Chereads / #OPPSTE (ออพ-โพ-สิท) / Chapter 13 - Chapter 12 : ซ่อนกลิ่น

Chapter 13 - Chapter 12 : ซ่อนกลิ่น

จูลนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอยังมีเฝือกที่ขาซ้ายทั้งขา แขนซ้ายทั้งแขน และยังมีเฝือกที่ข้อเท้าขวา รวมถึงปลอกเฝือกอ่อนที่ช่วยดามคอไว้ เหลือเพียงแขนขวาเท่านั้นที่ยังพอใช้ได้ปกติดี . . . และถึงจะเป็นห้องเตียงรวม แต่ตอนนี้ก็มีแค่เธอคนเดียวในห้อง

พยาบาล : " ตื่นแล้วหรอคะ แฟนคุณเพิ่งออกไปเมื่อกี้เอง . . . คุณหมอมาแจ้งรึยังเอ่ย อีก 2-3 วัน ก็เอาเฝือกออกแล้วกลับบ้านได้แล้วนะ แต่ต้องหมั่นมาทำกายภาพด้วย "

จูล : " อ่อ ค่ะ "

พยาบาล : " ปาฏิหาริย์มากเลยนะคะ เคสคุณเนี่ย . . . อ่ะ ทานยาก่อนอาหารด้วยนะคะ " พลางหยิบยาและน้ำให้ " รับน้ำหวาน หรือเอาอะไรเพิ่มมั้ยคะ "

จูล : " ไม่เป็นไรค่ะ . . . คุณพยาบาลช่วยหยิบโทรศัพท์ให้ก็พอ "

ชายปริศนาเดินสวนเข้ามาพอดี ระหว่างที่พยาบาลกำลังเดินออกไป

ชายปริศนา : " ตื่นแล้วหรอ เมื่อกี้ออกไปซื้อของกินหน้าโรงบาลมา . . . ตัวเองเอาอะไรมั้ย "

จูล : " ไม่อ่ะ " พลางส่ายหัวเล็กน้อย ทั้งที่ติดเฝือกคออยู่ " ขอบคุณนะ ที่ตัวเองอยู่เป็นเพื่อนเค้ามาตลอดเลย . . . เบื่อแย่เลย ต้องมาโรงบาลทุกวัน 2-3 เดือน . . . ลำบากแย่เลย ไม่มีรถใช้แล้วด้วย "

ชายปริศนา : " บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง . . . เอ่อ เมื่อเช้าหมอบอกว่าอีก 2-3 วัน ก็ถอดเฝือกกลับบ้านได้แล้วนะ "

จูล : " อืม เมื่อกี้พยาบาลบอกแล้วล่ะ " เธอพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้า แต่เธอจ้องดูโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะหน้าจอที่เปิดอยู่ตอนนี้เป็นแอปการเงินซักอย่าง และดูเหมือนกราฟทุกอย่างจะเป็นสีแดงหมดในพอร์ทของเธอ

. . .

ย้อนกลับไปในวันที่เกิดเหตุ เมื่อ 3 เดือนก่อน . . . หลังจากที่จูลตกลงมา เจ้าหน้าที่ก็รีบเรียกรถพยาบาลมาทันที และเธอต้องรักษาอยู่ในห้อง ICU เกือบ 2 สัปดาห์ เพราะความสูงที่ตกลงมา เทียบได้กับตึก 4-5 ชั้น ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปอาจตายไปแล้วก็ได้ จากคำพูดที่หมอบอก . . . แต่ยังโชคดีที่เธอมีหมวกกันน๊อค และพื้นด้านล่างเป็นทรายที่หนาพอสมควรเลยช่วยซัพลดแรงกระแทกลงไปได้บางส่วน

ซึ่งทางสวนสนุกก็ช่วยออกค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่หมื่นเท่านั้น ตามใบข้อตกลงที่ผู้ใช้บริการเซ็นไว้ก่อนเล่น . . . และทางโรงพยาบาลก็ได้เช็คไปที่ประกันต่างๆให้แล้ว ซึ่งจูลไม่มีทำไว้เลย . . . ในระหว่างที่เธอยังไม่ได้สติอยู่นั้น ชายปริศนาแฟนเธอก็เลยต้องขายรถของเขา กล้อง และนาฬิกา ที่เธอซื้อให้เพื่อมาเป็นค่ารักษาเบื้องต้นก่อน

