขายร้านทิ้งซึ่งทำให้เธอทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรง

คุณเจนนาพยายามอย่างมากเพื่อเก็บเงินกลับไปซื้อร้านคืน เธอเป็นคนเก็บเงินเก่งเพียงแค่ไม่กี่ปีก็สามารถเก็บเงินได้เพียงพอที่จะซื้อร้านคืนได้ แต่น่าเสียดายความฝันที่เหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็จะถึงไม่มีวันเป็นจริง เธอถูกส่งมาที่โลกที่ล่มสลายไปแล้วอย่างที่นี่

ผมรู้สึกอยากทำอะไรเพื่อเธอได้มากกว่านี้ น่าเสียดายที่กว่าจะรู้จักกัน มันก็สายไปเสียแล้ว

จิมมี… ผมรู้จักเขาแค่ในฐานะแฟนคลับเดนตายของแอน เพราะเป็นคนพูดน้อย ชอบยืนอยู่ข้างหลังคนอื่นจนเหมือนเป็นตัวประกอบ บางครั้งผมก็เกือบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไม่ใช่คาแรคเตอร์ที่ผมเรียกออกมา

แอนบอกว่าจิมมีอยากตามแอนมาตั้งแต่ตอนที่เธอตามผมไปครั้งแรกเพราะความเป็นห่วงและไม่ไว้ใจผม เขาลังเลอยู่นานว่าควรจะเลือกไปกับคุณเจนนาหรือตามเรามา สุดท้ายเขาเลือกช่วยเหลือกลุ่มเก่าเพียงเพราะเชื่อว่ามันจะยิ่งทำให้แอนไม่สบายใจหากเกิดอะไรขึ้นกับทุกคน

ไม่น่าเชื่อว่าจิมมีคนนั้นจะใส่ใจคนอื่นมากขนาดนี้ บางทีถ้าผมใส่ใจเขาได้สักครึ่งหนึ่งของที่เขาใส่ใจทุกคน เราสองคนอาจกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

คนสุดท้ายที่ไม่อยากเชื่อว่าทำให้ผมรู้สึกใจหายคือเบนจามิน เจ้ากล้ามจอมอวดเบ่งที่คอยหาเรื่องขัดคอผมทุกเรื่อง เคยคิดว่าถ้าไม่มีหมอนี่สักคน บรรยากาศในกลุ่มคงดีขึ้น

ไม่สิ มันคงจะดีขึ้นจริง ๆ นั่นแหละ แต่อย่างน้อยเพราะการคอยจับผิดของหมอนี่ มันทำให้ผมไม่ปล่อยปละละเลยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เบนจามินคอยย้ำอยู่เสมอให้ผมอย่าเอาแต่พึ่งพลังที่มาจากระบบ

เขาคิดอยู่เสมอว่าพลังจากระบบอาจไม่ถาวร ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งมันอาจหายไปดื้อ ๆ เหมือนกับตอนที่พลังปรากฏขึ้นมา เขาจึงพยายามอย่างมากเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะปลอดภัยหากวันนั้นมาถึง

ผมเคยเห็นเขาง่วนอยู่กับงานหลาย ๆ อย่างที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายโดยขอให้คาแรคเตอร์จัดการให้แทน บางครั้งเขาประดิษฐ์อาวุธใช้เอง บางครั้งเขาซ่อมแซมข้าวของในฐานทัพ บางครั้งก็พยายามทำอาหารทั้งที่ไร้ฝีมือ ทุกอย่างเกิดขึ้นมาจากแนวคิดที่ว่า เขาต้องการให้แน่ใจว่าต่อให้ไม่มีพลังของผม ทุกคนก็ยังอยู่ต่อได้

รู้สึกย้อนแย้งเล็กน้อยเพราะส่วนหนึ่งที่ทั้งสามคนมาอยู่กับผมเพราะพวกเขาคิดว่าอาจจะกลายเป็นแบบแอน แต่หมอนี่มีความขัดแย้งในตัวเองอยู่เสมอ ปากบอกว่าไม่เคยไว้ใจผม แต่หลายครั้งหลายหนก็ดูเป็นห่วงเวลาผมทำเรื่องเสี่ยงตาย

ยิ่งนึกถึงพวกเขาแต่ละคนผมก็ยิ่งเสียดาย ถ้าสามารถย้อนกลับไปได้ ผมอยากจะมีเวลารู้จักกับพวกเขาทุกคนมากกว่านี้ แต่อย่างที่เคยเกริ่นไปแล้ว กว่าจะคิดได้มันก็สายไปแล้ว

ยังไม่ทันจัดการเกี่ยวกับเรื่องของพวกคุณเจนนา ยังไม่มีโอกาสได้บอกลาทั้งสามเป็นครั้งสุดท้าย แคทก็ปรี่เข้ามาแทรกโดยไม่ได้ดูบรรยากาศ

"ได้อะไรมา"

"เอาไว้ทีหลังได้ไหม ไม่เห็นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น"

"เฮอะ! ก็แค่มีคนถอดใจอยากถอนตัว เรื่องแบบนั้นช่างมันเถอะน่า เวลาแบบนี้มันต้องเอาไอเท็มมาแลกกันดูไม่ใช่เรอะ"

ผมมองแหวนที่มือของแคท แหวนวงนี้คือไอเท็มระดับมิทธิคอลแรร์

Related Books

Popular novel hashtag