ซึ่งหลังจากเธอออกจาก ICU มาอยู่ห้องธรรมดา ก็ต้องใช้เวลาอีกกว่า 2 สัปดาห์ กว่าจะสามารถสื่อสารพูดคุยกันได้บ้างและรออีกเกือบเดือน กว่าเธอจะกลับมาพูดคุยได้ปกติ 100% และที่เหลือรอกระดูกกลับมาหายและนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการให้แน่ใจว่าไม่มีผลข้างเคียงใดๆอีก

แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำ ในช่วงที่เธอไม่ได้สติอยู่นั้น เป็นช่วงที่ตลาดคริปโตเกิดปัญหาใหญ่ตามข่าว มีการเทขายโจมตี จนเหรียญที่เธอถืออยู่มีมูลค่าเกือบเป็นศูนย์ และสกุลเงินอื่นๆก็ตกลงอย่างน่าใจหายทั้งตลาดทำให้เงินเก็บเธอ ที่เอาไปลงทุนไว้หายไปนับล้าน จนเรียกได้ว่าเกือบหมดตัว . . . จากตอนแรกที่คิดว่าจะเอามาคืนให้แฟนเธอเพื่อที่จะไปไถ่รถคืน ก็เลยไม่สามารถทำได้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปแล้ว เงินสดในบัญชีธนาคารเธอก็เหลือไม่ได้มากนัก แต่โชคดีที่ยังพอให้หักบัญชีผ่อนรถและค่าเช่าคอนโดได้อัตโนมัติทุกเดือน ช่วงที่เธอยังไม่ได้สติ

และที่เธอใช้ชีวิตเหมือนว่ารวยนั้น มันเป็นเงินจากรายได้ที่เธอหาได้ง่ายในช่วงก่อนหน้านี้แล้วนำมาใช้มากกว่า ไม่ได้รวยอะไร หรือมีเงินมากมายอย่างที่คิด มันก็เป็นแค่เปลือกเท่านั้นเอง

แต่ก็เพราะเหตุการณ์นี้ ทำให้ชายปริศนาได้รู้ว่าจูลเองไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลย เหมือนเธออยู่ตัวคนเดียว เพื่อนที่ติดต่อได้ ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเธอได้สักคน เมื่อได้รู้เขาเองก็แอบคิดสงสารเธอขึ้นมา และเริ่มมีมุมมองต่อเธอเปลี่ยนไป

. . .

ย้อนกลับมาในปัจจุบัน วันนี้หมอได้เอาเฝือกออกให้เรียบร้อย และดูเหมือนว่าจูลเองจะเดินเหินได้ปกติมากๆ แทบไม่ต้องใช้ไม้เท้าอะไร แต่ก็มีติดไว้เผื่อช่วยพยุงฉุกเฉินเท่านั้น . . . ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะตัวเธอเองรู้สึกมาได้พักใหญ่แล้วว่าตัวเองหายดี มีแต่หมอที่ยังไม่ยอมให้ออกจากโรงพยาบาลและถอดเฝือกให้เธอแค่นั้น

จูล : " ตัวเอง เราไปที่สถานีรถไฟกันเลยได้มั้ย ถ้าไปตอนนี้น่าจะยังทันรถรอบสุดท้าย "

ชายปริศนา : " จะต้องรีบกลับขนาดนั้นเลยหรอ ไปนอนบ้านเค้าก่อนก็ได้ "

จูล : " ป่าว ไม่ได้จะกลับ แต่เค้าจะลงไปเอารถและจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ตัวเองจะได้มีรถใช้ด้วยไง . . . เพราะตอนนี้เค้ายังไม่มีเงินซื้อคันใหม่ให้ตัวเองหรอกนะ 555 " เธอพูดเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่มันก็คือความจริง เธอหมายถึงแบบนั้นจริงๆ

สิ่งที่จูลคิดในตอนนี้คือ เธอรู้จักและคบกับเขามาจะครบปีแล้ว และงานของเธอเองมันก็จะทำที่ไหนก็ได้ ทำให้เธอไม่มีข้อจำกัดใดๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา เขามาเฝ้าอยู่กับเธอทุกวัน ไม่ทิ้งไปไหนและยังขายรถสมบัติชิ้นเดียวที่แม่เค้าทิ้งไว้ให้มาเพื่อรักษาเธออีก ถ้าจะมีใครซักคนที่คิดว่าจะฝากชีวิตไว้ได้ก็คงต้องเป็นคนนี้

ในขณะที่ชายปริศนา ยังคงอ้ำอึ้งกับการตัดสินใจของจูลครั้งนี้ เพราะเขาเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่จากที่ผ่านมาก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ เธอก็เทคแคร์ ดีกับเขาทุกอย่าง ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน และจากที่เขาเพิ่งรู้ว่าเธอเองก็อยู่ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องใกล้ชิดเลย ถ้าเขาปฏิเสธเธอมันคงดูใจร้ายเกินไป และจากระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนที่อยู่โรงพยาบาลเจอกันทุกวัน มันก็กลายเป็นความผูกพันธ์กันไปแล้วด้วย

. . .

ณ สถานีรถไฟ เมื่อทั้งสองคนมาถึง ก็เพิ่งรู้ว่าจะมีการประกาศล็อคดาวน์อีกครั้งที่กทม จากการแพร่ของไวรัสโควิดตัวใหม่ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆก่อนหน้านี้ และรถไฟเที่ยวนี้จะเป็นเที่ยวสุดท้ายก่อนล็อคดาวน์และหยุดวิ่ง . . . และจากที่สถานีแจ้ง รถไฟจะวิ่งตรงไปยังสถานีใหญ่ปลายทาง จะไม่มีจอดที่สถานีไหน และจะไม่มีพนักงานตรวจตั๋วระหว่างทาง หรือขายอาหารใดๆบนรถ ซึ่งทั้งสองคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในส่วนนี้

หลังจากทั้งคู่ขึ้นมาบนขบวนรถ ทั้งสองคนแทบไม่มีสัมภาระใดๆ มีเพียงน้ำกับขนมปังที่แวะซื้อก่อนขึ้นรถเท่านั้น จูลเองคงยังเพลียและอาจจะเพราะฤทธิ์ยา ทำให้เธอเผลอหลับไปง่ายๆนอนซบไหล่ของแฟนเธอหลังจากขึ้นไปนั่งบนรถได้ไม่นาน . . . รถไฟแล่นออกจากสถานีได้ครู่ใหญ่ จูลที่พล๋อยหลับไปก่อนหน้านี้ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา เหมือนเธอฝันร้ายเล็กน้อย

จูล : " เค้าหลับไปนานมั้ยอ่ะ "

ชายปริศนา : " ซักชั่วโมงนึงได้มั้ง "

จูล : " ขอน้ำหน่อยสิ "

ชายปริศนาหยิบน้ำพร้อมหมุนเปิดฝาให้ ก่อนที่จะยื่นให้จูล แลดูเขายังคงเห็นว่าเธอยังอ่อนแออยู่ในสายตาเขาตอนนี้

จูลหลังจากดื่มน้ำ ก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ชะเง้อมองไปทั้งสองด้านรอบๆในโบกี้รถ และลุกขึ้นมาเดินดูให้แน่ใจอีกครั้ง

จูล : " ไม่มีคนอื่นเลยหรอ "

ชายปริศนา : " ใช่ ตู้นั้นก็ไม่มีคนเลย " พลางชี้มือไปที่โบกี้ที่อยู่ติดกัน เพราะตู้โบกี้ที่พวกเขานั่งนี้เป็นตู้สุดท้ายของขบวน " คงเพราะประกาศเคอฟิวส์ ล็อคดาวน์ นี่แหละ "

จูลกลับมานั่งและซบไหล่ชายปริศนาต่อในท่าเดิม และมองดูวิวด้านนอกตัวรถ . . .

ชายปริศนา : " ตัวเอง . . . เค้ามีอะไรจะสารภาพ "

. . .

ภาพย้อนกลับไปในช่วง 6 เดือนแรกที่ทั้งคู่เริ่มรู้จักกัน ในช่วงเวลานั้นชายปริศนาก็เหมือนจะมี คบซ้อน หรือมีคนคุยเป็นผู้หญิงอีกคน ซึ่งเขารู้จักมาก่อนที่เจอกับจูลมานานแล้ว (ภาพที่ปรากฏตอนนี้ก็ไม่เห็นใบหน้าผู้หญิงคนนั้นที่ชัดเจน เป็นเหมือนหญิงปริศนาอีกคน) . . .

ปกติจูลจะเป็นคนนั่งรถไฟขึ้นมาหา เดือนละครั้งและอยู่เที่ยวด้วยกัน 3-4 วัน แล้วกลับไป และทุกครั้งชายปริศนาก็จะเป็นคนไปรับที่สถานี แต่ก่อนไปรับเกือบทุกครั้ง เขาก็จะไปส่งหรือแวะไปหาผู้หญิงปริศนาคนนี้ก่อน . . .

รวมถึงวันที่นั่งรอที่ร้านหนังสือ เขาก็ยังนั่งคุยโทรศัพท์กับอีกคนระหว่างที่รอ หรือแม้กระทั่งวันที่ครบรอบ 6 เดือน ที่เขามาช้าแล้วบอกว่ารถเสีย ที่จริงแล้ววันนั้น นอกจากรถที่เสียแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาเสียเวลาจริงๆคือ เขาทะเลาะและบอกเลิกผู้หญิงคนนั้นอยู่ . . . และวันนั้นก็คือวันสุดท้ายที่เขาได้ติดต่อกับผู้หญิงคนนั้น และตั้งใจว่าจะคบกับจูลคนเดียว

. . .

ชายปริศนา : " ตัวเองโกรธเค้ามั้ย " เขาเอ่ยถามหลังจากเล่า สารภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้ฟัง

จูล : " ไม่หรอก มันผ่านไปแล้วนิ " นอกจากคำพูดแล้ว เธอยังหันไปมองพร้อมรอยยิ้ม เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้คิดอะไรจริงๆ " แต่ตอนนี้ตัวเองรักเค้า มีเค้าคนเดียวใช่มั้ย? "

ชายปริศนา : " อืม .. ใช่ รักตัวเองคนเดียว " พร้อมพยักหน้าและยิ้มรับ

.

.

.

## Music Start (เพลงซ่อนกลิ่น)

. . . . " ลมอ่อนพัดโชยมา น้ำตาก็ไหลริน

เหลือเพียงกลิ่นหัวใจ คลุ้งไปกับความเหงา " . . . .

.

.

.

เมื่อทั้งสองคนหันมาสบตากัน และเริ่มด้วยการจูบแบบแผ่วเบาและค่อยๆเร่าร้อนขึ้น . . . ด้วยบรรยากาศและอารมณ์ของทั้งคู่ในตอนนี้ รวมกับระยะเวลาตลอด 3 เดือน ที่จูลอยู่ที่โรงพยาบาลทำให้ทั้งสองคนไม่ได้มีความพันธ์ทางกายเลยมากว่า 3-4 เดือนแล้ว . . . ทั้งสองคนทั้งจูบและเริ่มเล้าโลมกัน อย่างไม่ต้องอายอะไรเพราะทั้งตู้โบกี้นี้มีกันอยู่แค่ 2 คน และก็คงจะไม่มีใครเข้ามาในระหว่างทาง . . . ทั้งสองคนบรรเลงลีลารัก ในขณะที่ขบวนรถไฟก็วิ่งไปด้วยความเร็ว . . .

. . .

ภาพย้อนกลับไปในช่วง 6 เดือนแรกที่คบกันอีกครั้ง (ในมุมของจูล) เรื่องที่ชายปริศนาเล่าสารภาพไป ความจริงแล้วจูลเองก็รู้ทุกอย่าง และเพราะรู้ทุกอย่าง นั่นเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้เธอมักให้ของขวัญราคาแพงกับเขา ก็เพราะต้องการเอาชนะและเหมือนเป็นการซื้อใจ ที่เธอดูทุ่มเทให้เขา และสุดท้ายมันก็ประสบความสำเร็จ . . .

หลายครั้งที่เธอจะมาก่อนวันที่นัดหนึ่งวันเสมอ โดยที่ไม่ได้บอกเขา และก็ได้เห็นพฤติกรรมตามที่เขาได้บอกไปทั้งสิ้น และเธอจึงย้อนมาที่สถานีรถไฟในช่วงเวลาที่นัดเขามารับ เหมือนว่าเพิ่งมาถึงโดยที่ชายปริศนาไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย . . . และจูลยังมี แอคหลุมที่ไว้ดูความเคลื่อนไหวผ่าน Social Media ของเขา เพราะเธอรู้ว่า แอคเค้าน์หลักของเธอที่แอดไว้ เขามีตั้ง Filter บางอย่างไว้ไม่ให้เธอเห็น . . . และหนึ่งในภาพทาง IG ที่ชายปริศนามีดิสเพลโปรไฟล์เป็นรูปการ์ตูนนั้น ก็มีภาพที่เป็นรูปกลุ่มเพื่อนหลายคนซึ่งไม่เห็นใบหน้าอื่นชัดเจนนัก แต่มีเพียงใบหน้าเดียวที่เห็นได้ชัด คือใบหน้าของ แพท ! . . .

ในขณะปัจจุบัน ทั้งสองคนก็คงยังมีเซ็กซ์ที่เร่าร้อน บนขบวนรถไฟกันอย่างไม่ลดละ เหมือนเก็บกดมานานที่ห่างหายไปหลายเดือน ร่างอันเปลือยเปล่าของทั้งสองคนกอดรัด คลอเคลียกันอยู่ตลอด จนถึงช่วงที่รถไฟต้องผ่านอุโมงค์ . . .